ชักจูงลูกหลานให้หันหาธรรมชาติ

อ่าน: 1556

         เมื่อสมัยแม่ใหญ่ยังเด็ก ที่พอจำความได้แล้ว   แม่เคยพาไปเที่ยวทุ่งนาของยายที่ดงละคร   นครนายก  ได้ไปพักอยู่ในกระต๊อบหลังหนึ่ง   เวลาลมฝนมา  หลังคามุงจากรั่ว และมีบางส่วนปลิวว่อน   เจ้าของบ้านวิ่งหากะละมังมารองน้ำ  แล้วเอาผ้าใบมาคลุมให้เราไปนั่งหลบกันอยู่ที่มุมบ้านซึ่งรั่วน้อยหน่อย    แทนที่จะกลัว   แม่ใหญ่ กลับจำได้ฝังใจว่าสนุกมากๆ  เพราะไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน  อาหารที่เขาทำให้ทานที่จำได้ และชอบมาจนบัดนี้คือ ขนมจีนคลุกน้ำปลา ใส่ผักกะเฉดและโหระพา อร่อยจนต้องขอทานเป็นจานที่สอง   วันไหนแดดดีดีก็ไปลงนากับเขา  คลุกโคลน ขี่ควาย   เป็นภาพที่ฝังจิตฝังใจ  ไมเคยลืม

มาวันนี้  ถึงแม้มาอยู่ต่างจังหวัด   แต่ก็อยู่แต่ในตัวเมือง  ไม่ได้ออกไปสัมผัสไร่นาอีกเลย  เมื่อมีเวลาว่างเพราะเกษียณตัวเองจากงานประจำ   จึงอยากไปคลุกคลีกับบรรยากาศ ทุ่งนาอีกสักครั้ง  และก็อยากชักจูงลูกหลานไปสัมผัสชีวิตชนบทด้วย      เมื่อมีคนบอกขายที่นา ราคาไม่แพงนัก เมื่อสองปีที่แล้ว    จึงไปขอแบ่งซื้อมา สี่ไร่  ยกให้เป็นชื่อลูก ชื่อหลาน ทั้งหมด    แล้วก็ชักชวนให้เขาไปเที่ยวไปเล่นในที่นาของเขาเอง    ที่นาซึ่งปลูกข้าวได้  มีสองไร่เศษๆ   อีกสองไร่เป็นบ่อน้ำใหญ่ซึ่งเจ้าของเก่า เขาขุดไว้

ช่วงสองปีที่แล้วต้องบอกว่าเป็นช่วงบ่มเพาะความรู้ต่างๆว่า จะทำอะไรกับที่นาตรงนี้ดี  ยังปล่อยให้เจ้าของเดิมเขาทำนาไปตามที่เขาเคยทำ   แต่ปีนี้ ได้เริ่มทดลองเอาสิ่งที่ศึกษามาปฏิบัติไปบ้างแล้ว   เป็นการลองผิดลองถูก  ไม่ได้นึกถึงผลผลิตเป็นข้าว  หรือเป็นเงินตอบแทนนัก   แต่อยากให้เป็นที่ซึ่งลูกหลานในเมือง  ได้มีโอกาสไปเรียนรู้และใกล้ชิดกับธรรมชาติ  ทั้งลูกหลานของเราเอง และลูกหลานในโรงเรียน ด้วย  ตอนนี้จึงตั้งเป็น  “ศูนย์ทำนาทดลองพัฒนาเด็ก”  เปิดหน้า เวปเพจใหม่ไว้ใน เฟสบุค  แล้วก็รวบรวมความรู้ต่างๆที่ได้ศึกษาจาก you tube และ google  มาไว้ที่หน้านี้   

 ส่วนทางด้านกายภาพ  ก็เริ่มด้วยการทำทางเข้าที่นา  ปลูกเถียงนา  โรงนา   และได้พาเด็กนักเรียนไปโยนข้าว แล้วเมื่อเดือนที่แล้ว  ขณะนี้  ข้าวเริ่มแตกเป็นกอ และแตกใบเป็นสี่ห้าใบแล้ว   ได้ ปลูกหญ้าแฝกกันดินพัง  ปลูกต้นอาคาเซีย บนคันนา รอบๆที่นา  หาพืชพันธ์ไม้ต่างๆไปปลูกไว้  ทั้ง ต้นไผ่บงหวาน   ต้นสัก  ต้นมะละกอ   มะกรูด  มะนาว  ขนุน  มะรุม ต้นแค  ชะอม   หวังว่าอีกไม่นานจะได้เห็น ต้นไม้ต่างๆเหล่านี้ เติบโต  ตั้งใจจะเลี้ยงเป็ดสักยี่สิบตัว  เอาไว้กินหอยเชอรี่ในนา  และ เลี้ยงวัวสักสองตัวเพื่อเอาปุ๋ยคอกมาบำรุงดิน

 เดี๋ยวนี้   พอวันเสาร์อาทิตย์ ก็ชวนลูกๆหลาน  ไปเที่ยวเล่นที่เถียงนาใหม่  แทนการไปเดินห้าง    เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์   เอาอาหารไปทำทานกันบ้าง  ชวนไปวิ่งเล่นออกกำลังกัน     แม้ยังไม่ได้ลงมือเป็นเกษตรกรเต็มตัว  เพราะล้วนแต่ยังทำอะไรไม่เป็นกันสักคน  แต่อย่างน้อยก็ได้ไปเห็นลูกชาวนาข้างๆที่นาของเรา    อายุไล่เลี่ยกับหลานๆ  สามารถลงแปลงช่วยพ่อแม่ ถอนกล้า   แล้วมัดเป็นฟ่อน   และยังสามารถหาบเอากล้าไปดำนาช่วยพ่อแม่  ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว 

 ถือว่า   นี่เป็นพียงการเริ่มต้น  ที่จะให้เด็กๆได้เรียนรู้    ให้เขาได้ใกล้ชิดธรรมชาติ   ได้เห็นชีวิตจริงของชาวนาไทย      แม่ใหญ่ถือว่า การได้จัดประสบการณ์ชีวิตให้เขา   ได้พบ  ได้เห็นอะไรที่แตกต่างไปจากชีวิตประจำวันของเขา  ดีกว่าที่จะให้เขาเติบโตและใช้ชีวิตเป็นเด็กเมือง เพียงอย่างเดียว 

วันศุกรที่ 12 สิงหาคมนี้  เป็นวันหยุด    ต้นกล้าที่หว่านไว้   โตได้ที่พอดี   ก็จะนัดครู  พนักงาน   เด็กนักเรียน  และลูกหลาน  ไปลงแขกดำนา ในส่วนที่เหลืออีกหนึ่งไร่  กันอีกครั้ง   เอาให้ตรงกับที่ป้าจุ๋มเคยบอกไว้ว่า  “ปลูกวันแม่  แล้วเกี่ยววันพ่อ”  นั่นทีเดียว   ขออย่าให้มีพายุเข้าหรืออุปสรรคอื่นใดอีกก็แล้วกัน


พี่สาวคนดีที่หนึ่ง

3 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 30 พฤษภาคม 2011 เวลา 10:08 (เช้า) ในหมวดหมู่ วงศาคณาญาติ #
อ่าน: 1993

แม่ใหญ่มีพี่สาวคนเดียว  อายุครบ 72 ปีนี้  ในวันที่ 31 พฤษภาคม คือวันพรุ่งนี้  แต่ลูกๆเขาตกลงกันว่า ขอจัดให้ในวันอาทิตย์ที่ 29  เพื่อหลานๆจะได้ไม่ต้องลาโรงเรียน  แม่ใหญ่ก้เลยได้หอบลูกหลานที่อยู่ขอนแก่น รวม 9 ชีวิต  เข้าไปร่วมอวยพรในงานครบ 72 ปีของพี่นวลศิริ เกตุทัต   พี่คนดี ที่น่ารักเมื่อวันเสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา

น้องสาวน้องชาย ช่วยกันอ่านข้อความอวยพร   และกับพวกเราที่มาจากขอนแก่น

พี่นวลเป็นพี่ที่น่ารัก  และใช้ชีวิตแบบประหยัดมัธยัสถ์ และพอเพียงมาตลอดชีวิต  ไม่เคยสุรุ่ยสุร่ายใดใด ให้เห็น  จนบางคนมองว่าพี่เป็นคนตระหนี่  แต่จริงๆแล้วพี่นวลไม่เคยเอาเปรียบใคร  ใครเดือดร้อนก็มาพึ่งพาอาศัยได้เสมอ  ที่บอกว่าประหยัดมัธยัสถ์นั้น อยากจะยกตัวอย่างดีดี  ให้ฟังสักสองสามตัวอย่างที่คนสมัยนี้อาจจะมองข้าม  เช่นการใช้น้ำใช้ไฟฟ้า อย่างประหยัด  ไม่มีเปิดทิ้งเลยสักดวง   จะเปิดเฉพาะในห้องที่พี่นวลอยู่เท่านั้น   ส่วนน้ำนั้นก็มีการรีไซเคิล จากน้ำล้างชาม น้ำในห้องน้ำ   ไปเป็นน้ำรดต้นไม้ในสวน     เรียกว่าใช้น้ำทุกหยดอย่างรู้ค่าจริงๆ    จนเป็นที่รู้กันว่า    บ้านพี่นวลหลังเก่า  ซึ่งก็เป็นบ้านไม่เล็ก  ขนาดสามห้องนอน  มีบริเวณเกือบหนึ่งไร่   แต่พี่นวลจะจ่าย  ค่าน้ำค่าไฟ ไม่ถึงสองร้อยบาท   จนช่วงที่เขาไม่เก็บค่าน้ำค่าไฟขั้นต่ำ  พี่นวลก็เข้าไปมีรายชื่อในกลุ่มนี้กับเขาด้วย 

ข้าวของเก่าๆไม่เคยทิ้งขว้าง  ตอนที่น้องชายขายที่  และรื้อบ้านพ่อเมื่อประมาณเกือบยี่สิบปีที่แล้ว   พี่นวลได้เก็บหน้าต่างประตู ซี่กรงระเบียง เอาไว้อย่างดีมากทุกชิ้น     จนเมื่อพี่นวลต้องปลูกบ้านหลังใหม่  เมื่อปีที่แล้ว   เนื่องจากหลังเก่า ทรุดโทรมมาก   และอยู่ในพื้นที่ต่ำมากๆ     พี่นวลก็ดูแลควบคุมการก่อสร้างเองทุกชิ้น ค่อยๆสร้างและเลือกหาอุปกรณ์ที่ไม่หรูหรา แพงเกินเหตุ อะไรในบ้านหลังเดิมที่ถอดเอามาใช้ได้ เช่นโคมไฟ  เครื่องสุขภัณฑ์ ฯลฯ  พี่นวลนำกลับมาใช้ได้ทั้งหมด    และยังนำเอาของเก่าจากบ้านพ่อที่แกเก็บไว้  นำมาประกอบเป็นหลังใหม่ได้เป็นอย่างดี และสวยงาม    ตอนที่พวกเราไปเลี้ยงฉลองวันเกิดครบ 72 ปีของพี่นวลครั้งนี้ จึงได้เห็นบ้านหลังใหม่ของพี่นวล   ที่มีลูกกรงเหล็กลายเก่าที่ปัจจุบันหาดูไม่ได้อีกแล้ว    และประตูหน้าต่างไม้สัก ทรงสูงที่ไม่มีขายในท้องตลาด  ซึ่งแม่ใหญ่คุ้นเคยเพราะเติบโตมากับบ้านหลังนั้น  เมื่อเดินเข้าไปในบ้านพี่นวลจึงทำให้ได้บรรยากาศเก่าๆที่เราเคยเห็นจนชินตามาก่อน

พี่นวลไม่เคยจัดงานวันเกิดเลย  พอถึงวันเกิดทีไรก็จะไปซื้อของไปตักบาตรเฉยๆ   แต่ปีนี้แม่ใหญ่เห็นเป็นปีสำคัญ  ครบรอบ 72 ปี และบ้านหลังใหม่ก็เพิ่งสร้างเสร็จ    จึงได้แอบเตรียมงานกันกับลูกสาวสองคนของพี่นวล  ล่วงหน้า โดยไม่บอกให้พี่นวลรู้    แต่เธอก็แอบรู้จนได้ จึงได้สำทับว่าให้จัดงานเล็กๆนะ  เชิญแขกสนิทจริงๆไม่เกินสามสิบคน  เราก็ตามใจพี่นวล และบอกว่า พี่นวลไม่ต้องทำอะไร  เราสามคน น้าหลานจะจัดเตรียมให้ทั้งหมด

ลูกแจน ลูกสาวคนเล็ก  วางแผนเรื่องอาหาร  โดยบอกไปกับเฉพาะที่ญาติสนิท ให้เตรียมอาหารกันมาคนละอย่าง(ไม่ต้องมาก เพราะแขกมีแต่พวกเรากันเอง) เมื่อวันอาทิตย์เราจึงได้อาหารเด็ดๆแต่หลากหลายเช่น ขนมจีน นำยาป่า  ของลูกจีน  โรตี แกงเขียงหวาน ข้าวแช่ชาววัง จากแม่ใหญ่   ผัดไทเส้นจันทน์ และเค๊กวันเกิด จากลูกแจน  น้ำพริกปลาทู ป่นปลา และผักต้ม  พะโล้ไข่เป็ดสูตรโบราณ ของน้าลอ  สปาเก็ตตี้ ของน้าณี และของหวานไทยๆ รสเด็ดจากปากน้ำของน้าปุก  นอกจากนี้ยังมีสิ่งละอันพันละน้อย จากเพื่อนเก่าของพี่นวลสมัยที่เป็นครูอยู่กรุงเทพคริสเตียนสองคน  และจากโรงเรียนมาแตร์อีกสองคน  ที่เราเลือกเชิญคนที่พี่นวลสนิทจริง จริ๊ง  (เพราะถ้าชวนหมดคงจะมาเป็นร้อยแน่ๆ)

แม่ใหญ่ทำหน้าที่ พิธีกรของงาน  เพราะมีรายการแสดงเล็กๆจากหลานแจ๊ส ลูกของลูกแจน  หนึ่งชุด  เป็นการรำเชิญขวัญ  และอ่านคำกลอนน่ารักๆที่แต่งโดย พ่อเสก ลูกเขย  ส่วนหลานกิ๊ฟ แก๊บของลูกจีน ร้องเพลง Loving You too much ,so much ,very much  ให้กับยายนวล (ซึ่งยายนวลเลิกประหยัดชั่วคราว  ให้รางวัลหลานๆเป็นใบแดงๆล้วนๆ)   ได้มอบอัลบั้มรูปของพี่นวลในวัยต่างๆ  ที่พวกเรารวบรวมไว้  และให้หลานจิ๊ก  ลูกแม่ใหญ่   เป็นคนออกแบบเป็นรูปเล่มให้กับป้านวล    แจ๊ก ลูกชายคนโตของแม่ใหญ่ ที่ป้านวลเอามาขัดสีฉวีวรรณจากเด็กบ้านนอกขอนแก่น   มาสอบเข้าเรียนกรุงเทพคริสเตียน  จนจบชั้นมัธยมปีที่หก   ทำหน้าที่ขึ้นจอโปรเจ๊กเตอร์ ใส่ข้างฝาบ้านด้านหนึ่ง แล้วเปิดฉายสไลด์รูปภาพป้านวลตั้งแต่เล็ก เป็นสาวสวย มีครอบครัว จนเป็นคุณยายของหลานๆทั้งสามคน  มีการกล่าวอวยพรเล็กๆน้อยๆจากคุณอามณฑาของพี่นวลซึ่งถือว่าอาวุโสสุด  อายุเกือบเก้าสิบปีแล้ว แต่ยังเดินเหินคล่องแคล่ว  สามารถอวยพรใหพี่นวลได้อย่างเสียงใส ชัดแจ๋ว

งานวันเกิดป้านวลผ่านไปอย่างชื่นมื่น ทั้งป้านวลเองและพวกเราทุกคนที่ได้ร่วมกันจัด ก็มีความสุขกันถ้วนหน้า 

  การได้แสดงความกตัญญู ต่อผู้มีพระคุณ  เช่นนี้ นับเป็นเรื่องดีดี  ที่เราควรจัดทำเป็นอย่างยิ่ง  สำหรับญาติผู้ใหญ่ของเรา  เพราะไม่ได้สิ้นเปลืองอะไรมากมาย แต่สิ่งที่กลับมาเป็นผลทางใจนั้นย่อมมากมายชนิดที่หาค่าใดใดมาเปรียบเทียบมิได้จริงๆ

สุดท้ายนี้  อดเอากลอนที่หลานแจ๊สอ่าน พ่อเสกแต่งมาลงไว้ไม่ได้  เพราะช่างแต่งได้น่ารัก เห็นแคแรกเตอร์ของพี่นวลชัดเจนจริงๆ

 

 มาจะป่าว ประกาศ ให้โลกรู้                   ว่ายายนวล ของหนู หรูไฉน

จะกู่ก้อง ให้ทั้งผอง รู้ทั่วไป                                ว่ายายใคร จะเลิศกว่า หาไม่มี

          ตั้งแต่หนู เกิดลอนดอน สองพันสี่               ยายนวลนี้ เทคแคร์ หนูสุขขี

เลี้ยงดูหนู อุ้มชู เป็นอย่างดี                                 จากโรงบาล เชลซี จวบทุกวัน

 

กลับเมืองไทย ยายดูแล ไม่มีห่าง          ไปทุกทาง อยู่กับยาย ไม่หายหัน

จากหัวซอย ท้ายซอย อยู่ด้วยกัน                      จะใกล้ไกล ไปกัน หนูกับยาย

          ตื่นตอนเช้า ก็ไปส่ง ที่ใจรัก                    บ่ายนอนตื่น ก็มารับ ไปที่หมาย

จะกลับบ้าน 802 แสนสบาย                            เปิดแอร์ให้   หลานนอน  ไม่กลัวเปลือง

 

           บางวันยาย พาหนู ไปเซเว่น                  ได้เดินเล่น เก็บค่าเช่า ชมของขาย

กินพี่ติ๊ก ซื้อเลย์ หม่ำเฟร้นช์ฟลาย                    เดินเสรี กรุยกราย สบายจริง

          ตอนหนูสอบ เข้ามาแตร์ 3ยายช่วย         ฝากฝังหนู ดูแลด้วย ช่วยทุกสิ่ง

หนูสอบได้ มาแตร์ ภูมิใจจริง                          หนูอุ่นใจ ที่พึ่งพิง คุณยายนวล

 

          มาวันนี้ คล้ายวันเกิด ครบ 6 รอบ           หนูนบนอบ มอบมาลัย ยายของหนู

กราบแทบเท้า คุณยายนวล ที่อุ้มชู                   หนูอยากอยู่ กับยาย อีกแสนวัน

          หนูแต่งงาน จะมีเหลน ให้ยายอุ้ม           ลูกของหนู คงสุขชุ่ม หฤหรรษ์

เหมือนหนูอยู่ ยายรัก ไม่แพ้กัน                       ทุกคืนวัน หนูรู้ หนูรักยาย (จู๊บๆ)  

 

เสก นพไธสง ผู้ประพันธ์

ลูกแจน ให้ข้อมูล

หลานแจส ผู้อ่าน

22 พฤษภาคม 2554

 


วงศาคณาญาติ

2 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 8 พฤษภาคม 2011 เวลา 6:43 (เช้า) ในหมวดหมู่ วงศาคณาญาติ #
อ่าน: 1523

วันนี้จะว่าด้วยเรื่องญาติข้างพ่อ ซึ่งมีมาก นับไม่ถ้วน  เพราะคุณปู่เป็นเจ้าเมืองสุพรรณบุรี (พระยาสุนทรสงคราม(ปุย สุวรรณศร)  คุณปู่มีภรรยาเจ็ดคน  มีบุตรและธิดา 21 คน  ดังนั้น  พี่น้องรุ่นแม่ใหญ่อันเกิดจากบุตรและธิดาทั้ง 21 คน จึงมีมากจนนับไม่ถ้วน  ยิ่งรุ่นเราก็เข้าสู่การเป็นผู้สูงวัยกันแล้ว ลูกหลานของพวกเราก็ยิ่งขยายออกไปมากมายถึง 21 สาย เท่าที่พยายามรวมรวมกันอยู่ก็คงได้ร่วมพันคน http://www.oknation.net/blog/ya-ma-rach-cho/2011/01/31/entry-1

มีความพยายามอย่างยิ่งที่จะหาอุบาย ให้ลูกหลานต่างๆมาพบกันบ้างตามโอกาสอันควร  โดยจัดวันสุวรรณศร ขึ้นหลายครั้ง  แต่ละครั้งก็มีญาติพี่น้องพาลูกพาหลานมามากมายให้พอได้รู้จักหน้าค่าตา พูดคุยกัน  ในการนี้ เฟสบุคเข้ามามีบทบาทสำคัญในการนัดหมายของรุ่นเล็กที่ถัดต่อไปจากรุ่นของแม่ใหญ่  เขามีการนัดหมายจัดเตรียมกันเป็นอย่างดี  และเราก็ได้พบปะสังสรรค์กันไปแล้วเมื่อปลายปีที่แล้วที่สวนผึ้ง ราชบุรี

เมื่อวานนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราพี่น้องได้มาพบหน้ากันอีก   เพราะพี่สุนซึ่งนับว่าเป็นพี่รุ่นใหญ่ของเราได้ ได้จัดงานวันเกิดคนเกิดเดือนพฤษภาคมขึ้น เพราะมีคนเกิดเดือนนี้กันหลายคน  จึงหาเรื่องจัดงานทุกปี แต่ปีนี้เป็นปีพิเศษเพราะพี่สุน และพี่นวล ครบหกรอบ  ลูกหลานจึงแห่กันมามากหน้าหลายตา  ต่างนำอาหารมาร่วมกัน ทานด้วยกัน มากมาย  ข้าวหน้าไก่แบบห้าแยกพลับพลาชัย  หมีกรอบ เป็ดย่าง กุ้งเผา ซีโครงย่าง  ขนมจีน ไส้กรอกอีสาน ไส้อั่วเชียงใหม่ฯลฯ บรรยายเรื่องอาหารไม่หมด เพราะต่างคนต่างก้เลือกเอาสิ่งที่ดีทีสุดมาฝากพี่ๆน้องๆในโอกาสสำคัญ

 

 

สิ่งที่พี่น้อง ลูกหลานคุณปู่ยังรักใคร่กลมเกลี่ยวสนิทสนมกันมาได้จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งขณะนี้ผ่านมาสี่ชั่วคนแล้ว  ต้องยกความดีให้รุนพ่อรุ่นแม่ของพวกเรา  เพราะพี่น้อง 21 คน แม้จะต่างแม่  แต่ไม่เคยต่างใจ  ล้วนรักใคร่กันเป็นอย่างดี  เมื่อพวกเรายังเด็ก  บ้านพ่อซึ่งเป็นลุกคนโตจะมีน้องๆนัดกันมาคุยเป็นประจำ  พวกรุ่นเราตอนเด็กๆ ก็วิ่งเล่นหัว มีความสนิทสนมกัน  พอรุ่นพ่อค่อยๆล้มหายตายจาก พี่สุนก็เป็นต้นคิด จัดกิจกรรมรวมญาติ ด้วยการนำเอาวันเกิดของหลายๆคนมารวมกัน แล้วจัดงานรวมรุ่นขึ้น  ต่อจากพี่สุนก็มีหลานลิน หลานจุ๊บ หลานลอยด์  ลูกแจ๊ก  ที่รวมหัวกันจัดงาน สังสรรค์วันสุวรรณศรขึ้นแทบทุกปี

การสืบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างพี่น้องนี้     คงจะมีต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ   เพราะลูกหลานรุ่นต่อๆไปเห็นความสำคัญ   เป็นเรื่องดีงามแบบไทยๆของเราที่ควรสืบทอดกันต่อไปอีกยาวนาน

 :-D :-D


พักยาว

1 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 13 เมษายน 2011 เวลา 12:22 (เย็น) ในหมวดหมู่ วงศาคณาญาติ #
อ่าน: 1406

ตั้งแต่วันที่ 9-17 เมษายน เป็นเวลาหยุดยาว ของโรงเรียนพัฒนาเด็กทั้งสองสาขา    ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวในปีหนึ่ง ที่โรงเรียนปิดอย่างสนิทจริงๆ  ทั้งนี้ เพื่อให้บุคคลากรทุกฝ่าย ได้กลับไปอยู่กับครอบครัว  ทำบุญทำทาน  หรือถ้าสาวๆหนุ่มๆก็ไปเล่นน้ำสงกรานต์กันอย่างเต็มที่ เพราะขอนแก่นมีกิจกรรมให้เล่นสงกรานต์กันหลากหลาย  ตั้งแต่เช้ายันดึก    ที่โรงเรียนจึงไม่มีแคมป์    ไม่มีเด็กเล็กที่ฝากเลี้ยงกันจนรู้สึกว่าโรงเรียนเป็นบ้านจริงๆ  ไม่มีเด็กที่มีความต้องการในการพัฒนาเป็นพิเศษ  ซึ่งมาให้ครูการศึกษาพิเศษเติมเต็มในวันเสาร์อาทิตย์   เราปิดหมดทุกกิจกรรมตลอดสัปดาห์

สำหรับแม่ใหญ่ผ่านสงกรานต์   มาเกินครึ่งศตวรรษ   จึงไม่คิดไปไหน พักผ่อนอยู่บ้านดีกว่า     แต่พอ อยู่ว่างๆ  ก็เปิดดูเฟสบุค เห็นคุณครู   เขียนอวยพร  สุขสันต์วันสงกรานต์  ให้กันและกัน หลายคน  รู้สึกว่า เป็นเรื่องดีที่มีสื่อสังคม ทำให้เขา ได้ส่งความสุขให้แก่กันในวันสงกรานต์บ้าง  ไม่ใช่ สคส.กันเฉพาะปีใหม่ วันที่ 1 มกราคม เท่านั้น  เห็นครูบางคนไปกราบพ่อแม่ และถ่ายรูปรวมครอบครัว ครบพ่อแม่พี่น้อง  แล้วเอารูปมาลงโดยใช้ชื่ออัลบั้มว่า  “Happy Time with my family “  มีครูฝรั่งสองสามคนที่เพิ่งหมดสัญญาจ้าง  กลับเมืองนอกไปแล้ว  แต่คงยังจำวันสงกรานต์เมืองไทยได้   ก็เขียนอวยพรผ่าน FB  มาว่า “Happy Songkran”  รู้สึกว่า   ความสุขมันช่างอบอวล อยู่กับวาระวันสงกรานต์จริงๆแม้ไม่ได้ออกไปฉลองที่ไหน

นึกขึ้นมาได้ว่า น่าจะเข้าไปทักทายครูกูเกิ้ลแกสักหน่อย  ป่านนี้แกคงมีข้อมูลทีน่าสนใจ  เกี่ยวกับวันสงกรานต์มาให้เลือกอ่าน  พอคลิ๊กเข้าไปปุ๊บก็เจอเวปให้เลือกอ่านมากมายดังคาด      เป็นการซ้อมความรู้สมัยเก่า เรื่องเกี่ยวกับประเพณีสงกรานต์  ปีนี้ใครเป็นนางสงกรานต์  ทานอะไรเป็นอาหาร มือถืออะไร  และต่อด้วยคำทำนายทายทักอะไรบ้าง  ถ้าใครอยากจะรื้อฟื้น เหมือนแม่ใหญ่ก้เชิญเข้าไปเยี่ยมเยียนเวปนี้ดูได้นะคะ  http://www.umarin.com/board/index.php?topic=378.0  ข้อมูลเพียบจริงๆ มีรูปสวยๆให้ดูด้วย    ต้องขอบคุณคนทำเวปมา ณ  ที่นี้ด้วย ที่เอามาอ้างอิงโดยไม่ได้ขออนุญาต

จากfacebook  ก็ ต่อด้วยtwitter  ด้วยความเคยชิน  อัพเดทข่าวบ้านเมืองเสียหน่อย  เพราะห่วงว่า สงกรานต์ปีนี้จะมีอะไรไม่ชอบมาพากลเหมือนปีที่แล้วหรือเปล่า  ก็เห็นว่ายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ไปเจอวรรคทองของท่าน ว วชิรเมธี ที่อยากเอามาแบ่งปันกันบ้าง

V.Vajiramedhi

 “ปัญหาคือยาวิเศษ อุปสรรคคือหินลับมีด วิกฤติคือโอกาสทอง Problem is a miracle drug. An obstacle is a grinding stone….

หลังจาก twitter ก้แน่นอน  ต้องเข้ามาเยี่ยม Go 2 know และ ลานปัญญา  เวปคู่คิด มิตรคู่บ้าน   อย่างไม่ต้องสงสัย  หลังจาก กลับไปอ่านบทความของหลายๆท่าน  ที่เก็บเอาไว้อ่านซ้ำ   และไปค้นเจอบางเรื่องที่ยังไม่อ่าน    ก็รู้สึกว่า  ได้ประเทืองปัญญาในวันหยุดจริงๆ  ขอบคุณ โลกไซเบอร์    ที่ทำให้เรียนรู้เรื่องดีดี   แม้นั่งอยู่กับโต๊ะคอมพิวเตอร์    แล้วก็แค่กระดิกปลายนิ้วเพียงเล็กน้อย  ความรู้ ต่างๆก้พรั่งพรูกันเข้ามาดังสายน้ำ  ตามที่ใจต้องการ
วันที่ 13 ตื่นแต่เช้ามืด  ซื้อข้าวปลาอาหารไปถวายพระที่ วัดป่าธรรมอุทยาน  ไม่ไกลจากบ้านนัก   มีลูกชาย ลูกสาว และลูกเขย  ไปร่วมทำบุญด้วย   ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่แม่ใหญ่ไปทำบุญตรงกับวันสงกรานต์     ที่ผ่านมาแม่ใหญ่ไม่ค่อยนิยมไปทำบุญในวันที่คนไปวัดกันมากๆ เพราะเห็นของเหลือมากมายจนต้องเททิ้ง  ชอบไปทำในวันธรรมดา ๆที่คนน้อยๆมากกว่า    แต่ปีนี้และปีต่อๆไป คงจะต้องไปทำอย่างสม่ำเสมอแล้ว  เพราะนึกถึงคำพูดหนึ่งที่เคยเถียงกับยายจ๋า สมัยที่ยังมีชีวิต ว่าไม่ชอบไปทำบุญวันพระใหญ่   ยายจ๋าจะบอกว่า “เธอไม่ไปแต่ชั้นจะไป ชั้นกลัวปู่ย่าตายายชั้นมายืนรอ  แล้วไม่มีใครมาทำบุญให้  ได้แต่คอยมองคนอื่นเขาตาปริบๆ”  คำพูดนี้มันอบอวลอยู่ในหูจริงๆ ดังนั้น  จะเชื่อไม่เชื่อเป็นอีกเรื่องหนึ่ง  แต่การไปทำแล้วสบายใจ ย่อมเป็นเรื่องดี  ถ้าพ่อแม่รู้ได้ด้วยญาณใดใดก็ตาม  จะรู้ว่า ลูกสาวขี้ดื้อคนนี้ ยอมแพ้แล้ว  และตั้งใจว่าจะไปทำบุญกรวดน้ำ ถึงพ่อแม่ปู่ย่าตายายทุกวันพระใหญ่จริงๆ
สุขสันต์วันสงกรานต์  สำหรับทุกคนที่มาอ่านบล็อคนี้นะคะ

  


ยายจ๋า

5 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 22 มีนาคม 2011 เวลา 8:49 (เช้า) ในหมวดหมู่ วงศาคณาญาติ #
อ่าน: 1569

วันนี้วันที่ 22 มีนาคม เป็นวันเกิดยายจ๋า  ของหลานๆ หรือจริงๆก็คือ แม่ของแม่ใหญ่นั่นเอง เป็นวันเกิดครั้งแรกที่ไม่ได้จัดเลี้ยงให้ เพราะแม่จากไปเมื่อวันที่ 3สิงหาคม  ปีที่แล้ว ในวัย 90 ปี แม่ใหญ่และลูกๆจะจัดวันเกิดให้ยายจ๋าทุกปี  เริ่มตั้งแต่อายุ 60 ปี ไม่เคยขาด เพราะยายชอบเป่าเค้กเหมือนเด็กๆ แย่งกันกับหลานทวดที่ชื่อดราก้อนที่ชอบเป่าเหมือนกัน มีอยู่ปีหนึ่ง ที่ไม่ได้เตรียมเค้กจะด้วยสาเหตุใดก็จำไม่ได้แล้ว ยายทวงถามและพูดถึงหลายครั้ง จนเราต้องไปซื้อมาให้เป่าตอนวันสงกรานต์แทน  ยายถึงเลิกทวงถามไปได้ อ่านต่อ »



Main: 0.19072008132935 sec
Sidebar: 0.11012601852417 sec