ไม่อร่อยยินดีคืนกอด

อ่าน: 3133

(ภาพแนวคิดเก่าที่นิตรสารเศรษฐกิจพอเิพียงเอาไปนำเสนอ พิมพ์ครั้งที่ 3)

การได้ทำอะไรตามที่คิดถือเป็นวาสนา ส่วนมากเราจะคิดทิ้งคิดขว้าง ทำได้บ้างไม่ได้บ้างถือเป็นเรื่องทำมะดา ไม่ต้องไปปักใจเอาเป็นเอาตายอะไร คนเราไม่มีอะไรแน่นอนหรอก ดูอย่างชาวเฮติเถิด เกิดวิบากกรรมหมู่ระดับชนชาติ เพราะอะไรก็ไม่ทราบได้ บางคนกำลังก้าวหน้า บางคนกำลังมองหาคู่ บางคนมีการงานทำรุ่งโรจน์ บางคนมีครอบครัวอบอุ่น บางคนอกหัก ฯลฯ.. แต่แล้วปุ๊บปั๊บก็มีอันเป็นไป การเกิดมหกรรมโศกมหาโศกของเพื่อนร่วมโลกคราวนี้ กระตุกให้มวลมนุษยชาติเห็นความไม่เที่ยงแท้ อนิจจัง วัตสังขาราอย่างสุดขั้วหัวใจ

(บางทีพระเอกตัวนี้มีอิสระและความสุขกว่าคนเสียอีก)

เมื่อยังมีลมหายใจเป็นปกติอยู่บ้างนี้ คิดใคร่ครวญให้ดี มีอะไรจะทำก็ทำเถิด ทำสิ่งที่ดีที่ใจอยากจะทำ ผมโชคดีที่เป็นเกษตรกร บ้านกับที่ทำงานอยู่ด้วยกัน ตื่นมาก็ไม่ต้องแต่งตัวนั่งรถออกจากบ้านไปทำงาน บางวันตื่นเช้า ๆ เดินท่อม ๆ ไปดูแปลงผัก ไปทักทายต้นไม้ ไปชื่นชมดอกไม้ ไปดูลูกไก่งวงที่ออกมาใหม่ ทำเอาบางวันเผลอไม่ได้อาบน้ำก็มี อยู่เพลิน ๆ ไปจนหมดเวลา ..ชาวไร่ชาวนาไม่มีเวลาหยุดเบรคหรอกนะครับ ทำไป..อ้อยอิ่งไปในตัว เช้า-สาย-บ่าย-เย็นไม่ต้องเก็บของออกจากสำนักงาน เด็ดผักที่ชอบใส่ตะกร้าเอาขึ้นมาล้างลงกะทะควันฉุย ไม่ต้องแวะซื้ออาหารถุง ไม่ต้องกังวลว่าจะกินอะไร เพราะชอบอะไีรก็ปลูกก็ทำกินเอง เป็นคนละวงจรกับคนที่อยู่ในระบบเงินเดือน ต่างกันที่ของผมเป็นระบบเงินดิน ถามว่ามีความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินไหม จะเอาอะไรมาวัดละครับ คนเราบทจะไปก็ไม่มีใครเอาอะไรติดตัวไปได้สักอย่าง บางทีไปแบบไม่รู้ตัว ไม่ได้แม้แต่จะสั่งลาใคร ถ้าไม่ประมาท..มีเวลาก็ทบทวนดู

(เนื้อไม้ตาลที่หมักไว้ปลูกต้นไม้เจอฝนมีเห็นฟางเกิดขึ้น)

ในหนังสือเจ้าเป็นไผ หัวใจอยู่ที่การบอกเล่าว่าแต่ละช่วงจังหวะแต่ละชีวิตทำอะไรมาบ้าง ท่านไร้กรอบกระแทกหมัดตรง “เกิดมาทำซากอะไร” เป็นลายแทงที่ดำเนินวิถีคนสู้ชีวิต การผ่านร้อนผ่านหนาวของแต่ละชีวิตมีความหมายความสำคัญมาก ที่เจ้าตัวได้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน ย่อมเป็นเนื้อนาบุญแก่คนที่ได้อ่านจะเก็บเล็กผสมน้อยเอาไปพิจารณาได้ แต่ละท่านเขียนได้อย่างบรรเจิด มีท่านผู้ใหญ่ประทับใจ เล่าให้ฟังว่า..เขียนได้อย่างไรนะ เพราะส่วนใหญ่นักทำงานจะเขียนในเชิงวิชาการ ถ้าเขียนเรื่องกระเทาะชีวิตจะเขียนยาก ทั้ง ๆ ที่ผ่านงานเขียนมาปะเลอะปะเต๋อ ท่านสารภาพว่าเขียนอย่างนี้ไม่ได้ จึงชอบมาก ขอชื่นชมนักเขียนทุกท่าน ผมจึงยินดีมากที่ทราบว่าจะพิมพ์เป็นครั้งที่ 2 และอาจจะมีครั้งต่อ ๆ ไป..ส่วนเรื่องจะจำหน่ายได้แค่ไหนไม่ใช่หน้าที่ของผู้เขียน แต่เป็นหน้าที่ของผู้ซื้อ ของดีก็เหมือนไข่ห่านทองคำ หรือน้ำซึมบ่อทราย..ใครได้อ่านก็มีความสุขความคิด โธ่! ผลลัพธ์ออกมาอย่างนี้ก็คุ้มแสนคุ้มแล้วละครับ ที่ผมเสียดายมากก็คือยุไม่ขึ้น..หลายท่านเขียนไว้ในใจ..ทำให้โครงการเจ้าเป็นไผชักกะตุกพอสมควร อยากจะให้ร่วมใจกันอีก ถ้านึกไม่ออกว่าจะเขียนยังไง ก็จองเล่มตัวอย่างที่จะพิมพ์ใหม่นี้แหละไปพิจารณา

(รื้อสวนหลังบ้านทำสวนครัวแบบประณีต)

สังคมมนุษย์กำลังเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ การดำเนินชีวิตการทำงานต่าง ๆ ปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ช่วงที่ผมหนุ่ม ๆ คิดและทำอะไรที่มันจุ้นจ้านพอสมควร เคยปลูกต้นไม้นับพันไร่ แต่เมื่อย่างเข้าวัยถดถอยเราจะเดินหน้าลูกเดียวอย่างไรได้ คงต้องผ่อนทุกอย่างลงตามความเหมาะสม จากที่ทำแบบเล็ก ๆ ไม่..ใหญ่ ๆ ทำ ผมก็มาออกแบบทำสวนครัวรอบบ้านในเนื้อที่1ไร่ ตัดแต่งกิ่งต้นไม้ให้แดดส่องถึงพื้นได้มากขึ้น ขนปุ๋ยมูลสัตว์มาโปรยลงแปลง ติดตั้งระบบน้ำสปริงเกอร์ให้ครอบคลุมบริเวณสวนครัว ผักและต้นไม้เอาใจไม่ยากหรอกนะ มีแสงแดด-มีน้ำ-มีปุ๋ย สม่ำเสมอแค่นี้ก็ไปโลดแล้ว ให้มากให้น้อยก็ไม่เคยบ่นกระปอดกระแปด บังเอิญว่าตอนที่กำลังฟิตได้ปลูกไม้ยืนต้นไว้บ้าง เมื่อมาจัดสวนครัวในฝันจึงได้บรรยากาศที่อบอวลธรรมชาติ หน้าตาจะไม่เหมือนแปลงผักแถวภาคกลาง ที่ขุดร่องขึ้นมา แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาปลูกผักในพื้นที่โล่งโจ้ง ไม่มีความกลมกลืนของต้นไม้ใบหญ้า การทำสวนผักเพื่อเอาเงินเป็นหลักก็คงต้องทำกันอย่างนั้นละครับ แต่ผมทำสวนผักเอาผักมาบำรุงสุขภาพ ก็ต้องว่ากันไปตามวัตถุประสงค์ของแต่ละครัวเรือน ผมให้ความสำคัญของเรื่องสุขภาพที่เชื่อมโยงเรื่องอาหารการกิน จึงแบ่งกลุ่มพืชที่ปลูกออกตามความต้องการดังนี้

(ช่วงนี้ยางบงในสวนป่าออกดอกสวย)

  1. กลุ่มสมุนไพร ปลูกไว้เพื่อเอามาปั่นทำน้ำครอโรฟีนดื่มทุกเช้า ปลูกแปะตำปึง คาวตอง กะวานง๊อก ย่านาง ใบเตย ว่านกาบหอย ฯลฯ
  2. กลุ่มผักที่ชอบและใช้ในชีวิตประจำวัน ปลูกมะเขือเทศ น้ำเต้า บวบ ต้นหอม ดอกไม้จีน ผักชี พริก มะเขือ ยี่หร่า สะระแหน่ กะเพรา กระชายขาว ขิง ข่า ตะไคร้ ผักบุ้ง คะน้า ผักกาด คึ่นช่าย อ่อมแซบ ผักฮาก มะกรูด มะนาว ตำลึง มะรุม มะกล่ำ มะกอก มะยม มะเขือพวง ตะลิงปลิง มะเขือเปราะ มะเขือยาว มะเขือม่วง ฟักข้าว ผักหวานบ้าน ผักหวานป่า ชะพลู ดีปลี พริกไทย แตงไทย ถั่วฝักยาว ถั่วพลู ผักพวกนี้กินยังไงก็ไม่หมด ปลูกมะเขือไว้ไม่กี่ต้นยังปล่อยให้แก่ตั้งเยอะ  ตะลิงปลิงลูกหล่นทิ้งเต็มพื้น ช่วงที่ไผ่ออกหน่อ นี่ก็ปะเลอะปะเต๋อ ปีที่แล้วพี่น้องพยาบาลจากขอนแก่นมาเยี่ยม แจงตะกร้าพาเดินไปเก็บมะม่วงอกร่องหล่นเต็มพื้น เก็บสนุกกินไม่ทันจริง ๆ
  3. กลุ่มผลไม้ มีทั้งที่เอามาปั่นและรับประทานสุก ปลูกเสาวรส กล้วย มะละกอ น้อยหน่า มะม่วง ขนุน ละมุด ฝรั่ง มะเดื่อ ส้มโอ พวกนี้ปลูกง่ายอายุยืน ปีนี้ไม่มีคนมาช่วยเจี๊ยะ ต้องเอากล้วยหอมกับมะละกอสุกเลี้ยงหมูเลี้ยงไก่ กล้วยบางเครือไม่ได้ไปดูผลหล่นทิ้ง แต่ก็คงมีนกได้กินบ้างละนะ
  4. กลุ่มไม้ประดับ ปีนี้ลุยปลูกบัวในอ่าง ได้เกือบจะครบทุกสีแล้ว นอกจากนี้ก็ปลูกพวกไม้ใบสีสวยแปลก ๆ พวกกล้วยไม้บ้าง ไม้หอมก็ปลูกไว้หลายชนิดเท่าที่หาได้ ของเดิมก็มีบ้าง เช่น ลำดวน ดอกแก้ว ช่วงนี้ต้นวาสนา กล้วยไม้ช้างกระ  ดอกสะเดากำลังบานส่งกลิ่นหอมทั้งวัน เดินผ่านต้นว่านสาวหลงยังมีกลิ่นโชยออกมาจากใบอีกแน๊ะ ตั้งใจจะขยายให้เต็มพื้นที่รอบบ้าน ..เอาให้หอมจมูกบานไปข้างหนึ่ง ปีนี้ดอกประดู่แดงบานแดงเต็มต้น ถ้าติดเมล็ดก็จะเก็บมาเพาะ ต้นเหรียงก็เช่นกัน ไม้พวกนี้กว่าจะออกดอกนานเหลือเกิน เรียกว่าปลูกแล้วไม่ต้องรอ ถ้าใจดีเมื่อไหร่ก็ออกดอกมาอวดเราเมื่อนั้น
  5. กลุ่มสัตว์เลี้ยงจะลดปริมาณลง โดยเฉพาะวัว เลี้ยงไปเลี้ยงมาจะล้นคอกแล้ว ข้อดี คือ อึวัว ทำให้เรามีปุ๋ยอย่างเพียงพอ หมูเหมยซานก็ลดเช่นกัน จะเลี้ยงเพื่อรักษาพันธุ์แท้ไว้เท่านั้น ส่วนสัตว์ปีีกอยู่ในปริมาณพอเหมาะ มีไก่แจ้ไว้ขัน 20 ตัว มีห่านไว้เดินชูคอ 2 ตัว มีเป็ดเทศ 20 ตัว ไก่งวงเพิ่งออกลูก 7 ตัว ส่วนไก่ต๊อกมีมากแต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะเลี้ยงแบบบุฟเฟ่อยู่แล้ว มีนกยูงอีก 1 คู่ ถ้าออกไข่น่าจะขยายพันธุ์เพิ่มได้อีก 5-6 ตัว ส่วนปลาอยู่ในบ่อมากน้อยไม่มีปํญหา ปลาเขียวมรกตตัวโตพอต้มแล้วแต่ไม่กล้า แม่บ้านก็ไม่เอาด้วยเพราะสงสาร คงเลี้ยงเป็นเพื่อนเหมือนนกกระจอกเทศ เลี้ยงไว้ดูเฉย ๆ  ไ่ม่มีค่าทางเศรษฐกิจแต่มีคุณค่าทางจิตใจ
  6. กลุ่มปลูกสนุกๆ ไม้กระสัง มะเดื่อญึ่ปุ่น มะเฟืองหวาน น้อยหน่าเพชรปากช่อง มะตูมยักษ์ อินทะผาลัม ยูคาลิปตัสพันธุ์กลุ่นใบให้น้ำมัน หรือแม้แต่เอกมหาชัย พวกนี้ปลูกขยายพันธุ์และไว้เสียบยอดในวันว่าง เป็นงานอดิเรกที่ชอบอยู่แล้ว

ชุมชนอีสานเมื่อก่อน บริเวณบ้านจะปลูกไม้ผล ผักสวนครัว เลี้ยงสัตว์ ถ้ายืนพื้นเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 2  ฮิตทำสวนครัวมาตั้งแต่สมัยจอมพลป.ฯ  เราก็คงพัฒนาเรื่องอยู่ดีมีสุขไปนานแล้ว ไม่ต้องมายักแย่ยักยันเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงกันเอาตอนนี้ มีความพยายามที่จะส่งเสริมในบางยุคสมัย แต่มีคนงาบงบประมาณค่าเมล็ดพันธุ์ที่ไปส่งเสริมก่อนที่ชาวบ้านจะได้กินผัก หน้าแตกเรื่องผักริมรั้วจนพังเป็นแถบ ๆ  การปลูกไม้สวยงาม ไม้ใช้สอย ไม้หอม ผสมลงในสวนครัวนั้น นอกจากเพื่อความร่มรื่นสวยงามแล้ว ยังพัฒนาพันธุ์ไม้แลกเปลี่ยนกัน ไม้ไทยที่เป็นพระเอกมีหลายชนิด สามารถพัฒนาให้เกิดมูลค่าเพิ่มได้ ทดแทนการนำเข้าได้ ในยามข้าวยากหมากแพงก็ยังแก้ไขแก้ขัดได้ด้วยตนเอง คนไทยเข้มแข็งด้วยลำแข้งตนเองได้ ไม่ต้องไปกู้เงินมาสร้างความเข้มแต่ไม่แข็งจริงอย่างในปัจจุบัน ที่แข็งแต่เปลือกไม่ได้แข็งมาจากภายในจิตใจและความสามารถของตนเองอย่างแท้จริง

(พืชไม่เคยหยุด-หรือขี้เกียจ ป่ายปีนเปะปะไปเรื่อยๆ)

เรื่องนี้คิดและทำเพื่อให้มนุษย์เงินเดือนหรือคนกรุงคิดเล่น ๆ  ว่าการที่เอาชีวิตไปผูกพันกับเรื่องหนึ่งเรื่องใดจนไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวันนั้น บางทีก็เสียโอกาสของความเป็นมนุษย์ ที่จะได้คิดและทำอะไรอย่างอิสระบ้าง กิจกรรมนอกบ้านของคนกรุงส่วนใหญ่ฟุ่มเฟือย ในบางกอกมีห้างสรรพสินค้าเปิดทั้งวันทั้งคืน ร้านค้า ร้านอาหาร เป็นจุดจูงใจให้คนเมืองอออกนอกบ้าน ซึ่งก็ต้องเสียเวลาต้องอาศัยรถราหาเงื่อนไขมาใส่ตัวสารพัด ชีวิตจึงดาดๆขาดการสัมผัสกับศิลปะในธรรมชาติ อยากให้หันมาทำสวนในบ้าน ปลูกโน่นปลูกนี้ให้ชีวิตมีโช๊คอัพบ้าง เปลี่ยนบ้านให้มีชีวิตชีวา หาอะไรทำที่ง่าย ๆ จะทำให้พบความสุขแสนง่าย จากต้นไม้ใบหญ้าที่ตอบแทนน้ำพักน้ำแรงเราในรูปของเบี้ยเลี้ยงความสุข เรื่องนี้ไม่ลองไม่รู้หรอกนะ ว่าวันหนึ่ง ๆ เราสามารถแสวงหาความเรียบง่ายได้ไม่ยากเลย ถ้าคิดไม่ออกว่าจะเริ่มต้นยังไง ก็ลองมาลุยสวนป่า อิ อิ.

การทำงานให้สนุกเราต้องบริหารความคิด ถ้าขายความคิดได้ยิ่งสนุกใหญ่ ถ้าเราคิดทำเรื่องง่าย ๆ แต่ให้แง่มุมที่แปลกและดูดี อย่างที่โสธรกำลังทำที่ตรัง หรือที่ออตทำที่ขอนแก่น นั่นใช่เลย เป็นงานสนุกกับความคิด ปีนี้ผมจะืทำสวนครัวติดล้อ หน้าตาจะเป็นอย่างไรนั้น จะเอาไปนำเสนอในมหกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ และภาคี ระหว่างวันที่ 25-28 กุมภาพันธ์ ซึ่งจะจัดเป็นวาระจรของชาวเฮฮาศาสตร์ด้วย ถ้าท่านไปก็จะได้ชมความคิดที่คุณชิมได้ ..เราไม่ได้จัดให้ชมเฉย ๆ เดี๋ยวจะเป็นราคาคุย แต่จะเอากะทะไปเคาะโป๊ก ๆ ผัดไฟแดงให้เจ๊ยะกันสด ๆ  โดยเฉพาะสายญาติสกุลเฮเจี๊ยะฟรี ครับผ๊ม บอกเสียก่อน เมนูเด็ด ผัดน้ำเต้างอกไฟแดง (เอาเมล็ดน้ำเต้ามาเพาะเหมือนถั่วงอกแล้วนำไปผัดไฟแดง) ไม่อร่อยยินดีคืนกอด อิ อิ..

« « Prev : เฮฮาศาสตร์วาระจร

Next : ออแกนิกส์ ออแกน็อค » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

5 ความคิดเห็น

  • #1 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 มกราคม 2010 เวลา 7:12

    แอบคิดแบบสนุกสนานในใจว่า ถ้าขอเช่าที่ดินสวนป่าสักไร่ จะปลูกแบบโยนๆ กินอะไรก็โยนเม็ดมันลงไป ไร้ทิศทาง ไร้การจัดการพื้นที่ ผลผลิตจะเป็นอย่างไร??

    อิอิ
    ..

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 มกราคม 2010 เวลา 8:43

    ไม่ต้องเช้าต้องแช่อะไรเลย
    ยกให้ จะโยนอะไรลงไปตามใจชอบ
    งอกงามเมื่อไหร่ก็ขนกะทะไปตั้ง
    ผัดไฟแดงฉ่าๆๆ ผมจะได้กินด้วย ไม่ต้องทำ
    ฟักทองที่โยนๆไปยังกินไม่หมดเท่าเดี๋ยวนี้
    แคว๊กๆ

  • #3 handyman ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 มกราคม 2010 เวลา 8:51

      เหมือนจงใจเขียนให้ คนที่กำลังจะอพยพจากเมืองหลวง อ่านเลยล่ะครับ 
      นอนคิดเรื่องสวนครัวรอบบ้านเก่าที่โมถ่ายอยู่ทุกวัน  ปาล์ม 5-60 ต้นที่หลานปลูกไว้ก็คงให้มันอยู่ต่อ ที่ว่างอีกมากมายทั้งแนวรั้วรอบบ้าน และที่ว่างระหว่างต้นปาล์ม น่าจะเป็นแหล่งปลูกพืชผักที่เหมาะสม ที่เราอยากกิน อยากใช้ได้อีกมาก คิดแบบไม่เคยทำแต่อยากทำอยู่ทุกวัน 
        อ่านบันทึกนี้ก็เหมือนได้ลายแทงมหาสมบัติเลยล่ะครับ  เรื่องใหญ่ของอบต.หากไปลุ้นไม่ได้ ไม่สำเร็จ ก็มีเรื่องเล็กๆมากมายรออยู่ ทั้งที่เกี่ยวเนื่องกับ สถานีวิทยุ วัด โรงเรียน บ้านเก่า(บ้านเกิด)บนพื้นที่ประมาณ 1 ไร่หลังนั้น และเรื่องการได้กินข้าวจากนาที่ทำด้วยตัวเอง .. คงลองด้วยที่นา 2 ไร่ ของน้าทองมากที่ใกล้ๆตลาดไชยานั่นแหละครับ น้องนพพร ก็รอลุ้น รอช่วยอยู่ด้วยใจระทึก .. คงได้เหนื่อยแบบสนุก และได้เรียนรู้อะไรมากมาย
    .. ขายบ้านได้เมื่อไหร่ ไปทันที .. ขอบอก  ช้าไม่ได้แล้ว  เพราะกลัวเพาะเหรียงสู้คนอีสานบางคนไม่ได้ .. อิ อิ อิ
     … แคว้ก ๆๆ

  • #4 Panda ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 มกราคม 2010 เวลา 9:30
    • เกษตรประณีต 1 ไร่
    • ผมประทับใจ ตั้งแต่ครั้งไปเยือน สวนป่า ครั้งแรก ๆ แล้วครับ
    • http://gotoknow.org/blog/phyto/86202
  • #5 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 มกราคม 2010 เวลา 23:18

    วันนี้วางแผนสนุกๆ
    ปลูกผักแบบ..เอาใจแม่ครัว
    โดยการปลูกแบบรวมกลุ่ม
    สมมุติจะต้มยำอะไรสักอย่าง
    ก็เดินไปจุดเดียว..จะผ่าน ต้นพริก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ต้นมะนาว ยี่หร่า สะระเหน่ แมงลัก
    ถ้าจะผัด ก็จะเดินผ่านแปลงผักชนิดต่างๆ ชอบผักอะไรก็จะเลือกเด็ด เหมือนเราไปเลือกที่แผงแม่ค้านั่นแหละครับ
    จะทำส้มตำ ก็เดินไปมุม มะละกอ-พริก-มะนาว แต่กุ้งแห้ง น้ำปลา ปลูกบ่ได้ ต้องอยู่กับครก/สากครับ อิอิ
    ปลูกแบบนี้ ทำให้ไม่ต้องวิ่งไปเก็บตรงโน้นทีตรงนี้ที


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.095072984695435 sec
Sidebar: 0.073040962219238 sec