เรื่องกิ๊กๆก๊อกๆ

อ่าน: 1695

บ่าย ๆ มีรถปิคอัพคันหนึ่งวิ่งเข้ามา พร้อมกับมีเสียงโล้งเล้งของเด็ก รถจอดหน้าอาคารใหญ่เด็ก ๆ ลงรถตุ๋บตั๊บ แล้วพากันเดินเข้าไปในอาคารที่ไม่มีใครอยู่ หายไปพักหนึ่งก็ออกมา..คุณครูพามาหาผมที่บ้านหลังเล็ก เล่าให้ฟังว่าเด็กกลุ่มนี้มาเป็นวิทยากรเรื่อง “ดินอิฐซีเมนต์” ให้โรงเรียนใกล้ ๆ นี้  ในฐานะกลุ่มที่ชนะโครงงานเรื่องอิฐดินซีเมนต์ ที่แปลกก็คือ.. เด็กที่ยังไม่แน่ใจว่าอิฐที่ตนเองศึกษามันสร้างบ้านได้จริง ๆ คุณครูก็เลยมามาดูให้เห็นด้วยตาตนเอง ยังดีนะครับที่ครูมีกะจิตกะใจจะเติมเต็มให้ลูกศิษย์ตัวจ้อยชั้น ป.6 แสดงว่าการปรับเปลี่ยนวิธีการสอนเชิงบูรณาการเริ่มจากจุดเล็ก ๆ นี่เอง

ระยะนี้พ่อแม่ตายายจะพาเด็ก ๆ มาดูนกกระจอกเทศ ลูกหมูเหมยซานตัวป้อม ๆ ที่ปล่อยให้ออกมาวิ่งเล่นอิสระ มาดูฝูงไก่ต๊อก และนกยูงแสนสวยที่กรีดกรายไปมาตามธรรมชาติ เด็กบางคนสนใจลอมฟางขนาดใหญ่ บางกลุ่มเดินไปเจอเตาหลุมดินที่ฤๅษีกับอารามขุดไว้หุ้งต้ม ซักถามกันใหญ่ว่ามันหุงข้าวยังไง ..โธ่..นี่เด็กชนบทนะครับ ยังห่างไกลกับเรื่องพื้นฐานท้องถิ่น เด็กบางคนสงสัยเรื่องตอตาลที่กลิ้งอยู่มากมาย  การศึกษาที่ขังเด็กไว้แต่ในห้องควรเขยี้อนได้แล้วนะครับ เด็กนะพร้อมเรียน แต่ระบบการศึกษาปิดกั้นโอกาส คิดแต่จะครอบเด็กจนเอ๋อกันทั้งประเทศ.. จริง ๆ แล้วเด็กในวัยแสวงหาอยากรู้อยากเห็น เพียงแต่ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องรับลูกให้ทันและจัดกระบวนการเรียนนอกห้องให้เหมาะสม ถ้าคุณครูเข้าใจในนโยบายการศึกษา ที่รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาพยายามขยายความ..

“การปรับการเรียนการสอนในระดับประถมถึงมัธยมปลาย โดยกำหนดกรอบแนวปฏิบัติในการใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ในภาคเรียนที่1/2553 โดยลดความซ้ำซ้อนของเนื้อหาสาระที่มีอยู่ในในแต่ละกลุ่มวิชาอีก 30% และลดตัวชี้วัดเหลือ 2.165 ตัวชี้วัด”

รศ.สมพงษ์ จิตระดับ ขาเก่าที่กระทุ้งเรื่องการศึกษามาตลอด ให้ความเห็นว่า.. นายกฯ ต้องเปลี่ยนจากโครงการ”ประชานิยม” ให้เป็น “สวัสดิการ” เพื่อให้การศึกษาชัดเจนยิ่งขึ้น ควรมุ่งเน้นเรื่องหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ การบริหารจัดการสมัยใหม่ ผู้บริหาร ครู และการให้ความสำคัญกับหน่วยงานระดับล่างอย่างเต็มที่ กระจายอำนาจสู่สถานศึกษามากขึ้น และทำให้ส่วนกลางเล็กลง ทำให้วัฒนธรรมการสอนของครูเปลี่ยนไป แทนที่จะสอนแบบท่องจำ สอนในห้อง สอนจากหนังสือ ให้หันมาสอนนอกห้องเรียน ใช้โครงงาน กิจกรรมต่างๆ  จะมีวิธีอย่างไรให้ท้องถิ่น ภาคเอกชน ฯลฯ เข้ามาร่วมกันจัดการศึกษามากขึ้น และรัฐบาลต้องเข้าไปแทรกแซงอุดมศึกษา ซึ่งอยู่ใน”ยุคธุรกิจการศึกษา” รวมทั้งจัดระบบแอดมิสชั่น ปรับระบบการวัดและประเมินผลใหม่หมดทุกระดับ และต้องทบทวนระบบการผลิตครูตามหลักสูตร 5 ปีใหม่

นโยบายก็คือนโยบาย ถ้าไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมก็ไม่ต่างกับไฟไหม้ฟาง

เมื่อผลออกมาแบบง่อนแง่น

ก็เตรียมรับนโยบายที่เลื่อนเปื้อนฉบับใหม่ ๆ ต่อไป

สรุปว่าทำอะไรได้ก็ชวนลูกศิษย์ทำไปตามสมควรเถิดนะครับ

เหมือนที่โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก

ที่ครูคิมและเพื่อนครูกำลังสนุกกับพาเด็กเรียนรู้เรื่องใกล้ตัวใกล้ใจ

ช่วงปีใหม่มีผู้บริหารและคณะครูมาเยี่ยม

คุยกันถึงสภาพการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ผมชวนคิด..ผู้บริหารควรใช้พระคุณมากกว่าพระเดช

เพราะครูผู้สอนเหนื่อยกับการสู้รบปรบมือกับเด็กทั้งวัน

ถ้ามาเจอน้ำร้อนแทนน้ำเย็นมันก็ห่อเหี่ยว

เด็กยุคนี้เป็นเด็กพันธุ์ใหม่ อยู่กับสื่อใหม่ ๆ ครูต้องปรับตัวให้เป็นครูพันธุ์ใหม่

ถ้าตามไม่ได้ไล่ไม่ทันการเรียนการสอนเปิดเปิงกระเจิงแน่

มีผู้บริหารโรงเรียนหนึ่งมาเยี่ยม

มาถึงก็เล่า ๆ ถึงผู้บริหารอย่างโน้นอย่างนี้

เป็นเรื่องผู้บริหารบกพร่องล้วน ๆ นับชั่วโมง

..หายศีรษะไปทั้งวัน ไม่เคยอยู่โรงเรียน มาถึงก็ด่า ๆ ครู

..เด็กเละเทะอย่างไรก็อย่าไปเตะ

..ถ้าเด็ก ผู้ปกครอง ยังเฉยเมย

ผู้บริหารก็เสวยสุขไปได้เรื่อย ๆ

อามิตรพุทธ..

วรรคทองจากท่าน ว.วัชรเมธี

ที่ใดมีกิ๊ก ที่นั่นมีกรรม / Having an affair is a recipe for doom.

« « Prev : อาหารชั้นสูง

Next : รีบๆหายนะป้า.. » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 มกราคม 2010 เวลา 21:18

    สังเกตจากเด็กรุ่นใหม่หลายคนที่รับเข้ามาทำงานในตอนนี้ มีหลายคนทีเดียวที่เมื่อสะท้อนตัวเองเรื่องความสามารถแล้วไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองทำไม่ได้ ทำไม่เป็น รู้แล้วก็ยังไม่ปรับปรุงตัวเองจนกว่าจะเข้าตาจนซะอีก  ค้นหาย้อนไปก็พบว่า ในชีวิตไม่เคยต้องทำอะไรด้วยตัวเองเลย ทุกอย่างมีคนบอกหมด ทุกอย่างมีคนป้อนให้หมด เรียนมาด้วยแบบแผนที่พ่อครูว่ามาตลอดชีวิต

    อ่านบันทึกนี้แล้วตรงใจดี  ก็เลยแวะมาฝากพ่อครูไว้หน่อยในฐานะครูคนหนึ่งว่าเมื่อไรมีนักศึกษาพยาบาล นักศึกษาแพทย์มาถึงสวนป่า ช่วยจัดหลักสูตรอะไรก็ได้ที่พวกเขาต้องลงมือทำด้วยตัวเองให้หน่อย ขอประเภทที่ได้ลงมือทำทุกคน ไม่เหลือคนที่เลี่ยงไปทำแค่ลุ้นนะพ่อนะ    กิจกรรมประเภททำกับข้าวนั้น ยังไม่เอื้อให้ได้ลงมือทำทุกคน ขอใหม่ขอใหม่ อะไรก็ได้ที่ไม่ยากเกินไป และ่ทุกคนเลี่ยงไม่ทำไม่ได้  เชื่อว่ากิจกรรมแบบนี้จะช่วยให้เขากล้าขึ้นในการก้าวข้ามมาสู่การตื่นของสัญชาตญาณแห่งการเรียนรู้ด้วยตัวเอง แล้วเริ่มเรียนรู้แบบไม่ต้องบอก สัญชาตญาณที่ตื่นขึ้นนี้จะเป็นประโยชน์ในการตื่นตัวเพื่อช่วยคนค่ะพ่อ

    มาส่งข่าวเรื่องนักศึกษาแพทย์ชลบุรี รุ่นที่ได้มีโอกาสมาช่วยดูแลที่สวนป่าว่ารุ่นนี้ได้สิ่งดีกับชีวิตกลับไปและสิ่งที่ดีนั้นก็งอกงามขึ้นในตัวของเขาตลอดมา รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ทำให้คณะแพทย์ตื่นตัวและหันมาทบทวนหลักสูตรการสร้างคนอย่างจริงจังแล้วค่ะพ่อ ทำให้ดีใจกับหมอสุและหมออุ๊ไปด้วย

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 มกราคม 2010 เวลา 3:06

    รับปฏิบัติครับผ๊ม อิอิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.31214308738708 sec
Sidebar: 0.26349306106567 sec