หัวใจติดเชื้อบวก
อ่าน: 2581น่าอิจฉาเขียดตะปาดที่มีเวลานั่งยุบหนอพองหนอสบายๆ ไม่มีการบ้านที่ต้องไล่ทำไม่เว้นวายเหมือนคนอยู่ป่า ปีนี้เป็นปีที่มีความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างมาก ในส่วนของชาวบ้านหรือชุมชนยังมีเรื่องที่ต้องเอ็กซเรย์ กิจกรรมเชิงพัฒนายังไม่รู้ว่าจะเบนเข็มให้เข้าถูกเรื่องถูกราวอย่างไร ทุกภาคส่วนประโคมเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ฝึกอบรมกันจนหัวสั่นหัวคลอน สมาชิกกลับมาแล้วก็นั่งมึนงง ไม่รู้จะสะสางปัญหาที่สะสมความเสื่อมโทรมไว้เป็นกะตักได้อย่างไร
ถ้าตั้งต้นจากจุดเล็กๆทำให้กระชับๆจากน้อยไปหามาก ตรงจุดนี้ก็ควรออกแบบให้พอดี ถ้าจะปลูกเพื่อลงหม้อลงกระทะไม่ยากหรอก อย่าไปปลูกมาก เช่น พริก มะเขือ ผักกาด ผักชี ฯลฯ ปลูกเท่าที่เก็บมาเป็นอาหารครัวเรือน ถ้าทำมากก็จะต้องใช้เวลาและปัจจัยการผลิตจำนวนมาก สมมุติว่าทำแบบครึ่งๆกลางๆใช้สูตร “เหลือกินแบ่งขาย” พูดง่ายทำยาก สู้รถพุ่มพวงไม่ได้หรอก “ถ้าเหลือกินแล้วแจก” น่าจะพอไปได้นิดๆหน่อยๆ ยังมีค่าใช้จ่ายประจำครัวเรือนจะไปเอามากจากไหน จะรอเอื้ออาทรทั้งปียังงั้นรึ เรื่องของปากท้องจะมาสมมุติเล่นๆลอยๆไม่ได้ ตัวเลขรายได้ทางเศรษฐกิจอาจจะดูดี แต่ประชาชีระดับล่างกำลังตะแหง่วๆจะทำอย่างไร? โรคทางสังคมร้กษายากมาก ขอบอก..
ปัญหาเรื่องค่าครองชีพรายจ่ายที่ยุบยับ ทำให้ชาวไร่ชาวนามานั่งออกแบบแผนการทำมาหากินของตนเอง กลุ่มที่ทำพืชไร่พืชสวนเชิงเดี่ยวดูจะพอใจ ในเมื่อราคาอ้อย มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ผัก ไม้ผล ล้วนราคาดี ทำให้มีกำลังใจที่จะดูแลพืชผลของตนเองอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นหน่วยงานของรัฐฯจะแนะนำส่งเสริมอย่างไร มันก็อืดอาดเหมือนเรือเกลือ แต่พอราคาพุ่งกระฉูด! ไม่ต้องให้ใครมาบอกหรอกนะ ชาวไร่ชาวสวนวิ่งหาความรู้ ปรึกษาหารือกัน เกิดเป็นสังคมสร้างสมปัญญากันอย่างน่าชื่นชม ผมแอบเห็นปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างแข็งขัน
1. ผักสวนครัวปลูกแต่น้อยแต่มีความหลากหลาย ชอบอะไรมากก็ปลูกอันนั้นใส่ปุ๋ยดูแลให้ดี ให้มีเพียงพอลงหม้อข้าวหม้อแกง จะได้ไม่ต้องไปซื้อที่ตลาดที่ของกระจุกกระจิกแพงมาก ต้นหอม/ผักชี้/1หม้อ อย่างต่ำราคา5บาท/เมนู หรือไม่ก็ต้องพึ่งพารถพุ่มพวง อนึ่ง การปลูกผักสวนครัวได้ออกกำลังกายเบาๆ ยืดเส้นยืดสาย จึงควรทำแต่พอดีอย่าไปปลูกมาก เดี๋ยวจะเหนื่อยและใช้เวลามากเกินไป เว้นแต่จะมีความพร้อมมากก็ไม่ว่ากัน.
2. ที่มาของรายได้ ถ้าจะเอาจากกิจการเศรษฐกิจพอเพียงแบบที่พยายามบอกเล่ากัน ผมคิดว่ายังตีความได้ไม่จะแจ้ง น่าจะเป็นเรื่องหลักการ ส่วนวิธีการนั้นแต่ละครัวเรือนต้องดัดแปลงให้พอเหมาะกับองค์ประกอบของตนเอง กระบวนการพอเพียงเป็นภาพรวมของการคิดการทำ ไม่ใช่การฟันธงว่าจะต้องยังโง้นยังงี้ตายตัว ทุกอย่างควรขยับเขยื้อนไปสู่จุดที่พอเหมาะพอควรแห่งตน
3. เรื่องพืชเชิงเดี่ยว สวนไม้โตเร็วไม้เศรษฐกิจ สวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน ไร่มันสำปะหลัง ไร่ข้าวโพด ไร่อ้อย ฯลฯ โดนท้วงติงว่าไม่สอดรับกับธรรมชาติ ที่ไปที่มาเกี่ยวกับวิธีการน่าจะมาจากการส่งเสริมและเกิดจากประสบการณ์ตรง คงพิจารณาจากวัตถุประสงค์ซึ่งมองเรื่องรายได้ ส่วนผลกระทบส่วนมากจะมองผ่านไป เพราะยังไม่เห็นความเสียหายซึ่งหน้า แต่ก็เมื่อมีรายได้ดี ผู้ประกอบการก็เริ่มมองถึงผลกระทบบ้างแล้ว และเริ่มมีการมองการลงทุนเพื่อความยั่งยืนบ้างแล้ว
: ในช่วงโอกาสทองเช่นนี้ ถ้าชี้ชวนให้เกษตรกรที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว เสริมพืชยืนต้นตัวอื่นเข้าไปเพื่อสอดแทรกความหลากหลายน่าจะทำได้ เพียงแต่ต้องมีตัวอย่างให้เห็น เช่น ปลูกยางพารา 4 แถว สลับไม้ผักยืนต้น 1 แถว หรือปลูกไม้ยืนต้น 3-4 แถว รอบนอกในแต่ละล็อก 5-10 ไร่ ได้ลองขายความคิดนี้ไปบ้างแล้ว คาดว่าจะลงมือทำในพื้นที่ปลูกใหม่ของผู้ประกอบการมืออาชีพ ผลเป็นประการใดจะนำมาโม้นะครับ
4. อยากจะบอกเล่าเรื่องนี้ในงานอิ๊กไนน์ครั้งที่3แต่เวลาจำกัด คงพูดถึงเรื่องราวอย่างละเล็กละน้อย เช่น
· ถ้าคนไทยคิดบวก ผลบวกย่อมเกิดขึ้นแน่นอน ถ้าเป็นตัวคูณของสังคมได้ละเยี่ยมเลย
· ประเทศไทยมีศักยภาพอย่างมากที่จะทำการเพาะปลูก ถ้าเราปลูกฝังเรื่องนี้ให้ถูกทิศถูกทาง ประเทศเราก็จะอุดมไปด้วยธรรมชาติมากขึ้น
· ถ้าคนไทยรักต้นไม้ปลูกต้นไม้ เราก็จะเป็นพลังบวกทางด้านสิ่งแวดล้อม สร้างกระแสใหม่ “ป ลู ก ต้ น ไ ม้ ไ ม่ ต้ อ ง ไ ป ตั ด ต้ น ม า ข า ย ” ปลูกให้หลากหลาย เลือกเอาเฉพาะใบมาเป็นอาหารสัตว์ ทำปุ๋ย ทำเชื้อเพลิง ใช้เป็นวัตถุดิบด้านการประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ กิ่งหมุนเวียนตัดสางออกมาใช้ทำเป็นเชื้อเพลิง เป็นพลังงานส่วนขยาย เป็นปุ๋ย หรือเป็นวัตถุดิบเพื่องานประดิษฐ์กรรมต่างๆอาศัยเทคโนโลยีมาช่วย เศษที่เกิดจากการแปรรูปยังนำเข้าไปสู่การผลิตแก๊สและพลังงาน ส่วนลำต้นปล่อยให้เจริญเติบโต ผลิตออกซิเจนมาให้เราได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ด้วยวิธีนี้ประเทศเราก็จะมีสภาพแวดล้อมเชิงบวก จากการคิดบวก แบบอิกไนน์ไทยแลนด์
· การลดต้นทุนทั้งระบบ ถ้ามีพลังจากธรรมชาติเป็นหลัก จะช่วยลดภาระที่มนุษย์จะต้องจัดแจงได้อย่างมาก ถ้าคิดเผื่อไปถึงผลกระทบที่เกิดจากความผันผวนดิน-น้ำ-ลม-ไฟ(พลังงาน)ด้วยแล้ว เราน่าจะใส่ใจเรื่องนี้กันอย่างเป็นรูปธรรม
· จุดร่วมที่ง่ายที่ทำได้อย่างกว้างขวาง น่าจะมีหลากหลายกิจกรรม ในระดับทั่วๆไป ถ้าช่วยกันปลูกต้นไม้ทั้งแผ่นดินให้เป็นกระแสเป็นพลังร่วมสมัยของมนุษย์ยุคนี้ประเทศเราจะปกติสุขทั่วหน้า
· เราสามารถเลือกปลูกต้นไม้ได้ตามชอบ รักอย่างไหนก็ปลูกอย่างนั้น งานนี้อนุญาตให้เป็นคนหลายใจ เราเลือกปลูกต้นไม้ได้หลายประเภท เช่น ไม้ติดแผ่นดิน ไม้ใช้สอย ไม้เศรษฐกิจ ไม้เพื่อพลังงานทดแทน ไม้ผักยืนต้น ไม้ล้อม ไม้ประดับ ไม้เพื่อการวิจัย ฯลฯ
· ปลูกต้นไม้ไม่ต้องไปตัดต้น เอาเฉพาะกิ่งใบหมุนเวียนมาใช้ประโยชน์ เช่นเอาใบมาเป็นอาหารคน อาหารสัตว์ สมัยนี้ปลูกหญ้ามีปัญหาจากความแห้งแล้ง ถ้าใช้ใบไม้ทดแทนจะเป็นทางเลือกใหม่ ส่วนกิ่งก้านเอามาทำฟืนทำถ่าน ทำปุ๋ย เป็นการใช้ธรรมชาติที่สมดุล และพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง
· ผักที่เราบริโภค ส่วนมากเราจะคุ้นเคยกับผักล้มลุก เช่น ผักกาด กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก คะน้า ฯลฯ แต่เรารู้จักผักพื้นบ้านยืนต้นน้อยมาก เช่น สะเดา มะกอก ยอ เพกา มะรุม มะตูม มะยม มะกล่ำ ฯลฯ นั่นหมายถึงการปลูกต้นไม้จำพวกผักยืนต้น จะเป็นทางเลือกใหม่ แถมยังประหยัดอร่อยปลอดภัยอีกต่างหาก
· ต้นไม้ต้นเดียว เป็นป่าไม่ได้ ต้นไม้ชนิดเดียว ก็เป็นป่าไม่ได้ จะเป็นป่าไม้ได้ จิตใจของคนในชาติต้องมีสีเขียวเสียก่อน
· มนุษย์เราจะมองเห็นมูลค่าตอนที่ต้นไม้โค่นล้มลง (เบิร์ดบอก)
มากกว่าจะเห็นคุณค่าตอนที่ต้นไม้ยังยืนต้นแตกกิ่งสาขา
ต้นไม้ทำความผิดมาตราไหน ทำไมจึงโดนโทษประหาร
ต้นไม้ไม่รับรู้หรอกว่าเกิดขึ้นอยู่บนที่ดินโฉนดของใคร
· ต้นไม้เป็นอะไรมากกว่าที่คิดและมองเห็น
ต้นไม้ซื่อสัตย์ซื่อตรง ไม่มีใครปลูกเสาวรสแล้ว
ออกลูกเป็นมาม่า หรอกนะครับ
· หัวหลักหัวตอเจริญงอกงามไม่ได้
แต่หัวคนคิดและทำอะไรได้มหาศาล
. ถ้าเธอทิ้งสังคม สังคมก็จะทิ้งเธอ
ถ้าเธอทิ้งชนบท ชนบทก็จะทิ้งเธอ
ถ้าเธอทิ้งป่า ป่าก็จะทิ้งเธอ
ถ้าเธอชอบทิ้งๆขว้างๆ เธอจะโดนขว้างทิ้งเข้าสักวัน !
ทุกคนมีพลังบวกในตัว
ถ้าบวกพลังจิตพลังใจเพื่อสิ่งที่รักของเรา
บ้านเมืองก็จะมีพลังประชาคมทำอะไรได้อีกมากมาย
จุดเริ่มอยู่ที่การคิดบวกคิดดีคิดได้
ตั้งต้นจุดประกายความดีความจริงของทั้งแผ่นดินกันเถิด
ถ้าว่างๆติดตามไป อิ.อิ.ได้ ที่โรงภาพยนตร์สกาลา
ช่วงเย็นๆวันที่ 13 มกราคม 2554
ครับผ๊ม!
5 ความคิดเห็น
การี๊ดดด ไหงมี(เบิร์ดบอก) ใส่ไปด้วยล่ะคะพ่อ พ่อลุยบอกเองได้เลย 55555 ไม่มีลิขสิทธิ์อะไรทั้งนั้นแหละค่ะเม้นต์แล้วเม้นต์เลย แต่แหมอยากฟังตัวเป็นๆจัง งานนี้จะมีชาวเฮไปยกป้ายเชียร์พ่อมั้ยคะเนี่ย ^ ^
มันเป็นมุมคิดที่โดนใจนะเบริ์ด บางทีเรื่องง่ายๆเราก็อธิบายไม่ออก
จนกว่า ตาบอดจะมีคนจูง..อิอิ
สังคมเราเป็นสังคมเกษตรกรรมมาแต่ไหนแต่ไร…
หากเราไม่หวือหวาตามฝรั่งอยากมั่งคั่งทางอุตสาหกรรมเหมือนเขาเกินไปนัก ผมเชื่อว่าเราก็สามารถเป็นประเทศเกษตรใบเขียวที่เจริญก้าวหน้าได้ไม่อายใครในโลก, ผมว่าเช่นนั้นนะครับ…
ขอบพระคุณคุณลุงที่เมตตาเข้าไปทักทายที่บล็อกใหม่หมาดของผมครับ
มาลงชื่ออ่านค่ะ ขอบพระคุณเรื่องราวดีๆที่พ่อครูถ่ายทอดเสมอๆ ป้าหวานมาอ่านทุกๆบันทึกค่ะ ได้รับความคิด ความรู้ดีๆไปเพิ่มสมองขี้เลื่อยอยู่เป็นประจำ
สวัสดีปีใหม่ให้ป้าหวาน
ฟ้าประทานสิ่งดีงามตามวิสัย
ส่งข่าวมาว่าอ่านความเป็นไป
เป็นกำลังใจคนแก่แต่ต้นปี อิ อิ