เช้าวันหยุด (เช้าวันเรียนรู้ของลูกๆ)

1 ความคิดเห็น โดย หลงป่า เมื่อ 12 กันยายน 2010 เวลา 11:31 (เช้า) ในหมวดหมู่ อยากเล่า #
อ่าน: 1529

เช้าวันอาทิตย์เป็นวันหยุดของคนทำงานส่วนใหญ่  ซึ่งก็ล้วนเป็นมนุษย์เงินเดือน  หลายคนตื่นสาย  หลายคนตื่นเช้า ทำตัวสบายๆ  กว่าจะอาบน้ำ  ทำตัวเรื่อยๆอย่างไม่เร่งรีบ  ให้เวลากับครอบครัว กับตัวเอง อย่างเต็มที่  ผมก็เช่นกัน ตื่นช้ากว่าปกติ ตั้งใจจะตื่นสาย เพราะเมื่อคืนทั้งลมกรรโชกแรงและฝนตกหนัก  ภารกิจเข้าเวรยามต้องเลิกเร็วกว่าทุกคืน  สาเหตุก็เจ้านกเขาใหญ่ตัวโปรดขันสะเทือนเลื่อนลั่น เช้านี้เลยชวนลูกสาวคนเล็กอายุ 5 ขวบกว่า เดินเก็บผักริมรั้ว ( ตามสไตล์ ออกกำลังกายแบบชาวบ้านตามที่ได้เรียนรู้ที่สวนป่า )  ระหว่างนั้นก็ทักทายเพื่อนบ้านไปทั่ว มีคนต่างซอยนำวัวพันธุ์มาผูกให้กินหญ้า 2 ตัวรูปร่างสวยมาก  เห็นแล้วอยากจะเข้าไปแนะนำให้กินใบไม้บ้าง ( จะได้ถ่ายทอดความรู้จากสวนป่าเช่นกัน )  เก็บผักตำลึงมาได้ 1 ตะกร้า นำมาผัดน้ำมันกระเทียมเจียวใส่ซีอิ้วขาวสูตรสวนป่า  มื้อเช้าแบบบ้านๆ แต่ถูกใจศรีภรรยา  ทำให้ชวนคิดถึงครูบาจัง  ครูบาคงสบายดีนะ เจ้าบทเจ้ากลอนเชียว

 

                   ทุกวันหยุดถ้าไม่ได้ไปเที่ยวไหน ก็จะออกกำลังกายแบบนี้  นี่แหละวิถีชีวิตพอเพียงของผมที่กำลังถ่ายทอดให้กับลูกๆ


คืนนี้ไม่เหมือนคืนนั้น

3 ความคิดเห็น โดย หลงป่า เมื่อ 11 กันยายน 2010 เวลา 11:06 (เย็น) ในหมวดหมู่ อยากเล่า #
อ่าน: 1432

               ในทุกภารกิจที่เร่งรีบ เพื่อปากท้อง  เพื่ออนาคตลูก และเพื่อสนองปัจจัย 4 , 5 , 6  แล้วแต่ความอยากของแต่ละคน  เมื่อเลิกงาน ผู้คนส่วนใหญ่ ก็ได้พักผ่อนตามอัธยาศัย  ค่ำคืนนอนหลับได้สนิทไร้ความกังวล  จะมีคนสักกี่คนบ้างที่รับรู้ถึงสภาพจิตใจของคนในบ้านเรา  นอนหลับๆตื่นๆ  ต้องคอยฝังเสียงรถที่แล่นผ่านหน้าบ้านว่าเงียบ ( มาจอด ) หรือวิ่งผ่าน  ต้องสะดุ้งตื่นกับเสียงประหลาด  เพราะความหวาดระแวง  แล้วเราจะอยู่อย่างไร

 

                ทุกค่ำคืนที่น่าหวาดกลัว ต่างคนต่างเข้าบ้าน ไม่กล้าที่จะออกไปไหน ธุรกิจยามค่ำคืน ร้านอาหาร เริ่มทยอยปิดกิจการ กระทบกันเป็นลูกโซ่ ในที่สุดจึงมีกลุ่มคนที่รวมตัวกัน  เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับผู้คนและบ้านเมือง ด้วยวิธีใต้ดินชนิดตาต่อตา ฟันต่อฟัน  เมื่อทางการรับรู้ จึงนำพาไปสู่โครงการต่างๆที่สนับสนุนให้ภาคประชาชนได้มีส่วนร่วมในการป้องกันและรักษาความปลอดภัยให้กับบ้านเมืองอย่างถูกต้องและถูกกฎหมาย  ปัจจุบันโครงการชุมชนเข้มแข็งได้ ขยายผลไปยังจังหวัดอื่นๆ เพื่อป้องกันอาชญากรรมทุกรูปแบบ

 

                ค่ำคืนนี้ไม่เหมือนค่ำคืนนั้น พวกผู้ใหญ่ได้ออกมาพูดคุย เด็กๆได้ออกมาวิ่งเล่น ความสัมพันธ์ระดับชุมชนเริ่มกลับมา  ฝากบ้านดูแลบ้านให้กัน ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ และที่สำคัญคือการพัฒนาไปสู่การนับถือเสมือนหนึ่งเป็นเครือญาติ  การเสียสละของคนบางคนบางกลุ่มในการทำหน้าที่เข้าเวรยามรักษาความปลอดภัยด้วยจิตอาสา จะมีใครสักกี่คนที่รับรู้ถึงความเสียสละ ภายใต้ผ้าห่มที่แสนจะอบอุ่น  จะมีใครสักกี่คนจะแบ่งปันน้ำใจมาช่วยกันหมุนเปลี่ยนเวรยาม เพื่อที่จะได้สลับกันพักผ่อนและมีแรงที่จะทำงานต่อในวันรุ่งขึ้น  สังคมก็เป็นเช่นนี้ ธุระไม่ใช่ อยากเหนื่อยเอง ใครใช้ให้ทำ  แต่เมื่อใดที่ตัวเองเดือดร้อนหรือภัยมาถึงตัว จึงจะออกมาขอความช่วยเหลือ ( หวังผลประโยชน์ตัวเองมากกว่าส่วนรวม ) แต่ไม่มีส่วนร่วม ทุกวันนี้ผมภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้บ้านเมืองสงบสุขในระดับที่ทุกคนสามารถกล้าที่จะใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุข ภายใต้เงื่อนไขแห่งความไม่ประมาท  บ้านเมืองอยู่ได้ ชุมชนอยู่ได้  ครอบครัวอยู่ได้  เรามีความสุข นี่แหละตัวผม


ตั้งใจเรียนนะลูก

2 ความคิดเห็น โดย หลงป่า เมื่อ 7 กันยายน 2010 เวลา 3:45 (เย็น) ในหมวดหมู่ อยากเล่า #
อ่าน: 1566

               วันนี้เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า คนสมัยก่อนใช้ชีวิตกันตามวิถีชาวบ้าน แล้วเหตุไฉน คนสมัยนี้จึงเปลี่ยนแปลงวิถีทางของตนไปสู่ความเร่งรีบ  การแข่งขัน  การฉวยโอกาส  และอะไรอีกมากมาย  แล้วรุ่นลูกรุ่นหลานจะอยู่อย่างไร ถ้าสังคมปัจจุบันเพิ่มระดับความกดดันทุกวิถีทางมากขึ้น  ผมชักเป็นห่วงอนาคตของชาติขึ้นมาแล้วซิ

 

                สองวันที่ผ่านมา ตื่นขึ้นมาแต่เช้า พานกขึ้นสู่เสา แล้วมานั่งจิบน้ำชากาแฟที่เฉลียงหน้าบ้าน ปล่อยให้ใจล่องลอยไปตามเสียงกล่อมของเจ้านกเขาใหญ่เสียงใหญ่ตัวโปรด  ดูมันมีความสุขมากนะที่ได้ขันข่มเพื่อน กังวานไปทั่วทั้งซอย  นกกระจอกตัวหนึ่งบินไปเกาะที่ข้างกรง เพื่อขอแบ่งปันเมล็ดธัญญาพืช  มันขันคู จนเจ้านกกระจอกคงรำคาญ จึงบินหนีไป  และแล้วเจ้าถิ่นก็มาเยี่ยมเยียน เป็นนกเขาป่า มาขันคูกันอยู่ใกล้ๆ แล้วก็บินจากไป เพราะมีรถยนต์แล่นผ่านมา  ทำให้ตัวเองต้องหลุดจากภวังค์นี้ไป เหลือบมองนาฬิกา ได้เวลาไปส่งลูกไปโรงเรียนและเข้าทำงานแล้ว ถึงหน้าโรงเรียนมองตามหลังลูก จนเดินผ่านเข้าประตูโรงเรียน  เจ้าจะรู้ไหมหนอว่า สังคมในภายภาคหน้าจะเป็นอย่างไร เจ้าจะเข้มแข็งและอดทนได้แค่ไหน  การศึกษาสมัยนี้สอนคนให้เป็นลูกจ้าง สอนคนให้เป็นทาสของเงิน และที่สำคัญครูสมัยนี้มีสักกี่คนที่จะเป็นผู้ให้  ตั้งใจเรียนนะลูก  แล้วก็บึ่งรถไปทำงาน ทักทายน้องๆ ทุกคน ถามถึงปัญหาในงานที่ผมพอจะช่วยได้บ้าง แล้วก็รีบขึ้นมาเคลียร์งาน  งานที่บริษัทก็ยุ่ง งานที่สมาคมก็ยุ่ง อ้อลืมบอกไปว่า ผมยังเป็นตัวละครในโลกมายานี้อีก คือนายกสมาคมวิทยุสมัครเล่น และประธานไทยอาสาป้องกันชาติรุ่นที่ 5  ดังนั้นในแต่ละวันจะวุ่นวายพอตัว แต่ทุกครั้งที่ได้รับใช้สังคมหรือตอบแทนคุณบ้านเกิด ผมจะมีความสุขและภาคภูมิใจมาก ไม่ว่างานนั้นจะเป็นงานบริษัทหรืองานอะไรก็ตาม ผมโชคดีที่ครอบครัวเข้าใจ แต่ก็อดที่จะเป็นห่วงความปลอดภัยไม่ได้  ก็ระวังตัวเหมือนกันนะ  ถึงแม้ผมจะเป็นคนพื้นที่โดยกำเนิด  แต่การก่อเหตุความรุนแรงมันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว จากป่าสู่เมือง ช่างมันเถอะ ผมมองว่ามันเป็นปัญหาอาชญากรรมอย่างหนึ่งที่เรายกระดับให้อาชญากรเอง ทุกจังหวัด ทุกประเทศ มีอาชญากรรมทั้งนั้น คิดแล้วจะได้สบายใจ ( ในความระมัดระวัง )


บางตอนของวิถีชีวิตชาวใต้

3 ความคิดเห็น โดย หลงป่า เมื่อ 3 กันยายน 2010 เวลา 3:31 (เย็น) ในหมวดหมู่ วิถีชีวิตชุมชน, ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2178

               ทุกๆเช้าสมาชิกคอเดียวกัน จะมานั่งกินน้ำชาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และนำกลับไปพัฒนา อาทิเช่น กลุ่มเลี้ยงนกเขาชวาเสียง  นกปรอดหัวโขน(นกกรงหัวจุก)  ซึ่งป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดก็ว่าได้ และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของบันทึกนี้ 

 

                สามจังหวัดชายแดนใต้ เป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยาการทางธรรมชาติที่หลากหลาย ด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านจึงไม่ค่อยขยัน เนื่องจากมีกินมีใช้อย่างพอเพียง หลังจากกรีดยางเสร็จ หรือส่งภรรยาที่ร้านอาหารเพื่อขายข้าวแกงแล้ว  พวกผู้ชายก็จะมีเวลาว่างตั้งแต่หกโมงไปถึงเที่ยง ก่อนที่จะไปช่วยเก็บล้าง ( ตั้งแต่เล็กจนโตจนป่านนี้ผมก็ยังเห็นสภาพที่ส่วนใหญ่พ่อบ้านเอาเปรียบแม่บ้าน ) ช่วงที่ว่างจึงมานั่งคุยกันที่ร้านน้ำชา โดยแต่ละคนก็จะมีนกตัวเก่งมาอวด และก็คุยโม้โอ้อวดกันต่างๆนาๆ  การที่ผมไปนั่งคลุกคลี ในร้านน้ำชาตั้งแต่เล็ก  ผมจึงหลงใหลในเสียงของนกและมีความรู้ในการฟังเสียงและแยกแยะคุณภาพนกที่จะแข่ง  จวบจนเข้าทำงานจึงลงทุนซื้อนกเขาชวาเสียงมาตัวหนึ่ง เป็นนกเสียงกลางอายุประมาณ 4 เดือน จังหวะการวางเม็ด ( คำร้อง ) และน้ำเสียงใช้ได้ทีเดียว จึงตกลงซื้อมาในราคา 15,000 บาท  ผมเลี้ยงอยู่ 5 เดือน จนอายุนกเป็น 9 เดือน จึงเริ่มรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเปลี่ยนไปในทางลบ กล่าวคือเสียงแหบ ทิ้งจังหวะ  หลังจากนั้นก็เสาะแสวงหาไปเรื่อยๆ ทั้งนำมาผสม ก็ยังไม่ได้นกที่จะแข่งได้  จึงหยุดเพราะนกเต็มบ้านและเสียเงินไปหลายบาท  อีกอย่างลูกเป็นภูมิแพ้ จึงปล่อยไปหมด นี่แหละเป็นสาเหตุว่าทำไมนกเขาชวาเสียง ที่เสียงดีจึงมีราคาแพง   และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ชาวบ้านเปลี่ยนมาเลี้ยงนกกรงหัวจุกมากขึ้น มีการแข่งขันทุกวัน ส่วนใหญ่แข่งขันประเภทนับดอก ( นับว่าใครร้องมากกว่ากัน ) ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนกประเภทนี้เติบโตและขยายไปทั่ว  ถึงกับตั้งเป็นสมาคมทีเดียว

 

                วิถีชีวิตของชาวใต้เป็นชีวิตที่เรียบง่าย ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ไม่มีการแบ่งชนชั้น ศาสนา และเชื้อชาติ นั่นเป็นอดีตที่ยังมีหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง  เพราะความหวาดกลัวจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไป ห่างเหินจากเพื่อนฝูง เพื่อนต่างศาสนา ร้านน้ำชาก็เงียบเหงาลงไป

 

ชีวิตในเมืองมีแต่ความวุ่นวายและขาดความจริงใจ  ผมจึงรักและผูกพันกับที่นี่  และอยากจะเห็นที่นี่กลับมาเช่นเดิม  !!!วิถีชีวิต วิถีแห่งสันติสุข !!!



Main: 0.033344984054565 sec
Sidebar: 0.055491924285889 sec