ลานซักซ้อมจินตนาการ

26 พฤศจิกายน 2008

ถอดบทเรียน KM วิถีสู่องค์กรที่มีชีวิต

Filed under: บ่มเพาะความทรงจำ — Iem @ 10:11 (เช้า)

          ตัดสินใจที่จะเปิดตัว  “การจัดการความรู้”  ของเทศบาลนครพิษณุโลก หลังจากที่แอบ ๆ ทำกับกลุ่มของตัวเอง  โดยใช้วันที่  25  พฤศจิกายน 2551 เป็นวันดำเนินการ ….คิดหนักเหมือนกันว่า….จะใช้หัวข้ออะไร…เพื่อจะดึงคนเข้ามา…แล้วจะใช้กิจกรรมอะไร เพราะเรามีเวลา ในการทำกิจกรรม เพียง 2 ชั่วโมง คือ ตั้งแต่เวลา 13.30 - 15.30 น. และมีเวลาเตรียมตัว   1 สัปดาห์…และแล้ว 1  สัปดาห์ ที่คิดว่าจะใช้ในการเตรียมตัว ก็มีอะไรเข้ามาให้ทำมากมาย … จนเวลาเตรียมตัวไม่เหลือ …ต้องตัดสินใจกำหนดหัวข้อ…สำหรับ…รายละเอียดเนื้อหาและกิจกรรม ก็ต้องไปตายเอาดาบหน้า

ในครั้งนี้  ใช้หัวข้อ “ถอดบทเรียน KM วิถีสู่องค์กรที่มีชีวิต”…..แล้วก็วิ่งไปขอให้พี่หนิง (สุภาวดี) และ ผอ.น้อง (สุกัญญา)  ช่วยเตรียมตัว ในการร่วมถอดบทเรียนในครั้งนี้ เพราะเราจะเริ่ม โดยการ ให้ Story telling… ซึ่งเป็นบทเรียน ที่เราได้เข้าร่วมเรียนรู้กับวงน้ำชา เมื่อวันที่ 15 - 18 ตุลาคม 2551

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2551 มีความจำเป็นต้องเดินทางกลับไปบ้านที่เพชรบูรณ์ กลับมาพิษณุโลก ก็วันที่  24 พฤศจิกายน  2551 เวลา  22.00 น. เหนื่อยมาก เลยต้องพักผ่อนเอาแรงก่อน วันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 เวลา 09.00 - 10.00 น. ก็ติดประชุม มีเวลาเริ่มในการเตรียมงานครั้งนี้ จริง ๆ ก็แค่  1.30 ชั่วโมง ก่อนที่จะเริ่มกิจกรรม….

รู้สึกตื่นเต้น เพราะตอนแรก คิดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกิจกรรม ไม่เกิน 15 คน…ปรากฏว่า..มีการแจ้งเข้าร่วม ถึง 35 คน….แถมจอมป่วน ก็มาทิ้งกันอีก…สมาชิกที่แจ้งชื่อมาเข้าร่วมกิจกรรมครบทั้ง 35 คน… มีคนที่ติดภารกิจ ต้องออกก่อน 4 คน…เดินเข้าเดินออกอีก ประมาณ 6 คน… ดูจริงจังกับกิจกรรม..ประมาณ 25 คน….คิดว่าน่าจะมี Cops เกิดขึ้นอีกอย่างน้อย 2 Cops….นับว่าเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมาย…

ในครั้งนี้…นักการอิ่ม…กับนักการหนิง…ทำหน้าที่เล่าเรื่องแบบย่อ ๆ…..แต่เล่าไม่จบ….เพราะดูท่าทีแล้ว…ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ส่วนใหญ่…ให้ความสนใจมาก…ก็เลย…เก็บ ๆ ไว้…ให้เข้ามาติดตามในครั้งหน้า…ส่วน ผอ.น้องติดภารกิจ ไม่สามารถเข้ามาเล่าเรื่องราวได้ แต่ก็มาเข้าร่วมกิจกรรมในช่วงท้าย ๆ ….เราต่อด้วยการให้สมาชิก…เข้าสู่ Dialogue สองรอบ…รอบแรก…นักการอิ่ม…ให้วาดภาพ….ภาวะที่สามารถเรียนรู้ได้ดี และภาวะที่ไม่สามารถเรียนรู้ได้…แล้วให้จับคู่ Dialogue…สภาพห้อง..ไม่เอื้ออำนวยนัก…การพูดคุยของแต่ละคู่…ดังอื้ออึง…จนบางคู่ ไม่มีสมาธิจะคุยกัน…แล้วก็เริ่มมีการหัน..ไปแหย่ คู่อื่น ๆ… นักการอิ่มเลยต้องเบรคเกม….ดึงสมาชิกเข้าสู่การอยู่กับตนเอง…หลับตา…อยู่กับตนเอง…นึกถึงชีวิต…ในแต่ละช่วงวัย…หลังจากนั้น ให้ฉีกกระดาษ…สื่อความหมายชีวิตในแต่ละช่วงวัย…แล้วจับคู่ Dialogue อีกครั้ง…โดยขอให้เปลี่ยนคู่ด้วย และเป็นคู่ที่มาจากคนละหน่วยงาน….ครั้งนี้…วง Dialogue เป็นไปด้วยดี กว่าที่คิด…หลายคู่ที่บอกให้หยุด..ยังไม่ค่อยอยากจะหยุดสนทนากันเลย….บางคู่…ยังหันมาต่อว่ากระบวนกร…ว่าทำไมให้หยุดเร็วจัง…

เราปิดกิจกรรม….ด้วยการ…เชิญชวนให้กลับเข้ามาอีก…โดยเริ่มจาก.. ผอ.น้อง…นักการหนิง และสุดท้ายคือนักการอิ่ม….

ต่อจากนั้น….ทีมนักการอิ่ม …ซึ่งได้มีการตั้งวง ชื่อ “วงเล่า” …ก็มีการทำ AAR กันต่อ โดยมีนักการหนิงร่วมแจมด้วย…โดยภาพรวมแล้ว ออกมาค่อนข้างดี…ไม่มีใครรู้ว่า…นักการอิ่มหลุดคิว…และทำกิจกรรมพลาดเยอะ…แม้แต่ทีมงานเอง…อิอิอิ…

ตอนแรก วางธง ไว้ว่า จะเริ่มตั้งวงสนทนาของเทศบาล ในเดือนมกราคม 2552 … คงจะต้องเลื่อนขึ้นมา เดือนธันวาคม 2551 แล้วล่ะ…..

“ใจ” แคบ  “โลก”  แคบ

“ใจ” กว้าง “โลก”  กว้าง

“ใจ” ไร้พรมแดน  “โลก” ไร้พรมแดน…..

น้ำตาที่ โรงเรียนพ่อแม่ นครสวรรค์;วันสุดท้าย..

Filed under: บ่มเพาะความทรงจำ — Iem @ 9:29 (เช้า)
  • วันสุดท้าย (9 พฤศจิกายน 2551)
  • o พ่อแม่ลูก ยังคงแยกห้องกันอยู่….เช้านี้…เรารู้สึกแปลกๆ …และดูเด็ก ๆ ก็เกร็ง ๆ …เพราะมีทีมผู้จัดการอบรม…เข้ามาด้วย…เพราะว่า…จะมีพิธีปิดในช่วงเช้านี้…
  • o กระบวนกรเชื้อเชิญ…ให้เด็ก ๆ…ล้อมวงเข้ามา…แล้วแจกจดหมายรักจากลูกถึงพ่อแม่คืนให้กับเด็ก ๆ
  • o พี่น้อง..นำเด็ก ๆ อยู่กับตัวตน…เดินอย่างไร้ทิศทาง ช้า ๆ ใคร่ครวญ…..แล้วหลับตาลง…เดินอย่างช้า ๆ…รำลึกถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ณ ที่นี่… แล้วให้นั่งลง…ทั้งที่ยังหลับตา…ใคร่ครวญ…แล้วกระบวนกร…ก็ให้เด็ก ๆ นำผ้าปิดตา ที่กระบวนกรแจกให้…ทำการปิดตาตนเอง…เพื่อรอให้พ่อแม่…เข้ามาตามหา…กระบวนกรจัดให้เด็ก ๆ นั่ง…ห่างกัน พอสมควร..แล้วบอกกับเด็ก ๆ ว่าสักครู่ พ่อแม่ของเด็ก ๆ จะถูกปิดตาเข้ามาตามหาเด็ก ๆ มิให้เด็ก ๆ พูด หรือบอก แต่ให้แสดงออกให้พ่อแม่รับรู้ว่า นี่คือตัวตนเอง ด้วยท่าทาง…เสียงแว่วมา…ไม่มีอะไรน่าหวาดกลัว…หายใจเข้าออกลึก ๆ…อ่อนโยนต่อชีวิต…อ่อนโยน…ต่อตัวเรา…อย่าหวาดกลัว…จงกล้าเผชิญ…
  • o สักครู่…กระบวนกรห้องพ่อแม่…ก็นำพาพ่อแม่ ที่ถูกปิดตา..เข้ามาในห้อง…เสียงกระบวนกรบอกว่า ” ให้นึกถึงลูก ๆ ของเรา กำลังหลงทาง และเรากำลังตามหา…และสิ่งที่ทำให้เราตามหากันเจอ…คือความรักที่มีต่อกัน….หากคราวหน้า..หากเราพลัดพรากจากกันอีก…เราจะตามหากันให้เจอ..ด้วยความรัก”….พ่อ..แม่…สัมผัส..ไปตามใบหน้า…ตามตัว…เพื่อหาลูกที่หลงทางไป..กลับคืนมา…เมื่อคิดว่าใช่..ก็กอดกันแน่น….จนพบครบทุกครอบครัว…กระบวนกรจึงบอกให้เปิดผ้าปิดตาออก….และนั่งลง…
  • o หลังจากนั้น…ให้พ่อแม่ และลูก….อ่านจดหมายรัก…ที่ต่างเขียนให้กันและกันฟัง..ให้อ่านด้วยเสียงของตนเอง…ครั้งนี้…เราเห็นน้ำตา…ท่วมห้อง…ไม่รู้ว่าน้ำตาใคร…เป็นน้ำตาใคร..ซึ่งมันรวมไปด้วย..น้ำตากระบวนกร..น้ำตาเรา..น้ำตาของอาจารย์พรทิพย์…พี่น้องชนิดา…ปนเปกันเต็มไปหมด…อ้อมกอดของแต่ละครอบครัว…มันดูแนบแน่น…แต่ไม่เห็นมีใครบอกว่าอึดอัด….เรารู้สึกดีมาก ๆ… จนรู้สึกว่ารำคาญ…เสียงแชะ ๆ และแสงแฟลช จากกล้องถ่ายรูปน้อยลง…
  • o เวลาพอสมควร กระบวนกรให้ยืนขึ้น …และให้ลูกมอบพวงมาลัยดอกมะลิให้กับพ่อแม่…และพ่อแม่ก็มอบให้แก่ลูกเช่นกัน…
  • o หลังจากนั้น …ก็เข้าสู่พิธีปิดการอบรม…ซึ่งผู้จัด…ได้ให้ตัวแทน พ่อแม่…และลูก กล่าวความรู้สึก….เป็นคุณพ่อน้องอ้อ…คุณแม่น้องแทน…น้องกล้วย และน้องบี…ซึ้งจริง ๆ….
  • o สำหรับเทศบาลนครพิษณุโลก…อาจารย์พรทิพย์ เป็นตัวแทนกล่าวความรู้สึก….
  • o พิธีปิด….โดย…นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ และร้องเพลงอำลา…..
  • คุ้มค่า…ที่มา…เสียงใครบางคน…แว่วมา…

13 พฤศจิกายน 2008

น้ำตาร่วง..โรงเรียนพ่อแม่ นครสวรรค์;วันที่สาม..

Filed under: บ่มเพาะความทรงจำ — Iem @ 4:18 (เย็น)
  • วันที่สาม (8 พฤศจิกายน 2551)
  • o วันนี้…เรารู้สึก…ทั้งอยากมาที่นี่…และไม่อยากมาที่นี่…รู้สึกตื้นตัน…เราคงไม่สามารถเป็นกระบวนกร…ของ..โรงเรียนพ่อแม่ได้…
  • o ช่วงที่ 1 ครูสุ เริ่มด้วย Ice breaking… กับเพลง…ไปทะเล….มีพี่อ้อ กับพี่อ๋อ…แสดงท่าทางตัวอย่างให้ดู….
  • § เราอยู่ด้วยกัน…. คน (…..คน)
  • § เราจะไปไหน…. ไปชายทะเล เราร้องเพลงฮาเฮ..ชึ ดึ ดึ๊บ ชึ๊บ ดือ ดื่อ ดึ๊บ…ชึ ดึ ดึ๊บ ชึ๊บ ดือ ดื่อ ดึ๊บ….
  • § เธอมองฉัน ฉันก็มองเธอ…หลั่น ลัน ล้า ลั้น ลา หลั่น ล้า….ฮึ่ยย ๆๆ….หลั่น ลัน ล้า ลั้น ลา หลั่น ล้า..ฮึ่ยย ๆๆ
  • o อืมม…เรารู้สึกว่า…เด็ก ๆ น่ารัก และสดใสมาก….มือทุกมือที่เราสัมผัส…รู้สึกอบอุ่น…มีความหมาย….
  • o พี่สุต่อด้วยการให้เด็ก ๆ…เข้ากลุ่ม..Home base…แล้วทำกิจกรรมต่อ
  • § รอบแรก …เริ่มด้วยการที่ …หากพี่สุ…เรียกชื่อกลุ่มไหน..ให้กลุ่มนั้น..ลุกขึ้นยืน..แล้วช่วยกันตะโกนบอกชื่อกลุ่มตัวเอง…2 ครั้ง
  • § รอบที่สอง…เป็นการแข่งขัน…แบบแพ้คัดออก…ให้เรียกชื่อกลุ่มตัวเองสองครั้ง..ต่อด้วยเรียกชื่อกลุ่มอื่น 1 ครั้ง…กลุ่มที่ถูกเรียกชื่อ…ก็จะทำการเรียกชื่อกลุ่มตัวเองสองครั้ง และเรียกชื่อกลุ่มอื่น 1 ครั้ง …เวียนไปเรื่อย ๆ…กลุ่มไหนช้า…ไม่สามัคคี…เรียกกลุ่มอื่นไปคนละทาง…เสียงเบา…คัดออก…เราอยู่กลุ่ม…อาโนเนะ…โดนคัดออกเป็นกลุ่มแรก…แหะ แหะ…
  • o หลังจากสนุกสนานกับกิจกรรม..เราก็มานั่งล้อมวงกัน..พี่น้องเล่าให้ฟัง…ถึงเรื่อง…ที่ได้ไปอยู่ห้องพ่อแม่ เมื่อวานนี้…ได้รับรู้ถึงความยากลำบาก…ความเจ็บปวด..ความรัก…ความห่วงใย…ความตั้งใจที่จะทำเพื่อลูก…..ของคนที่เป็นพ่อแม่…
  • o พี่น้อง…ให้ทุกคนยืนขึ้น…เดินอย่างไร้ทิศทาง
  • § เดินเร็ว ๆ ไปอย่างไม่มีทิศทาง ไม่สนใจใคร
  • § เดินช้าลง ช้าอย่างที่จะสามารถช้าได้ และคาดไม่ถึงว่าตนเองจะช้าได้ขนาดนี้
  • § หยุดอยู่กับที่…หลับตาลง…นิ่ง…หายใจเข้า…ออก…อย่างรู้สึกตัว….ช้า ๆ….ทบทวนลมหายใจของตัวเอง….ก้าวเดินไป…ทั้ง ๆ ที่ยังหลับตา…ใคร่ครวญ อยู่กับตัวเอง…
  • § หยุดนิ่ง…นั่งลง…ทั้ง ๆ ที่ยังหลับตา…รำลึกเหตุการณ์…ย้อนไปถึงพ่อแม่..กับตนเอง..นึกถึงช่วงเวลา แห่งความสุข …มีถ้อยคำใด …เรื่องราวใด…ที่เราอยากบอกกล่าวกับพ่อแม่มากที่สุด…ไม่ใช่เพื่อร้องขอ…ไม่ใช่เพื่อตำหนิ…แต่ที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อความเป็นพ่อแม่…ในฐานะลูก…ที่โตพอจะเข้าใจโลก….และมันเป็นประโยชน์จริง ๆ…
  • § ลืมตาขึ้น….หามุมสงบ….เขียน “จดหมายรักจากลูก..ถึงพ่อแม่”….”ถ้าพ่อกับแม่ สามารถเป็นผู้รับฟังเราได้ สิ่งที่เราปรารถนาจะให้เกิด และอยากบอกกับพ่อแม่ คืออะไร อาจจะเป็นจดหมายรัก…หรือระบายออกมา..เพื่อให้พ่อแม่รับทราบ”……
  • § เด็ก ๆ เขียนจดหมายเสร็จ…ก็พับครึ่ง…ส่งคืนให้กระบวนกร…เรารู้สึก…อยากอ่าน…แต่…ไม่อ่านก็ดี…เด๋วร้องไห้มากกว่านี้….
  • o พักเบรก
  • o เมื่อกลับเข้าห้อง…พี่สุ…นำพาเด็ก ๆ เข้าสู่สภาวะการอยู่กับตัวตน….ใคร่ครวญชีวิตในแต่ละช่วงวัยที่สดชื่น มีความสุข ที่เจ็บปวด..
  • o แล้วให้เด็ก ๆ จับคู่กัน สลับกันเป็น A และ B โดยวนเวียนไปเรื่อย ๆ
  • § A : พูดว่า…”คุณคือใคร”…
  • § B: ………..(ตอบอะไรก็ได้ ที่อยากตอบ…ที่เป็นตัวตน)
  • § A : พูดว่า…”ได้ยินแล้ว รู้แล้ว คุณคือใคร”…
  • § B: ………..(ตอบอะไรก็ได้ ที่อยากตอบ…ที่เป็นตัวตน….ไม่ซ้ำเดิม)
  • § A : พูดว่า…”ได้ยินแล้ว รู้แล้ว คุณคือใคร”…
  • § B: ………..(ตอบอะไรก็ได้ ที่อยากตอบ…ที่เป็นตัวตน….ไม่ซ้ำเดิม)
  • o หลังจากนั้น…ให้เด็ก ๆ …เข้าพูดคุยกับกระบวนกร…คนไหนก็ได้….โดยให้กระบวนกร เป็น A และเด็ก ๆ เป็น B….
  • o ครั้งนี้…เราได้คุยกับ…บอม…ต๊อป…เฟิร์น…อ้อ และท๊อป…น้ำตาคลอทุกครั้ง…มันเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ…เมื่อได้ฟังเรื่องราวของเด็ก ๆ….
  • o พักรับประทานอาหารกลางวัน

12 พฤศจิกายน 2008

น้ำตาร่วง…โรงเรียนพ่อแม่ นครสวรรค์;วันที่สอง…(1)

Filed under: บ่มเพาะความทรงจำ — Iem @ 2:20 (เย็น)
  • วันที่สอง (7 พฤศจิกายน 2551)
  • o เช้าวันนี้ เด็ก ๆ ทักทายเราด้วยรอยยิ้ม และแบบไทย ๆ คือสวัสดี…อืมม..รู้สึกดีกว่าเมื่อวานนะ
  • o ช่วงที่ 1 พี่สุ เริ่มด้วยการนำเล่นเกม วิวัฒนาการของชีวิตมนุษย์ ซึ่งทุกคนเริ่มจากการเป็นแมงหวี่ เมื่อเป่ายิงฉุบ ชนะ ก็จะกลายเป็นเป็ด แล้วให้ไปหาสายพันธ์เดียวกัน เป่ายิงฉุบ หากเป็ดด้วยกันชนะ ก็จะกลายเป็นลิง และจากลิง เมื่อเป่ายิงฉุบชนะ ก็จะกลายเป็นคน…สำหรับเรา..เป็นแมงหวี่ไม่เลิกเลย…
  • o พี่น้อง มาเล่าต่อในเรื่อง คนเราไม่เหมือนกัน มันมีความแตกต่าง แว่นที่ตา มันเชื่อมโยงกับตัวตนภายใน หากตัวตนภายในแคบ แว่นที่มีก็จะแคบ และเรามักใช้แว่นนี้วัดคนอื่น ซึ่งเมื่อแว่นที่มองเราแคบ มันทำให้เรารู้สึกอึดอัด หากมันกว้างเกินไป บางทีเราอาจจะรู้สึกอ้างว้าง ช่างไม่พอดีเอาเสียเลย ความรู้สึกที่ไม่พอดี เรามักจะหาคนมาเติมเต็ม เมื่ออยู่ในช่วงฮันนีมูน เราจะรู้สึกว่าคนนี้ใช่เลย และทำให้ชีวิตเราสมบูรณ์ แต่เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาของการฮันนีมูน บางทีเราอาจจะรู้สึกได้ว่า มันจืดจาง ส่วนที่เราคิดว่านำมาเติมเต็มกลับ กลายเป็นส่วนเกิน แต่…เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวตนภายในได้…..เหมือนกับสามเหลี่ยมที่พยายามกลิ้งตัวเอง…ซึ่งตอนแรกอาจจะลำบาก..แต่เมื่อเหลี่ยมค่อยๆ ลบ ไป ก็เริ่มกลิ้งได้อย่างคล่องตัว…สามารถนำพาตนเองไปได้…
  • o พี่น้อง…ต่อด้วย Voice dialogue …ตัวตนภายใน…เปรียบเทียบกับคนเราเกิดมาทุกคนมีไพ่ 52 ใบเท่ากันหมด แต่เพศ การเลี้ยงดู ชีวิตในแต่ละช่วงวัย สังคม ครอบครัว การศึกษา การคบเพื่อน พื้นที่เกิด ประสบการณ์ ความรัก ฯลฯ ทำให้แต่ละคน ค่อย ๆ ทิ้งไพ่หรือตัวตนภายใน ทีละใบ เพื่อปกป้องตนเอง เพื่อให้ดำรงอยู่ได้ …เราทิ้งไพ่ จนเหลือในมือไม่มากนัก…และเริ่มกำจำนวนที่เหลือจนแน่น…เพราะมันทำให้เราเติบโต มีชีวิตรอดมาจนทุกวันนี้ และคิดว่ามันเป็นทั้งหมดของชีวิต…แต่แท้ที่จริงแล้ว…เราเก็บความอยากไว้ตลอด….
  • o เมื่อตัวตนภายเปลี่ยน…จะรู้สึกว่าต้องการจะเก็บไพ่เพิ่ม…ซึ่งไพ่และตัวตนต่าง ๆ ที่เรามี เราไม่ได้ทิ้งมันไป แต่เราแค่วางซ่อนไว้…เราสามารถเก็บมันขึ้นมา…เหมือนกับสามเหลี่ยม ที่พยายามกลิ้งด้วยตัวเอง…พี่น้องบอกกับเด็ก ๆ ว่า…ชีวิตต้องมีการเริ่มต้น….ไม่จำเป็นต้องเก็บมาทีเดียวทั้งหมด…ค่อย ๆ เติมเต็ม เก็บขึ้นมาทีละใบ เหมือนสามเหลี่ยม ที่ค่อย ๆ ลบเหลี่ยมของตนเอง…..หากเราไม่เริ่มต้น…เราก็จะมีไพ่ในมืออย่างจำกัด ในการเลือกเล่น ทำให้รู้สึกตีบตัน…ไปไม่รอด…..”สนใจจะเก็บไพ่ของตนเองไหม”….พี่น้องถาม…ไม่มีใครตอบ..สักครู่มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งตอบมาว่า… “ไม่สนใจ มันกร่อย”….อืมม…เรื่องที่พี่น้องเล่า…เด็กได้ฟังไหมนะ..ถ้าฟัง..แล้วเข้าใจไหมนะ…มันยากที่จะเข้าใจสำหรับเด็กหรือเปล่านะ….
  • o พักเบรก… เราเข้ามาต่อ Voice dialogue … การทิ้งไพ่ เริ่มด้วยการแบ่งกระดาษ เอสี่ เป็น 4 ช่อง คือ 1 2 3 4 ตามลำดับ แต่ให้เริ่มเขียนที่ช่องที่ 2 ก่อนว่า คุณลักษณะของบุคคลใกล้ตัว ที่ทำให้เรารู้สึกจี๊ด โกรธ โมโห… แล้วมาเขียนที่ช่องที่ 3 ด้านดีของเรา ที่ตรงกันข้ามกับช่อง 2 … หลังจากนั้น ก็รวมกลุ่ม Home base กัน… อ่านช่องที่ 2 ให้สมาชิกในกลุ่มฟัง แล้วให้เพื่อน สะท้อนด้านดี ของช่องที่ 2 แล้วเขียนลง ช่องที่ 1 ต่อจากนั้น….ให้อ่านช่องที่ 3 ซึ่งเป็นด้านดีของเราให้เพื่อนฟัง….แล้วให้เพื่อนช่วยกันสะท้อนด้านลบสุด ๆ ของช่องที่ 3 แล้วเขียนลงในช่องที่ 4
  • o พักรับประทานอาหารกลางวัน

10 พฤศจิกายน 2008

น้ำตาร่วง…โรงเรียนพ่อแม่ นครสวรรค์; วันแรก…

Filed under: บ่มเพาะความทรงจำ — Iem @ 11:48 (เช้า)

 ในระหว่างวันที่ 6 9 พฤศจิกายน  2551 ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ “โรงเรียนพ่อแม่” ตามโครงการสร้างทางชีวิตใหม่ ให้ครอบครัวอบอุ่น รุ่นที่ 3   ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาสุขภาพภาคประชาชนภาคเหนือ จ.นครสวรรค์ จัดโดย  องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ ร่วมกับศาลเยาวชนและครอบครัว จ.นครสวรรค์  จำนวนผู้เข้ารับการอบรม         30  ครอบครัว

 

·       เยาวชน(ลูก) จำนวน  31  คน (ชาย  27  หญิง 3 คน บอกว่าเป็นหญิงอีก 1 คน)

·       ผู้ปกครอง(พ่อแม่) จำนวน  31  คน

กระบวนกร  จากสถาบันขวัญเมือง  มูลนิธิสังคมวิวัฒน์

·       ห้องเยาวชน(ห้องของลูก)จำนวน    5  คน (มีเยาวชนรุ่นที่ 2 มาช่วยงาน  2 คน)  รวมเป็น 7 คน

·       ห้องผู้ปกครอง(พ่อแม่)   จำนวน   5  คน

 มีการแบ่งออกเป็น 2 ห้อง คือ ห้องพ่อแม่ และห้องของลูกo      พักรับประทานอาหารกลางวัน….

ในครั้งนี้ นักการอิ่มเข้า ห้องของลูก

แว่บแรก ที่เห็นเด็ก ๆ ถึงกับน้ำตาคลอ… ลำคอตีบตัน…เกิดอะไรขึ้นหนอ….

 ·       วันที่แรก (6 พฤศจิกายน 2551)

o      ช่วงที่  1 เริ่มต้นด้วยพิธีเปิดของหน่วยงานผู้จัด

o      เวลา 10.30  แยกย้ายพ่อแม่ และลูก  อยู่คนละห้อง ในครั้งนี้ สมัครใจ อยู่ห้องของลูก เพราะว่า ยังไม่เคยเป็นแม่

o      ใน ห้องของลูก กระบวนกรเริ่มต้นได้ในเวลา 11.00 น. พี่น้อง ทำหน้าที่กระบวนกรคนแรก ได้เชื้อเชิญให้เด็ก ๆ เข้ามาใกล้ๆ พี่น้องที่สุด เท่าที่ จะใกล้ได้  และขอให้น้อง ๆ ไว้วางใจ  กระบวนกร ได้แสดงให้เห็นว่า ยืนอยู่ข้างเด็ก ไม่ขอให้เด็ก ๆ เปลี่ยนแปลง

o      ต่อจากนั้น ได้มีการแนะนำ น้อง ๆ เยาวชนรุ่นที่ 2 จำนวน 2 คน ที่มาช่วยงาน คือน้องมิ้น กับน้องอ๋อ และแนะนำทีมกระบวนกร คือ พี่น้อง  พี่เอก พี่สุ พี่อ้อ และพี่นุช

o      พี่สุได้มีการบอกกติกาการอยู่ร่วมกัน และ นำเล่นเกม เพื่อเป็นการ Ice breaking ในครั้งนี้ใช้เกม เป่า ยิง ฉุบ แต่ท่าทีของเด็ก ๆ ยังเกร็ง ๆ อยู่ กระบวนกรเลยให้มีการจัดกลุ่ม Home base จำนวน 6 กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน และมีพี่เลี้ยงประจำกลุ่ม หลังจากนั้นก็ได้มีการทำกิจกรรม Ice breaking อีกครั้ง โดยใช้เกม มังกรคาบหาง…เกมนี้เด็ก ๆ รู้สึกสนุกขึ้น แต่พี่เลี้ยงแย่ไปตาม ๆ กัน เพราะเป็นเกมที่จะต้องใช้ความเร็ว ในการวิ่งหนี และวิ่งไล่

o      ต่อจากนั้น กระบวนกรให้เด็ก ๆ แยกย้ายเข้า Home base และเขียนชื่อเล่นตัวเอง ลงในป้ายชื่อ พร้อมกับให้แต่งสีสันตามใจชอบ พี่เลี้ยง ทำหน้าที่ในการชวนเด็ก ๆ คุย ถึงความรู้สึก ความกังวลใจ และเรื่องราวของตนเอง เพื่อให้สนิทสนมกัน แต่กิจกรรมนี้ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จนัก เด็ก ๆ ยังไม่ไว้วางใจพอที่จะพูดคุย

o      กระบวนกรให้โจทย์ต่อ โดยให้การตั้งชื่อกลุ่ม Home base ไม่เกิน 3 พยางค์  แต่ละกลุ่มได้ชื่อดังนี้   S&T (มาจากซอยตัน), Freedomครับ, รักกันครับ, คิกขุจัง, S&P และอาโนเนะ

 

 o      ช่วงที่ 2  เด็ก ๆ เข้าห้องกันค่อนข้างจะตรงเวลา กระบวนกรเริ่มต้นด้วยกิจกรรม ผ่อนพักตระหนักรู้ ให้เด็ก ได้พักผ่อน ประมาณ 40 นาที … พอตื่นขึ้นมา เด็ก ๆ ส่วนใหญ่ ยังทำหน้าเหมือนยังนอนไม่เต็มอิ่มเลย กระบวนกร เลยพาออกกำลังกายเล็ก ๆ

o      กระบวนกร นำให้เข้าสู่ กลุ่ม Home base  และให้เด็ก ๆ แต่ละคน อยู่กับตัวเอง รำลึกถึงช่วงชีวิตที่ผ่านมา  โดยให้มีการฉีกกระดาษ หรือทำอะไรกับกระดาษเอสี่ ที่แจกไป ตามอารมณ์ ความรู้สึกในแต่ละช่วงเวลาที่รำลึกถึง หลังจากนั้นให้เด็ก ๆ ในกลุ่ม Home base เล่าให้เพื่อนฟัง

o      กระบวนกรต่อด้วยการให้ เด็ก ๆ เดินอย่างไร้ทิศทาง ใคร่ครวญ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปล่อยตัวเอง อยู่ในห้วงคำนึง ท่ามกลางแสงสลัว และบทเพลงบรรเลงที่บางเบา  สักครู่ก็ให้เด็ก ๆ จับคู่กันพูดคุย เล่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่ทำให้เข้ามา ณ ที่นี่  และเพิ่มเป็น 4 คนช่วงนี้ เริ่มเห็นน้ำตามที่ไหลริน…จากใบหน้าน้องชุ สาวอายุ 18 และน้องเฟิร์น สาวน้อยอายุ 15น้องชุบอกว่า ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนที่นครสวรรค์ ติดเพื่อน ส่วนพ่อแม่อยู่กรุงเทพฯ พ่อแม่ไม่ใคร่ชอบกลุ่มเพื่อนของน้องชุนัก บอกว่าเป็นคนไม่ดี สักวันชุจะต้องเสียเพราะเพื่อน..แล้วก็เป็นจริง ชุ เริ่มอยากลองยา เป็นครั้งแรก…รับมาแล้ว..ยังไม่ทันลอง..ก็มาถูกจับเสียก่อน…เพื่อนหายไปหมด ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลย… ส่วนน้องเฟิร์น เป็นฝาแฝด กับน้องเฟิร์ส..เข้ามาด้วยเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกับเพื่อน… 

o      ช่วงที่ 3 กระบวนกร ถ่ายทอด แนวคิดของชนเผ่า ในเรื่อง ผู้นำสี่ทิศ และให้เด็ก ๆ ไปนั่ง ณ ทิศ ที่คิดว่าแสดงถึงความเป็นตัวเค้ามากที่สุด และถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ฟังว่า ทำไมเค้าถึงคิดว่า ทิศนี้ คือ ใช่เลยสำหรับเค้า

o      หลังจากนั้น ก็กลับมาที่กลุ่ม Home base กระบวนกรแจกกระดาษเอสี่ ให้โจทย์ว่าให้ใช้สีเป็นสัญลักษณ์ แทนแต่ละทิศ สีแดง คือกระทิง  สีดำ คือหนู สีเขียวคือหมี และสีฟ้า คืออินทรี  แล้วแบ่งดูว่า ภายในพื้นที่วงกลมวงหนึ่ง ที่สมมติว่า เป็นตนเอง ตัวเองมีความเป็นสัตว์ในแต่ละทิศมากน้อยแค่ไหน โดยการระบายสีลงในวงกลมนั้น ๆ และวาดวงกลม เพิ่มขึ้นอีกเท่ากับจำนวน บุคคลในครอบครัว แล้วเขียนชื่อของเจ้าของวงกลม แต่ละวง เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง ปู่ ย่า ตา ยาย แล้วให้แบ่งว่าแต่ละคนในครอบครัว มีทิศแต่ละทิศมากน้อยแค่ไหน  

o      สะท้อนวันแรก…เด็ก ๆ ยังไม่เปิดเผยตัวเองมากนัก…แววตาดูเหมือนยังไม่ไว้วางใจ…

….หนักหนาแนวเขิน เนินไศล คือทางที่เราก้าวไป…ก้าวไกลเกินฝัน..วันวาน

 

 

Powered by WordPress