บุรีรัมย์ตำน้ำกิน *****
ตอนเด็กๆผมตื่นใจมากกับเรื่องขงเบ้งดูดาว แล้วยังทำนายทายทักเรื่องลมฟ้าอากาศได้แม่นยำ นำมาวางกลยุทธหลอกล่อโจโฉจนตกน้ำป๋อมแป๋ม ตอนบ่ายคุณชายมาบอกว่าวันสองวันนี้จะหนาวแล้วละนะ จึงฉุกคิดว่า..เออ คุณชายนี่นะ..แกเก่งพอๆกับขงเบ้งนั้นแหละ บอกเรื่องลมฟ้าพยากรณ์แม่นยำทุกที คนขี้หนาวรู้แล้วก็เตรียมตัวเตรียมใจสิครับ อาบน้ำเอาลูกมะกรูดมาขัดถูทุกซอกทุกมุม เผื่อหนาวจริงๆจะได้ใช้สูตร 7 วันอาบน้ำหนเดียว
ตอนหัวค่ำจะดูบอลไทย-สิงคโปร์ เปิดทีวี ..มันทะลึ่งบอกว่า..ให้ใส่รหัส อ้าว! รหัสบ้าอะไรอีกละใส่ไม่เป็น ก็เลยอดดู ไม่ดูก็ไม่ลงแดงตายหรอกว่ะ ไอ้พวกมนุษย์ขี้เหม็นมันก็สร้างเงื่อนไขสารพัดอย่างนี้แหละเธอ ..เอาโคมมาจุด1ใบส่งเคราะห์ส่งโศกให้ไอ้พวกหากินกับทีวี หาเสื้อหนาวกับหมวกไหมพรมที่คนใจดีส่งมาให้สวมฉับ แล้วก็กลับมามุดมุ้งนอน
ตื่นขึ้นมากลางดึก ..ลมหนาวกรูเกรียวมาวูบหนึ่ง ลมหนาวมาเปิดชายมุ้งมากระทบขอบเตียง เออ..หนอ ใครนะส่งลมเย็นมาปลุกเรา ลุกขึ้นจัดชายมุ้งให้เรียบร้อย ดึงผ้านวมมาคลุมจะนอนต่อ..แต่ตากับใจตื่นเสียแล้ว จึงเอาโต๊ะพับมากางกลางเตียง แล้วก็นั่งทำการบ้านในหัวข้อที่ว่า..คุณเป็นคนบุรีรัมย์รึเปล่า เมื่อก่อนก็ไม่เคยคิดอย่างนี้ ..ทำไมเราถึงได้มาเกิดอยู่ที่นี่ นั่นนะสิ จะถามใครละ คิดไปก็เท่านั้น คนเรานี่นะเธอ ต่อให้ไปเกิดบนสวรรค์ ถ้าไม่คิดทำอะไรให้กับถิ่นฐานบ้านเกิดตนเองมันก็ไอ้แค่นั่นแหละ
โจทย์นี้ค้างใจมาตั้งแต่ดร.พิสมัย ประชานันท์ มาชวนไปงานวันบุรีรัมย์โป๊ะเช๊ะ ในวันที่5 มกราคมที่จะถึงนี้ การจัดงานเสวนาต้นปีก็ดีนะเธอ เราจะได้ตั้งต้นคิดร่วมกันว่า ปีใหม่นี้เราจะคืนอะไรให้กับบุรีรัมย์ ค น บุ รี รั ม ย์ จ ะ ช่ ว ย กั น ก ว า ด บ้ า น ปั ด ฝุ่ น ใ ห้ บ้ า น เ มื อ ง ตั ว เ อ ง ผ่ อ ง ใ ส เ รี่ ย ม แ ร้ ไ ด้ อ ย่ า ง ไ ร ? เมื่อเค้าโครงความคิดออกมาอย่างนี้ ก็มีคำถามตามมา คนบุรีรัมย์จะทำอะไรให้บุรีรัมย์รึ ที่ผ่านมาจังหวัดนี้ก็ดูไม่ค่อยจะมีอะไรโฉ่งฉ่าง เงียบๆเหงาๆเหมือนที่เขาเรียกขานว่า
บุรีรัมย์ตำน้ำกิน
บุรีรัมย์ไม่ตำน้ำกิน จะตำอะไร? แค่ตำนานเกี่ยวกับเมืองนี้ มันก็หดหู่ดูแห้งแล้งในความรู้สึกแล้วนะเธอ เอาเถอะนะ ใครจะเรียกอย่างไรเราไปเปลี่ยนไม่ได้หรอก แต่เราแก้ไขได้ แทนที่จะบอกว่าบุรีรัมย์ตำน้ำกิน เราก็เปลี่ยนมาเป็น บุรีรัมย์ตำส้มตำปูดองอร่อยเหาะ-ตำน้ำพริก-ตำซุปหมากมี่-ตำลูกยอ-ตำข้าวเม่า-ต้มยำตำแกง เอาให้ตำตาตำใจแก่อาคันตุกะผู้มาเยือน
ทำให้ฮือฮากันไปเลย..
บุรีรัมย์มีเมนูอาหารอร่อย สะอาด ปลอดภัย
ใครได้มาชิมติดใจเป็นกำไรของกระเพาะ อิ อิ..
ภาคบ่ายมีหัวข้อเสวนา “เรื่องเครือข่ายชาวบ้านกับการสร้างความมั่นคงทางอาหาร” ได้หัวข้อนี้ชักเข้าเค้าแล้วสิเธอ แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว คนไทยมักจะเห็นเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องตายเรื่องเล็ก สงสัยสืบเชื้อสายมาจากอีตาชูชก เราจึงเห็นการบริโภคอย่างมูมมาม เมื่อก่อนเจี๊ยะจอบเจี๊ยะเสียม สมัยนี้เจี๊ยะสะพาน เจี๊ยะถนนลาดยาง เจี๊ยะโครงการต่างๆ ต่อไปก็เจี๊ยะประเทศ
ในชั้นเราๆชาวบ้านนี่นะเธอ น้อยนักที่จะใส่ใจเรื่องการบริโภค ทั้งๆที่ต้องกินอยู่ทุกวันนี่แหละ มี สั ก กี่ ค น ที่ รั บ ป ร ะ ท า น อ า ห า ร ถู ก วิ ธี ไม่ใช่แค่กินร้อนช้อนกลางเท่านั้นหรอกนะเธอ คุณภาพอาหารนี่เป็นเรื่องใหญ่ วิธีรับประทานอาหารก็เป็นเรื่องสำคัญ ค น ไ ท ย ป่ ว ย ทั้ ง ป ร ะ เ ท ศ ก็ เ พ ร า ะ เ รื่ อ ง กิ น ไ ม่ เ ป็ น นี่ แ ห ล ะ แต่..การนำเสนอเชิงนโยบายเช่นนี้คงไม่มีเวลาสาธยายอะไรได้มากนัก จะลงขั้นกระบวนการก็ยากอีก ต้องมานั่งใคร่ครวญว่าจะออกแบบการนำเสนออย่างไร?
การกินเป็นนำไปสู่การคิดเป็น
ในงานพัฒนาสังคมปกติ เราก็เห็นการใช้ทางลัดจำนวนมากเพื่อหวังผลที่รวดเร็ว โดยเฉพาะการขับเคลื่อนนโยบาย นโยบายใดๆก็ตาม มักจะเกิดจากตัวอย่างระดับชุมชนเล็กๆ มาก่อน เมื่อหลายคนเห็นดีเห็นงามก็ผลักดันให้เป็นนโยบาย นโยบาย เป็นทางลัดที่จะเพิ่มพื้นที่การทำงานอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ถูกหยิบยกไปเป็นนโยบายส่วนหญ่ มักหยิบไปไม่หมด มักจะหยิบไปแค่ผลผลิต ไม่สนใจกระบวนการ สนใจผลสำเร็จ ไม่สนใจวิธีทำ โดยหาสำนึกไม่ว่า วิธีทำนั่นเองที่จะกำหนดว่าผลผลิตจะออกมาดีหรือเลว
ที่เห็นจะๆ คือหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นทันที เพราะโดยปกติทุกประเทศไม่มีเงินพอที่จะแจกประชาชนอยู่แล้ว ก็ต้องกู้หนี้ ใช้เงินในอนาคตมาใช้จ่ายวันนี้ ประเทศในยุโรปที่ล่มสลายหนี้สินล้นพ้นตัวหลายประเทศอยู่ในเวลานี้ ก็มาจากการจ่ายเกินตัว คือแจกเงิน แจกโครงการ เรียกคะแนนเสียงนี่แหละ ความเสียหายก้อนใหญ่ที่จะฝังรากลึกในวัฒนธรรมการเมืองก็คือ การพึ่งพาภายนอกของชาวบ้านที่ไม่มีที่สิ้นสุด
งานนี้จะแจกความรู้ แจกความรัก แจกความปรารถนาดี ถ้าต้องการเห็นบุรีรัมย์บรรเจิด เราก็ไม่ควรจะทำแบบไฟไหม้ฟาง เพราะหลังจากวูบวาบแล้วมันก็จะเหลือแต่ขี้เถ้า ถูกลมกระโชกก็ไม่รู้ปลิวหายไปไหนหมด แทนที่จะสมวัตถุอย่างเดียว ก็ชวนกันมาสะสมประสบการณ์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหัวข้อเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน แค่เปลี่ยนวิธีกินของคนบุรีรัมย์ให้เห็นเป็นตัวอย่าง สุขภาพคนไทยก็จะแข็งแรงขึ้นทั้งประเทศแล้วละครับ
การฉุกคิดจากจุดเล็กๆ เหมือนการเติบโตของต้นไม้ คนบุรีรัมย์ร่วมด้วยช่วยกันเติมความคิดความรู้ เพิ่มแรงบวกแรงใจให้แก่กัน ใช้ความเป็นคนบุรีรัมย์บ้านเฮามาเป็นแรงบวก เอาความรักบ้านเกิดมาเป็นตัวคูณ ปั้นบุรีรัมย์ให้พริ้งบรรเจิด ภายในครรลองที่พอเหมาะพอควรกับศักยภาพแห่งตน
“พระเจ้าอยู่หัว ทรงตอกย้ำเสมอว่า ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไม่ได้เปลี่ยนทรัพยากรมาเป็นเงินเป็นทอง แต่เปลี่ยนมาเป็นอาหาร เป็นของใช้ เป็นที่อยู่อาศัยให้พอดีพอเหมาะกับฐานะของคน ประเทศเราจึงอยู่มาได้โดยไม่เสื่อมทรุดเลย แต่ยุคหลังเราเปลี่ยนมันเป็นเงิน เราเปลี่ยนแผ่นดิน เปลี่ยนตันไม้ เปลี่ยนกุ้งหอยปูปลาเป็นสินค้า แล้วแผ่นดินก็ถูกทำลายลงในช่วงอายุคนรุ้นเดียวเท่านั้น”
เรามีภูเขา มีทุ่งนา มีป่า มีชายฝั่งทะเลที่มีทรัพยากรมั่งคั่ง แค่คนยุคเราเขลาเกินไปที่จะเก็บรักษาไว้ เราพยายามพัฒนาประเทศไปสู่ความร่ำรวย มีอุตสาหกรรมมากขึ้น มีรีสอร์ตมากขึ้น มีนักท่องเที่ยวมากขึ้น แต่เราลืมมองไปว่า แหล่งผลิตอาหารกำลังเสื่อมโทรมและใกล้จะหมดไป แล้วเราจะหาอาหารคุณภาพดีๆได้จากที่ไหน ต่อให้ร่ำรวยเพียงใด ไม่มีอาหาร ไม่มีความมั่นคง แล้วสงครามแย่งชิงก็จะเกิดขึ้น จนกลายเป็นสงครามโลกในยุคอันใกล้นี้
ถ้าเรายังไม่เริ่มทำการเกษตรแบบปลอดสารพิษ
ต่อไปคนในกลุ่มเกษตรกรเรานี่แหละ
จะเป็นคนกลุ่มแรกที่สะสมสารเคมีไว้ในร่างกายมากที่สุด
แล้วปัญหาในระยะยาวเกี่ยวกับการรักษา
ที่วันนี้ผู้ป่วยล้นมืออยู่แล้ว
ก็จะยิ่งมีมากขึ้น
เรากำลังเดินไปสู่อนาคตที่อปราะบางกันรึเปล่า
วันที่5 ควรจะเป็นวันที่คนเมืองแป๊ะ มาแปะโป้งร่วมกัน
เลิกเล่นเป่าหยิงฉุบกันเถิดนะ
เพื่อที่พวกเราจะได้ส่งมอบบุรีรัมย์ที่ไฉไลให้กับลูกหลานเราต่อไป
คนเรามีหนี้ด้วยกันทั้งนั้น บางคนก็ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ผ่อนจิปาถะ แต่หนี้ก้อนหนึ่งที่เราควรจะรับผิดชอบร่วมกัน คือหนี้บุญคุณแผ่นดิน หนี้บ้านเกิดเมืองนอน ผมหนี้เรื่องนี้เยอะเลย ทบต้นทบดอกสะสมมานาน ยังไม่ได้ใช้คืนทุนรักบ้านเกิด งานนี้ละครับ จะได้เริ่มทยอยคืนนี้เสียที ผมออกแบบอย่างนี้ครับ นอกจากจะนำงานวิจัยไทบ้านไปเสนอแล้ว ผมจะไปขายความคิด ผ่านหนังสือ บุรีรัมย์โมเดล เจ้าเป็นไผ เพื่อคนบ้านเอ็ง กะจะลดแลกแจกแถม
ท่านใดซื้อหนังสือเล่มหนึ่ง สามารถเลือกของแจกได้ 1 อย่าง เช่น หน่อกล้วย –เมล็ดหญ้าม้า-ลูกมะสัง-เมล็ดถั่วพูสีม่วง-เมล็ดน้ำเต้าสายพันธุ์ต่างๆ-เมล็ดอัญชันพันธุ์ดอกซ้อน-เมล็ดชมจันทร์-พันธุ์เผือกยักษ์ –ฯลฯ อยากจะขนไปแจกสักรถสิบล้อ แต่ก็เกรงใจเรื่องสถานที่ คิดว่าอย่างน้อยก็มีแจก1,000 ชิ้น ละครับ เสียดายที่เมล็ดไม้ช่วงนี้ยังไม่แก่ ที่สวนป่ามีของดีนะครับ เราตั้งเป็นธนาคารแม่ไม้ ปีนี้มี-เมล็ดสะเดา-เมล็ดอาคาเซีย-เมล็ดยูคาลิปตัส-ไม้แดง-ไม้ยางนา –พันธุ์ดีที่สุดในโลก เสียดายที่ช่วงนี้เมล็ดยังไม่แก่ ไม่งั้นจะขนไปแจกๆๆ และแจก จะได้ช่วยๆกันปลูก ตามนโยบาย..
“จังหวัดบุรีรัมย์เป็นแหล่งผลิตอาหารคุณภาพชั้นยอด มีสภาพแวดล้อมธรรมชาติชั้นเยี่ยม”
วันที่ 5 สวนป่าพร้อม ขาดแต่คนสวยมาช่วยโปรยยิ้มแถมการขายหนังสือ
ถ้าของแจกหมด
ก็ จ ะ แ จ ก ล า ย เ ซ็ น แ จ ก ก อ ด ดีไหมละครับ อิ อิ
ผู้นำที่ยากจนที่สุดในโลก
ฝนดาวไม่ตก เมื่อคืนนี้..มีคนชวนให้ตื่นมาดูฝนดาวตก
แต่ช่วงนี้ฝนตกตัดหน้าเสียก่อน ตกหนักตกเบาหยิมๆทั้งวันทั้งคืน บางช่วงก็เหมือนขี้เกียจตก
หรือจำใจตก เออหนอ ธรรมชาติก็เพี้ยนเหมือนกันนะเธอ ลองตื่นย่องมาดูอีกทีตอนตี3 ฟ้าก็ยังครึ้ม มาดูตี4ครึ่ง ฝนยังไม่เลิกรา
เป็นอันว่า ฝนตกแทนดาวตกแน่นอน เลิกตอแย กลับหลังหันมามุดมุ้ง
เปิดดูในเว็ปเจอเรื่องประธานาธิบดีที่จนที่สุดในโลก อ่านแล้วแสนประทับใจจนต้องลุกมาบันทึกไว้เตือนใจตนเอง
อ่านเรื่องดีๆบ้านเขา
นึกย้อนมาดูประวัติและผลงานผู้นำของไทยแล้ว อิจฉาชาวอรุวัยเป็นบ้า ผู้นำของเรามันมีแต่ไอ้เขี้ยวลากดินกินตะกะมูมมาม
จัดอยู่ในประเภท..พวกสมองหมาปัญญาควาย..
ประธานาธิบดี
แห่งอุรุวัย นายโอเซ่ มูฮิก้า ได้ปิดบ้านหรูที่รัฐบาลมอบให้ในกรุงมอนเดวิเดโอ
และเลือกที่จะอยู่กับภรรยาที่บ้านหลังเล็กๆสุดถนนลูกรัง ในฟาร์มย่านเมืองหลวง
ทั้งสองท่านทำเกษตรกรรมเท่าที่พอจะอำนวยด้วยตนเอง
ด้วยการปลูกพืชไม้ดอก
ชีวิตที่แสนเรียบง่ายและความจริงที่ว่า
นายมูฮิกาบริจาคเงินเดือนซึ่งตกเดือนละ 12,000 ดอลลาร์สหรัฐกว่าร้อยละ90 เพื่อมอบให้การกุศล
ซึ่งนี่เองที่ทำให้เขาได้ชื่อว่าประธานาธิบดีที่ยากจนสุดในโลก นายมูฮิกาเปิดเผยว่า
เขาใช้ชีวิตเช่นนี้มานานแล้ว นั่งพักผ่อนบนเก้าอี้ไม้เก่าๆในสวน
“ผมพอใจในสิ่งที่ผมมี”
ในปี2010 การตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของคณะรัฐบาลอุรุวัย
พบว่านายมูฮิกามีทรัพย์สินมูลค่า1,800ดอลลาร์ (ราว215,800
บาท) ซึ่งก็คือราคารถเต่าโฟล์กสวาเกนของเขา ที่ซื้อมาตั้งแต่ปี 1987
ส่วนในปีนี้
เขาบวกทรัพย์สินของภรรยาไปด้วย ซึ่งประกอบด้วยที่ดิน รถแทรกเตอร์ และบ้านรวมแล้ว
เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ 215,000ดอลลาร์ (ราว 6,665,000
บาท)
เ ข า ก ล่ า
ว ว่ า การได้รับฉายาประธานาธิบดีที่ยากจนที่สุดในโลก
ไม่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองจน คนจนคือคนที่ทำงานเพื่อตอบสนองรสนิยมอันหรูราของตน
และมีความต้องการไม่สิ้นสุด
สำหรับเขา “สภาพความเป็นอยู่เช่นนี้ คือการได้อิสรเสรี เพราะหากคุณไม่ได้ครอบครองสิ่งใดมากมาย
คุณก็ไม่ต้องทุ่มแรงกายแรงใจเยี่ยงกรรมกรเพื่อหามันมาครอบครอง และยิ่งไปกว่านั้น
คุณยังมีเวลาเป็นของตนเองด้วย “
ผู้นำอุรุวัย
กล่าวถึงประเด็นเดียวกันนี้ ในการกล่าว ณ ที่ประชุมสุดยอดด้านสิ่งแวดล้อม ริโอ+20 เมื่อเดือนมิถุนายนว่า
..หลายประเทศต่างพูดถึงการพัฒนาที่ยั่งยืน
เพื่อให้ประชาชนหลุดพ้นจากความยากจน “ แต่เรากำลังคิดอะไรอยู่? เราต้องการรูปแบบการพัฒนาการบริโภคของประเทศที่ร่ำรวยอย่างนั้นหรือ? ผมขอถามคุณว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ หากชาวอินเดียมีสัดส่วนการครอบครองรถต่อครัวเรือนเท่าเยอรมันนี?
แล้วเราจะเหลืออกซิเจนไว้หายใจอีกเท่าไหร่?
“โลกใบนี้มีทรัพยากรเพียงพอ
เพื่อจะตอบสนองคน 7หรือ8พันล้านคน มีระดับการบริโภคและการสร้างขยะที่เท่าเทียมกับประเทศที่ร่ำรวยหรือไม่
และนี่เป็นระดับการบริโภคที่เกินจำเป็นที่กำลังทำร้ายโลกของเรา”
นายมูฮิกา กล่าวตำหนิผู้นำของโลกส่วนใหญ่ ที่มีความเชื่อผิดๆว่า
การสร้างการเติบโต คือการกระตุ้นการบริโภค ซึ่งในทางตรงกันข้าม จะนำไปสู่จุดจบของโลก
ผมละทึ่งกับอีตาคนนี้นัก แต่ก็นั่นแหละเธอ ขึ้นอยู่กับวาสนาของประเทศใครประเทศมัน
จะทำยังไงได้ ในเมื่อบางประเทศทำแต่สิ่งตรงกันข้ามความพอเพียงทั้งนั้น
พอเดินมาถึงจุดนี้
เธอจะเห็นแล้วว่าความพอเพียงใช้ได้กับบุคคลทุกสถานะ ไม่เลือกผู้ดีมีจน ไม่เลือกคนที่ยศถาบรรดาศักดิ์
ความพอเพียงเป็นวินัยของมนุษยชาติ ประเทศไหนมีต้นทุนในเรื่องนี้มาก
สังคมก็จะสันติสุข ประเทศไหนที่กิเลสหนาตราช้าง ก็รับกรรมกันไปทั่วหน้า .ที่ชอบเรื่องนี้เพราะสะท้อนความจริงเชิงประจักษ์ว่า
ความพอดีนั้นเอามาใช้ในตำแหน่งผู้นำของประเทศได้อย่างดีเชียวแหละ
·
ไม่ต้องกอบโกยทรัพย์สินมากมายจนต้องแอบซุกไว้ที่โน่นที่นี่
·
ไม่ต้องบิดตะกูดกับกฎระเบียบกฎหมายของบ้านเมือง
·
ไม่ต้องวางยาสังคมและประเทศชาติ
·
ไม่ต้องก่อสร้างมวลชนนอกระบบมาชนหน้าชนหลัง
·
ไม่ต้องพลิกแพลงเอางบประมาณแผ่นดินมาซื้อห่วงจูงจมูกควาย
·
ไม่ต้องแสดงความประพฤติลิงหลอกเจ้า
เขาก็เป็นประธานาธิบดีสง่างามได้
ในแบบฉบับความดีงามแห่งตน แสดงว่าคนดีจริงไม่ต้องกระเสือกกระสนอะไรมาก
อยู่อย่างเกษตรกรธรรมดาๆก็มีคนยกย่องเลือกให้ไปเป็นผู้นำประเทศได้ แหม.ระหว่างที่เข้าได้เข้าเข็มกับเรื่องนี้ ก็มีโทรศัพท์เข้ามาจวนรุ่งสาง
ให้ออกไปรับที่สถานีขนส่งบุรีรัมย์ ผมก็กระโจนลงจากเตียงสิเธอ..รีบอาบน้ำ
ใส่เสื้อผ้าแล้วแจ้นขับรถเข้าเมือง ระยะทางประมาณ 40 กม. ระหว่างทางสังเกตเห็นร่อยรอยฝนตกบางๆ
พอฟ้าเรื่อเรือง..
ได้เห็นรุ่งกินน้ำพาดเฉลียงขอบฟ้าอยู่ตรงหน้า
เอ๊ะ! รึจะเป็นลางดี ..ว่าต่อไปนี้บ้านเมืองเราจะฟ้าสีทองผ่องอำไพ
เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นรุ่งกินน้ำในยามเช้าตรู่เช่นนี้
จึงจอดๆๆ..รถ กดชัตเตอร์ ฉับๆๆ..
เพื่อจะเอารูปมาฝากคนสวย
ที่ช่วยคอมเมนท์เรื่องความพอเพียงภาคการบริหารประเทศยังไงละเธอ
อิ อิ,,
โอย อยากจีบพยาบาล ****
::เอกสารประกอบการบรรยาย
:การมาดูงานของคณะพยาบาลบัณฑิตแห่งเอเซีย
:วันที่ 16 พฤศจิกายน 2555
: เอกสารอ่านประกอบ “หนังสือเจ้าเป็นไผ กับ โมเดลบุรีรัมย์
ถ้าจับคนน่ารักมาเข้าแถว แล้วเรียงลำดับความน่ารักให้เลือกจีบได้ ผมก็จะเลือกคุณๆพยาบาลนี่แหละเป็นอันดับแรก ทำไมรึ ? โธ่! ไม่น่าถามเล๊ยยย..เธอก็ลองวิเคราะห์ใคร่ครวญดูสิว่า..วิชาการพยาบาลนั้น แต่ละสถาบันเขาเคี่ยวกร่ำให้นางฟ้าสีขาวเป็นผู้ที่มีวินัย มีความรู้ มีความสามารถอย่างแท้จริง มีความรับผิดชอบสูงมาก มีความทนทานต่อการกดดันเป็นเยี่ยม มีความสุภาพเรียบร้อย มีความเมตตากรุณา และมีความอดทนเป็นแรด..ด้วยคุณสมบัติบรรเจิดเช่นนี้ เรายังจะเลือกไปรักคนอื่นได้จะได? เรื่องนี้มีเหตุผลส่วนตัวที่อธิบายได้ เพราะคุณอาจารย์พยาบาล คุณพยาบาลวิชาชีพ หรือนักศึกษาที่กำลังเรียนเข้มเพื่อเติมเต็มวิชา”หัวใจพยาบาล” ทุกท่านที่ผมรู้จัก ล้วนประทับใจในไมตรีจิต และผมได้รับความเมตตา กรุณา อุเบกขา มาอย่างท่วมท้น เรียกว่าเป็นความงดงามที่แสนจะชื่นมื่นเลยละเธอเอ๊ยยย!
สมัยนี้จะมาโมเมชั่นไม่ได้หรอกว่า ต้องมีหลักฐานประกอบการอ้างอิงว่า ผมได้รับความปรารถนาดีจากชาวพยาบาลอย่างไร? เรื่องนี้โยงไปถึงกระบวนการของชาวเฮฮาศาสตร์ ยามใดที่ผมประสบปัญหาต้องการความช่วยเหลือ ผมก็จะตีฆ้องร้องป่าวลงในเฟสบุกค์ ไปถึงญาติสายแซ่เฮ แจ้งว่า..ช่วยอุปการะหน่อยเถิด สวนป่าจะมีนักศึกษาพยาบาล. บัณฑิตแห่งเอเซียมาดูงาน มีข้อคิดเห็น/แนะนำไหมครับ. ควรจะกล่อมไปในลู่ใด. ถึงจะเหมาะสมตามครรลองของชาวเฮ
ชั่วไม่นานเกินเคี้ยวหมากแหลก..แบบโจโฉนึกถึงกวนอู กวนอูก็โผล่มานั่นแหละ “อุ้ยสร้อย” ผศ.ดร.จันทรัตน์ เจริญสันติ แห่งคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กับ อาจารย์ดวงพร เลาหะกุล พยาบาลรุ่นเก๋าส์ที่เปลี่ยนผ่านไปเป็นผู้บริหารโรงเรียนมงคลวิทยาที่จังหวัดลำพูน ทั้ง2ท่านได้กรุณาเผยแผ่มุมมองเกี่ยวกับการศึกษาดูงานที่สวนป่ามหาชีวาลัยดังนี้
· Jantararat Chareonsanti เล่าเรื่องตัวเองค่ะพ่อครูบา ว่าตอนแรกๆ ที่ไปสวนป่า จะว่าไปศึกษา ไปเที่ยวหรือไปดูงานหรือจะเรียกอะไรก็แล้วแต่…ตอนนั้นไม่รู้ว่าพ่อครูบาใช้ลู่ทางอะไร…แต่ก็ยอมรับว่าไปสวนป่าทุกครั้งการเรียนรู้ก็แตกต่างไป เรื่องที่ไประยะแรกไม่เข้าใจก็เข้าใจมากขึ้นและก็เจอโจทย์ใหม่ๆ ที่ท้าทายให้อยากลองทดลองทำมากขึ้นด้วย
·
ตอนแรกที่ไปอยากรู้ว่าเรื่องของธรรมชาตินั้นคนเราจะอยู่ร่วมได้อย่างไร และจะสร้างได้อย่างไร
·
เมื่อไปพบผู้คนที่เวียนมาหาพ่อครูบา ไปเห็นวิถีการใช้ชีวิตของทุกคนที่สวนป่า สังเกตกับสภาพกึ่งเมือง เมนูอาหารที่เอาใจคนในเมือง ฯลฯ ระยะแรกสั่นคลอนความคิดที่เคยฝังหัวกับคำว่าเกษตรกร ความยากจน การขาดความรู้ ตามรูปแบบที่เคยเรียนเรื่องชนบท….
·
ครั้งแรกที่ไปและจำได้ว่าได้ลุกขึ้นพูดในเวทีกลางลานไผ่ว่า….ที่เคยคิดว่ารู้อะไรมามากพอ คิดว่าตัวเองพึ่งพาตัวเองได้ไม่เดือนร้อนใคร หาเงินทำงานดูแลตัวเองนั้น พอมาที่สวนป่าถึงรู้ตัวว่าที่จริงแล้วกลับไม่รู้อะไรเลย
·
กลับพบว่า ไม่มีความรู้แม้แต่การจะเอาตัวรอดให้มีชีวิต เดินในสวนป่า ใบไม้ที่จะเก็บกินมีอะไรบ้าที่จะกินได้ ก็ไม่รู้จัก จะกินไก่ก็ยังจับไก่ไม่เป็นด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่จะเชือดไก่กินเลย จะเก็บไข่จากไหนก็ยังไม่รู้ว่าไก่ไปไข่ที่ไหน…..ความรู้ที่เรียนมาเกือบตลอดชีวิตยังไม่สามารถพาตัวเองพึ่งพาตัวเองได้….อย่างนี้แล้ว….คงน่าอายถ้าจะไปแนะนำให้ใครเขาทำอะไรในสิ่งที่ตัวเองยังไม่รู้จัก
·
เมื่อได้ไปสวนป่าหลายครั้งขึ้น…..ความเข้าใจเรื่องการพึ่งพาอาศัยกันก็มากขึ้น การกลับมาใช้ชีวิตในสภาพที่อยู่ประจำวันก็มีการเปลี่ยนแปลง เคารพกับธรรมชาติมากขึ้น รวมทั้งเกิดความอยากศึกษาธรรมชาติของคนมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น และได้เขียนในบล็อกครั้งหนึ่งว่า ชีวิตในสังคมที่เหมือนเดิมแต่ไม่เหมือนเดิม.
พ่อครูบา แม่หวี ยายสอน และหลายๆชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสวนป่าและสวนป่ามีธรรมชาติของการใช้ชีวิตที่พึ่งพาอาศัย การเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันและกัน และการมีความปกติของการใช้ชีวิตคือมีการปรับตัวเปลี่ยนแปลง ยอมรับการเปลี่ยนแปลง
พยาบาลเป็นวิชาชีพที่ต้องทำความเข้าใจในสิ่งเหล่านี้ ค่ะ
ทุกครั้งที่ปฐมนิเทศนักศึกษาในกระบวนวิชา จะบอกจุดประสงค์เขาว่า วิชานี้ครูต้องการให้ใช้เวลาอันมีค่าที่เราอยู่ด้วยกันในการพัฒนาตัวเราขึ้นไปเพื่อการเป็นมนุษย์ที่ดี และเมื่อเป็นมนุษย์ที่ดีแล้ว เราจะพัฒนาการเป็นพยาบาลที่ดีได้ไม่ยาก
คนที่ได้ไปรู้จักพ่อครูบา ชาวเฮ และสวนป่า…มีวาสนาเสมอค่ะ
·
· Duangporn Laohakul มายกมือเห็นด้วยกับอุ๊ย โดยเฉพาะในประเด็นการเรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์ที่ดี และใช้ศาสตร์ของการพยาบาลเป็นเครื่องมือในการใช้ชีวิตอย่างเมตตาตนเอง เมตตาผู้อื่น. เมตตาตนเองด้วยการดูแลกายใจให้เป็นสุข เมตตาผู้อื่นให้พ้นทุกข์. ที่สวนป่านำพาให้รู้จักมองเห็นความสุขอันเรียบง่าย รวมทั้งเรื่องเล่าของครูบา ทำให้เห็นวิธีคิด วิธีเรียน วิธีเผชิญกับทุกสิ่ง ที่นำสู่ความรู้ ความเข้าใจ ที่เป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิตอย่างสอดคล้องกับธรรมชาติ อยากให้พยาบาลได้เห็นคุณค่าในตนเอง เห็นความสุขจากงานที่ทำ โดยไม่ต้องเปรียบเทียบตนเองกับวิชาชีพอื่น ไม่ว่าจะเปรียบเทียบว่าสูงกว่า หรือ ด้อยกว่า ก็ตามค่ะ. แค่การต้อนรับผู้คนของครูบา แม่หวี ป้าสอน ที่ง่ายๆเป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้ไปเยือนรู้สึกสบายใจ เป็นเสมือนญาติ วิชานี้วิชาเดียว ถ้าพยาบาลเอาไปใช้ได้ คนไข้หายป่วยตั้งแต่ยังไม่เข้าห้องตรวจละมังคะ..:)
·
เห็นไหมละครับ? คนที่มีหัวใจเป็นพยาบาลนั้นน่ารักอย่างไร?
อ้าว! แล้วคุณหมอ ซึ่งมีคุณสมบัติเช่นเดียวกัน ไม่น่ารักรึ!
โธ่! ..อ ย่ า ชั ก ใ บ ใ ห้ เ รื อ เ สี ย สิ
พรุ่งนี้..นักศึกษาพยาบาลจากบัณฑิตเอเชียมาดูงาน
เราก็ควรพิจารณาในเรื่องที่ใกล้ตัวใกล้ใจก่อนสิเธอ อิ อิ..
การมาศึกษาดูงานครั้งนี้ โจทย์ที่ต้องคลี่คลายให้กระจ่างก็คือ
“ เศรษฐกิจพอเพียงบันดาลสุขได้จริงหรือ “
เรื่องนี้ไม่ยากหรอก เพราะเราทำให้ดูอยู่ให้เห็นอย่างที่หมอเจ๊ว่าไว้อยู่แล้ว ไม่ได้ฝืนอยู่ฝืนทำ หรือทำแบบนิทรรศการอะไร ต้องการดำเนินชีวิตไปในทางใด ทำแค่ไหนพอดี ก็กระทำแค่นั้น ไม่ได้วิริศมาหราอะไร เพราะคิดว่า เราอยู่กับดิน ถ้าเราติดดินได้มากเท่าใด รากแห่งชีวิตจิตใจของเราก็จะหยั่งลงไปในบริบทของธรรมชาติได้มากเท่านั้น อาจจะเล่าถึงกิจวัตรประจำวัน ตั้งแต่เช้า-จรดเย็น จากเย็น-เข้านอนไปจนถึงตื่นนอนอีกวัน
ถ้าดำเนินชีวิตแบบง่ายๆได้ เรื่องยุ่งยากก็จะไม่ค่อยมีนะ
ถ้ามีปัญหาก็ขุดหลุมฝังกลบแบบใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้ซะ
อยู่กับธรรมชาติ ธรรมชาติก็จะกล่อมเกลาจิตใจ
ต้นไม้ มด แมลง นก ผึ้ง ฯลฯ นอกจากเป็นเพื่อนร่วมโลกแล้ว
ยังเป็นครูสอนวิชาใช้ชีวิตให้แก่เราสม่ำเสมอ
· ไม่เคยเห็นมดแดงตัวไหนลงพุง
· ไม่เคยเห็นหนอนตัวไหนอกหัก
· ไม่เคยเห็นนกตัวไหนร้องไห้
· ไม่เคยเห็นปลวกตัวไหนติดยาบ้า
· ไม่เคยเห็นผึ้งตัวไหนขี้เกียจ
· ไม่เคยเห็นอีกาตัวไหนตื่นสาย
· ไม่เคยเห็นต้นไม้ต้นไหนเบื่อหน้าที่
ถามว่าจะฝากอะไรไปถึงคุณพยาบาล
อ๋อ มีแน่ๆ ดังนี้ครับ
1. คนไข้ต้องการเห็นคุณพยาบาลทุกคนเป็นคนสวย ถ้าพยาบาลสดสวย อะไรๆก็สดชื่นใช่ไหมละครับ อันที่จริงในโลกนี้ไม่มีใครขี้เหร่หรอกนะเธอ ถ้าเขาเหล่านี้มีจิตใจที่งดงาม มีรอยยิ้มหวาน มีคำพูดที่ไพเราะ กริยามารยาทแช่มช้อย กระตือรือร้นในการดูแลผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ มีความเมตตาทะลุออกมาจากใจ ธรรมชาติของพยาบาลนั้น แต่งชุดสีขาวสะอาดสะอ้านอยู่แล้ว ถ้าสะอาดทั้งเครื่องแบบ สะอาดทั้งกายใจ คุณพยาบาลก็น่าจะสวยได้ทุกคนแล้วละครับ
2. คนไข้ต้องการเห็นพยาบาลมีความสุข คนที่มีหน้าที่บริบาลความทุกข์ของคนอื่น ตนเองไม่ควรจะแบกภาระทุกข์เข้าไปทำงานด้วย หน้าที่การงานแต่ละวันที่แสนหนักและฉุกละหุก ถ้าพยาบาลมีพลังแห่งสติ มีความมั่นคงแห่งจิตใจ มีความสุขที่จะแบ่งปันผู้อื่น สภาพการทำงานที่แสนจะยุ่งเหยิง ก็น่าจะผ่อนหนักเป็นเบาได้ นอกจากจะทำหน้าที่คลี่คลายโรคที่ทนทุกข์ทรมานแล้ว คุณพยาบาลควรเรียนรู้วิชา ตอนบ่ายคลายเครียดด้วย
3. คนไข้ต้องการเห็นคุณพยาบาลมีจิตใจมั่นคง ทำหน้าที่แม่พระได้อย่างสง่างาม ไม่น้อยเนื้อต่ำใจ ชัดเจนในวิถีแห่งพยาบาล ว่าเราจิตใจสูงพอที่จะอุทิศตนเองเพื่อความสันติสุขให้แก่ชาวโลก ดั่งปณิธารที่เป็นเพลงร้องประจำหมู่ของชาวพยาบาล สุดคะนึงถึงผู้ก่อตั้ง หรือ ดำเนินตามแนวทางของแม่ชีเทรซ่า เพราะถ้าหลุดออกจากห้วงแต่ความเมตตาธรรม จิตใจเราก็จะไขว้เขว ระส่ำระสายในบทบาทหน้าที่หลัก ถึงแม้จะเป๋ไปบ้าง ที่ชักชวนกันไปประท้วงสิทธิการบรรจุเป็นข้าราชการประจำ แต่ก็เป็นที่ยอมรับได้ เพียงแต่ต้องถอยมาใคร่ครวญ ..เรากำลังรีดเลือดจากปู แม่ปูที่ยังยักแย่ยักยัน ชักหน้าไม่ถึงหลัง รัฐมนตรีก็ชักเข้าชักออก ถ้าสถานการณ์นิ่งกว่านี้ อาจจะได้รับการตอบสนองได้เร็วและมากขึ้น ถ้าเป็นคุณพยาบาลทหาร เขาก็จะร้องเพลง ท.ทหาร อดทน
“ถ้าพยาบาลป่วยใจ คนไข้ไม่สบายใจด้วยทั้งแผ่นดิน”
4. คนไข้ต้องการเห็นคุณพยาบาลรักษาโรคทางสังคมด้วย ปัจจุบันสังคมไทยเป็นสังคมที่ผิดปกติ เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายไปทุกย่อมหญ้า นำพาให้โรคต่างๆขยายวงกว้าง โดยเฉพาะโรคเครียด โรคหมั่นไส้ โรคทำดีไม่ค่อยได้ดี โรคมิดีมิร้าย โรคลักกระปิดลักกระเปิดเชิงนโยบาย โรคปีนเกลียวกันในที่ทำงาน โรคว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง โรคไม่ดูตาม้าตาเรือ และโรคตาบอดคลำช้าง ด้วยกรณีโรคทางสังคมดังกล่าวนี้ ถ้าคุณพยาบาลเป็นยาสมานแผลทางสังคม ก็อาจจะช่วยให้โรคดังกล่าวทุเลาเบาบางได้
5. คนไข้ต้องการเห็นคุณพยาบาลยิ้มหวานๆ คนเราจะยิ้มหวานได้จนเป็นปกติ สภาวะชีวิตจิตใจต้องเป็นปกติเสียก่อน ควรหันหน้าเข้าหากัน รวมพลังช่วยกันแก้ไขและปรับปรุงระบบหน้าที่การงานไม่ให้สะดุด ควรลงเรือลำเดียวกัน เฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข รวมเป็นหัวอกเดียวกันให้ได้ รู้เท่าทันสภาวะของโลกของสังคมที่เปลี่ยนแปลง ฉุกคิด..ว่าจะทำให้สิ่งที่เผชิญอยู่นี้ดีขึ้นได้อย่างไร? พลังของชาวพยาบาลนั้นธรรมดาที่ไหนเล่า ถ้าใครดูภาพยนต์เกี่ยวกับสงครามโลก จะเห็นคุณพยาบาลทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารได้อย่างทรหด เมื่อเทียบกับภาระที่เผชิญอยู่ตอนนี้ นับว่าจิบจ๊อยกว่ากันมากนัก
คนไข้พร้อมรักพยาบาลอยู่แล้ว
ใครทำอะไรกระทบพยาบาล
พวกเราขัดเคืองใจไปด้วยนะ
ผมนะกัดฟันกรอดๆ
พยาบาลข้า! ใครอย่าเตะ .
เว้นแต่จะบรรจุตำแหน่ง ดูแลพยาบาลให้ดีขึ้น
อย่างนี้ ไม่ว่ากัน หล่อยินดีบาย อิ อิ
ความสุขแบบสุกๆดิบๆ
ความสุขแบบสุกๆดิบๆ
เอกสารประกอบการบรรยาย นักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย
เรื่อง : เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาความสุข
ขออนุญาตรวบรัดตัดความดังนี้นะขอรับ..สภาพของผมก็คือ ได้ทำการเกษตรแบบถูลู่ถูกัง เพราะไม่ได้เล่าเรียนมาอย่างเป็นระบบ เป็นแต่ศึกษาหาความจริงเอาเท่าที่จะทำได้ ระหว่างทางของการลงมือมันจึงถลอกปอกเปิก สิ่งที่ได้รู้ได้ทดลองมันคละกันไปทั้งในแง่ความเจ็บใจที่ตัวเองโง่ และภูมิใจที่ตนเองลดอาการโง่ให้กระเตื้องขึ้นบ้าง การทำงานกับธรรมชาติมันไม่มีอะไรตายตัว ทุกอย่างพลิกผันไปตามปรากฏการณ์ที่ต้องคาดเดาเอาทั้งนั้น ฝนจะตกแดดจะออกนกกระจอกจะเข้ารัง ..ใ ค ร จ ะ ไ ป สั่ ง ไ ด้.. มีทางเดียวต้องตั้งรับ ทำตัวให้กลมกลืนกับธรรมชาติ อย่าไปก๋าๆกับดินฟ้าอากาศเป็นอันขาด ควรอยู่อย่างมีสำนึก มีความเคารพต่อเทพยาดาฟ้าดิน เช่นที่คนโบราณเขาทำพิธีไหว้เจ้าป่าเจ้าเขาความน้อมน้อม.
แม่พระธรณี แม่คงคา คุณแม่เหล่านี้ผลิตความอุดมสมบูรณ์ให้โลก
พวกที่ไม่ดูตาม้าตาเรือมักจะประสบเหตุเกิดอาเพศต่างๆนานา
ไม่งั้นมันจะมีคน โดนฟ้าผ่า โดนพายุ โดนแผ่นดินไหว โดนน้ำท่วมตายรึ
มันไม่มีเทคโนโลยีอะไรหรอกที่หวังผลได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ช่วงนี้นานาประเทศสร้างเขื่อนกันแม่น้ำกันยกใหญ่ แม่น้ำโขงสายเดียวก็ไม่รู้ประเทศจีนจะกั้นอีกกี่เขื่อน ลาวเองก็เพิ่งประกาศหยกๆว่าจะสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงที่แขวงไชยบุรี ก็มีพี่ไทยนี่แหละดอดอยู่เบื้องหลัง อ้างว่า..เตรียมแผนสำรองไฟฟ้าในอนาคต เรื่องท้าทายธรรมชาติเปลี่ยนแปลงธรรมชาติจนเกิดควร ทำให้มนุษย์ได้รับผลร้ายมาแล้วแต่จำ เช่น โรงงานไฟฟ้านิวเคลียของรัสเซียระเบิด โรงไฟฟ้าแบบเดียวกันที่ญี่ปุ่นก็เจอสึนามิจนเจ๊ง ไม่เห็นเจ้านักวิทยาศาสตร์คนไหนสามารถดูแลป้องกันให้ปลอดภัยได้ ที่รัสเซียทำเอาประเทศแทบล่มจม ของญี่ปุ่นเองก็ทำให้เศรษฐกิจทรุดเท่าเดี๋ยวนี้
เราจะเอาอะไรแน่นอนกับธรรมชาติไม่ได้หรอก
วันดีคืนนี้ถ้าเกิดแผ่นดินไหว ทำให้เขื่อนกันแม่น้ำแยงซีเกียง เขื่อนกั้นแม่น้ำโขงพังทะลาย มวลน้ำมหาศาลจะไหลบ่าท่วมแผ่นดินอย่างไม่เคยมีมาก่อน บางทีวิกฤติโลกที่มีคนเฝ้าทำนาย ว่าโลกจะประสบเหตุร้ายต่างๆนานา อาจจะรวมสาเหตุนี้ไว้ด้วยก็ได้นะเธอ มนุษย์สูบเอาของเหลวออกจากพื้นพิภพไปไม่รู้เท่าไหร่ มันน่าจะเกิดช่องไหมละ ภูเขาไฟใต้โลกที่รอปะทุอีกละ ถ้าขนมผสมน้ำยาเมื่อไหร่ ก็ตัวใครตัวมันนะโยม!
วิกฤติน้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทยปีที่แล้ว แค่รอบแรกก็ขี้หดตดหายไปตามๆกัน ตอนนี้รัฐบาลกู้เงินมาก่อสร้างกำแพงกั้นน้ำท่วมทั่วกรุงเทพ เมื่อ2-3เดือนที่แล้ว..ก็ปล่อยน้ำในเขื่อนทิ้ง อ้างว่าจะทดลองระบบป้องกันน้ำท่วมเมืองหลวง หลอกกันจนปอดแหกว่าน้ำจะท่วมอีก คนกรุงนี่นะเธอ ทุกข์เพราะโดนน้ำท่วมใหญ่แล้ว ยังมาทุกข์เพราะเจอรัฐมนตรีปั้นน้ำให้เป็นตัว..จนตกกะไดพลอยโจนอีก
เจ็บใจ หั ว ใ จ ถ ล อ ก กั น บ้ า ง ไ ห ม ล ะ เ ธ อ ..
ตอนนี้นักเชี่ยวชาญนั่งกุมขมับ..น้ำในเขื่อนเหลือไม่ถึง30%
ปีนี้ก็ทำท่าจะแล้งวอดวายส่ายหน้ากันทั้งบางเสียด้วยสิ
จ ะ เ อ า ยั ง ไ ง ดี ล ะ พี่ น้ อ ง
คุณคนสวยเตรียมงบประมาณไว้จ่ายค่าบรรเทาภัยแล้งให้พอก็แล้วกัน
ที่ตีโพยตีพายไปครึ่งค่อนโลกก็เพื่อจะบอกว่า มนุษย์มีความบกพร่องเรื่องการบริหารทรัพยากรธรรมชาติ พวกมือยาวพวกขาใหญ่ทั่วโลกต่างทำลายห่วงโซ่ของธรรมชาติจนยับเยิน พวกตาดำๆก็รับกรรมกระจองอแง เคยสังเกตไหมเธอ ว่าทำไมหมู่นี้ภัยพิบัติมันถึงเกิดกระหน่ำและหนักหนาสาหัสขึ้นไปทุกที
คำว่าทรัพยากรธรรมชาติ
ทรัพยากรทางการเกษตร
ต้องตีความกันให้ดี
อย่าไปดีดข้อมูลเข้าข้างตนเอง แล้วก็พากันรุกป่ารุกพื้นที่ของธรรมชาติ ชอบอ้างว่า..ที่ล้างผลาญธรรมชาติเพราะมันจำเป็น พลโลกเพิ่มมากขึ้น จึงจำต้องขยายพื้นที่ทำการเพาะปลูกมารองรับ ถ้าเส้นตื้นคิดได้อย่างนี้มันก็กรรมของพวกเราแล้วละเธอ ทำเท่าไหร่จึงจะพอสนองกิเลสของมนุษย์ได้
· ทำไมไม่หาวิธีลดความฟุ่มเฟือย
· อยู่อย่างประหยัดอดออมพอเพียง
· เรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติอย่างสมดุล
แต่งงาน..ก็อย่าไปเอาลูกมาก
การลดจำนวนประชากรมีความจำเป็นอย่างแน่นอน
· ส่วนหนึ่งมนุษย์ก็ถูกกำจัดด้วยโรคระบาดและอุบัติเหตุ
· ส่วนหนึ่งธรรมชาติก็ช่วยกำจัดด้วยการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ
· ส่วนหนึ่งมนุษย์เราก็ฆ่าแกงกันเอง บางแห่งลุกลามเป็นสงคราม
· ส่วนหนึ่งมนุษย์ก็กระทำร้ายตนเอง เสพย์ยาบ้า ดื่มด่ำสุราสูบยา
การที่มนุษย์มีความรู้ไม่พอที่จะอาศัยอยู่ในโลกใบนี้ได้อย่างปกติสุขและสงบสุข เ ป็ น เ รื่ อ ง น่ าคิ ด น ะ เ ธ อ พลังความรู้ความสามารถของมนุษย์ยังไม่เพียงพอและถูกต้อง แนวคิดแนวทางปฏิบัติที่ถูกที่ควรก็ละเลย การอยู่อย่างพอเพียงแต่พอดี การเดินสายกลาง มันไม่ถูกจริตของมนุษย์สายพันธุ์เว่อร์ๆๆ พระท่านเทศน์จนคอแทบแตกก็ฟังไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ เพราะมันไม่สนุกเหมือนเต้นกำนังสไตล์เกาหลี
เรื่องการออกพิมพ์เขียว การออกลายแทง การตีพังสร้างความพอดีพอเพียง เพื่อให้เกิดความผาสุก ไม่มีสูตรตายตัว ขึ้นอยู่กับเราจะออกแบบอย่างไรให้พอเหมาะพอควรแก่ตัวของเรา สภาวะกายใจควบคุมได้แค่ไหน ต้นทุนของเราประกอบด้วยอะไรบ้าง ผมเป็นชาวไร่ชาวสวน ผมก็ออกแบบตามสไตล์ของชาวสวน แต่ก็นั่นแหละเธอ ..ถ้าไม่มีความรู้จะมาทำเรื่องพวกนี้ไม่ได้หรอก
วิถีของผมไม่มีหลักการแต่ใช้วิธีหลักเกิน ผมนอนที่กระต๊อบเล็กๆ เปิดโล่ง3ด้าน นอนมันโปร่งๆเปลือยๆอย่างนี้แหละ เช้า-สาย-บ่าย-เย็น ก็มองเห็นพืชผักและต้นไม้ที่อยู่รอบบ้าน หมอกเย็นๆแดดอุ่นก็สาดส่องถึงได้ ที่ชอบมากคือสามารถนอนดูแสงดาวแสงเดือนจากบนเตียงนอนได้ เมื่อคืนนี้จันทร์รูปเคียวเกี่ยวกิ่งฟ้า ส่องแสงนวลตายามดึกสงัด ..ทำให้นึกถึงคนใครต่อใครที่อยู่ไกลโพ้น
ตื่นเช้ามา กระโดดตุ๊บ! ก็ถึงแปลงผักแล้วละเธอ ต้มน้ำเตรียมไว้ ไปเด็ดใบมะกรูด-ใบหูเสือ-ใบยี่หร่า-ใบสะระเหน่-มาหั่นเล็กๆโปรยลงในถ้วยน้ำชา แค่นี้ก็ได้ดื่มชาสมุนไพรสดๆแล้วละเธอ สมุนไพรพวกนี้มีน้ำมันหอมระเหย ช่วยให้จิตใจเบิกบานกระชุ่มกระชวย ขมีขมันออกไปรดน้ำผักที่อยู่รอบกระต๊อบ ปัดกวาดลาน ฝึกถอนหายใจยาวๆ..
เราชอบรับประทานผักชนิดไหนก็ปลูกชนิดนั้น
หมั่นดูแลเอาใจใส่ตามสมควร
ไม่ต้องปลูกมากหรอกนะเธอ
อย่างละต้นสองต้นก็เด็ดมาทำอาหารจนล้นหม้อทุกวัน
ความสุข ความพอเพียง ความพอใจ ไม่มีจำหน่าย
เป็นเรื่องเฉพาะตัวที่ต้องมุ่งมั่นปั้นแต่งขึ้นมาเอง
อยากได้ความสุข ก็ลงมือได้เลยตั้งแต่บัดนี้
เมื่อคืนคณะญาติสั่งการฉับๆๆ
พ่อต้องกินลิดท็อกซ์(Lidtox) ครั้งละ1ช้อนโต๊ะ กับน้ำอุ่นสะอาด1แก้ว
วันละ3เวลา เช้า9.00น. กลางวัน 12.00น.บ่าย15.00น.
แล้วให้ดีท็อก3ครั้ง เตรียมตับไตไส้พุงไว้ให้สะอาด
พรุ่งนี้หนูไปถึง.จะจับพ่อล้างพิษ ฝังเข็ม ทำกัวชา และพอกหน้า แช่เท้า
โอ้โห ..กว่าจะมีสุขภาพดี มันต้องลงทุน ลงแรง ลงความตั้งใจ
ถามว่าวิธีนี้ดีไหม? ถูกต้องไหม?
มันก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่เธอ..ที่เราจะเรียนวิชาแสวงหาความปกติสุข
· เจ้าความสุข บางคราเจ้าก็โผล่มาเอง
· เจ้าความสุข บางทีเราก็ต้องร่วมมือกับสวรรค์
บางที..แค่ได้เขียนนี้แบ่งปันแฟนFB.อ่าน ก็มีความสุขแล้วละเธอ
ถ้าเธออยากจะร่วมสุข..ก็ต้องติดตามตอนต่อไป..นะคนสวยนะ อิ อิ