การศึกษาไถ

โดย sutthinun เมื่อ 18 พฤษภาคม 2010 เวลา 18:39 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 1268

ช่วง 2-3 วันนี้ยุ่งกับเรื่องการศึกษาของหลาน ๆ

ผมมีน้องสาว 2 คน

แต่ละคนมีลูกชายฝาแฝดทั้งคู่

หลานคู่โตเข้ามหาวิทยาลัยเรียนร้อยไป 2 ปีแล้ว

แฝดคู่เล็กจะเข้ามหาวิทยาลัยปีนี้

เจ้าหลานชายชื่อพัทธ์ถามเมื่อไหร่ ๆ ก็อยากจะเป็นครู

สอบติดมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร ..สมใจนึกบางลำพู

เจ้าหลานชายชื่อนัทอยากเรียนกฎหมายเหมือนพ่อ

สอบติดคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

ดูภาพรามก็น่าจะราบรื่นสมหวังดั่งตั้งใจ

แต่แล้ว..ก็เกิดเหตุจนได้

เด็กฝาแฝดไม่เคยแยกจากกัน มีคุณป้าที่แสนดีเลี้ยงดูแบบไข่ในหิน หลานอยากจะได้อะไรทำอะไรก็จัดการให้ทุกอย่าง ทำให้เด็กอ่อนไหวไม่ค่อยจะแกร่งแข็งขันเรื่องชีวิตและสังคมว่างั้นเถอะ ตัวคุณพ่อคุณลูกไม่มีปัญหาแต่อย่างใด สอบได้ที่ไหนก็ไปเรียนตามนั้น อาการเทิดเทิงมาตกที่ตัวแม่ วิตกจริตคิดไปต่างๆนานา เกรงว่าลูกจะลำบากอย่างโน้นอย่างนี้ ทั้ง ๆที่พากันไปดูมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงแล้ว ก็ยอมรับว่าเป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่น่าเรียนมาก แต่ความห่วงลูกไม่อยากห่างลูก เลยเบี่ยงเบนจะให้ลูกไปสอบสัมภาษณ์สำรองที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ผมเห็นว่าตัวแม่นั่นแหละเป็นปัญหา และทำท่าจะเออเร่อไปกันใหญ่ 2-3 วันนี่จึงโทรศัพท์คุยเรื่องนี้จนหูแฉะ เพิ่งจะตกลงปลงใจยอมให้ลูกแฝดแยกจากกันแต่โดยดี ผมยกแม่น้ำทั้ง 5 เอาเหตุผลมาหว่านล้อม พิจารณาข้อดีข้อเสีย สรุปได้ข้อเดียวที่ไม่อยากให้ลูกไปอยู่ไกลเพราะแม่มันบ้า.. สมัยนี้โทรศัพท์คุยกันก็สะดวก คุยทางเน็ทก็ได้ หรือจะไปมาหากันก็แป๊บเดียว ..แม่ทำงานการบินไทย มีสิทธิ์ซื้อตั๋วได้ราคาถูกกว่าเราเยอะเลย ไป-กลับ ไม่ถึงพันบาท ถูกกว่านั่งรถแท็กซี่เสื้อแดงเสียอีก

ถ้าเป็นไปตามที่คุยกัน

ภายใน 2-3 วันนี้คงไปมอบตัว

แม่ลูกก็คงไปกอดกันร้องไห้ท่วมแม่ฟ้าหลวง

ผมก็จะหาโอกาสไปเยี่ยมหลานด้วย

ไป ๆ มา ๆ ชักจะได้ไปละปูน-เจียงใหม่-เจียงฮาย บ่อย ๆ แล้วสิ

วันที่ 20 สิงหาคม คณะแพทย์ขอนแก่น จะให้ไปโม้เรื่องภาพรวมการศึกษาไทย เท่าที่ติดตามข้อมูลก็มีแต่เรื่องอ่อนอกอ่อนใจ การศึกษาไทยมีสภาพอีลุ๊บตุ๊บป่องจนยากจะรำพัน การเรียนฟรี 15 ปี, เรียนโทจ่าย 80,000บาท เรียนเสาร์-อาทิตย์ 1 ปีจบ,

มีผู้สันทัดกรณีวิจารณ์ว่า..การเรียนต่อดูเหมือนจะเป็นแฟชั่นชนิดหนึ่ง บางคนเข้าเรียนเพราะคิดว่าโก้เก๋ บางคนเลือกคณะดัง ๆ ทั้ง ๆ ที่พื้นความรู้ตนเองอ่อนที่สุด เอ็นฯ ไม่ติดจำต้องเร่ไปมหาวิทยาลัยเอกชน เจอค่าเทอมแพงลิ่ว เด็กไม่ได้คิดว่าแพง หรือ ถูก ผู้ปกครองแบกหลังแอ่น บางแห่งค่าเทอมแสนขึ้น เรียน 4-5 ปี หมดเป็นเงินนับล้าน

ลงทุนด้วยเงินล้านเพื่อซื้ออนาคตอันว่างเปล่า

รัฐบาลไทยเก่งอยู่อย่างเดียว

ส่งเสริมให้เรียนต่อ แต่ไม่ส่งเสริมด้านการงาน

อัตราว่างงานในไทยจึงมากขึ้น ๆ

ซ้ำเด็กที่เรียนมาก ๆ กลับทำงานอื่นไม่เป็น

เห็นงานใช้แรงเป็นงานต่ำ

เห็นไร่นาพ่อแม่เป็นผืนดินชนชั้นไพร่

ที่สุดก็เตร็ดเตร่ไปมาหาสาระไม่ได้

ชีวิตว่างเปล่าไปจนตาย

ทั้งที่ลงทุนให้เป็นล้านหรือล้านกว่า

จะโทษอะไรดี

โทษเทวดาฟ้าดินไม่ได้หรอก

ต้องโทษตัวเองที่เกิดในรัฐบาลที่อ่อนด้อย

โทษตัวเองที่มีสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานบ้องตื้น

ทราบว่าจะไปเซ็น MOU. กับองค์กรที่ขึ้นกับวัดธรรมกาย

เพื่อเกณฑ์ครูและนักเรียนทั่วประเทศไปอบรมหลักธรรมเพี้ยนๆ

แค่นี้ยังเซ่อเซอะไม่พอหรืออย่างไร

ถึงจะเติมเชื้อโง่ถาวรลงไปในสมองเด็กทั้งประเทศ

ดีทำแต่เรื่องเฮง ๆ ซวย ๆ อย่างนี้สิน่า..

กระทรวงศึกษาไถ..

« « Prev : ข่าวและการข่าว

Next : สอบตกกันทั้งประเทศ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

9 ความคิดเห็น

  • #1 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 พฤษภาคม 2010 เวลา 18:45

    โห พ่อขาบันทึกนี้”แรง” ได้ใจ ชอบ อิอิอิ

    ถ้ามาเยี่ยมหลานบอกนะคะพ่อจะลางานให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็จะแอบหนีมาบางเวลา ^ ^

    ส่วนหลานถ้าห่วงมากจะให้ไปคอยดูมั้ยคะ? เอ แล้วถ้าหลานมีแฟนเหนือคุณแม่จะว่ายังไงเนี่ย ภูมิทัศน์ของแม่ฟ้าหลวงยิ่งโรมันติกโครมันยองอยู่ด้วย 5555

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 พฤษภาคม 2010 เวลา 18:55

    ขอบใจมาเบิร์ด  คงจะหาเรื่องไปแอ่วเจียงฮายอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

  • #3 BM.chaiwut ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 พฤษภาคม 2010 เวลา 19:04

    บันทึกนี้ จัดเป็น “อเนกัตถบันทึก” คือ บันทึกมีอรรถหลากหลาย ความเห็นที่ผุดขึ้นมาบางประเด็นจึงเป็นไปตามอรรถในตอนนั้นๆ

    เริ่มต้นก็เรื่องคู่แฝด ทำให้นึกถึงอาคู่แฝดน้องชายของโยมพ่อ โยมพ่อลูกคนโต ส่วนอาคู่แฝดลูกสุดท้อง ทั้งสองแก่กว่าอาตมาเพียงปีเดียว จึงเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่จำความไม่ได้โน้นแหละ ทั้งคู่เพิ่งจะแยกกันจริงๆ ก็ตอนมีศรีภรรยานี้แหละ แปลกแต่จริง คู่แฝดเมื่อต่างก็มีศรีภรรยา กลับชอบกินเกาเหลา ไม่ค่อยจะกินเส้น…

    ต่อมา… เรื่องแม่ที่รักห่วงลูก ต้องการให้ลูกอยู่ใกล้ๆ ทำให้แนวคิดของอีริค ฟอร์ม ผุดขึ้นมาในคลองความคิด เค้าบอกว่า ความรักแบบแม่ เป็นความรักจากหนึ่งเป็นสอง คือเป็นความรักที่เสียสละ แม่ต้องปล่อยให้ลูกอยู่ได้ตามลำพังของตนเอง แม่คนใดที่ต้องการให้ลูกรวมอยู่กับตนเสมอ นั่นเป็นความเห็นแก่ตัว มิใช่ความรักแบบแม่…

    สุดท้าย… วิจารณ์ระบบการศึกษาและสังคมไทย เห็นด้วยทั้งหมด ไม่มีความเห็นต่าง และรู้สึกว่าโดยมากก็มักจะมีความเห็นทำนองนี้ ซึ่งน่าจะแก้ง่าย แต่ทำไมแก้ยาก ก็ไม่รู้…

    เจริญพร

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 พฤษภาคม 2010 เวลา 19:22

    นมัสการหลวงพี่่

    วงการสงฆ์จะช่วยฟื้นฟูการศึกษาได้อย่างมาก
    แต่ถ้ามาคิดซ่อนเงื่อน เอาหลักการผิดๆมาอบรมเยาวชน น่าจะเป็นบาปมากกว่าบุญ

    สาธุ

  • #5 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 พฤษภาคม 2010 เวลา 19:40

    สอง สาม วันมานี้ มีเด็กๆวัยเดียวกันกับลูก ทั้งลูกคนโต และ ลูกคนเล็ก มาตรวจ เข้างาน ทั้งตรวจโรค ตรวจสารเสพติด  เขาเหล่านั้นทำงานแล้ว  ป้าหวานมาได้คิด ดูเด็กเหล่านี้อายุก็ไล่เลี่ยกับลูกๆแต่เขาต้องดิ้นรนทำงานกันแล้ว  ต้องสู้ด้วยตัวเองแล้ว  ก็ย้อนมาดูตัวเอง ว่ายังมองลูกเป็นเด็กอยู่หรือเปล่า  เปรียบแล้วลูกป้าหวานก็ยังไม่เก่งในเรื่องชีวิตเท่าเด็กเหล่านี้  เด็กที่เรียน เอาแต่เรียน ก็อาจจะยังไม่รู้ตัวว่า ที่จริงเขาเก่งบางเรื่อง ไม่เก่งบางเรื่อง เทียบไปก็ชนะบางเรื่อง ไม่ได้เรื่องบางเรื่อง แต่สังคมไปยกย่องคนที่การศึกษา  จึงทำให้เด็กไม่น้อยหลงตัวเอง เข้าใจผิดว่าข้าเจ๋ง และ เรียนไปด้วยความเข้าใจผิด ด้วยค่านิยมว่าเก่ง  แต่จริงๆก็ไม่เสมอไป ยังอ่อนต่อโลกอยู่เลย  มหาวิทยาลัยให้ได้บางอย่าง ต้องไขว่ขว้าหาเองบางอย่างที่ไม่มีสอน ไม่มีตำรา ไม่มีหลักสูตร วิชาชีวิตต้องเรียนด้วยตัวเอง

  • #6 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 พฤษภาคม 2010 เวลา 20:15

    เด็กควรได้เรียนวิชา กล้วยปั่น ข้าวต้มอร่อย แกงเผ็ด กับป้าหวาน
    ขาดวิชาที่อร่อยไปได้จังได๋
    วิชาดีๆทั้งน๊านที่โรงเรียนไม่ได้สอน
    ต้องมาเรียนกับป้าหวาน ได้ไหม?

  • #7 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 พฤษภาคม 2010 เวลา 7:18

    “ไป ๆ มา ๆ ชักจะได้ไปละปูน-เจียงใหม่-เจียงฮาย บ่อย ๆ แล้วสิ…”

    วิดวิ้วๆๆ…ต้องขอบคุณน้องนัท ^^

    ช่วงนี้ส่งการบ้านช้านะคะพ่อ..กำลังชักคะเย่อกับเชื้อโง่กันใหญ่ค่ะ..อิอิ

  • #8 สุวรรณา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 พฤษภาคม 2010 เวลา 12:37

    หนูกับน้องก็แฝดค่ะ ตอนเรียนต่อจากมัธยม ก็มาเรียนพิษณุโลกด้วยกัน  2คนหุงข้าวแบ่งกันกิน นอนหอด้วยกัน ทะเลาะกันมั่งแบ่งของกันมั่ง  สนุกแบบร้อนๆจ้ะ  แรกๆแม่มีไรหน่อยก็เข้าพิษณุโลกจ้ะพ่อครู แต่ดีตรงแม่เค้าอุ่นใจเพราะใกล้ญาติผู้ใหญ่
    อืม..แม่ฟ้าหลวงน่าเรียนมากค่ะพ่อครู

  • #9 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 พฤษภาคม 2010 เวลา 14:15

    อ้าว แล้วน้องฝาแฝดอยู่ไหนละตอนนี้ ไม่เห็นแนะนำบ้างเลย


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.15478181838989 sec
Sidebar: 0.27627921104431 sec