พักใจริมแม่น้ำโขง….เมืองโบราณเชียงคาน
ผู้เขียนเดินทางไปพักผ่อนที่เชียงคาน เมืองโบราณ ริมแม่น้ำโขง จ.เลย เลือกโฮมสเตย์ ชื่อ เชียงคานริเวอร์วิว ของอ.จงรักษ์ จากการพูดคุยบ้านนี้เกิดขึ้นเพราะลูกชายเจ้าของบ้านอยากทำเพื่อจะได้มีรายได้ น้องกำลังจะขึ้นม.4 แต่คิดดีแบบนี้น่าสนับสนุนมาก
ชมวิวตรงระเบียงมองเห็นฝั่งลาวอยู่ไม่ไกล ถ้าใครจะข้ามไปเที่ยวให้เตรียมรูปสองใบ สำเนาบัตรประชาชนก็ข้ามไปได้แล้วค่ะ สำหรับห้องพักชั้นบนริมหน้าต่างมีสองห้อง ห้องน้ำรวม แต่สะอาดดีค่ะ ห้องละ 500 บาทสำหรับสองคน แต่เพิ่มที่นอนอีก 1 คน คิดเพิ่ม 100 บาท รวมเป็นคืนละ 600 บาท ที่บ้านนี้มีที่จอดรถสองคัน ถ้าเป็นบ้านพักอื่นต้องจอดหน้าบ้าน
เรามาถึงกันช่วงบ่ายเลยไปหาร้านเครื่องดื่ม เจอร้านชานเคียง ตกแต่งได้น่ารัก ทราบว่าด้านหลังเป็นที่พักด้วย ตกแต่งได้น่าจะถูกใจวัยรุ่น
สาวๆที่ชอบถ่ายรูปบรรยากาศเก่าๆ มีมุมถ่ายรูปสวยๆสั่งเครื่องดื่ม 3 แก้ว ราคา 120 บาท
สำหรับหน้าร้อนแบบนี้ต้องแวะไปเที่ยว แก่งคุดคู้ ถ้าไปก่อนสงกรานต์หรือไม่ใช่วันหยุด จะไม่ต้องเบียดเสียดกับใคร มีมุมถ่ายรูปสวยๆที่ไม่ต้องเข้าคิวถ่ายรูป
ตรงบันไดทางลงด้านล่างมีร้านเล็กๆขวามือขายกุ้งทอดแพละ 20 บาท แม่ค้าจะทอดไว้ก่อน พอเราสั่งถึงจะลงกระทะอีกครั้งหนึ่ง ทานกับน้ำอาจาด แล้วก็ตามเคยพอเราไปซื้อก็มีคนมามุงกันเต็มเลย…แถวนั้นมีวัดท่าแขก วัดเก่าแก่ให้แวะชม ที่เชียงคานมีวัดเยอะมาก ดูตามแผนที่แล้วแวะชมได้เลย
ตอนเย็นเลือกจักรยานที่บ้านพักคนละคน บริการฟรีค่ะ แต่ก็มีร้านจักรยานบริการวันละ 50 บาท เลือกได้ค้นสีส้ม ปั่นชมธรรมชาติยามเย็น เห็นร้านค้าเริ่มเปิดกันบ้างแล้ว เพราะกลางวันแดดร้อนมากๆ
ขี่รถอ้อมไปด้านหลังบ้าน เลียบริมแม่น้ำโขง เจอป้ายถูกใจมากๆหลายจุด “เอาความขมขื่นไปทิ้งแม่โขง” “ทิ้งรักลงแม่น้ำ” “อกหักพักบ้านนี้” อิอิ…วิ่งไปถ่ายรูปกันใหญ่เลย
ขี่รถวนกลับมาอีกรอบ คราวนี้ร้านต่างๆเปิดไฟรับนักท่องเที่ยว เพราะเป็นถนนคนเดินด้วย จอดร้านจำเลยรัก เป็นร้านเครื่องดื่ม ขายโปสการ์ดที่ระลึก ของที่ระลึกด้วย ผ่านร้านชานเคียงอีกครั้ง กลางคืนยิ่งสวยใหญ่ ความจริงมีร้านหลายร้านนะคะ แต่ก็แวะบางร้านเท่านั้น
หิวข้าวกันแล้วตัดสินใจเลือกร้านธรรมดาๆ ครัวศรีพรรณ เห็นบรรยากาศแล้วเหมือนนั่งทานที่บ้าน ไม่ได้ตกแต่งอะไร เมนูที่สั่งมี ยำผักกูดปลอดสารพิษ ผัดเผ็ดปลาคัง ต้มยำปลาเนื้ออ่อน สั่งเครื่องดื่มพวกน้ำอัดลมนิดหน่อย ทานไปคุยกับเจ้าของร้านไป เหมือนบ้านจริงๆเลยต่างตรงได้นิ่งริมแม่น้ำโขง จ่ายไป 365 บาท แต่ถ้าต้องการนั่งแบบมีบรรยากาศสวยๆราคาก็จะเพิ่มไปอีก เห็นมีร้านหลวงพระบาง ตกแต่งสวยมากๆ ใครพาแฟนมาต้องการความโรแมนติกก็ที่นั่นเลย มีอีกหนึ่งร้านชื่อ ร้านระเบียง แต่วันที่ไป ร้านปิดค่ะ
ตอนเช้า 6 โมง รีบตื่นมาร่วมตักบาตรข้าวเหนียว ทางเจ้าของบ้านเตรียมข้าวเหนียวร้อนๆมาให้คนละกระติ๊บ เป็นการตักครั้งแรก รีบวิ่งไปล้างมือก่อน กลับมาตกใจพระท่านมาพอดี ทำอะไรไม่ถูก หยิบข้าวเหนียวในกระติ๊บร้อนมากๆ ใส่ข้าวเหนียวซะก้อนใหญ่เชียว ก็คนไม่เคยทำนี่นา… มีหนุ่มๆนักท่องเที่ยวเพิ่งมาถึงตอนเช้าเข้ามาถามว่าอยากได้ข้าวเหนียว ทางคุณยายเจ้าของบ้านก็ส่งให้กระติ๊บนึง น้องๆเขาดีใจกันใหญ่เลย นั่งเก้าอี้ตักบาตรก็เพิ่งเคยนะ แต่สุดท้ายขอยืนดีกว่าเพราะเราชินแบบนี้มากกว่า…
แล้วกลับมาชมพระอาทิตย์ขึ้นตรงระเบียงชั้นล่าง อ.จงรักษ์เตรียมกล้องส่องทางไกลมาให้ ไว้ส่องดูฝั่งลาว นั่งจิบกาแฟยามเช้าริมโขง แหม…โรแมนติกซะ ระเบียงที่นี่มีต้นมะพร้าวโผล่ทะลุ กลายเป็นเอกลักษณ์ของบ้านไปเลย
ยามเช้าก็ต้องขี่จักรยานสำรวจต่อ…กลับไปแวะร้าน จำเลยรัก ทานไข่กระทะปลาทูน่า มีปลาท่องโก๋ และขนมปังทาเนยเสริฟมาด้วย เจ้าของร้านแนะนำชาของเวียดนาม แต่จำชื่อไม่ได้ มื้อนี้จ่ายไป อีก 120 บาท ใครซื้อโปสการ์ดที่นี่ก็หาตู้ไปรษณีย์น่ารักๆ ส่งได้ค่ะ
ผ่านเฮือน 100 ปี ซึ่งเมื่อคืนเพื่อนถูกตู้ไปรษณีย์บาดขา(สงสัยแอคชั่นมาก) คุณป้าพาเข้าร้านไปทำแผล ติดปลาสเตอร์ มาที่นี่อบอุ่นจริงๆ เดินพูดคุยทักทายเหมือนญาติๆเลย
แวะถ่ายรูปร้านสองผัวเมีย แต่ปิด ร้านนี้เห็นในเน็ตตกแต่งสวยสุดๆ มีห้องให้พักด้วยหล่ะ แต่ต้องจองล่วงหน้า 7 วัน ผ่านไปเห็น ขนมฝักบัวใบเตย หาทานได้ยากแล้วนะสมัยนี้
ปั่นจักรยานจนหอบ…ผ่านซอย 4 แล้วทะลุขึ้นผ่านสี่แยกไฟแดงจะเจอร้านสุวรรณรามา ที่นี่เป็นโรงหนังเก่าค่ะ แต่ปัจจุบันได้ดัดแปลงเป็นร้านอาหาร เครื่องดื่ม แต่ยังมีของตกแต่งที่บ่งบอกความเป็นโรงหนังเก่าอยู่ด้วย เก้าอี้โรงหนังเก่าๆ ฟิล์มหนัง…..ทำให้พลอยได้กลิ่นอายเก่าๆไปด้วย สั่งน้ำแดงมาเพิ่มความสดชื่น ทำให้ค่อยยังชั่วหน่อย
ด้านหน้ามีชิงช้าสวยๆไว้ให้นั่งถ่ายรูปคู่กับ ไก่ (จริงๆ)
ได้เวลาร่ำลาเจ้าของบ้านแล้ว….อ.จงรักษ์ ครูติ๋วและลูกชาย แล้วจะกลับมาใหม่นะคะ
สำหรับเชียงคานแล้ว….บางคนก็บอกว่าคล้ายปายบ้าง เป็นคู่แฝดปายหรือปาย 2 (สงสัยวัยรุ่นจะตั้งฉายาให้) แต่ถ้าเราไปศึกษาประวัติความเป็นมาจริงๆแล้ว เชียงคานมีอะไรน่าค้นหามากกว่านั้น มากกว่าไปหามุมเก่าๆถ่ายรูปมาอวดกัน วัดที่เชียงคานมีอยู่มากมาย ดูเหมือนว่าใครอยากไหว้พระ 9 วัดสามารถทำได้ที่นี่ในเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมงด้วยซ้ำ ที่สำคัญวัดที่นี่ตั้งเรียงรายขนานกับแม่น้ำโขง ครูติ๋วบอกว่าให้รีบไปชมนะก่อนที่กรมศิลปากรจะเข้ามาบูรณะ( อิอิ…) ลองเข้าไปศึกษาประวัติความเป็นมาของเชียงคานแล้วจะรู้สึกทึ่ง
มีบางคนไปเที่ยวเชียงคานแล้วกลับมาบ่นว่า
“ไม่เห็นมีอะไรเลย” นั่นก็อยู่ที่ว่า คุณตั้งใจว่าจะไปดูอะไรกัน ถ้าคิดว่าจะไปช๊อปปิ้งก็เปลี่ยนใจไปเที่ยวที่อื่นเถอะ อยากให้เชียงคานเป็นเมืองสงบ มีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมให้น่าค้นหา แต่ทราบว่าวันเสาร์อาทิตย์จะมีคนต่างถิ่นเข้ามาเปิดร้าน จากเดิม สามสี่ทุ่ม เชียงคานจะปิดไฟเงียบสงบแล้ว ตอนนี้บางร้านกลับเปิดดึกขึ้นเพื่อเอาใจนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม อยากให้คนเชียงคานตระหนักตรงนี้…แหล่งบันเทิงต่างๆที่ไหนก็มีเที่ยว แต่ดินแดนที่สงบ น่าค้นหา ไปตรงไหนก็มีแต่คนน่ารัก ยิ้มแย้มให้ เหมาะแก่การมาพักใจมีไม่มากนัก อย่ารีบทำลายสิ่งดีๆเหล่านี้เลย…..