ทุกข์ของคนกินผัก

อ่าน: 2143

กลับจากขอนแก่นพี่น้องเอ๊ย!

เส้นทางคมนาคมทางสำไส้ผิดปกติไปจากเดิม

ทั้งๆที่ไม่ได้แตะต้องเนื้อใดๆแม้แต่น้อย

ไม่ว่าเนื้อคนหรือเนื้อสัตว์

ที่เคยสะดวกปรูดปราดก็กลับนิ่งอั้นไปเฉยๆ

ทั้งๆที่เมื่อเช้าก็ออกกำลังเดินรดน้ำอาบแดดอยู่2ชั่วโมง

แสดงว่าเรื่องการปฏิบัติต่อตัวเองด้านการรับประทานอาหาร สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพร่างกายอย่างเข้มข้นเพื่อหวังผลอย่างแท้จริง จะต้องมีแปลงผักของตนเอง ถ้าอยู่ต่างจังหวัดก็ไม่ยากอะไร แต่คนที่อยู่เมืองกรุงอาจจะผูกมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เรียกว่าคน แล้วเป็นคนปลูกผักปลอดสารด้วยนะ คนเจ้าชู้ไม่เกี่ยว จะได้ตกลงMOU.ว่าจะปลูกจะจัดส่งให้กันอย่างไร หรือใครที่มีญาติอยู่ต่างจังหวัด ถ้าปลูกผักปลอดสารไม่เป็น ก็ชักชวนกันศึกษาทดลอง ไม่ยากหรอกถ้าเห็นประโยชน์คุ้มค่าแล้งลงมือทำจริง 2 เดือนก็อิ่มท้องอิ่มอกอิ่มใจแล้ว

วันก่อนพยาบาลโรงพยาบาลสตึกมาเยี่ยมแม่หวี

พยาบาลส่วนใหญ่ขี้โรคทั้งนั้น

คุยกันไปคุยกันมาถึงรู้ โรคความดัน โรงเบาหวาน โรคไมเกรน โรคมะเร็ง โรคอ้วน โรควิตกกังวล ทำงานหนัก..เลิกงานก็ชวนกันไปเลี้ยงเป็นการหลายน๊อตที่ศีรษะ อาหารที่เลี้ยงก็ แจ่วฮ้อน ตำยำ ปิ้งย่างเนื้อ หุ่นเจ้าเนื้อกันทั้งนั้น พยาบาลลุงพุงน่าดูที่ไหนละ

จึงตุตะอรชรเป็นส่วนใหญ่ ที่ไหนจะเหมือนพยาบาลแถวเชียงใหม่ พยาบาลกลุ่มที่มาบอกว่าอยากทำงานแบบจิตอาสา ชอบใจรูปแบบการทำแปลงผัก จะรีบเอาไปลงมือที่บ้าน มีความเข้าใจมากขึ้นเมื่อโฉมยงพาไปเดินเด็ดผักสดๆมาทำอาหารกัน บอกว่าจะให้โรงพยาบาลมาติดต่อ

โธ่ ผักอินทรีย์ปลูกกินเอง ไม่ได้ปลูกขาย มีคนเข้าใจว่าผักอินทรีย์ควรราคาถูกเพราะไม่ต้องซื้อปุ๋ยเคมีและสารเคมี แต่หารู้ไม่ว่าเป็นงานที่ต้องใช้เวลาและละเอียดอ่อนมาก การลงทุนไปอยู่ที่การเตรียมดินเตรียมน้ำอย่างประณีต ที่สำคัญการขนส่ง ถ้าส่งทางรถทัวร์ตอนเย็นไปถึงเช้า ค่าขนส่งท่านอาจจะคิดว่าแพง แต่ก็ยังถูกกว่าซื้อผักในห้าง จึงเป็นทางเลือกหนึ่งเท่ากับยิงนกโป้งเดียวร่วงมา2-4ตัว

1 ได้รับประทานอาหารสดๆปลอดภัย

2 ไม่ต้องเสียเวลาไปจ่ายตลาด มารับผักที่รถทัวร์สัปดาห์ละครั้ง

3 ได้ช่วยเหลือเครือข่ายชุมชนมีงานมีรายได้

4 ได้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเพื่อนร่วมชาติ

· เรื่องนี้ควรจะให้รางวัลแก่สุขภาพตนเองเสียที

· ถึงผักอาจจะดูแพงอย่างไรก็ถูกกว่าสุขภาพของเราเอง

· ช่วยลดละเลิกสะสมสารพิษไว้ในร่างกาย

· แถมยังประหยัดค่ายาค่าไปหาหมออีก

· ถ้าคิดสารตะถึงคุณภาพชีวิตแล้วถูกมาก

· รีบๆดูแลตัวเองอย่างเอาจริงเถิด

· ก่อนที่จะไม่มีโอกาสทะนุถนอมตัวเอง

เมื่อเช้านี้เดินไปรดน้ำผัก แล้วเด็ดยอดผักมาอย่างละ2-3ยอดก็ค่อนตะกร้าแล้ว นึกในใจว่าจะรับประทานอาหารมื้อเดียว จึงรวบยอดเอาอาหารเช้ากับอาหารกลางวันมารวมกันไว้ด้วยกัน นั่นก็หมายความว่าเราต้อง จึงเด็ดเอาผักกินสุกมาลวกด้วย เช่น ยอดมะกล่ำ มะเขือพวง และยอดน้ำเต้า ส่วนผักสดก็เด็ดที่เคยรับประทานประจำ เด็ดไปเด็ดมา..ไอ้นั้นก็จะแก่ ไอ้นี่ก็จะยาว เรื่อยเจี้อยไปจนผักเต็มตะกร้า ล้างแล้วมีปริมาณมาก น่าจะประมาณ 2 .. ได้ คงเคี้ยวมาจนเมื่อยกราม

คราวนี้ก็เกิดความทุกข์นะสิครับ

จะกินยังไงหมดละเนี๊ย

ที่จริงก็ไม่ได้ปลูกมากมายอะไร ส่วนหนึ่งเป็นงานเก็บข้อมูลด้านเมล็ดพันธุ์

ผักที่อยู่รองรับคนได้6-7คน/วัน

ส่วนผักที่เด็ดมากินกัน2คนกำลังดี

คนชอบผักก็อยู่ไกลๆกันทั้งนั้น

จะชวนมาหาร3หาร4ก็ไม่มีทางทำได้

คนน่ารักกับคุณโยโก๊ะติดงานสำคัญมาไม่ได้

แกงขี้เหล็กที่จะทำก็คงต้องนั่งฟาดจนหน้ามืด

ครูสมบูรณ์ก็ไปควงตะหลิวอยู่ที่อินเดียโน่น

ถ้าสอนคนอินเดียกินผักไม่สำเร็จอย่ากลับมานะครับ

เสียชื่อครัวไทยสู่ครัวอินเดียโม๊ด คิคิ


สถานการณ์ตอนนี้ กินก็แล้ว แจกก็แล้ว

ผักสดเหมือนอาหารทะเลที่ไหนละ

ถึงเวลาจวนแก่ก็พุ่งพรวดพราดวันต่อวัน

ถ้าไม่รีบกำจัดจุดอ่อนละแย่เลย

ดังนั้น การวางแผนปลูกผักคงมีหลายระดับที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปล ถ้าตั้งเป้าว่าจะใช้ผักสำหรับ 10-20 คน/วัน, หรือ 30-50 คน/วัน จะมีรายละเอียดมากพอสมควร เรื่องอย่างนี้ไม่ลองก็ไม่รู้

มีคนจำนวนมากคิดเองเออเองว่าอาหารมังสะวิรัตไม่อร่อย

เพราะตนเองติดรสชาติทั่วไปเสียแล้ว ยังดีที่คนชนบทที่ยังมีน้ำพริกติดถ้วยอยู่บ้าง นักปฏิบัติจะบอกว่า..เรารับประทานเพื่อยังแก่ชีวิต ไม่ได้เพื่อความอร่อย ก็ไม่มีผิดถูกหรอกนะครับ แต่ถ้าจะเสนอแนวทางส่งเสริมให้ได้ผลเร็ว เราต้องมีเมนูเด็ดสิครับ

ทำอย่างไรถึงจะให้อาหารมังสะวิรัตอร่อยสำหรับผู้ที่ริเริ่มรับประทาน

ท่านผู้อ่านมีข้อเสนอแนะไหมครับ

ผมจะได้นำมาประกอบการความอร่อยให้อื้ออึงไปทั้งบางยี่ขัน


ช่วยๆกันรักประเทศไทยดีไหมครับ

อ่าน: 1529

ตอน ปลูกต้นไม้แล้วได้อะไร

พื้นที่ๆผมมาปักหลักปลูกต้นไม้ ผ่านการปลูกพืชเชิงเดี่ยวมายาวนาน จากที่เคยอุดมสมบูรณ์ปลูกอะไรก็งาม ไม่ว่าจะเป็นข้าวไร่ เดือย ถั่วลิสง ปอ เพราะเพิ่งผ่านการบุกเบิกพื้นที่ใหม่ หลังจากจัดการกับตอไม้และสิ่งรกเรื้อออกไปแล้ว ได้ปลูกสวนนุ่น สมัยนั้นฟ้าฝนก็ดี โรคแมลงก็ไม่มี เทคโนโลยีก็ยังไม่มา ได้เลี้ยงควายฝูงหนึ่งไว้ไถสวน เป็นระยะพึ่งพาตนเอง100%อย่างแท้จริง นุ่นเจริญงอกงามมาก ฝักงามจนบางครั้งกิ่งถึงกับหัก ช่วงที่ดอกนุ่นบานจะมีผึ้งหลวงและผึ้งมิ้มมาอยู่จำนวนมาก เป็นเสมือนฟาร์มเลี้ยงผึ้งโดยธรรมชาติ

เด็กบ้านป่ากินลูกผึ้งน้ำผึ้งเป็นของหวาน

พอผ่านยุคเรื้อสวนนุ่นที่ต้นแก่ผลิตลดลงออกไป มันสำปะหลังก็เข้ามาเป็นตัวเลือกใหม่ เนื่องจากสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป ความชุ่มชื้นน้ำหมอกน้ำค้างหายไป ปุ๋ยในดินก็หดหายไป ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงเริ่มเข้ามาเยือน เกษตรกรช่วงนี้อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านมาปลูกพืชเชิงเดี่ยวมากขึ้น อ้อย มันสำปะหลัง เป็นตัวเลือก อยู่ที่สูงดินร่วนปนทราย มันสำปะหลังและถั่วลิสงยังปลูกคู่เคียงกัน ตอนท้ายๆลดมาปลูกมันสำปะหลังตัวเดียว แรกๆหัวมันก็เติบโตดี ต่อๆมาหัวมันก็เล็กลงๆ จนเหลือขนาดแขนเด็กๆ

ทำให้ฉุกคิด

ถ้าเราปลูกพืชล้มลุก..เราก็คงล้มลุกคลุกคลานอย่างนี้แหละ

ถ้าปลูกพืชยืนต้น..เราน่าจะยืนหยัดมั่นยืนตลอดไป

คำถามก็คือ..จะปลูกต้นอะไร

มีใครยึดอาชีพปลูกสร้างสวนป่าบ้าง

พบว่า..งานปลูกป่าไม้จะอยู่ในส่วนงานราชการ เช่น ออป. และมีการสัมปทานป่าไม้ให้แก่ภาคเอกชนรายใหญ่บ้าง รายเล็กรายน้อยส่วนมากจะปลูกต้นไม้ตามหัวไร่ปลายนา ยังไม่มีการปลูกอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เพราะการปลูกต้นไม้นั้นต้องใช้ทุนใช้เวลานาน ประกอบกับยังไม่มีนโยบายส่งเสริมในเรื่องนี้

ไปขอกู้เงินปลูกป่าไม้ พนักงานธนาคารหัวเราะ

“นับเป็นโครงการที่ดี แต่ธนาคารยังไม่มีนโยบายในเรื่องนี้”

ดังนั้น จึงไม่ต้องสงสัยนะครับว่า ทำไมป่าไม้เมืองไทยจึงอยู่ในสภาพนี้

คนไทยเก่งแต่ตัดไม้ แต่ไม่สนใจที่จะปลูกต้นไม้

เพราะคนไทยมองว่าป่าไม้ต้นไม้เป็นของฟรีมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง

เลือกตัดมาใช้สอยกันสบายๆ ทำไมจะต้องไปปลูกด้วย

รุกป่าตัดไม้ไม่พอยังเผาป่ากันไม่บันยะบันยัง

ในเมืองเชียงใหม่ปลูกต้นยางนา2ข้างทางถนนสารภี-ลำพูนตั้งแต่สมัย ร.5

ในกรุงเทพฯปลูกต้นตะเคียนทองไว้ทำเรือตั้งแต่สมัย ร.1

ในหลวงได้ปลูกไม้ยางนาและไม้อื่นในวังสวนจิตลดา

แต่ก็ยังหาคนยึดอาชีพปลูกสร้างสวนป่าน้อยมาก มาในชั้นหลังๆกรมป่าไม้ได้สนับสนุนเกษตรกรปลูกสร้างสวนป่า ทำให้เกิดเกษตรกรตัวอย่างทางด้านนี้ รับการคัดเลือกไปรับรางวัลเกษตรกรดีเด่นสาขาปลูกสร้างสวนป่า เนื่องในวันพระราชพิธีจรดพระนางคัลแรกนาขวัญที่สนามหลวงทุกปี เกษตรกรบางรายที่มีการพัฒนาการต่อเนื่อง

บางปี FAO.จะคัดเลือกให้รับรางวัลเนื่องในวันอาหารโลก

ในปี พ.ศ. ผมได้รางวัล …

FAO.ไม่ได้ให้เป่าหยิงฉุบแจกรางวัลหรอกนะ

คงมีการติดตามดูว่าใครปลูกและทำอย่างไรมาบ้างพอสมควร

ช่วงที่ตัดสินใจเปลี่ยนผ่านการงานอาชีพ ซึ่งไม่มีลู่ทางหรือปัจจัยเกื้อหนุนอะไรเลย แต่ก็เสี่ยงที่จะทำไปเรียนรู้ไป เพราะอยากจะเป็นทาร์ซานตามที่เคยดูในหนังรถขายยาสมัยเด็ก ประกอบกับที่ดินผืนดังกล่าวร้อนแล้งไม่มีต้นไม้ให้อาศัยร่มเงา ปลูกพืชผักผลไม้ก็ยาก ขุดบ่อน้ำตื้นหรือขุดสระน้ำก็กักเก็บน้ำไม่ได้ ดินทรายไม่เก็บซับน้ำใดๆอยู่แล้ว สภาพช่วงนั้นเรียกว่าน้องๆทะเลทราย

ผมจะปลูกต้นอะไรดี

ต้นที่ปลูกแล้วไม่ต้องรดน้ำ เพราะไม่มีน้ำจะรด

นั่นก็หมายความว่า..จะต้องเป็นพืชโตเร็วทนแล้งเอาตัวรอดได้ สมัยนั้น คนบ้านนอก จะไปถามใครละครับ ผมจึงไปขอกล้าไม้จากศูนย์เพาะชำพันธุ์ไม้ กรมป่าไม้ หลายชนิด เช่น ไม้สะเดา ไม้ไผ่ ไม้กระถินณรงค์ และไม้ยูคาลิปตัส

หลังจากผ่านไปฝนแรก ไม้ชนิดต่างๆยังเติบโตต่อไปได้ ที่สะดุดตาเป็นพิเศษได้แก่ไม้ยูคาลิปตัส พอตั้งตัวได้ไม้ชนิดนี้เติบโตเด่นเป็นสง่าแซงหน้าไม้อื่น คงจะเป็นเช่นนี้กระมังเขาถึงเรียกว่า “ไม้โตเร็ว” เมื่อเห็นข้อดีอย่างนี้ มีพันธุ์ไม้ที่สามารถปลูกได้ในที่แห้งแล้งอย่างนี้จะรีรออะไรอีกละ ผมจึงไปซื้อเมล็ดไม้ยูคาลิปตัสจากออป. มาเพาะกล้าไม้เอง

เมล็ดไม้ยูคาฯนั้นเล็กเท่าๆกับเม็ดทราย

ต้องประคบประหงมดูแลตั้งแต่ต้นเล็กๆเท่าเส้นผม

ค่อยๆถอนมาลงถุงดูแลต่ออีก2-3เดือน

ต้นโตประมาณ1ฟุตจึงย้ายไปลงหลุมปลูก

หลังจากนั้นก็ต้องดูแลเรื่องสัตว์และปลวกมารบกวน

ผ่านไป1ปีก็สบาย

แต่ก็ควรระวังเรื่องวัวควายชาวบ้านและไฟไหม้ช่วงแล้ง

ถ้าผ่านเรื่องเหล่านี้ไปได้

3-4 ปีก็มีไม้เขียวครึ้มในพื้นที่ๆเคยแห้งโกร๋น

แต่ก็นั้นแหละ การจับต้นไม้มาเข้าแถว แถมยังเป็นพันธุ์ไม้ชนิดเดียว มันก็ยังดูผิดแผกไปจากป่าไม้ธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้การปลูกไม้ยูคาลิปตัสในช่วงแรกๆจึงได้รับการท้วงติงจากผู้สันทัดกรณีว่า

มันเป็นไม้มหาภัย

มันกินน้ำกินปุ๋ยมาก ปลาตาย นกหนูไม่อยู่อาศัย ไม้อื่นขึ้นไม่ได้

มันเป็นไม้ต่างด้าว ขืนปลูกไปมีหวังสภาพแวดล้อมเสียหาย

คำทักท้วงด้วยความห่วงใยเหล่านี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องรับฟังและเอามาใคร่ครวญ ผมมองวิกฤติเป็นโอกาสว่า แหม..ดีจังเลย มีคนมาตั้งโจทย์ให้โดยที่เราไม่ต้องมามะงุ้มมะง่าหราหาสมุติฐานเอง ที่จริงผมก็รักและห่วงใยพื้นที่ดินของผมเหมือนกันนะครับ อะไรที่ทำไปแล้วรู้ว่ามันไม่ดี เราจะบ้าทำไปทำไมละครับ

ปัญหามันอยู่ที่ว่า..ที่ว่ามันไม่ดีนั้นมันเป็นฉันใด

มันท้าทายให้เข้าไปตีแตกยิ่งนัก

เราจะเชื่อเพราะเพียงคำบอกเล่า คำเขาว่า..อย่างนั้น เขาว่าอย่างนี้รึ

ถามว่า “เคยปลูกยูคาฯแล้วใช่ไหม เปล่า เขาว่า..

ช่วงนั้นมีคนออกมาเขย่าเรื่องยูคาลิปตัสแทบทุกเวที

แต่ผมก็ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนอะไรหรอกนะ

ยังรักเดียวใจเดียวมั่นคงสม่ำเสมอ

ปลูกไป สังเกตไป ทดลองไป

จนได้ความจริงมาระดับหนึ่งว่า

ไม่มีต้นไม้ชนิดไหนในโลกนี้ที่เลวร้ายเท่ามนุษย์หรอกนะครับ

เที่ยวไปโทษต้นไม้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้

ที่จริงแล้วเป็นเพราะคนทำไม่ถูกจัดการไม่เป็นต่างหาก

สรรพสิ่งในโลกนี้เปรียบเสมือนเหรียญ2ด้าน

ตาดีก็ได้ ตาร้ายก็เสีย

อยู่ที่จะมองแบบเอกซเรย์ หรือมองแบบดาดๆ

มีเสียงอึกทึกบอกว่า..ยู ค า ฯ มั น กิ น น้ำ ม า ก

อ้าว ! กินน้ำแล้ว มั น มี ข า เ ดิ น อ อ ก จ า ก ที่ ดิ น เ ร า ไ ห ม เ ล่ า ?

การที่ต้นไม้ดูดซับน้ำไว้ในลำต้นแล้วค่อยๆระเหยความชื้นออกมา

ยังไม่ใช่ข้อดีอีกรึ หรือว่าชอบที่น้ำฝนไหลทิ้ง ปล่อยที่ดินให้แห้งผาก

ในพื้นที่แก้มลิง ถ้าปลูกต้นยูคาฯลงไปด้วย

ยูคาลิปตัสจะดูดน้ำไปไว้ในลำต้นทำให้แก้มลิงรับน้ำได้มากขึ้น

อนึ่ง ยูคาฯปลูกในที่ลุ่มทนน้ำท่วมได้5-6เดือน

แทนที่จะปล่อยให้แก้มลิงว่างเปล่าก็ปลูกต้นไม้จะได้ประโยชน์หลายต่อ

เรื่องนี้เป็นหนังยาวเสียแล้ว..

โ ป ร ด ติ ด ต า ม ต อ น ต่ อ ไ ป ด้ ว ย ค ว า ม ร ะ ทึ ก ร ะ ท ว ย ใ จ อิ อิ..


กลอย

อ่าน: 2348

“กลอย” ชื่อสั้นๆอย่างนี้จริงๆครับ แต่ก็มีคนเอาไปเปรียบเทียบกับสตรี เช่น สาวน้อยกลอยใจ ไม่ทราบที่ไปที่มา รึกลอยจะมีความสำคัญในอดีต เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ ตั้งแต่คุณรอกอดชวนให้ผมปลูกพืชหัว ผมก็ปลูกไปเรื่อยเท่าที่จะหาได้ เช่น เผือก มันต่างๆ แล้วก็มีกลอยนี่แหละผสมโรงเข้ามาอีกอย่างหนึ่ง กลอยเป็นพืชหัวก้อนกลมๆขึ้นเป็นกระจุก ถ้าสมบูรณ์ดีก็จะมีหลายหัวและหัวใหญ่ๆ ขุดง่าย เพราะหัวอยู่ผิวดินตื้นๆ ถึงฤดูนี้ถ้าเราไม่ขุดหัวกลอยก็จะเน่า แล้วแตกหน่อขึ้นมาใหม่ ต้นกลอยเป็นเถาว์พันขึ้นตามต้นไม้ใหญ่ ช่วงกลางฝนจะติดเมล็ดปลิวไปเกิดทั่วสวน

นับเป็นพืชอาหารที่เอาใจมนุษย์เป็นพิเศษ

สมัยผมเป็นเด็กๆหน้านี้จะมีชาวบ้านนึ่งกลอบใส่กระทงมาขาย บางเจ้าก็จะขูดมะพร้าวโรยน้ำตาลเติมเกลือพอปะแล่มๆ ถือเป็นอาหารพิเศษประจำฤดูปลายฝนต้นหนาว แต่ชาวเมืองเขาจะเอากลอยมาทำของหวานให้จ๊าบส์ขึ้นไปอีก ทำเป็นกลอยกะทิสด เติมน้ำแข็ง ก็อร่อยดีไปอีกแบบ นอกจากนี้เนื้อกลอยยังเอามาทำอบแห้งไว้ได้ วันหลังนึกอยากจะทานก็เอามาแช่น้ำแล้วเอาไปนึ่ง เราก็จะได้เนื้อกลอยหอมกรุ่นทำของหวาน เนื้อกลอยแห้งยังน้ำมาทำข้าวเกรียบ หรือบดเป็นแป้งทำขนมได้อีกนะครับ

ผมไม่มีความรู้เรื่องการเอากลอยมาทำอาหาร

คนงานเล่าว่า  ขุดมาแล้วเอามาฝานเป็นแว่นๆเคล้าน้ำเกลือ

ใส่ถังแช่น้ำทิ้งไว้ 4-5 วัน

ต้องทำซ้ำอย่างนี้ 2-3 ครั้ง

แสดงว่ากว่าจะได้เจี๊ยะกลอย

จะต้องผ่านกรรมวิธีหลายขั้นตอนและใช้เวลาพอสมควร

แต่ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร

ชาวเขาทางภาคเหนือจะล้างพิษกลอยง่ายกว่าคนอีสาน

กรรมวิธีชาวเขาจะเอาเนื้อกลอยฝานมาแช่ธารน้ำไหล

สารพิษที่อยู่ในเนื้อกลอยจะละลายไปกับน้ำดีกว่าวิธีหมักคนอีสาน

มีคนเล่าว่า..น้ำหมักกลอยเอาไปรดผักหนอนตายเรียบ

กลอยที่สวนป่าปลูกมี 2 สายพันธุ์

ชาวบ้านเรียกกลอยข้าวเจ้าเนื้อจะออกสีขาวๆ

อีกชนิดหนึ่งเรียกกลอยข้าวเหนียวเนื้อจะออกสีเหลืองๆ

เช้านี้ได้ชิมเนื้อกลอยข้าวเหนียว

พรุ่งนี้จะให้คนงานชวนห้วไปขุดกลอยมาสัก4-5เข่ง ฝานแช่น้ำทิ้งไว้

อบให้แห้งเก็บเข้่าขวดโหลไว้ทำของหวานโชว์..รอกอด

เมื่อเราปลูกต้นไม้แล้ว  ก็เอากลอย หัวบุก หัวมันมาฝังไว้โคนต้น  หลังจากนั้นพืชหัวเหล่านี้ก็จะเจริญแพร่พันธุ์ไปเองตามธรรมชาติ คนงานเล่าให้ฟังว่าในสวนมีกลอยขึ้นมากมาย ผมสังเกตเห็นต้นเล็กๆขึ้นประปราย ต่อไปคงพัวพันต้นไม้เต็มไปหมด เพราะเมล็ดกลอยบางเบา แถมยังแขวนตัวอยู่บนต้นไม้สูง โดนลมพัดจึงแตกตัวกระเด็นไปตามลม วันนี้ได้ทราบขั้นตอนมาในระดับหนึ่ง ต่อไปถ้าเกิดสภาพวิกฤติทางธรรมชาติ เราก็สามารถขุดกลอยนี้แหละมานึ่งกินแทนข้าวได้อย่างสบาย จบเรื่องคาร์โบไฮเดรทไปอีกประเปาะหนึ่ง

ส่วนเรื่องสาวน้อยกลอยใจคงต้องติดตามตอนต่อไป

ปลายเดือนนี้สาวๆชาวSCG.ระยอง จะมาช่วยขุดกลอย

รึ..ฟ้าจะส่งกลอยตากลอยใจมาหา

กลอย มีตำนานเล่าขานกันมาว่า กลอย เป็นอาหารที่มีคุณค่าและประโยชน์สามารถนำมาทานแทนข้าวได้ ในสมัยสงครามโลกที่ผู้คนได้อพยพไปซ่อนตัวกันอยู่ในป่านอกจากข้าวแห้งที่ เตรียมไปแล้วยังมี กลอย” เป็นอาหารที่สามารถหาได้ภายในป่านำมาต้มมาหุงกินแทนข้าวได้

กลอย จัดเป็นพืชล้มลุกมีหัวชนิดหนึ่ง ซึ่งนิยมบริโภคมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในประเทศไทยมักจะขึ้นตามป่าเบญจพรรณที่ค่อนข้างโปร่ง หัวกลอยฝังอยู่ใต้ดินตื้น ๆ หัวใหญ่ ๆ โตได้เท่ากับไหกระเทียม กลอยมีอาหารจำพวกแป้ง ( Starch ) อยู่ มาก คนในชนบทหรือชาวป่าจึงขุดหัวกลอยมาต้มกิน หรือในบางทีก็จะหุงรวมกับข้าว ส่วนคนเมืองนิยมทำเป็นอาหารได้หลายรูปแบบเช่น กินกลอยคลุกน้ำตาลกับมะพร้าว หรือนึ่งปนกับข้าวเหนียวมูล ทำเป็นข้าวเหนียวกลอยหน้าสังขยาหรือโรยน้ำตาลป่นปนกับงาก็อร่อย หรือจะหั่นกลอยเป็นชิ้นบาง ๆ นำไปชุบแป้งทอดกินแบบกล้วยแขกอาบน้ำตาลหรือจะทำเป็นกลอยบด กลอยแผ่น ข้าวเกรียบกลอย และบัวลอยกลอยก็น่าอร่อย ทั้งนี้ในประเทศไทยมีกลอยประมาณ 32 ชนิด พบมากในภาคเหนือ ช่วงฤดูฝนจนถึงฤดูหนาว ในต่างประเทศสามารถพบกลอยได้ทั่วในเขตป่าฝน ในเขตร้อน ตั้งแต่ประเทศอินเดียไปจนถึงเทือกเขาหิมาลัย

หัว กลอย ก่อนนำมากินจะต้องล้างสารพิษออกให้หมด โดยฝานหัวกลอยเป็นชิ้นบางๆ นำมาแช่ในน้ำเกลือแล้วถ่ายน้ำทิ้งหลายๆ ครั้ง หรือแช่ในน้ำไหลเพื่อให้น้ำชะล้างสารพิษออกให้หมด เพราะ dioscorine เป็นแอลคาลอยด์ที่ละลายได้ดีในน้ำ ชาวป่าบางเผ่านำน้ำที่คั้นจากหัวกลอยมาผสมกับยางของต้นน่อง (Antiaris toxicaria Lesch.) อาบลูกดอกเพื่อใช้ยิงสัตว์

ชาว บ้านจะแบ่งง่ายๆตามลักษณะของลำต้นและตามสีในเนื้อหัวกลอยกล่าวคือกลอยข้าว เจ้าจะมีลักษณะของ เถาและก้านใบสีเขียวส่วนกลอยข้าวเหนียวมีเถาสีน้ำตาลอมดำ ลักษณะใบของกลอยทั้งสองชนิดมี3 แฉก คล้ายใบถั่ว เส้นใบถี่ส่วนเถาจะมีหนามแหลมตลอดเถาดอกออกเป็นช่อมีดอกย่อยดอกเล็กๆสีขาว จำนวนมากหัวกลอยจะฝังในดิน ตื้นๆ มีหลายหัวติดกันเป็นกลุ่ม เท่าที่พบมีตั้งแต่3หัวถึง14หัวใน1กอขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของหัวกลอยวัด ได้ตั้งแต่2.5ซมถึง25ซม.

มี ชื่อพื้นเมืองต่างๆเช่นกลอยมันกลอยกลอยข้าวเหนียวกลอยหัวเหนียวก๋อยนกกอยหัว กลอยและกลอยนก เป็นต้น เมื่อนำหัวกลอยมาปลอกเปลือกและหันเป็นแว่นบางๆ จะพบว่ากลอยข้าวเจ้าจะมีเนื้อสีขาวนวลและเนื้อหยาบกว่ากลอยข้าวเหนียวซึ่ง มีสีเหลืองอ่อมถึงเหลืองเข้ม(สีทอง)เนื้อเหนียวและรสชาดดีกว่ากลอยข้าวเจ้า ซึ่งมีเนื้อร่วยซุย ฉะนั้นชาวบ้านหรือเกษตรกรจึงนิยม รับประทานกลอยข้าวเหนียวมากกว่ากลอยข้าวเจ้า

เนื่องจากกลอยเป็นพืชแป้งที่มีพิษอย่างแรงเพราะในเนื้อแป้งมีสารไดออสคอรีน(Dioscorine)ฉะนั้น ถ้านำมารับประทานโดยไม่ทำลายสารพิษก่อนจะทำให้เกิดอาการเบื่อเมาเพราะสารนี้ จะไปทำลายระบบประสาทส่วนกลางทำให้เป็นอัมพาตถ้ารับประทานสดๆ ขนาดเท่าผลมะม่วงอกร่องจะทำให้ตายภายใน6ชั่วโมง วิธีเอาสารพิษ(Dioscorine)ออกจากกลอย ก่อนนำไปบริโภควิธีการทั่วๆไปคือปอกเปลือกหัวกลอยให้สะอาด หั่นเป็นแว่น แต่ละแว่นหนาประมาณ1-1.5ซม.นำหัวกลอยที่ หั่นแล้วใส่ในภาชนะ ใส่ชิ้นกลอยที่หั่นแล้วลงไปในภาชนะหนาประมาณ10ซม. โรยเกลือให้ทั่วหน้า1-2ซม.แล้ว ใส่ชิ้นกลอยลงไปทำสลับกับเกลือ จนกว่าจะหมดทิ้งไว้ค้างคืนวันรุ่งขึ้นนำกลอยที่หมักออกมาล้างน้ำ ให้สะอาดใส่ชิ้นกลอยที่ล้างแล้วลงไปในถุงผ้าดิบหรือผ้าขาวบาง นำของหนักทับไว้เพื่อไล่น้ำเบื่อเมาของกลอยออกให้หมดหลังจากนั้นนำชิ้นกลอย จากถุงผ้าเทกลับลงไปในภาชนะเดิมใส่น้ำให้ท่วมเนื้อกลอย ทิ้งไว้ค้างคืนรุ่งเช้าจึงนำชิ้นกลอยมาล้างให้สะอาดและทำเช่นเดิม ประมาณ5-7วัน จึงจะปลอดภัยจากสารพิษและนำมาบริโภคหรือ ปรุงอาหารได้หรือจะผึ่งแดดให้แห้งเก็บตุนไว้เมื่อจะบริโภคจึงนำ ชิ้นกลอยมาแช่น้ำนำไปนึ่งหรือปรุงอาหารอื่นรับประทานได้

:: ข้อมูลค้นจากเน็ท

ส่งข่าวถึงคุณหมอจอมป่วน

ผมมีแพะขบเผาะเหมาะที่ทำแพะตู๋น

หนาวเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น

ถ้าคุณหมอขี่รถจักรยานมาหา

รับรองมีเมนูเด็ดอย่างคาดไม่ถึง

จิบอกไห่ อิ อิ


ความรู้คนละชุด

อ่าน: 1443

เราแต่ละคนมีความรู้อยู่ในตัวไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความถนัด ความชอบ นิสัย หรือประสบการณ์ที่เกิดขึ้นมาแต่อ้อนแต่ออก พอโตมาก็เข้าโรงเรียน เลือกเข้าคณะโน้นคณะนี้ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาศึกษาหาความรู้จนมีความสามารถสอบเข้าไปทำงาน ทำงานแล้วก็ยังฝึกฝนทักษะ เข้ารับการอบรมสัมมนาอยู่เนืองๆ  เกิดเป็นผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการ บางคนมีคำว่าพิเศษห้อยท้ายด้วย มีตำแหน่งก้าวหน้าเติบโตไปจนถึงวัยเกษียณ ส่วนคนที่ได้รับการศึกษาน้อย เอาแค่พออ่านออกเขียนได้ หลังจากนั้นก็ประกอบอาชีพการงานตามที่ครอบครัววางรากฐานไว้ หรือไม่ก็อพยพเข้าไปทำงานในเมือง ไปเป็นฉันทนาในโรงงงานต่างๆ เป็นแม่ค้าแม่ขายรถเข็น เป็นมอเตอร์ไซรับจ้าง ขับแท๊กซี่ เรียกรวมๆว่าไปประกอบสัมมาชีพในกลุ่มระดับแรงงาน

แต่ละบุคคลต่างก็ฝึกฝนวิชาความรู้ที่จำเป็นต้องใช้ในหน้าที่การงาน

คนในเมืองก็สะสมวิชาความรู้เพื่อใช้ในเมือง

คนในชนบทก็สะสมวิชาความรู้เพื่อใช้ในท้องทุ่งไร่นา

เส้นทางของการเรียนรู้ค่อยๆขยับเข้าหากันบ้างในบางจุด

แต่ก็ยังห่างกันอยู่มาก

เว้นแต่ระบบการศึกษาและการพัฒนาจะกระจายความเสมอภาพลงไปทั่วถึงทุกตารางพื้นที่

ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงเทพ อะไรๆ..คนกรุงต้องมาก่อน แม้แต่น้ำท่วมกรุงเที่ยวนี้ ก็ยังมีการแบ่งส่วนความสำคัญของพื้นที่ นิคมอุตสาหกรรมจะได้รับการใส่ใจเป็นพิเศษ พื้นที่ไข่แดงได้รับการป้องกันเฝ้าระวังอย่างยิ่งยวด หมู่บ้านต่างๆ เรือกสวนไร่นาต้องอยู่ในภาวะจำยอม พวกชาวบ้านต้องยอมรับสภาพแบบน้ำท่วมปาก พูดไม่ได้ไอไม่ดังไม่มีอะไรไปต่อรอง ในเมื่อผู้มีอำนาจเป็นฝ่ายชอบธรรม ที่จะตัดสินเลือก..ที่รักมักที่ชัง ประชาชนตาดำๆจึงตกอยู่กับความทุกข์กระเสือกกระสน ถึงจะมีความพยายามที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ แต่วิกฤติเที่ยวนี้เป็นมหาอุกภัย ทำยังไงๆก็ไม่ทั่วถึง คนกรุงชั้นสองต้องงัดความรู้ที่มีอยู่บ้างออกมาช่วยตัวเองสุดฤทธิ์สุดเดช

เราจะเห็นว่า วิชาความรู้ที่อยู่ในตัวจำเป็นจะต้องมีความรู้เพื่อชีวิตและสังคมติดปลายนวมไว้บ้าง ไม่ควรประมาทกับการเรียนรู้ในเรื่องที่นอกเหนือหน้าที่การงานไว้บ้าง ยามเกิดเภทภัยต่างๆ ความรู้ที่ใช้ในการทำงานบางทีก็เอามาใช้ได้น้อยมาก วิชาประสบการณ์ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ คนที่มีความรู้ความถนัดรอบตัวมากๆจะช่วยเหลือตัวเองและคนอื่นได้มาก คนที่ไม่พัฒนาจะมีเงื่อนไขปิดกั้นตัวเอง

ไอ่นั้นก็ไม่ชอบ

ไอ่นี่ก็ไม่เคยกิน

ไอ่โน้นก็ไม่เคยทำ

การมีความรู้จำกัดเป็นความประมาทเหมือนกันนะเธอ

จากเหตุการณ์ที่คนไทยเผชิญช่วงเกิดมหาอุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ ถ้ามองให้ดีเราจะเห็นว่านี่คือการประเมินศักยภาพของสังคมไทยโดยรวม และยังเป็นการประเมินความรู้ความสามารถส่วนครัวเรือนอีกด้วย ควรที่นักการศึกษา นักวิจัยและนักพัฒนาและเจ้าหน้าที่ทุกหมู่เหล่า จะพากันประเมินทบทวนต้นทุนความรู้ความสามารถของหน่วยงานหรือองค์กรที่รับผิดชอบ

โดยเฉพาะการสรุปวิเคราะห์ประเด็นการปรับต้นทุนความรู้จะออกแบบใหม่ออกแบบเสริมอย่างไร

ยกตัวอย่างเรื่องการระบายน้ำด้วยอุโมงค์ยักษ์ เรื่องรถใต้ดิน รถไฟฟ้าBTS.รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง

ถ้ามันดีมีประสิทธิภาพจริงก็ควรจะวางแผนสร้างขยายให้เพียงพอ

เพื่อสร้างความชัดเจนแนวทางป้องกันให้คนบางกอกอุ่นใจและไว้ใจ

การที่รัฐฯ..บอกว่าอย่าวิตก เตรียมตัวไว้อย่าประมาท

ไม่ใช่วิธีที่แก้ปัญหาหรือช่วยอะไรได้เลย

ประชาชนต้องการได้ยินคำพูดที่มีน้ำหนักเชื่อถือเชื่อใจและอุ่นใจได้

ประชากรที่อยู่ในพื้นที่ๆมีความเสี่ยงต้องการสิ่งนี้

จำเป็นที่รัฐฯจะต้องแสดงแบบแผนเชิงนโยบายที่มีคุณภาพเพียงพอที่จะให้ความไว้วางใจ

จากการเตรียมความรู้ไว้บ้างเล็กๆน้อยๆ เช่น การปลูกต้นไม้ในรูปแบบต่างๆ ผมมีข้อจำกัดเรื่องอยู่ในพื้นที่แห้งแล้งดินทราย เก็บน้ำผิวดินไม่ได้ สร้างสระน้ำก็ไม่ได้ น้ำซึมหายหมด จึงเลือกปลูกไม้หัวแข็งแล้วค่อยแทรกไม้พื้นเมืองลงไป แปลงปลูกไม้โตเร็ว แปลงปลูกยาพาราที่นี่ จึงดูประหลาดกว่าทุกแห่ง ด้วยมีแนวความคิดที่ว่า ถ้าเราสังเกตป่าไม้ธรรมชาติทั่วไป เราจะไม่เห็นป่าเชิงเดี่ยวเกิดขึ้นบนผืนพิภพนี้ นั่นแสดงให้เห็นถึงหลักการของธรรมชาติที่สร้างกลไกความหลากหลาย เป็นตัวเสริมส่งซึ่งกันและกัน

ชุดความรู้เรื่องการปลูกป่าไม้ภาคเอกชน น่าเสียดายมากที่ปลูกเพื่อต้องการรายได้อย่างเดียว คิดว่าการปลูกยางพารา ปลูกยูคาลิปตัส ปลูกไม้อาคาเซีย หรือแม้แต่การทำไร่ ก็เน้นการปลูกมันสำปะหลัง ปลูกอ้อยอย่างเดียว ความสำคัญอยู่ที่การตั้งประสงค์ว่าจะเอาอะไร ถ้าต้องการเงินอย่างเดียว อย่างอื่นไม่เกี่ยวก็น่าเศร้า การปลูกพืชที่ผิดไปจากระบบธรรมชาติ เราอาจจะได้ผลผลิตมากแต่ที่ดินก็เสื่อมโทรมมากขึ้น ถ้าทำเพิ่มขึ้นอีกหน่อย ถึงจะไม่สมบูรณ์มากนัก แต่ก็ช่วยชะลอความเสียหายจากการปลูกพืชชนิดเดียว

แปลงป่าไม้โตเร็วของที่นี่

จึงมีการปลูกไม้ยืนต้นประเภทอื่นแทรกลงไปด้วย

เพื่อจะอธิบายว่า..วิธีนี้ทำที่ถูกต้องเป็นเช่นไร

และ ..เหตุผลที่ดีก็คือ นอกจากจะเลียนแบบธรรมชาติแล้ว ยังเป็นการเพิ่มทางเลือกได้อีกด้วย ถ้าศึกษาเพิ่มเติมอีกหน่อย เราก็จะเห็นว่าผืนป่าของเราเป็นที่บ่มเพาะทุนชีวภาพ มีเห็ด มีผักพื้นถิ่น มีแมลง นก ต่างๆเพิ่มขึ้นๆ ต้นไม้ที่ปลูกแทรกไว้นั้น ตัดเอาเฉพาะกิ่งและใบมาทำเชื้อเพลิงและเลี้ยงสัตว์ นอกจากการสร้างงานแล้ว ยังพึ่งตนเองเรื่องปุ๋ยมูลสัตว์ มีไม้เผาถ่านทำเชื้อเพลิง สิ่งที่มองง่ายๆนี่แหละถ้าไม่คิดไม่ทำให้สอดคล้องกัน ชาวบ้านก็จะต้องเสียเงินเสียเวลาไปซื้อปุ๋ยและใช้ยาฆ่าแมลงมากขึ้นๆ

ความรู้ที่ไม่พอเพียงไม่สามารถอธิบายความเพียงพอได้

ผมมีปัญหาเรื่องที่จะอธิบายแนวทางเหล่านี้

เพราะกระแสบ้าเงินมันแรงเหลือเกิน

ทั้งๆที่ทำแบบเราก็ใช่ว่าจะได้เงินน้อยกว่ารึก็ไม่ใช่

มันยังได้ความหลากหลาย ความยั่งยืน ที่พวกปลูกพืชเชิงเดี่ยวไม่โงหัวฟัง

ทำอย่างไรชาวสวนยางพาราจะปลูกยาง3แถว ปลูกไม้พื้นถิ่นแทรก1แถว

อย่าว่าแต่ชาวสวนยางเล๊ยยย แม้แต่องค์การสวนยางก็ไม่คิดประเด็นเหล่านี้

ยังฝึกอบรมชุดความรู้แข็งกระด้างอย่างดื้อดึง

ไม่คำนึงถึงความยั่งยืนอย่างแท้จริง

สักวันคงจะลมพายุพัดสวนยางล้มระเนระนาด

เรื่องความเข้าใจเกี่ยวกับต้นไม้นี่ยากจริงๆนะเธอ

แม้แต่โฉมยงเองก็สั่งให้คนงานตัดต้นไม้โตๆข้างบ้านไปหลายต้น ต้นมะขาม ต้นมะม่วงหิมพานต์ ต้นมะกล่ำอายุนับสิบปี ให้ร่มเงาให้ดอกให้ผลมาแล้วด้วย เพียงอ้างว่าใบมันหล่นใส่หลังคาบ้าน เห็นวิธีแก้ปัญหาแล้ว..ปวดหัวใจ ทำไมถึงไม่คำนึงถึงอายุและเวลาต้นไม้กว่าจะโตได้ ผมยังต้องมาอธิบายให้พี่ๆน้องๆเข้าใจว่าทำไมถึงปลูกไม้อื่นแทรกไม้โตเร็ว เขามองว่ามันได้เงินไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ถ้าปลูกเต็มพื้นที่ล้วนๆน่าจะอู้ฟู่มากกว่า แต่อย่างว่าละครับ คนไม่ได้ปลูกกับมือเขาไม่รู้อะไรหรอก ผมละอยากให้น้ำท่วมพวกนี้ตาช้กกว่านี้อีกสักพันเท่าจังเลยยย

ยากจริงๆครับ ที่จะอธิบายเรื่องมูลค่ากับคุณค่าสามารถทำร่วมกันได้

จากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่เที่ยวนี้ คนบางกอกอาจจะคิดลู่ทางเผ่นออกมาหาพื้นที่ปลอดภัยกว่าที่อยู่เดิม เรื่องนี้ช้าไม่ได้แล้ว ข้อมูลเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิงจะขาดแคลนภายในระยะเวลา20-30ปีข้างหน้า นักอุตสาหกรรมต่างชาติออกมากว้านพื้นที่เพาะปลูกในย่านเอเซียหลายปีแล้วละครับ ประเทศพม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา อินโดนีเซีย ถูกนายทุนต่างด้าวเข้ามาทำสัญญาเช่าระยะยาวไปจำนวนมาก เขาเหล่านี้ต้องการเอาพื้นที่การเกษตรมาปลูกพืชพลังงานทดแทน ด้วยเหตุนี้ ในอนาคตราคาอาหารจะแพงและขาดแคลน ความมั่นคงด้านอาหารก็จะคลอนแคลนอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

แล้วประเทศไทยเรานี่ละจะเป็นอย่างไรบ้าง

ที่ดินเปลี่ยนมือให้ต่างด้าวไปไม่น้อยในรูปแบบหุ้นส่วนข้ามชาติ

นอกจากจะระดมปลูกพืชไร่เชิงเดี่ยวแล้ว

พื้นที่ป่าภูเขาก็มีคนเข้าไปสร้างรีสอร์ท

ป่าไม้ถูกลักลอบตัด

ป้องกันให้ตายก็เอาไม่อยู่หรอกนะครับ

ยางพารา อ้อย มันสำปะหลัง ไม้พยุง ขึ้นราคามากเท่าใด

ป่าไม้ก็ยับเยินขึ้นมากเท่านั้น

คนไทยมีชุดความรู้เปราะบางที่เป็นอันตรายต่อตัวเองและประเทศชาติ

ไทยจะล่มจม ก็  เ พ ร า ะ พี่ ไ ท ย นี่ แ ห ล ะ ก ด หั ว กั น เ อ ง

ความรู้ สำนึก สติปัญญา แห่งชาติอยู่ในระดับ > >

ยิ่งรัก ก็ยิ่งชังขึ้นทุกที

จ๋อม จ๋อม จ๋อม


ATM.น้ำใจ

อ่าน: 5395

(ถั่วพูปลูกง่าย เจี๊ยะอร่อย ดอกสวย)

ตามธรรมดา..น้ำจะไหลจากที่สูงไปหาที่ลุ่ม

น้ำไม่ได้ดื้อนะ

คนนั่นแหละดื้อดึง

ลองนึกดูเถิด ถ้าน้ำไม่ไหลลงที่ต่ำ

เกิดไหลไปที่สูงได้ มนุษย์จะไม่ยุ่งกว่านี้หรือครับ

การที่น้ำไหลไปสู่ที่ต่ำนั่นดีเท่าไหร่แล้ว

เพียงแต่มนุษย์>>ไม่ เ รี ย น รู้ ธ ร ร ม ช า ติ ข อ ง น้ำ

ประมาทพลังของน้ำ

ขงเบ้งยังเคยไขน้ำท่วมข้าศึกพ่ายไม่เป็นท่า

นั่นเพราะ..ท่านรู้จักใช้ธรรมชาติของน้ำ

พูดไปก็ไลน์บอย ..นอกจากเอาใจช่วย ช่วย ช่วย

ขอให้ผู้ประสบภัยปลอดภัยทั่วหน้ากัน

(วิธีนี้เอาไปใช้กับการปลูกต้นไม้ได้ดี ต้นไม้จะเจริญเต็มที่)

ฝนปีนี้ตกพร่ำเพรื่อจริงๆ  วันนี้ให้คนงานเอาสว่านเจาะหลุมปลูกกล้วย ตัวสว่านเจาะได้ลึกเกือบ1เมตร ติดเครื่องพรึด!..สว่านหมุนคว้านลงไปในดินแป๊บเดียวก็เจาะได้เรียบร้อย หลุม 1 ใช้เวลาไม่ถึง 1นาที จึงให้เจาะเรียงแถวจุดละ3 หลุม ห่างกันประมาณครึ่งคืบ หลุมกลางสำหรับปลูกกล้วย 2 หลุมซ้าย-ขวาสำหรับใส่มูลโค เป็นการเติมปุ๋ยลงในระดับล่างให้รากกล้วยดูดไปใช้ได้สะดวก กล้วยได้ปุ๋ยตลอดระยะเวลา 1 ปี แนวคิดนี้เป็นงานวิจัยไทบ้าน จากโจทย์ที่ว่า>>

จะปลูกกล้วยอย่างไรให้ดีกว่าวิธีที่เคยทำมา

การทำงานต้องพัฒนาทุกเรื่องใช่ไหมครับ

ถามว่า..ถ้าปลูกกล้วยละ จะปรับปรุงวิธีการให้สะดวกและดีขึ้นอย่างไร

การนำร่องเช่นนี้ก็เพื่อกระตุ้นให้เกษตรกรไม่ประมาท

ขอให้ช่วยกันคิดค้นวิธีการใหม่ๆ

ถ้าคิดได้คิดดี ผลลัพธ์มันก็คุ้มค่าอยู่แล้ว

ถ้าผลงานดีถูกต้อง ..เราก็จะได้กินกล้วยหอม กล้วยไข่ ผลเต่งหอมอร่อย

(หลุมกลางไว้ปลูกต้นกล้วย หลุมซ้าย-ขวาใส่ปุ๋ยคอก)

(ปลูกกล้วยช่วยชาติ อิอิ)

ทำไมถึงเลือกปลูกกล้วย ที่จริงผมก็ปลูกโน่นนี้อยู่เรื่อยละครับ ปีนี้ปลูกต้นไม้เพื่อการวิจัยไปหลายชนิด ต้นไม้ได้น้ำฝนต่อเนื่องกำลังเติบโตดี ปีที่แล้วปลูกมะละกอไว้หลายต้น แรกๆเจอฝนก็ติดผลเยอะ แต่พอฝนกระหน่ำลำต้นแบกรับน้ำหนักไม่ไหว ผมเผลอ..ไม่เก็บลูกออกบ้าง ต้นมะละกอหักพับลูกกระจายเกลื่อน อีกสาเหตุหนึ่งที่แปลกมาก ดินอุ้มน้ำไว้เยอะ มะละกอต้นโตๆลูกเยอะอยู่เฉยๆก็ค่อยเอนนอนพังพาบต่อหน้าต่อตา ผมไม่เคยเห็นเรื่องลักษณะนี้มาก่อนเลย แปลกแท้ๆ นี่ขนาดอยู่ในที่ราบนะครับ

ผมจึงหายสงสัยเรื่องดินถล่มที่เกิดขึ้นในจังหวัดต่างๆ

(นั่งร้านสำหรับปลูกผักไต่ราว)

มุมมองของชาวไร่ชาวสวน ประเมินว่าไม้ผลที่น้ำท่วม เช่น มะละกอ กล้วย ทุเรียน ส้ม มะนาว มะม่วง ขนุน ถ้าจมน้ำเป็นเดือนมีหวังสวนล่มกันเป็นแถว ส่วนผักล้มลุก ผักรากตื้น เน่าตายไปตั้งแต่เจอน้ำด่านแรกแล้ว นั่นก็แสดงว่า พืชผลของพี่น้องในภาคกลางคงจะเสียหายเป็นส่วนใหญ่ กว่าจะฟื้นฟูสวนขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2-3 ปี ส่วนพืชไร่ก็คงอ่วมไม่น้อย พวกปลูกมันสำปะหลังหัวมันเน่าเต็มดิน บางรายเสียดายอุตส่าห์ไปขุดขึ้นมา ก็ไม่รู้จะเอาไปฝานไปตากที่ไหน ในเมื่อฝนตกไม่บันยะบันยัง ต้องปล่อยให้เน่าเหม็นทิ้งอย่างสุดแสนอาดูร พวกปลูกอ้อยในระยะหลัง อพยพสวนอ้อยลงมาปลูกในที่นาที่ลุ่ม ส่งเสริมกันว่าอ้อยพันธุ์ใหม่ปลูกในที่ลุ่มได้ ปลูกในนาดอนได้ แช่น้ำนิดหน่อยไม่เป็นไร

พ า กั น เ ป ลี่ ย น น า ข้ า ว ม า เ ป็ น น า อ้ อ ย

ถ้าน้ำไม่ท่วมแบบเป็นบ้าเป็นหลังก็อาจจะได้ผลดี

แต่แช่น้ำท่วมขังเป็นเดือนๆอย่างนี้

อ้อย ที่ลงทุนลงแรงไปกลายเป็น อ๋อย อย่างระทดระทวยใจ

เห็นทุกข์ของชาวไร่ชาวนามโหราฬอย่างนี้ อะไรที่พอจะทำได้ผมก็ทำไปตามกำลัง ที่ปลูกปลูกกล้วยหอม กล้วยไข่ กล้วยตานีไว้หลายร้อยต้น ก็เผื่อไว้เอาหน่อกล้วยไปช่วยการฟื้นฟูพี่น้อง ยุคที่น้ำกวาดทุกสิ่งทุกอย่างไปเกลี้ยงแผ่นดินอย่างนี้ พันธุ์พืชต่างๆย่อมขาดแคลนเป็นธรรมดา จึงตั้งใจจะเพาะกล้าไม้ผล ไม้ยืนต้น อยากจะส่งเสริมให้ปลูกไผ่มากๆ ถ้าน้ำท่วมอีกชาวน้ำจะได้ตัดไผ่มาทำแพ ตัดกล้วยมาทำกล้วยตากไว้เป็นเสบียงยามยาก แพะที่เลี้ยงไว้ ถ้ามีมากๆเราสามารถเอามาทำเนื้อแห้งไว้ล่วงหน้าได้

เนื้อแพะแห้งแช่น้ำสักพักเอามาย่าง

แล้วเอาไปแกงป่า แกงเผ็ด เอาไปยำ เธอเอ๋ย แซบหลายยยย

ถ้าน้ำไม่ท่วมก็เอาไปดัดแปลงเป็นเมนูเด็ดประจำร้านก็ได้นี่นะ

(แพะเจี๊ยะใบไม้=แพะกินมังสะวิรัต เราเจี๊ยะแพะก็=เจี๊ยะมังสะวิรัต)

พรุ่งนี้ มะรืนนี้ จะปลูกกล้วย ปลูกละมุดมาเลเซีย ปลูกไม้หอมพันธุ์ใหม่  หลังจากนั้นจะทำรั้วกั้นบริเวณปล่อยแพะ ผมมีแผนจะเอาแพะนมมาเลี้ยงเพิ่มอีก เพื่อศึกษาและเตรียมเพิ่มทางเลือกโปรตีนในอนาคต การเตรียมตัว..ช่วยให้เราไม่ประมาท น้ำมาก็ได้ น้ำไม่มาก็ดี การขุดหลุมลึกรอบๆต้นไม้นอกจากใส่ปุ๋ยแล้ว ยังช่วยเก็บความชุ่มชื้นลงระดับรากต้นไม้ ดีกว่าปล่อยให้น้ำไหลทิ้งเปล่าๆ

ผมเห็นน้ำไหลทิ้ง..แล้วเสียดาย

จะเก็บไว้ก็ท่วมกรุงเทพ

แหม..ถ้ามนุษย์มีเทคโนโลยีเก็บน้ำไว้ในรูปก้อนภูเขาน้ำแข็งเหมือนขั้วโลกเหนือ

เราจะจัดการน้ำได้อย่างวิเศษกว่าทุกวันนี้เป็นไหนๆ

ว่างเมื่อไหร่ก็ไปงัดมาทำน้ำแข็งไสชิมกับคนรู้ใจ

แต่ตอนนี้ไม่มีปัญญา

ปล่อยให้น้ำฝนกลายเป็นน้ำเน่า น้ำท่วมขัง น้ำกัดเท้า

มี แ ต่ น้ำ ใ จ นี่ แ ห ล ะ  .. มี ม า ก เ ท่ า ไ ห ร่ ก็ ไ ม่ บู ด ไ ม่ เ น่ า

ยิ่งท่วมขังก็ยิ่งดี จะได้มีน้ำใจหล่อเลี้ยงหัวใจให้กระฉึกกระฉักกระชุ่มกระชวย

ผมอยากจะตั้งศูนย์รับบริจาคน้ำใจ

ถ้าท่านบริจาคกันมามากๆ..ผมจะตั้งเป็นตู้ ATM.น้ำใจ

ท่านใดใจน้อย เอ๊ย ..น้อยใจ ก็เอาบัตรมารูดเบิกน้ำใจออกไปได้

นั่นก็หมายความว่า..ท่านต้องเคยฝากน้ำใจไว้สม่ำเสมอ

ส่ ว น ด อ ก เ บี้ ย จ ะ จ่ า ย เ ป็ น กอด..ตามวาระอันควร

ใ ค ร ห น อ จ ะ ฝ า ก เ ป็ น ค น แ ร ก  . . .

จ๋อม  จ๋อม



Main: 0.1772940158844 sec
Sidebar: 0.38775086402893 sec