ไปตามใจฝัน

7 ความคิดเห็น โดย หลงป่า เมื่อ 6 มีนาคม 2012 เวลา 12:47 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1881

หลายสิบปีกับการช่วยเหลือสังคม กับงานประจำ กับความมั่นคง แย่งเวลาครอบครัว จนวันหนึ่งได้เห็นเพื่อนบ้านนอนเสียชีวิต ภายใต้ทรัพย์สมบัติที่เอาไปไม่ได้แม้แต่ชิ้นเดียว กว่าลูกเมีย เพื่อนฝูงจะรู้ก็ล่วงเลยไปข้ามคืนจนสาย  ณ ห้วงภวังค์นั้น หวนให้คิดถึงตัวเอง เราจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ หันกลับไปดูลูก ๆ ซึ่งกำลังอ่านหนังสือบ้าง บางครั้งก็วางหนังสือแล้วก็เล่นเกมส์ในคอมพิวเตอร์ บางครั้งก็วิ่งเล่นไล่จับกัน  ทะเลาะกันบ้าง ร้องไห้และหัวเราะบ้าง  หันไปมองภรรยา กำลังยุ่งกับการเตรียมมื้อเย็น มันเป็นความวุ่นวายส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของแต่ละครอบครัว นี่ผมลืมไปแล้วหรือว่า เรายังมีสังคมที่เรียกว่าครอบครัวอยู่

วันหนึ่งซึ่งเป็นวันหยุด นั่งทบทวนเหตุการณ์รอบข้างที่มักเกิดขึ้นเป็นรายวัน ภายใต้เสียงนกพร้อมจิบกาแฟในยามเช้าที่เฉลียงหน้าบ้าน ชีวิตที่ดำเนินในแต่ละช่วงของแต่ละวัน ในพื้นที่นี้ ไม่มีอะไรที่แน่นอนที่จะมาการันตีถึงความปลอดภัยได้ แล้วจะใช้เวลาที่เหลืออยู่เพื่ออะไร  จึงตัดสินใจทันทีว่า เวลาที่เหลืออยู่นอกจากครอบครัวแล้ว คงต้องมีเวลาให้กับตัวเองบ้าง 

จวบจนวันนี้ ความสุขที่เคยฝัน ไม่ต้องรอ ไม่ต้องหา มีความสุขกับการฟังเสียงนก เล่นดนตรี อยู่กับลูก อยู่กับครอบครัว ไปเที่ยวพักผ่อน สัมผัสธรรมชาติที่นับวันถูกทำลายไปมาก ผมได้ทำตามใจฝันทั้งของตัวเอง ของลูกและภรรยา ซึ่งไม่สามารถแลกกับสิ่งมีค่าใด ๆ ได้เลย

 


นี่หรือประเทศไทย

5 ความคิดเห็น โดย หลงป่า เมื่อ 28 มิถุนายน 2011 เวลา 10:44 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1706

              ชีวิตคนเรานอกจากวัฏจักร เกิด แก่ เจ็บและตาย แล้วยังมีอะไรอีก นั่นเป็นการมองในสังขารว่าไม่เที่ยง  แล้วความสุข ความทุกข์ ซึ่งเกิดจากกิเลศภายในจิตใจ ยากที่จะละ โลภ โกรธ  หลงได้ นี่ก็อีกประการหนึ่งที่คอยบั่นทอนสังขาร  สำหรับสิ่งที่จำเป็นขั้นพื้นฐานของคนเรา นั่นคือปัจจัยสี่ ( อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค )  แต่ปัจจุบันค่าครองชีพสูงขึ้น  ราคาของกินของใช้สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายมาก รายได้ลดลง เกิดทุกข์ ขึ้นมาในใจ  ส่งผลให้สุขภาพหรือสังขารป่วย อันเนื่องมาจากความเครียด ก่อให้เกิดโรคชุดต่างๆ  เข้าโรงพยาบาลก็มีค่าใช้จ่าย ท้ายสุดก็หนีไม่พ้นที่หาทางออกสักทาง เพื่อให้หลุดพ้นวงเวียนนี้ ทำงานพิเศษ คอร์รัปชั่น โกงกิน เพื่อให้ได้มาซึ่งเงิน  เงินจริงหรือที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างได้ ถ้าเป็นชีวิตในชนบท อาจจะได้รับคำตอบว่าไม่ใช่  เพราะเทคโนโลยีและวัตถุนิยม ยังมีบทบาทน้อย ทุกชีวิตอยู่แบบเรียบง่าย ฉันญาติมิตร มีน้ำใจถ้อยทีถ้อยอาศัย  แต่เมื่อมองชีวิตในระดับจังหวัดในสังคมเมือง การแข่งขันเพื่อความก้าวหน้า ต้องเกาะติดสถานการณ์ ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี ยึดติดกับวัตถุนิยม จึงพบว่าความเครียดจะเกิดขึ้นในสังคมเมืองมากกว่าในชนบท รวมทั้งสุขภาพกายและใจด้วย  แล้วเราจะทำอย่างไร  ให้สังคมเมืองเป็นสังคมที่ใกล้เคียงกับชนบท

การแก้ปัญหาประเทศด้วยการปรองดองนั้น เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุจริงหรือ  ถ้าประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ มีงานทำ ไม่มีภาระหนี้สิน การว่าจ้างเพื่อให้มากระทำการใดๆ อาจจะไม่ได้รับการตอบสนองจากประชาชน ทุกวันนี้ ทุกคนต้องการรายได้เพิ่ม  เพื่อให้ทันกับรายจ่าย รัฐต้องแก้ปัญหาทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับค่าครองชีพที่นับวันยิ่งสูงขึ้น  ราคาน้ำมัน ราคาทองคำ ราคาเนื้อสัตว์ ไข่ไก่ น้ำตาล น้ำมัน ปุ๋ย และอีกจิปาถะ การควมคุมสินค้า ต้นทุนต่างๆที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยสี่  จะส่งผลให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น เมื่อสุขภาพจิตดี ความคิดก็ดี ความรักก็เกิด ความสามัคคีก็จะตามมา

การศึกษาในสามจังหวัดชยแดนใต้ เป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเท่าที่ควร  มีแต่เน้นการใช้กำลัง สู้กันไปตอบโต้กัมา แก้แค้นกันไปมาระหว่างรัฐกับชาวบ้าน คนก็ไม่กล้าไปทำสวน ครูก็ไม่กล้าไปสอน เด็กขาดความรู้ โตขึ้นมาไม่มีรายได้ ไม่มีงานทำ ก็ถูกชักจูงไปในทางที่ผิด  การศึกษาจะต้องนำการทหาร  การสร้างงานสร้างอาชีพจะนำมาซึ่งความมั่นคง ความเสมอภาคเท่าเทียมกันจะนำมาซึ่งความปรองดอง 

อีกนานแค่ไหน เราจะเห็นคนไทย ประเทศไทยรักกัน สามัคคีกัน ทุกวันนี้มีทั้งศึกใน ศึกนอก  คงต้องภาวนาให้ใครสักคนที่ได้อ่านบทความนี้ และเป็นบุคคลที่เป็นที่เคารพรัก และได้รับการศรัทธาจากประชาชน ช่วยแก้ไขปัญหา ผมในฐานะประชาชนคนหนึ่งพร้อมที่จะสนับสนุนและผลักดันให้ ประเทศชาติสงบสุขทั่วทุกตารางนิ้ว สาธุ

 


รู้ธรรมชาติแล้วจะอยู่อย่างไร

2 ความคิดเห็น โดย หลงป่า เมื่อ 1 พฤศจิกายน 2010 เวลา 9:51 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1702

ปีนี้น้ำมาก และท่วมขังนาน  เราจะป้องกันอย่างไร  ในเมื่อเราไม่สามารถห้ามปรากฏการณ์ธรรมชาติได้  เราจะปรับตัวอย่างไร หลายคนทุกข์ เพราะหนี้สิน หลายคนกลัว เพราะน้ำหลาก แล้วจะเยียวยาจิตใจอย่างไร


บางตอนของวิถีชีวิตชาวใต้

3 ความคิดเห็น โดย หลงป่า เมื่อ 3 กันยายน 2010 เวลา 3:31 (เย็น) ในหมวดหมู่ วิถีชีวิตชุมชน, ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2178

               ทุกๆเช้าสมาชิกคอเดียวกัน จะมานั่งกินน้ำชาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และนำกลับไปพัฒนา อาทิเช่น กลุ่มเลี้ยงนกเขาชวาเสียง  นกปรอดหัวโขน(นกกรงหัวจุก)  ซึ่งป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดก็ว่าได้ และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของบันทึกนี้ 

 

                สามจังหวัดชายแดนใต้ เป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยาการทางธรรมชาติที่หลากหลาย ด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านจึงไม่ค่อยขยัน เนื่องจากมีกินมีใช้อย่างพอเพียง หลังจากกรีดยางเสร็จ หรือส่งภรรยาที่ร้านอาหารเพื่อขายข้าวแกงแล้ว  พวกผู้ชายก็จะมีเวลาว่างตั้งแต่หกโมงไปถึงเที่ยง ก่อนที่จะไปช่วยเก็บล้าง ( ตั้งแต่เล็กจนโตจนป่านนี้ผมก็ยังเห็นสภาพที่ส่วนใหญ่พ่อบ้านเอาเปรียบแม่บ้าน ) ช่วงที่ว่างจึงมานั่งคุยกันที่ร้านน้ำชา โดยแต่ละคนก็จะมีนกตัวเก่งมาอวด และก็คุยโม้โอ้อวดกันต่างๆนาๆ  การที่ผมไปนั่งคลุกคลี ในร้านน้ำชาตั้งแต่เล็ก  ผมจึงหลงใหลในเสียงของนกและมีความรู้ในการฟังเสียงและแยกแยะคุณภาพนกที่จะแข่ง  จวบจนเข้าทำงานจึงลงทุนซื้อนกเขาชวาเสียงมาตัวหนึ่ง เป็นนกเสียงกลางอายุประมาณ 4 เดือน จังหวะการวางเม็ด ( คำร้อง ) และน้ำเสียงใช้ได้ทีเดียว จึงตกลงซื้อมาในราคา 15,000 บาท  ผมเลี้ยงอยู่ 5 เดือน จนอายุนกเป็น 9 เดือน จึงเริ่มรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเปลี่ยนไปในทางลบ กล่าวคือเสียงแหบ ทิ้งจังหวะ  หลังจากนั้นก็เสาะแสวงหาไปเรื่อยๆ ทั้งนำมาผสม ก็ยังไม่ได้นกที่จะแข่งได้  จึงหยุดเพราะนกเต็มบ้านและเสียเงินไปหลายบาท  อีกอย่างลูกเป็นภูมิแพ้ จึงปล่อยไปหมด นี่แหละเป็นสาเหตุว่าทำไมนกเขาชวาเสียง ที่เสียงดีจึงมีราคาแพง   และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ชาวบ้านเปลี่ยนมาเลี้ยงนกกรงหัวจุกมากขึ้น มีการแข่งขันทุกวัน ส่วนใหญ่แข่งขันประเภทนับดอก ( นับว่าใครร้องมากกว่ากัน ) ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนกประเภทนี้เติบโตและขยายไปทั่ว  ถึงกับตั้งเป็นสมาคมทีเดียว

 

                วิถีชีวิตของชาวใต้เป็นชีวิตที่เรียบง่าย ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ไม่มีการแบ่งชนชั้น ศาสนา และเชื้อชาติ นั่นเป็นอดีตที่ยังมีหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง  เพราะความหวาดกลัวจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไป ห่างเหินจากเพื่อนฝูง เพื่อนต่างศาสนา ร้านน้ำชาก็เงียบเหงาลงไป

 

ชีวิตในเมืองมีแต่ความวุ่นวายและขาดความจริงใจ  ผมจึงรักและผูกพันกับที่นี่  และอยากจะเห็นที่นี่กลับมาเช่นเดิม  !!!วิถีชีวิต วิถีแห่งสันติสุข !!!


สวนป่าชีวาลัย

3 ความคิดเห็น โดย หลงป่า เมื่อ 16 สิงหาคม 2010 เวลา 3:58 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1751

ผมได้รับการประสานแจ้งรายชื่อจากศูนย์ฝึกอบรมว่าให้เข้ารับการอบรมหลักสูตร TT&T Leader Transformation ที่สวนป่าชีวาลัยอีสาน อ.สตึก จ.บุรีรัมย์  ณ วินาทีที่รู้ ผมรู้สึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับ TT&T อยู่ๆจะพาพนักงานระดับบริหารไปศึกษาพระธรรม หรือวิปัสสนา  ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก  คิดว่าไร้สาระ เพราะบริษัทกำลังฟื้นไข้ คิดอะไรแปลกๆ ความรู้สึก ณ ตอนนั้น ผ่านไปสองสัปดาห์เห็นจะได้ เริ่มมีการพูดคุยถึงการเดินทาง วันเวลาที่แน่นอน ทำให้อดคิดไม่ได้ ว่ามันมีดีตรงไหนนะ จึงเข้าสู่โลกอินเตอร์เน็ต ค้นหาคำว่าครูบาสุทธินันท์และสวนป่า  พออ่านบันทึกของปราชญ์ชาวบ้าน รู้สึกถึงมนต์สะกดและอยากรู้จัก  จากนั้นจึงนั่งนับวันเพื่อมาพบครูบา และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง ผมออกเดินทางจากยะลาประมาณตีห้าของวันที่ 3 สิงหาคม 2553 และมาถึงศูนย์ฝึกอบรมของทีทีแอนด์ทีราวสามทุ่มครึ่งของวันเดียวกัน นอนคืนนึงที่นี่ เช้าวันที่ 4 สิงหาคม 2553 ออกเดินทางจากศูนย์ฝึกฯ ประมาณหกโมง พอใกล้เที่ยงก็ถึง อ.สตึก หาทางไปบ้านครูบาไม่เจอ ( หลงทางซิครับ ) ถามทางมาตลอด เมื่อเจอป้ายบอกทางใจเริ่มชื้น และก็มาถึงเกือบบ่ายโมง ความรู้สึกแรกที่เข้ามารับรู้ถึงความเงียบสงบ แล้วไหนหละครูบา แอบกวาดสายตาไปรอบๆ เห็นชายสูงอายุกำลังนั่งที่โต๊ะ มีโน๊ตบุ๊ควางไว้ตรงหน้า  นึกในใจว่าคงเตรียม Present วิชาการด้านการเกษตรล้วนๆ  อ้อ ลืมบอกไปว่า สมัยเรียนมัธยม ผมเลือกวิชาเกษตรเป็นวิชาเลือกเสรีนะครับ จึงมีความรู้บ้าง หลงตัวเองว่างั้นเหอะ หลังจากทานข้าวเที่ยงเสร็จ ก็เริ่มเข้าสู่การสัมมนา ผิดคาดครับ ปรัชญาล้วนๆ อึ้งครับ อึ้งกิมกี่ไปเลย ผมเป็นคนชอบแนวคิดใหม่ๆ แต่ไม่เคยเจอนักปรัชญาคนไหนที่เรียนรู้จากธรรมชาติ แล้วนำมาใช้กับชุมชน สังคม จนถึงระดับประเทศ พอคนเราเริ่มสนใจก็มีสมาธิและความตั้งใจ ช่วงที่เดินชมต้นไม้ผมแอบเห็นครูบาพ่นยาบ่อย สงสัยน่าจะเป็นภูมิแพ้หรือหอบหืด แต่ก็ไม่ได้ถาม จากการพบปะพูดคุย ทำให้ผมรู้ว่าผมมาที่นี่ด้วยความไม่รู้ และก็ได้ความไม่รู้กลับไปอีกมาก ที่ต้องแสวงหาคำตอบ แต่ที่ผมรู้ตอนนี้คือผมรู้ว่าการศึกษา สังคม วัฒนธรรมของประเทศกำลังเปลี่ยนไป ความห่างเหินของคนในชุมชนเริ่มมากขึ้น วัดคนเขาวัดกันที่ฐานะการเงิน ความมั่งคั่งทางวัตถุที่อุปโลกขึ้นมาว่ามีค่ามหาศาล เกิดกิเลส เกิดความอยาก เริ่มแสวงหา ไขว่คว้า เกิดการเอารัดเอาเปรียบ ชิงไหวชิงพริบ ขาดคุณธรรม ขาดจริยธรรม ความเห็นแก่ตัวได้เริ่มก่อตัวสะสมมากขึ้นมากขึ้น และนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรง ไม่ใช่เฉพาะมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น แม้แต่ธรรมชาติเมื่อถูกความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ที่มีกิเลสและความอยากทำร้าย เอารัดเอาเปรียบ เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะเกิดความขัดแย้งขึ้นมาด้วย ที่เราเรียกว่าภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ ปรากฏการณ์ต่างๆที่ส่งผลต่อการดำรงชีวิต และก็หนีไม่พ้นการใช้เงินแก้ปัญหา ตั้งทีมวิจัย มีโครงการรณรงค์ต่างๆมากมาย แต่จะมีใครสักกี่คนที่หวนกลับไปยังจุดเริ่มต้น วิถีชีวิตชาวบ้านในสังคมชนบทในอดีตเป็นวิถีชีวิตที่เกื้อกูลกัน เหมือนต้นไม้ที่โตในป่าผืนเดียวกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัย งดงามไปทั้งผืนป่าและชุมชน วิถีชีวิตในชุมชนก็คือรากเหง้าของวัฒนธรรม ณ ที่นั้นๆ  เมื่อการศึกษาไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตชุมชน ผลที่ตามมาวัฒนธรรมก็จะถูกทำลายและหายไปในที่สุด  ผมเริ่มเรียนรู้ปัญหาต่างๆ ตั้งแต่ระดับชุมชน สังคมและประเทศ จากครูบา ที่ยกตัวอย่างการแก้ไขปัญหาอ้างอิงจากหลักธรรมชาติ แง่คิดที่ได้จากการอยู่กับธรรมชาติแบบธรรมชาติ  ทำให้ผมเริ่มมองโลกในแง่ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น รู้จักให้มากขึ้นเท่าที่ตัวเองไม่เดือดร้อน มองเพื่อนข้างๆมากขึ้น เงินนั่นมันซื้อความสุขทางใจในระยะยาวไม่ได้หรอก ผมเห็นสัจธรรมแล้ว วันสุดท้ายของการสัมมนาก่อนที่ครูบาจะออกเดินทางไปประชุม ผมได้กอดกับครูบา ความรู้สึก ความประทับใจ เต็มเปี่ยมในใจจนคับพอง  ผมบอกครูบาว่า   ขอให้ครูบามีสุขภาพที่แข็งแรงนะครับ เออ ผมลืมไปว่า คุณตฤณ มาด้วยน่าจะเป็นคืนที่สองนะ เพราะรุ่งขึ้นก็แจกลายเซ็น โดยนิสัยส่วนตัวมีอะไรที่คล้ายกัน แหละนี่เป็นส่วนหนึ่งของการเข้าไปค้นพบตัวเอง ณ สวนป่าชีวาลัยอีสาน และเป็นจุดเริ่มต้นที่จะพาตัวเองเข้าสู่บ้านหลังนี้ บ้านแห่งลานปัญญา มีโอกาสแล้วเจอกันใหม่ครับ  


บันทึกแรกของฉัน!

11 ความคิดเห็น โดย หลงป่า เมื่อ 10 สิงหาคม 2010 เวลา 4:30 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1464

ยินดีต้อนรับสู่ลานปัญญา

  • ท่านได้สร้างบล็อกของท่านเองแล้วที่นี่
  • บันทึกนี้เป็นข้อความทดสอบ แนะนำให้คลิก “แก้ไข” และลบบันทึกนี้ทิ้ง
  • จากนั้นคลิกที่ Dashboard หรือ Site Admin เขียนบันทึกแนะนำตัวเองใหม่อีกบันทึกหนึ่ง เพื่อทำความรู้จักกับสมาชิกอื่นๆ
  • ทุกครั้งที่มีผู้มาให้ความเห็นใหม่ ระบบจะติดต่อกับท่าน ตามอีเมลที่แจ้งไว้ในตอนสมัคร ดังนั้นกรุณาตรวจสอบอีเมลด้วย
  • คำแนะนำภาษาไทยอยู่ในบล็อกลานคู่มือบ้านลานปัญญา

ยินดีต้อนรับสู่ลานปัญญา



Main: 0.21046900749207 sec
Sidebar: 0.11322093009949 sec