มีคนตั้งข้อสังเกตุว่า
รัฐบาลที่แล้วยุ่งอยู่กับไล่ม็อบ
รัฐบาลนี้ยุ่งกับการไล่น้ำ
การไล่น้ำกับการไล่คน
อย่างไหนจะลำบากมากกว่ากัน
รึว่ามันเป็นวิบากกรรมให้ต้องมีเรื่องไล่ล่ากันมิเว้นวาย
อุทกภัยเที่ยวนี้มีคนคาดคะเนความเสียหายแห่งละเท่านั้นเท่านี้ล้าน แต่ไม่มีใครประเมินความเสียใจ จะตีค่าเสียหายประมาณไหน ฝนตกก็แช่ง ฝนแล้งก็ด่า แสดงว่ามนุษย์เราโดยเฉพาะภาคการเกษตร จะต้องประสบกับความเป็นไปของธรรมชาติ ซึ่งไม่สามารถกำหนดได้ บังคับให้เกิดพอดีได้ มนุษย์จึงประยุกต์วิถีชีวิตให้สอดรับกับธรรมชาติ ไม่ไปโทษไปโวยวายต่อว่าฟ้าดิน ฝนไม่ได้รู้เรื่องด้วยหรอก ฝนมีสิทธิ์ที่จะตกมากตกน้อยก็ได้ ฝนไม่มีผลประโยชน์กับใคร แต่หลายใครๆต่างหากเล่าที่มีผลประโยชน์กับฝนตกและฝนแล้ง ภูมิปัญญาดั่งเดิมจึงเชิดชูแม่โพสพ แม่คงคา แม่ธรณี การทำความเข้าใจกับธรรมชาติ ทำให้มนุษย์ไม่บกพร่องขาดๆเกินๆ ไม่ทำอะไรเกินเลยกับธรรมชาติ
ถ้าเธอไม่รู้จักธรรมชาติ ธรรมชาติก็จะไม่รู้จักเธอ
ถ้าเธอทอดทิ้งธรรมชาติ ธรรมชาติก็จะทอดทิ้งเธอ
ปีนี้ไม่ต้องแห่นางแมวหรือจุดบ้องไฟขอฝนจากพระยาเถร ฝนก็เทลงมาโดยมิรั้งรอ พายุฝนเข้าลูกแล้วลูกเล่า ไล่กันมาโดยไม่รอบัตรคิว เรื่องที่อึกกระทึกครึกโครมอย่างนี้ มีผู้อธิบายไว้หลายกระแส นักวิทยาศาสตร์บอกว่าหิมะขั้วโลกละลาย แสดงว่าโลกร้อนขึ้นกว่าเดิม สาเหตุมาจากการปล่อยก๊าซขึ้นไปสะสมเป็นฉนวนไม่ให้แสงผ่านไปมาได้สะดวก เกิดการสะสมความร้อนในชั้นบรรยากาศ ความร้อนที่ว่านี้ไปแผดเผาแผดไอน้ำให้จับกลุ่มเป็นเมฆ และพัฒนาเป็นความกดอากาศ เป็นพายุ เป็นดีเปรสชั่น นักทรัพยากรศาสตร์บอกว่า มนุษย์พากันทำลายสภาพแวดล้อมมากเกินไปจนเกิดวิกฤติ ป่าไม้ลดลงทั่วโลกเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่ง และยังมีเหตุผลแวดล้อมอีกยุบยับ
ความเปลี่ยนแปลงสุดโต่งได้เปลี่ยนผลกระทบวิกฤติจนเกินวิกฤติ ทั่วโลกจึงเจออภิมหาภัยต่างๆ อเมริกาเจ้าแห่งเทคโนโลยีก็ยังเจอจนหน้าซีด บางประเทศเจอแผ่นดินไหวให้วิ่งกระเจิดกระเจิง ยังมีสึนามิอีกละ ก่อนหน้านี้พี่ไทยก็เจอคลื่นยักษ์พุ่งสูงไปถึงยอดมะพร้าวโน่น สร้างความเสียหายทั้งชีวิตมนุษย์และทรัพย์มหาศาล ญี่ปุ่นเองก็โดนเข้าจังหนับ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด มันจะเป็นเรื่องเล็กๆได้ที่ไหนเล่า วิกฤติแต่ละหมัดล้วนเป็นชนิดมัดโป้งจอดทั้งนั้น
ปีนี้ทั้งปี บ้านเราเอาเจอบททดสอบเรื่องอุทกภัยเรื่อยมา เฉลี่ยไปทุกภาค ดินถล่มน้ำท่วมภาคใต้ แล้วก็ย้ายมาภาคเหนือ ไล่มาภาคกลางภาคอีสาน ใครจะคิดละครับว่าแถวปักธงชัยน้ำจะท่วมจนลอยคอ พอช่วงกลางปีก็มีมหกรรมน้ำท่วมชนิดท่วมแล้วท่วมอีก ท่วมจนมึนงง เป็นโจทย์ใหม่ที่ยากจะคาดการณ์ ยากที่จะตั้งรับ เพราะความสดใหม่ของวิกฤตการณ์ทำให้ต้องเอาสถิติต่างๆโยนลงตะกร้า แผนตั้งรับเดิม ทำอุโมงค์ผันน้ำ ทำแก้มลิง ทำคันคูป้องกัน ทำกำแพงกึ่งถาวร ทำประตูน้ำ พอมาเจออภิมหาวาตภัยก็ไหลยุ่ยไปกับน้ำ
ถ้าไม่รื้อโครงสร้างแผนการบริหารจัดการน้ำใหม่คงจะทำยังไงละครับ
อุทกภัยเที่ยวนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นจุดรับจุดอ่อนของแผนเดิมอย่างปรุโปร่ง
ความเหนื่อยยากในระหว่างแก้ไขวิกฤตินั้นพอที่จะกระตุ้นให้คิดใหม่ได้แล้วนะ
ปีนี้ยังเพียงนี้ ถ้าเจอปีหน้า ปีโน้นอีกจะเพียงไหน
ถ้าไม่แก้ไขให้ถ่องแท้ก็ยากที่จะเดินหน้าต่อไปได้
ชาวบ้านยังเรียกร้องให้เรื้อคันดิน นักวางแผนจะไม่เรื้อแผนได้อย่างไร
วิกฤติน้ำเที่ยวนี้ ทำให้เกิดวิกฤติในใจคน ในสังคม ในวงการธุรกิจ ในนักวิชาการ ในกระทรวงกรมกองและในทำเนียบรัฐบาล อย่าบอกนะว่าปีหน้าจะไม่ผวาอีก หลังจากน้ำท่วมมีการบ้านรอยู่ไม่รู้กี่ร้อยข้อ ในระหว่างรีๆรอๆลมหนาวก็จะโหมกระหน่ำมาอีก ภั ย ค ว า ม ห น า ว เ ย็ น จ า ก ก า ร แ ช่ น้ำ ยั ง ไ ม่ ห า ย ภั ย ค ว า ม ห น า ว เ ห น็ บ จ า ก ไ ซ บี เ รี ย ก็จะหวีดหวิวมาให้สั่นงันงกกันอีก เรื่องหนาวๆร้อนๆนี่ละครับที่สำคัญ ไม่รู้ว่าใครจะเป็นเจ้าภาพหลักเจ้าภาพรองในเรื่องนี้ ถ้าไม่รวมพลังไทยกัดฟันสู้ร่วมกันเหมือนชาติญี่ปุ่นคงลำบากแย่
“น้ำท่วมนาจมหายหลายล้านไร่
จะเอาข้าวที่ไหนไปขายหวา
ข้าวจะกินไม่มีถึงปีหน้า
ทำเหมือนว่าปิ้งปลาประชดแมว”
มีอาการน่าเป็นห่วงพอประมาณ
ท่านพี่ลงมาตรวจการฯดูแล้วแอ๊บแบ๋วเหลือเกิน
มันไม่ทำให้เกิดความเชื่อมั่นอะไรได้เลย
คำพูดคำจาอาสาสมัครปอเต๊กตึ้งยังน่าเชื่อถือมากกว่า
วิกฤติน้ำว่าหนักแล้ว วิกฤติคนคุมนโยบายหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าอีก
เราจะต้องรู้อย่างไรจึงจะบรรเทาเรื่องน้ำให้อยู่ในระดับที่พอรับได้
รู้อย่างไร นี่ไล่ไปตั้งแต่ชาวนาจนถึงหอคอยงาช้าง
จะวางผังวางแผนให้เป็นแนวเดียวกันอย่างไร
ออกกฎหมายภาษีน้ำท่วมดีไหมละ
ชาวนาจะไม่ได้รู้สึกว่าถูกกระทำข้างเดียว
น้ำบ่ามาปล่อยให้ชาวนาตกน้ำป๋อมแป๋ม
แต่คนเมืองมีอภิสิทธิ์ปกป้องดูแลอย่างกับไข่ในหิน
สูบน้ำออกมาซ้ำเติมไร่นาให้เป็นทะเลหนักเข้าไปอีก
ประพฤติเยี่ยงนี้ความชอบธรรมอยู่ตรงไหนมิทราบ
ชาวไร่ชาวนาเอาพื้นที่รับน้ำรับความเสี่ยงแทนท่านผู้มีอันจะกิน
ร้านค้า-ธุรกิจ-อุตสาหกรรม-เขตพื้นที่พิเศษ-ควรจะจ่ายภาษีนี้
ยามเกิดอุทกภัยจะได้เอาเงินภาษีน้ำท่วมมาบริการจัดการช่วยเหลือ
ถ้ามองกว้างมองไกลคนที่เดือดร้อนอาจจะพอรับได้
เรื่องที่จะพอรับได้นี่ต้องตีให้แตกนะเธอ
แค่เงินชดเชยจิ๊บจ้อยคงรับสถานการณ์นี้ไม่ได้หรอก
คนหมดเนื้อหมดตัวถ้าไม่ดูแลให้ดี
วันดีคืนดีม็อบพันธุ์แท้อาจจะลุกฮือขึ้นมาเป็นระลอก
:: ชวนฉุกคิดง่ายๆ
1 ปีนี้น้ำท่วมไร่นาที่ราบลุ่มทุกภาคนับล้านไร่
ชาวนาจะเอาข้าวที่ไหนมาจำนำเกวียนละ 15,000 บาท
โยกงบจำนำข้าวมาช่วยการฟื้นฟูอาชีพได้ไหม
2 ค่าชดเชยความเสียหายที่พักอาศัยที่ทำกินจะชดเชยอย่างไร
อย่าบอกนะว่าครอบครัวละ 5,000 บาท ไร่ละ 2,000 บาท ก็พอแล้ว
3 โครงการประชานิยม ไหนๆจะทำนอกกรอบแล้ว ทดลองทำอย่างนี้ดีไหม
3.1 โครงการรถคันแรก โยกมาช่วยซ่อมรถที่ถูกน้ำท่วมได้ไหม?
3.2 โครงการบ้านหลังแรก โยกมาช่วยซ่อมบ้านน้ำท่วมได้ไหม?
4 หลังน้ำท่วมจะมีมาตรการสงเคราะห์ภาคเกษตรกรรม
ให้เป็นรูปธรรมอย่างไรบ้าง
จะใช้นโยบายประชานิยมก็ไม่ว่า
จะทำให้เป็นที่นิยมถึงอกถึงใจแค่ไหน เ ชิ ญ แ ส ด ง . .
แ ส ด ง ใ น โ จ ท ย์ ที่ ตำ ต า ตำ ใ จ นี่ แ ห ล ะ
จะดูฝีมือรัฐบาล ดูได้จากการแก้ไขวิกฤติของชาติในคราวนี้
ง่ายๆตรงๆชัดๆ จะสอบได้ หรือสอบตก
พวกเราคอยเอาใจช่วยด้วยนะเธอ
อีกหน่อยลมหนาวก็จะมา
ข้าไม่ได้หนาวลมหรอกนะ
แต่หนาวที่รัฐฯจะต้องไปหาเงินกู้มาอีกกี่แสนล้าน
คราวก่อนเงินไทยเข้มแข็งก็ละเลงกันไปมิใช่น้อย
คราวนี้เงินกู้ที่จะมาแก้น้ำท่วมจะตกน้ำไปกี่ต๋อมก็ไม่รู้ได้
“จะสั่งการสั่งงานสั่งไปเถิด
จะฉายเฉิดรำพันฉันไม่ว่า
จะจัดการอย่างไรให้ชาวนา
ได้รู้ว่าเลือกผู้แทนไม่ผิดตัว”