ทุกข์ของคนกินผัก
กลับจากขอนแก่นพี่น้องเอ๊ย!
เส้นทางคมนาคมทางสำไส้ผิดปกติไปจากเดิม
ทั้งๆที่ไม่ได้แตะต้องเนื้อใดๆแม้แต่น้อย
ไม่ว่าเนื้อคนหรือเนื้อสัตว์
ที่เคยสะดวกปรูดปราดก็กลับนิ่งอั้นไปเฉยๆ
ทั้งๆที่เมื่อเช้าก็ออกกำลังเดินรดน้ำอาบแดดอยู่2ชั่วโมง
แสดงว่าเรื่องการปฏิบัติต่อตัวเองด้านการรับประทานอาหาร สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพร่างกายอย่างเข้มข้นเพื่อหวังผลอย่างแท้จริง จะต้องมีแปลงผักของตนเอง ถ้าอยู่ต่างจังหวัดก็ไม่ยากอะไร แต่คนที่อยู่เมืองกรุงอาจจะผูกมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เรียกว่าคน แล้วเป็นคนปลูกผักปลอดสารด้วยนะ คนเจ้าชู้ไม่เกี่ยว จะได้ตกลงMOU.ว่าจะปลูกจะจัดส่งให้กันอย่างไร หรือใครที่มีญาติอยู่ต่างจังหวัด ถ้าปลูกผักปลอดสารไม่เป็น ก็ชักชวนกันศึกษาทดลอง ไม่ยากหรอกถ้าเห็นประโยชน์คุ้มค่าแล้งลงมือทำจริง 2 เดือนก็อิ่มท้องอิ่มอกอิ่มใจแล้ว
วันก่อนพยาบาลโรงพยาบาลสตึกมาเยี่ยมแม่หวี
พยาบาลส่วนใหญ่ขี้โรคทั้งนั้น
คุยกันไปคุยกันมาถึงรู้ โรคความดัน โรงเบาหวาน โรคไมเกรน โรคมะเร็ง โรคอ้วน โรควิตกกังวล ทำงานหนัก..เลิกงานก็ชวนกันไปเลี้ยงเป็นการหลายน๊อตที่ศีรษะ อาหารที่เลี้ยงก็ แจ่วฮ้อน ตำยำ ปิ้งย่างเนื้อ หุ่นเจ้าเนื้อกันทั้งนั้น พยาบาลลุงพุงน่าดูที่ไหนละ
จึงตุตะอรชรเป็นส่วนใหญ่ ที่ไหนจะเหมือนพยาบาลแถวเชียงใหม่ พยาบาลกลุ่มที่มาบอกว่าอยากทำงานแบบจิตอาสา ชอบใจรูปแบบการทำแปลงผัก จะรีบเอาไปลงมือที่บ้าน มีความเข้าใจมากขึ้นเมื่อโฉมยงพาไปเดินเด็ดผักสดๆมาทำอาหารกัน บอกว่าจะให้โรงพยาบาลมาติดต่อ
โธ่ ผักอินทรีย์ปลูกกินเอง ไม่ได้ปลูกขาย มีคนเข้าใจว่าผักอินทรีย์ควรราคาถูกเพราะไม่ต้องซื้อปุ๋ยเคมีและสารเคมี แต่หารู้ไม่ว่าเป็นงานที่ต้องใช้เวลาและละเอียดอ่อนมาก การลงทุนไปอยู่ที่การเตรียมดินเตรียมน้ำอย่างประณีต ที่สำคัญการขนส่ง ถ้าส่งทางรถทัวร์ตอนเย็นไปถึงเช้า ค่าขนส่งท่านอาจจะคิดว่าแพง แต่ก็ยังถูกกว่าซื้อผักในห้าง จึงเป็นทางเลือกหนึ่งเท่ากับยิงนกโป้งเดียวร่วงมา2-4ตัว
1 ได้รับประทานอาหารสดๆปลอดภัย
2 ไม่ต้องเสียเวลาไปจ่ายตลาด มารับผักที่รถทัวร์สัปดาห์ละครั้ง
3 ได้ช่วยเหลือเครือข่ายชุมชนมีงานมีรายได้
4 ได้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเพื่อนร่วมชาติ
· เรื่องนี้ควรจะให้รางวัลแก่สุขภาพตนเองเสียที
· ถึงผักอาจจะดูแพงอย่างไรก็ถูกกว่าสุขภาพของเราเอง
· ช่วยลดละเลิกสะสมสารพิษไว้ในร่างกาย
· แถมยังประหยัดค่ายาค่าไปหาหมออีก
· ถ้าคิดสารตะถึงคุณภาพชีวิตแล้วถูกมาก
· รีบๆดูแลตัวเองอย่างเอาจริงเถิด
· ก่อนที่จะไม่มีโอกาสทะนุถนอมตัวเอง
เมื่อเช้านี้เดินไปรดน้ำผัก แล้วเด็ดยอดผักมาอย่างละ2-3ยอดก็ค่อนตะกร้าแล้ว นึกในใจว่าจะรับประทานอาหารมื้อเดียว จึงรวบยอดเอาอาหารเช้ากับอาหารกลางวันมารวมกันไว้ด้วยกัน นั่นก็หมายความว่าเราต้อง จึงเด็ดเอาผักกินสุกมาลวกด้วย เช่น ยอดมะกล่ำ มะเขือพวง และยอดน้ำเต้า ส่วนผักสดก็เด็ดที่เคยรับประทานประจำ เด็ดไปเด็ดมา..ไอ้นั้นก็จะแก่ ไอ้นี่ก็จะยาว เรื่อยเจี้อยไปจนผักเต็มตะกร้า ล้างแล้วมีปริมาณมาก น่าจะประมาณ 2 ก.ก. ได้ คงเคี้ยวมาจนเมื่อยกราม
คราวนี้ก็เกิดความทุกข์นะสิครับ
จะกินยังไงหมดละเนี๊ย
ที่จริงก็ไม่ได้ปลูกมากมายอะไร ส่วนหนึ่งเป็นงานเก็บข้อมูลด้านเมล็ดพันธุ์
ผักที่อยู่รองรับคนได้6-7คน/วัน
ส่วนผักที่เด็ดมากินกัน2คนกำลังดี
คนชอบผักก็อยู่ไกลๆกันทั้งนั้น
จะชวนมาหาร3หาร4ก็ไม่มีทางทำได้
คนน่ารักกับคุณโยโก๊ะติดงานสำคัญมาไม่ได้
แกงขี้เหล็กที่จะทำก็คงต้องนั่งฟาดจนหน้ามืด
ครูสมบูรณ์ก็ไปควงตะหลิวอยู่ที่อินเดียโน่น
ถ้าสอนคนอินเดียกินผักไม่สำเร็จอย่ากลับมานะครับ
เสียชื่อครัวไทยสู่ครัวอินเดียโม๊ด คิคิ
สถานการณ์ตอนนี้ กินก็แล้ว แจกก็แล้ว
ผักสดเหมือนอาหารทะเลที่ไหนละ
ถึงเวลาจวนแก่ก็พุ่งพรวดพราดวันต่อวัน
ถ้าไม่รีบกำจัดจุดอ่อนละแย่เลย
ดังนั้น การวางแผนปลูกผักคงมีหลายระดับที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปล ถ้าตั้งเป้าว่าจะใช้ผักสำหรับ 10-20 คน/วัน, หรือ 30-50 คน/วัน จะมีรายละเอียดมากพอสมควร เรื่องอย่างนี้ไม่ลองก็ไม่รู้
มีคนจำนวนมากคิดเองเออเองว่าอาหารมังสะวิรัตไม่อร่อย
เพราะตนเองติดรสชาติทั่วไปเสียแล้ว ยังดีที่คนชนบทที่ยังมีน้ำพริกติดถ้วยอยู่บ้าง นักปฏิบัติจะบอกว่า..เรารับประทานเพื่อยังแก่ชีวิต ไม่ได้เพื่อความอร่อย ก็ไม่มีผิดถูกหรอกนะครับ แต่ถ้าจะเสนอแนวทางส่งเสริมให้ได้ผลเร็ว เราต้องมีเมนูเด็ดสิครับ
ทำอย่างไรถึงจะให้อาหารมังสะวิรัตอร่อยสำหรับผู้ที่ริเริ่มรับประทาน
ท่านผู้อ่านมีข้อเสนอแนะไหมครับ
ผมจะได้นำมาประกอบการความอร่อยให้อื้ออึงไปทั้งบางยี่ขัน