ลานซักซ้อมจินตนาการ

15 มกราคม 2011

ตรู..ปิ๊ด..แล้วนะ..

Filed under: บ่มเพาะความทรงจำ — Iem @ 4:36 (เย็น)

สัปดาห์ที่ผ่านมา ผจญ กับทั้งสุข สนุก  ปิดท้าย ด้วยปิ๊ดแตก…

มีรายการแอบคุยกันนอกรอบ  ในกลุ่ม คนตัวเล็ก ๆ ในองค์กร…

รู้สึก…ดัชนีความสุขมวลรวมเพิ่มขึ้น…เมื่อผู้บริหารไม่อยู่….เด็ก ๆ สามารถ หาทางออกการทำงานร่วมกันได้ เมื่อผู้บริหารไม่ได้ประชุมด้วย…แต่ ความคิดที่พวกเราเสนอ โดน Block ด้วยความทำงานมานานกว่า…อาบน้ำลาย…มานานกว่า… หมดความศรัทธา..กับคำว่า “ผู้บริหาร”…เรื่องบางเรื่อง สามารถจัดการได้ ทางการ”บริหาร” …ยังไม่จัดการกัน..คนตัวเล็ก ๆ จะไปทำอะไรได้..

มีบางคน..ตั้งคำถามว่า “การคัดเลือกผู้บริหารขึ้นมานั้น เอามาตรฐานไหนมาใช้”….คำถามนี้…ใครจะเป็นผู้ตอบ…ล่ะ…

…จริง ๆ อยากเขียนถึง…ผู้บริหารองค์กรหลายเรื่อง…แต่กลัวไปพาดพิงใคร…เดี๋ยว…มีรายการ “คอขาด”.. “คอขาด” คนเดียวไม่เท่าไหร่…คนไม่รู้เรื่องด้วย จะพลอยฟ้า พลอยฝน…

….แต่มันอดไม่ได้….

มีคำถามบางอย่าง ที่ทำให้รู้สึกสะดุด…ไม่อยากคิด…แต่มันแว่บ  แว่บ มาเป็นระยะ

..น้องคนนึง… ถามว่า “ทำไมเราต้องยอมผู้บริหาร ในเมื่อเราไม่ผิด และเหตุผลเราดีกว่า”….อื้ม…เข้าใจความรู้สึกแหละ….อยากตอบ…แบบด่า ๆ ผู้บริหาร ให้สะใจเล่น…แต่ก็ต้องตอบอีกอย่าง…เพื่อรักษาความรู้สึกของน้อง….

…น้องทีมงาน..อีกคน …มาเล่าถึง วิธีการทำงานของผู้บริหารให้ฟัง…แล้วบอกว่า…เค้าตั้งคำถามกับตัวเองว่า…”ผู้บริหาร…คิดได้แค่นี้หรือ”….เออนะ…ระดับ…ความคิดได้…ของผู้บริหาร…ควรจะอยู่ระดับไหนนะ…

อุตส่าห์ระวังอารมณ์ ความรู้สึกของตัวเองมาระยะหนึ่ง…เฝ้าดูแล ฟูมฟัก อารมณ์น้อง ๆ ไม่ให้ปะทะ ผู้บริหาร..รู้ทั้งรู้ว่าไม่ส่งผลดีอะไร…แต่ตัวเอง…กลับ “ปิ๊ด” แตก…ซะเอง…เอา…คำพูดของน้องสองคน ที่ว่า “ ทำไมเราต้องยอมผู้บริหาร ในเมื่อเราไม่ผิด และเหตุผลเราดีกว่า”…และ “ผู้บริหารคิดได้แค่นี้หรือ” มาใส่…ในอารมณ์ ความรู้สึกตัวเองทันที…

อาการ ตรู “ปิ๊ด” แล้วนะ …ส่งผลให้..น้องทีมงาน และ เพื่อนร่วมงานถูกด่า…แต่เรารอด…(จริง ๆ ก็ฝากด่ามาน่ะแหละ…แค่ไม่รับฝาก…สินค้าไม่ดี ไม่รับฝาก)…รู้สึกว่า ฮา… ไม่ค่อยออก…แต่ก็..พยายามชวน ทีมงาน ฮา..

ชวนคนอื่น ฮา แต่ลืมชวนตัวเอง ฮา  …กลับเก็บอารมณ์ “ปิ๊ด” กลับมาบ้านด้วย…และคิดว่า จะใช้ นิสัยเดิม…คือ “ชนแหลก” กลับมาใช้… หรือว่า จะ “ถอย”…นิ่งและเงียบไปเลย…กอดอกเหมือนคนอื่น… จะเป็น “ควาย” ที่ถูกเฆี่ยนตี ให้ทำงาน…หรือเป็น “ควาย” ที่ถูกเฆี่ยนตี แต่ก็ยังทำหน้า “ควาย”…ที่ไม่ทำงานอยู่…

พยายามเรียก “สติ” ตัวเองกลับ..เพียรถามตัวเองว่า…สิ่งที่จะทำลงไป…ทำเพื่ออะไร…

“ชน” เพื่ออะไร…แล้วถ้ายอม “ยอม” เพื่ออะไร…

ใช้ “สติ” ดูความถูกต้อง…ดูผลได้ ผลเสีย…ผลกระทบ…ก็พอจะเข้าใจ..

บางเรื่อง…มันก็อาจจะฝืนอารมณ์…ความรู้สึก…

แต่…ไม่รับปากว่า..  “จะไม่ “ปิ๊ด” แตกอีก”…

รู้เลย…ว่าฝึกสติมา เพื่อรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตน…แต่อาจจะยังไม่พร้อม..ทำเพื่อใคร..

ข้อคิด คำถามที่ไม่ควรถาม หรือไม่ควรตอบ เวลาขาดสติ คือ “ทำแล้ว…ได้อะไร”…

21 กรกฏาคม 2009

1,500 บาท เปลี่ยน “ลิงซำเหมา” เป็น “นักธุรกิจ” เมืองสมุย

Filed under: บ่มเพาะความทรงจำ — Iem @ 4:35 (เย็น)

(more…)

19 มกราคม 2009

การประชุมเครือข่ายมิตรภาพบำบัดเพื่อนช่วยเพื่อน สปสช เขต 2 พิษณุโลก

Filed under: บ่มเพาะความทรงจำ — Iem @ 11:49 (เช้า)

15 มกราคม  2552 ได้รับเชิญเข้าร่วมเป็นกระบวนกร ในการประชุมเครือข่ายมิตรภาพบำบัดเพื่อนช่วยเพื่อน ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพเขต 2 พิษณุโลก เป้าหมายที่ผู้จัดต้องการก็คือ การสร้างเครือข่ายมิตรภาพบำบัดเพื่อนช่วยเพื่อน และระลึกถึง นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์  ผู้ริเริ่มมิตรภาพบำบัด ที่จากไปเมื่อวันที่  15 มกราคม  2551  ด้วยโรคมะเร็งเยื้อหุ้มปอด  ในการประชุมครั้งนี้ มีกิจกรรมหลัก ๆ คือ

·       นิทรรศการของเครือข่าย

·       กิจกรรมในห้องประชุม

o      พิธีเปิดงาน และรำลึกถึง นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์

o      การนำเสนอ ประสบการณ์ศูนย์มิตรภาพบำบัดเพื่อนช่วยเพื่อน รพศ.พุทธชินราชพิษณุโลก

o      กิจกรรมกระจกเงา

o      สุนทรียสนทนา ความประทับใจในมิตรภาพบำบัด

o      สัญญาใจ

กระบวนกรหลักในวันนี้ คือทีมของ รพศ.พุทธชินราชพิษณุโลก ซึ่งนำทีมโดย นพ.นิพัธ กิตติมานนท์   สำหรับทีมเทศบาลนครพิษณุโลก 2 คน คือนักการอิ่ม และนักการหนิง ได้ขอให้ร่วมเป็นกระบวนกร ในกิจกรรม สุนทรียสนทนา ความประทับใจในมิตรภาพบำบัด….ที่เริ่มดำเนินการในช่วงบ่าย…โดยมีการใช้เกมในการแบ่งกลุ่มออกเป็น  5 กลุ่ม…แต่เราก็เข้าร่วมกิจกรรมตั้งแต่เช้า…เหมือนกับผู้เข้ารับการอบรมคนอื่น…เพื่อดูบรรยากาศ…และทำการเชื่อมโยง….

 

ครั้งนี้  นักการอิ่ม…จะขอเล่าเพียง…กิจกรรมสุนทรียสนทนา ความประทับใจในมิตรภาพบำบัด… ในกลุ่มของนักการอิ่ม…

·       ในกลุ่มของนักการอิ่ม มีสมาชิกทั้งหมด 12 คน  คือ พี่โต้ง พี่มณฑา  พี่ศุภกร  พยาบาลผู้ดูแลผู้ป่วย AIDS จาก รพ.อุตรดิตถ์  พี่บุญเลี้ยง พี่วิภา  น้องนิศารัตน์ พี่เครือมาศ พี่กมลธร พี่สมชาย พี่สมนึก และนักการอิ่ม….

·       นักการอิ่ม รับหน้าที่เป็นกระบวนกรกลุ่ม เริ่มด้วยการแนะนำตัวเองก่อน ตกลงกติการ่วมกัน คือการฟังอย่างตั้งใจ พูดสั้น ๆ กระชับ เพื่อให้พื้นที่กับเพื่อน ๆ และทำการโยนโจทย์คือ เพราะอะไร ถึงเข้ามาทำงานจิตอาสา หรืองานมิตรภาพบำบัด และในการทำงานที่ผ่านมา มีความประทับใจอะไร….

o      พี่มณฑา ยกมือขอเริ่มต้นก่อน… บอกว่าแต่ก่อน…เป็นครูสอนออกกำลังกาย และอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ…ต่อมา ได้ป่วยเป็นมะเร็ง….ร่างกายทรุดลงอย่างรวดเร็ว…แต่ได้รับการดูแล และหล่อเลี้ยงเป็นอย่างดีจากทีมคุณหมอที่รักษา…จนสุขภาพร่างกายดีขึ้น จึงสมัครใจที่จะเข้ามาช่วยเหลือในการดูแลผู้ป่วย…โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเหมือนตน…รู้สึกว่ามันทำให้ช่วงชีวิตของตนมีประโยชน์กับคนอื่น…

o      เหมือนมีพลังจากพี่มณฑา ส่งต่อได้…พี่ศุภกร…ที่นั่งติดกับพี่มณฑา จึงทำหน้าที่ผู้เล่าต่อ…พี่ศุภกรบอกว่า..ตนเป็นผู้ป่วย AIDS ….ซึ่งมีการติดเชื้อมานาน…โดยไม่รู้ตัว…จากผู้หญิงคนหนึ่ง…ที่ไม่คิดว่าเขาจะเข้ามาในชีวิต…เพียงแค่ต้องการเงิน….และยังฝากความเจ็บปวดนี้ไว้…ช่วงชีวิตที่รู้…รู้สึกท้อแท้..สิ้นหวัง….การหล่อเลี้ยง…จากทีมคุณหมอของ รพ.อุตรดิตถ์..ทำให้สามารถสู้ชีวิต…ดูแลตนเอง…และดำรงชีวิตได้..เฉกเช่นคนปกติ…จึงอยากนำประสบการณ์จริงในการให้กำลังใจ…เพื่อให้เพื่อนที่พบชะตากรรมเดียวกัน…สามารถดำรงอยู่

o      เสียงของพี่ศุภกร ส่งต่อไปยังพยาบาลวิชาชีพ จากชมรมฟ้าใหม่ รพ.อุตรดิตถ์ ทีมผู้ดูแลพี่ศุภกร…ได้เล่าให้พวกเราฟังว่า…ในการทำงาน…มีเรื่องของหน้าที่…และการให้…ด้วยใจ…ในส่วนของหน้าที่..ตนต้องมีความเข้าใจ และเชี่ยวชาญ ในเรื่องที่จะต้องทำ…ต้องมองแบบองค์รวม ไม่ใช่แค่เพียงการรักษา..ต้องให้คำแนะนำ มีการให้กำลังใจ หล่อเลี้ยง และดูแล…ทั้งในส่วนตัวของเขา ที่บ้าน และสังคม …เพื่อให้เข้าใจและยอมรับ…อีกสิ่งหนึ่งคือ รายได้ ของผู้ป่วย…เพราะมักจะไม่ค่อยมีคนจ้างทำงาน….

o      พี่บุญเลี้ยง…อดีตเป็นคุณครู…ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตนจะเป็นโรคไตวายเรื้อรังเฉียบพลัน….ชีวิตเข้าสู่การเฉียดตาย…คิดว่าไม่รอดแล้ว…แต่การดูแล..รักษาจากทีมคุณหมอ ทำให้ไม่ได้ข้ามเข้าไปในเส้นตาย…ทุกวันนี้…ก็เข้ามาหล่อเลี้ยงเพื่อน ๆ …และได้รับการหล่อเลี้ยงจากเพื่อนบ้าง…

o      พี่วิภา…เป็นพยาบาลคลินิกเต้านม…เดิมทำงานตามหน้าที่ให้ดีที่สุด…แต่ความสุข…แววตา และรอยยิ้มของผู้ป่วย…ที่พี่วิภาได้ให้การหล่อเลี้ยง…เป็นแรงผลักดันให้พี่วิภา ทุ่มเทกับ…มิตรภาพบำบัด…เพียงเพื่อ…ความสุข…ของทุกคน…ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต…และมันก็คือเป้าหมายของชีวิตพี่วิภาด้วย…

o      น้องนิศารัตน์…โภชนากร…มีหน้าที่ดูแลในเรื่องของโภชนาการ ของผู้ป่วยเรื้อรัง…เล่าว่ามีแรงบันดาลใจ..ในการมาเป็นโภชนากร เนื่องจากการเคยดูแลผู้ป่วยมะเร็ง…ซึ่งมีการบริโภคอาหารซ้ำซาก และไม่ค่อยมีประโยชน์มากนัก..ทำให้ร่างกายทรุดเร็ว…และเสียชีวิต… จึงอยากมีความรู้ด้านอาหาร..เพื่อมาช่วยดูแลผู้ป่วย..โดยเฉพาะผู้ป่วยเรื้อรัง…และมะเร็ง

o      พี่เครือมาศ…พยาบาลผู้อบอุ่นและใจดี ของผู้ป่วยโรคไต…รพศ.พุทธชินราช…เล่าว่า..ปกติผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง  มักจะมีโรคซึมเศร้าตามมา…เนื่องจากความเจ็บปวด และค่าใช้จ่ายที่สูง…การเข้ามาช่วยเหลือของ..สปสช…ในเรื่องของค่าใช้จ่าย…ได้เพียงแค่บรรเทาความเดือดร้อน…จึงคิดที่จะให้มีการสร้างเครือข่ายให้ผู้ป่วยฝึกดูแลตนเอง…ตนจึงเริ่มต้นด้วยการศึกษาข้อมูล…เพื่อให้คำแนะนำผู้ป่วย…และทำ Good Model…ตอนนี้ ได้ขยายผลในการสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานอื่น ๆ …แต่คงทำได้เพียงพี่เลี้ยงทางโทรศัพท์…

o      พี่กมลธร…ผู้ดูแลผู้ป่วย หน่วยไตเทียม…รพ.อุตรดิตถ์…จากแนวคิดเดิม…คือพยายามศึกษา…เชี่ยวชาญในงานที่ปฏิบัติ..ซึ่งมันทำได้เพียงยืดอายุ…แต่ผู้ป่วยก็ต้องอยู่กับความทุกข์ทรมาน…จึงฝึกทักษะ ความชำนาญ เพื่อให้การรักษาและคำแนะนำ ควบคู่ไปกับการทำความเข้าใจ การดูแล…การไม่เพิกเฉยต่อการที่ผู้ป่วยต้องการระบายความทุกข์…ร้อยยิ้มของผู้ป่วย…คือความสุข…

o      พี่สมชาย…เป็นผู้ป่วยไตวาย…ซึ่งเป็น Good Model ของ รพศ.พุทธชินราช…และบ้านของพี่สมชาย…เป็นแหล่งศึกษาดูงาน….พี่สมชายบอกเราว่า…แต่เดิมคิดว่าจะไม่รอด..แต่ก็รอดมา…และสามารถใช้ชีวิตได้ เหมือนคนปกติ..ดูแลตนเองที่บ้าน…ไม่เป็นภาระใคร…ภายในห้องนอนของตน…จะมีการจัดด้วยตนเอง..เป็นห้องปลอดเชื้อ…มีการเตรียมสิ่งแวดล้อมที่ดีสำหรับตนเอง

o      ลุงสมนึก…คนนี้ เป็นคนบ้านเดียวกันกับนักการอิ่ม…คือเป็นคนเพชรบูรณ์…แกเป็น อสม.จังหวัดเพชรบูรณ์…ไม่ได้ป่วย แต่เข้ามาทำงานตรงนี้ ด้วยจิตอาสา…..เพราะมีความสุขและสบายใจ….โดยเริ่มจากทำตนเป็นแบบอย่าง..นำสู่ครอบครัว…สู่ชุมชน…ค่อย ๆ …มีกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ …เข้าคลุกคลี…เหนี่ยวนำ…มีการออมเงิน…และจัดทำสวัสดิการเยี่ยมบ้าน…แล้วมาพูดคุยกัน….

o      พี่โต้ง…สาวสวยจาก งานเวชศาสตร์ครอบครัว รพศ.พุทธชินราช   …เป็นหน่วยงานที่สนับสนุนและประสานงาน มิตรภาพบำบัด..รู้สึกภูมิใจ…ที่มีส่วนร่วมในการจุดประกายมิตรภาพบำบัด…จนมีเครือข่าย…เป็นพลังของเพื่อนช่วยเพื่อน…ก่อให้เกิดรอยยิ้ม..ความสุข…กำลังใจ…เหนี่ยวนำ….สมาชิกเพิ่มขึ้น…และกำลังอยู่ระหว่างการจัดตั้งศูนย์มิตรภาพบำบัด รพศ.พุทธชินราช…

ต่างคน…ต่างวาระ…ต่างหน้าที่…แต่หล่อเลี้ยง ดูแล ซึ่งกันและกัน…สร้างพลังของ มิตรภาพบำบัด

26 ธันวาคม 2008

Start…จัดทำแผนแบบมีส่วนร่วม สำนักการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครพิษณุโลก…พ.ศ. 2553 - 2556

Filed under: บ่มเพาะความทรงจำ — Iem @ 3:09 (เย็น)

                   อยู่งานแผนงานและวิชาการ  สำนักการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม  เทศบาลนครพิษณุโลก ก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่จะต้องรับผิดชอบในการดูแลข้อมูลและประสานแผน…

                   ได้รับโจทย์ว่า….จะต้องจัดทำแผนยุทธศาสตร์พัฒนาเทศบาล (พ.ศ. 2553 2556)….ในส่วนที่สำนักการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมต้องรับผิดชอบ…เช่น ด้านการสาธารณสุข(การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันและควบคุมโรค ศูนย์สุขภาพชุมชน)  การอนามัยสิ่งแวดล้อม  การสุขาภิบาล  การสัตวแพทย์  การรักษาความสะอาดโดยการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

                   ลองทบทวน การจัดทำแผนของแต่ละส่วนที่ผ่านมา…มักจะเป็นเสมือนหนึ่งมีส่วนร่วม…ครั้งนี้…ต้องพยายามทำให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

                   รอบแรกที่คุยกันเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2551…แต่ละส่วน…ยังคุ้นชิน..กับการนำเอาแผนงาน/โครงการเก่า ๆ มาปัดฝุ่น…เปลี่ยนเพียง พ.ศ กับรายละเอียดนิดหน่อย…และไม่มีการติดตามประเมินผลที่แสดงถึงความคุ้มค่าของการดำเนินการ…เมื่อแจ้งว่า คงต้องมีการเปลี่ยนแปลง…ในการจัดทำแผน…หลายคนแสดงถึงความรู้สึกว่า…มันยุ่งยาก…บางคนถึงขั้นถามว่า…ไม่ทำได้ไหม…จึงมีการนัดหมายคุยกันอีกรอบ…ในวันที่  26  ธันวาคม  2551…

                   ไม่ใช่เรื่องง่าย…กับการที่จะต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง….เป็นความรู้สึกแว่บแรกของนักการอิ่ม…แต่มันต้องเปลี่ยนแปลง…แล้วจะทำอย่างไร…วันที่  26 มีเวลาเพียง 2 ชั่วโมง  ควรจะเริ่มต้นอย่างไร…กระบวนการควรจะเป็นอย่างไร…แล้วควรจะได้อะไร…มากน้อยแค่ไหน… และก็ตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า…โดยใช้เทคนิคการระดมสมอง….ธรรมดา…ธรรมดา

                   เมื่อวันที่  26  ธันวาคม  2551 มาถึง…09.30 น. บุคลากรยังมาน้อยเหลือเกิน….แต่ก็ตัดสินใจเริ่มต้น…โดยการเล่าให้ฟังว่า…มีการกำหนดให้มีการจัดทำแผนแบบมีส่วนร่วม…และเป็นแผนยุทธศาสตร์พัฒนาเทศบาล….โดยให้มีกระบวนการ…ที่ถูกต้อง..ตามหลักวิชาการของการทำแผน…อืมม…

·       ต่อด้วยการโยนโจทย์ไปว่า…หากพูดถึง…คำว่าแผน…การวางแผน…แผนยุทธ์ศาสตร์…เรานึกถึงอะไร….แล้วก็แจก card technique ให้เขียน…..หนึ่งแผ่น ต่อหนึ่งใจความสำคัญ…เขียนตัวโต ๆ แนวขวาง….สั้นกะทัดรัด…ไม่ต้องกังวล…ว่าอะไรผิด…อะไรถูก…

·       หลังจากนั้น นักการอิ่มจึงเปิดข้อความที่ปิดไว้บนบอร์ด…ซึ่งเป็นการสรุปองค์ประกอบหลัก ๆ ของการจัดทำแผน…

1.      เราอยู่ตรงไหน เป็นอย่างไร ณ ปัจจุบันการวิเคราะห์ตนเองรากฐานของการวางแผน

2.      เราจะไปที่ไหน  ทิศทางขององค์กรการกำหนดเป้าหมาย..วิสัยทัศน์…

3.      เราจะทำอย่างไร ให้สู่จุดหมาย….การวางแผน

4.      เราจะปฏิบัติอย่างไรการนำไปปฏิบัติ

5.      เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแผนบรรลุเป้าหมาย…การติดตามประเมินผล

6.      อื่น ๆ…คือไม่แน่ใจว่าอยู่ในข้อไหน…

·       แล้วให้ทุกคนนำ card technique ที่แต่ละคนเขียนไว้…มาติดที่บอร์ดตามหัวข้อข้างบน….การระดมสมองเริ่มต้น….ทุกคนต่างอธิบายถึงข้อความที่ตนเองเขียน…และทำไมถึงคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของแต่ละหัวข้อข้างต้น…ออกมาค่อนข้างดีเชียวล่ะ…บรรยากาศอบอุ่น..ยิ้มแย้ม..กระเซ้าเย้าแหย่….

·       สำหรับวันนี้ …นักการอิ่ม…ขอให้มีการระดมสมองต่อเฉพาะส่วนของข้อ 1 โดยให้โจทย์ทีละข้อ

·       โจทย์แรกของข้อ  1 … ข้อมูลอะไรที่จำเป็นสำหรับการวางแผน….โดยตีวงแคบ ๆ…และขอให้กลับไประดมสมองต่อในแต่ละส่วน…โดยลักษณะของข้อมูลน่าจะมีประโยชน์ต่อการวางแผนของแต่ละส่วน…เป็นเชิงเปรียบเทียบและให้สามารถวิเคราะห์แนวโน้มได้….และส่งกลับงานแผนงานและวิชาการ ก่อนวันที่  10 มกราคม 2552

·       โจทย์ที่สองของข้อ 1…..ปัญหาและอุปสรรค ในการปฏิบัติงาน ในการวางแผน….กลุ่ม…ไม่กล้าที่จะเขียนปัญหาและอุปสรรคมากนัก…บอกว่าไม่มีปัญหาและอุปสรรค…เพราะผู้บริหาร(ไม่แน่ใจว่าจอมป่วนหรือเปล่า..อิ..อิ..)…สั่งว่า..ห้ามบอกว่างานมีปัญหาและอุปสรรค…ผลของการระดมสมอง…จึงมีผู้ที่ฝ่าฝืนผู้บริหารเขียนออกมาไม่กี่ข้อ…(แต่ขณะที่ระดมสมอง…มีการวิเคราะห์ card technique แต่ละแผ่นพูดถึงแต่ปัญหา/อุปสรรค ซะส่วนใหญ่..อิ..อิ..)…นักการอิ่มเลยต้องบอกว่า..ไม่เป็นไรนะ…การเปิดเผยครั้งนี้…จะมีการกลั่นกรองก่อน..ไม่ให้ผู้บริหารรับทราบหรอก..หากไม่ได้รับอนุญาต…เราจะจัดพิมพ์สรุปผลการระดมสมองวันนี้…ส่งกลับไปให้แต่ละส่วนงานทบทวนอีกครั้ง….ก่อนที่จะดำเนินการขั้นต่อไป…ท่าทีของทุกคนจึงผ่อนคลายขึ้น…

·       โจทย์ที่สามของข้อที่ 1 ….ในการวางแผน…นอกจากข้อมูลพื้นฐาน สถิติต่างๆ ปัญหาและอุปสรรค นโยบาย  แล้ว…ส่วนหนึ่งคือปัญหาและความต้องการของประชาชน…ซึ่งเราคงมาคิดแทนไม่ได้…(ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้ หรือบางทีเป็นแฟน ก็ยังทำแทนไม่ได้…สำนวนคุ้น ๆ ไหม..อิ..อิ..)….คงต้องลงพื้นที่ไปทำงานร่วมกับประชาชน….

·       คำถามที่ตามมาคือ  แล้วงานที่เราปฏิบัติอยู่ทุกวันนี้  เรารู้ไหมว่า เราทำอะไรกันบ้าง มีหน้าที่อะไร ต้องรับผิดชอบอะไร…ให้ทุกคนเขียนลง card technique อีกครั้ง และให้มาติดตามหัวข้อที่คิดว่า…งานที่ตนเองรับผิดชอบนั้น…มีใครมีบทบาทบ้าง…

§       ทำเองได้…ต้องทำด้วยตนเอง….หมายถึงในส่วนของตนเอง..ไม่ใช่เฉพาะตนเอง

§       ต้องให้คนอื่นช่วย….คือช่วยกันทำงาน…ทำงานร่วมกับต่างส่วน…ต่างกอง…กับชุมชน..กับสถานประกอบการ หรืออื่น ๆ

§       ต้องให้คนอื่นทำ…เช่นให้ชุมชนทำ ตัวเอง ส่วนของตัวเอง มีหน้าที่สนับสนุน

·       แล้วตามด้วยการคุยกันถึง card technique….แต่ละใบ…

·       โจทย์สุดท้ายคือ…ใคร ; หน่วยงาน/คน/กลุ่มภายนอกเทศบาลนครพิษณุโลก  ที่เราต้องทำงานร่วมด้วย…….โจทย์สุดท้ายเนี่ย..เพื่อที่จะรู้ว่า…เราควรทำแผนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายใดบ้าง …อีกคำคือ รู้ว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย คือใคร… เพื่อที่จะได้เกิดการระดมสมอง…ในการทำแผนแบบมีส่วนร่วมให้ครอบคลุมกับทุกกลุ่มเป้าหมาย…

จบท้ายด้วยการ…..ทางทีมงานแผนงานและวิชาการ…จะไปสรุปผล…

การระดมสมองครั้งนี้…แล้วส่งไปให้แต่ละส่วนพิจารณา เพื่อเติมเต็ม และตรวจความถูกต้อง…ก่อนจะเข้าสู่ขึ้นตอนต่อไป….2 ชั่วโมง…คงได้แค่เนี๊ยะอ่ะ…

24 ธันวาคม 2008

ส่งท้าย…สุนทรียสนทนา (Dialogue) ; ศาสตร์และศิลป์แห่งการหันหน้าเข้าหากัน…สำหรับชุมชน…ครั้งที่ 1

Filed under: บ่มเพาะความทรงจำ — Iem @ 3:23 (เย็น)

วันพุธที่   24  ธันวาคม  2551

วันนี้สัมผัสถึงความปลื้มปิติ…ภายในใจ…รู้สึกว่ามีสายน้ำบริสุทธิ์ที่เข้ามาหล่อเลี้ยงร่างกาย…และจิตใจ….หลังจากที่ทำ AAR กิจกรรม สุนทรียสนทนา(Dialogue); ศาสตร์และศิลป์แห่งการหันหน้าเข้าหากัน…

                   เมื่อกิจกรรม World Café ในหัวข้อเรื่อง อะไรทำให้เราสามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข…จบลง….นักการอิ่มจึงขอให้ทั้ง 23 ชีวิต…ที่อยู่ร่วมกันในห้องแห่งนี้…ลุกขึ้นยืน…และอยู่กับตัวเอง…ใคร่ครวญถึงความรู้สึก…เหตุการณ์…ในสองวันที่พวกเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน….

                   หลังจากนั้น…ก็นำเข้าสู่วงสนทนา…โดยการเชิญชวนให้สมาชิก…ถ่ายทอดความรู้สึก…ที่เกิดขึ้นจากการอยู่ร่วมกันในสองวัน….มีสามคนยกมือจะพูดพร้อมกัน….แต่ก็มีการให้เกียรติกัน…ไม่มีการแย่งการพูด…เหมือนเมื่อวาน…เมื่อคนหนึ่งพูดจบ…ก็มีเสียงอื่น ๆ ตามมา…ขณะที่แววตาของผู้ฟังดูอ่อนโยน…มีท่าทีที่เห็นคล้อยตาม…..พยักหน้าบ้าง…ส่งเสียงสนับสนุนบ้าง….

                   เสียงที่นักการอิ่มได้ยิน….มันช่างบางเบา…แต่แจ่มชัด…ในหัวใจ

·       รู้สึกมีความสุข….เป็นการอบรมที่มีความสุขที่สุด

·       เหมือนครอบครัวเดียวกัน

·       อายุจนจะ 70 ปีแล้ว เพิ่งรู้จักว่า…การพูดคุยกัน…มันทำให้มีความสุขได้

·       รู้สึกดีที่มีคนฟังเรา….

·       รู้สึกดีที่ได้ฟังคนอื่น…

·       ทำไมทุกคนจึงมีแต่รอยยิ้มนะ

·       ได้ขัดเกลาจิตใจตน…ให้อ่อนโยนขึ้น…รับฟังคนอื่นมากขึ้น

·       อยากเผื่อแผ่ความสุขนี้ให้กับคนอื่น ๆ

·       รู้สึกเบาทั้งตัว  ทั้งใจ…

·       เหมือนความรักอบอวลอยู่ทั่วห้อง

·       อยากให้คนอื่นเข้ามาสัมผัส

·       มีกำลังใจที่จะเหนี่ยวนำคนอื่นเข้ามาพูดคุย

·       ขอบคุณ และขอบคุณ…ที่ทำให้เกิดความรู้สึกสุขอย่างบอกไม่ถูก

·       ป้าจินตนา  จากชุมชนสระสองห้องบอกว่า…ที่ชุมชนสระสองห้อง…มีคนเอาขยะมาทิ้งไม่เรียบร้อย…ต่อไปป้าจะไม่ต่อว่าเค้าแล้ว…แต่จะไปสร้างซุ้ม…เพื่อตั้งวงน้ำชา…แล้วจะเชิญชวนให้เค้ามานั่งจิบชาด้วยกัน….

ปิดท้ายคำมั่นสัญญา…ว่าเราจะกลับมาพบกันอีก…และจะเหนี่ยวนำคน

อื่นมาด้วย…เพราะเราคือ…ครอบครัวเดียวกัน…จะให้กำลังใจซึ่งกันและกัน…เพื่อทำงานร่วมกัน…ในการพัฒนาเมืองพิษณุโลกของเรา…ช้า ๆ…แต่มั่นคงในจิตใจ…

                   ข้าวเหนียวมื้อนี้…อร่อยอีกแล้วสิ….

                   งานหน้า….ทำแผนยุทธศาสตร์พัฒนาเทศบาลแบบมีส่วนร่วม…สู้ ๆ ๆ

26 พฤศจิกายน 2008

ถอดบทเรียน KM วิถีสู่องค์กรที่มีชีวิต

Filed under: บ่มเพาะความทรงจำ — Iem @ 10:11 (เช้า)

          ตัดสินใจที่จะเปิดตัว  “การจัดการความรู้”  ของเทศบาลนครพิษณุโลก หลังจากที่แอบ ๆ ทำกับกลุ่มของตัวเอง  โดยใช้วันที่  25  พฤศจิกายน 2551 เป็นวันดำเนินการ ….คิดหนักเหมือนกันว่า….จะใช้หัวข้ออะไร…เพื่อจะดึงคนเข้ามา…แล้วจะใช้กิจกรรมอะไร เพราะเรามีเวลา ในการทำกิจกรรม เพียง 2 ชั่วโมง คือ ตั้งแต่เวลา 13.30 - 15.30 น. และมีเวลาเตรียมตัว   1 สัปดาห์…และแล้ว 1  สัปดาห์ ที่คิดว่าจะใช้ในการเตรียมตัว ก็มีอะไรเข้ามาให้ทำมากมาย … จนเวลาเตรียมตัวไม่เหลือ …ต้องตัดสินใจกำหนดหัวข้อ…สำหรับ…รายละเอียดเนื้อหาและกิจกรรม ก็ต้องไปตายเอาดาบหน้า

ในครั้งนี้  ใช้หัวข้อ “ถอดบทเรียน KM วิถีสู่องค์กรที่มีชีวิต”…..แล้วก็วิ่งไปขอให้พี่หนิง (สุภาวดี) และ ผอ.น้อง (สุกัญญา)  ช่วยเตรียมตัว ในการร่วมถอดบทเรียนในครั้งนี้ เพราะเราจะเริ่ม โดยการ ให้ Story telling… ซึ่งเป็นบทเรียน ที่เราได้เข้าร่วมเรียนรู้กับวงน้ำชา เมื่อวันที่ 15 - 18 ตุลาคม 2551

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2551 มีความจำเป็นต้องเดินทางกลับไปบ้านที่เพชรบูรณ์ กลับมาพิษณุโลก ก็วันที่  24 พฤศจิกายน  2551 เวลา  22.00 น. เหนื่อยมาก เลยต้องพักผ่อนเอาแรงก่อน วันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 เวลา 09.00 - 10.00 น. ก็ติดประชุม มีเวลาเริ่มในการเตรียมงานครั้งนี้ จริง ๆ ก็แค่  1.30 ชั่วโมง ก่อนที่จะเริ่มกิจกรรม….

รู้สึกตื่นเต้น เพราะตอนแรก คิดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกิจกรรม ไม่เกิน 15 คน…ปรากฏว่า..มีการแจ้งเข้าร่วม ถึง 35 คน….แถมจอมป่วน ก็มาทิ้งกันอีก…สมาชิกที่แจ้งชื่อมาเข้าร่วมกิจกรรมครบทั้ง 35 คน… มีคนที่ติดภารกิจ ต้องออกก่อน 4 คน…เดินเข้าเดินออกอีก ประมาณ 6 คน… ดูจริงจังกับกิจกรรม..ประมาณ 25 คน….คิดว่าน่าจะมี Cops เกิดขึ้นอีกอย่างน้อย 2 Cops….นับว่าเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมาย…

ในครั้งนี้…นักการอิ่ม…กับนักการหนิง…ทำหน้าที่เล่าเรื่องแบบย่อ ๆ…..แต่เล่าไม่จบ….เพราะดูท่าทีแล้ว…ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ส่วนใหญ่…ให้ความสนใจมาก…ก็เลย…เก็บ ๆ ไว้…ให้เข้ามาติดตามในครั้งหน้า…ส่วน ผอ.น้องติดภารกิจ ไม่สามารถเข้ามาเล่าเรื่องราวได้ แต่ก็มาเข้าร่วมกิจกรรมในช่วงท้าย ๆ ….เราต่อด้วยการให้สมาชิก…เข้าสู่ Dialogue สองรอบ…รอบแรก…นักการอิ่ม…ให้วาดภาพ….ภาวะที่สามารถเรียนรู้ได้ดี และภาวะที่ไม่สามารถเรียนรู้ได้…แล้วให้จับคู่ Dialogue…สภาพห้อง..ไม่เอื้ออำนวยนัก…การพูดคุยของแต่ละคู่…ดังอื้ออึง…จนบางคู่ ไม่มีสมาธิจะคุยกัน…แล้วก็เริ่มมีการหัน..ไปแหย่ คู่อื่น ๆ… นักการอิ่มเลยต้องเบรคเกม….ดึงสมาชิกเข้าสู่การอยู่กับตนเอง…หลับตา…อยู่กับตนเอง…นึกถึงชีวิต…ในแต่ละช่วงวัย…หลังจากนั้น ให้ฉีกกระดาษ…สื่อความหมายชีวิตในแต่ละช่วงวัย…แล้วจับคู่ Dialogue อีกครั้ง…โดยขอให้เปลี่ยนคู่ด้วย และเป็นคู่ที่มาจากคนละหน่วยงาน….ครั้งนี้…วง Dialogue เป็นไปด้วยดี กว่าที่คิด…หลายคู่ที่บอกให้หยุด..ยังไม่ค่อยอยากจะหยุดสนทนากันเลย….บางคู่…ยังหันมาต่อว่ากระบวนกร…ว่าทำไมให้หยุดเร็วจัง…

เราปิดกิจกรรม….ด้วยการ…เชิญชวนให้กลับเข้ามาอีก…โดยเริ่มจาก.. ผอ.น้อง…นักการหนิง และสุดท้ายคือนักการอิ่ม….

ต่อจากนั้น….ทีมนักการอิ่ม …ซึ่งได้มีการตั้งวง ชื่อ “วงเล่า” …ก็มีการทำ AAR กันต่อ โดยมีนักการหนิงร่วมแจมด้วย…โดยภาพรวมแล้ว ออกมาค่อนข้างดี…ไม่มีใครรู้ว่า…นักการอิ่มหลุดคิว…และทำกิจกรรมพลาดเยอะ…แม้แต่ทีมงานเอง…อิอิอิ…

ตอนแรก วางธง ไว้ว่า จะเริ่มตั้งวงสนทนาของเทศบาล ในเดือนมกราคม 2552 … คงจะต้องเลื่อนขึ้นมา เดือนธันวาคม 2551 แล้วล่ะ…..

“ใจ” แคบ  “โลก”  แคบ

“ใจ” กว้าง “โลก”  กว้าง

“ใจ” ไร้พรมแดน  “โลก” ไร้พรมแดน…..

น้ำตาที่ โรงเรียนพ่อแม่ นครสวรรค์;วันสุดท้าย..

Filed under: บ่มเพาะความทรงจำ — Iem @ 9:29 (เช้า)
  • วันสุดท้าย (9 พฤศจิกายน 2551)
  • o พ่อแม่ลูก ยังคงแยกห้องกันอยู่….เช้านี้…เรารู้สึกแปลกๆ …และดูเด็ก ๆ ก็เกร็ง ๆ …เพราะมีทีมผู้จัดการอบรม…เข้ามาด้วย…เพราะว่า…จะมีพิธีปิดในช่วงเช้านี้…
  • o กระบวนกรเชื้อเชิญ…ให้เด็ก ๆ…ล้อมวงเข้ามา…แล้วแจกจดหมายรักจากลูกถึงพ่อแม่คืนให้กับเด็ก ๆ
  • o พี่น้อง..นำเด็ก ๆ อยู่กับตัวตน…เดินอย่างไร้ทิศทาง ช้า ๆ ใคร่ครวญ…..แล้วหลับตาลง…เดินอย่างช้า ๆ…รำลึกถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ณ ที่นี่… แล้วให้นั่งลง…ทั้งที่ยังหลับตา…ใคร่ครวญ…แล้วกระบวนกร…ก็ให้เด็ก ๆ นำผ้าปิดตา ที่กระบวนกรแจกให้…ทำการปิดตาตนเอง…เพื่อรอให้พ่อแม่…เข้ามาตามหา…กระบวนกรจัดให้เด็ก ๆ นั่ง…ห่างกัน พอสมควร..แล้วบอกกับเด็ก ๆ ว่าสักครู่ พ่อแม่ของเด็ก ๆ จะถูกปิดตาเข้ามาตามหาเด็ก ๆ มิให้เด็ก ๆ พูด หรือบอก แต่ให้แสดงออกให้พ่อแม่รับรู้ว่า นี่คือตัวตนเอง ด้วยท่าทาง…เสียงแว่วมา…ไม่มีอะไรน่าหวาดกลัว…หายใจเข้าออกลึก ๆ…อ่อนโยนต่อชีวิต…อ่อนโยน…ต่อตัวเรา…อย่าหวาดกลัว…จงกล้าเผชิญ…
  • o สักครู่…กระบวนกรห้องพ่อแม่…ก็นำพาพ่อแม่ ที่ถูกปิดตา..เข้ามาในห้อง…เสียงกระบวนกรบอกว่า ” ให้นึกถึงลูก ๆ ของเรา กำลังหลงทาง และเรากำลังตามหา…และสิ่งที่ทำให้เราตามหากันเจอ…คือความรักที่มีต่อกัน….หากคราวหน้า..หากเราพลัดพรากจากกันอีก…เราจะตามหากันให้เจอ..ด้วยความรัก”….พ่อ..แม่…สัมผัส..ไปตามใบหน้า…ตามตัว…เพื่อหาลูกที่หลงทางไป..กลับคืนมา…เมื่อคิดว่าใช่..ก็กอดกันแน่น….จนพบครบทุกครอบครัว…กระบวนกรจึงบอกให้เปิดผ้าปิดตาออก….และนั่งลง…
  • o หลังจากนั้น…ให้พ่อแม่ และลูก….อ่านจดหมายรัก…ที่ต่างเขียนให้กันและกันฟัง..ให้อ่านด้วยเสียงของตนเอง…ครั้งนี้…เราเห็นน้ำตา…ท่วมห้อง…ไม่รู้ว่าน้ำตาใคร…เป็นน้ำตาใคร..ซึ่งมันรวมไปด้วย..น้ำตากระบวนกร..น้ำตาเรา..น้ำตาของอาจารย์พรทิพย์…พี่น้องชนิดา…ปนเปกันเต็มไปหมด…อ้อมกอดของแต่ละครอบครัว…มันดูแนบแน่น…แต่ไม่เห็นมีใครบอกว่าอึดอัด….เรารู้สึกดีมาก ๆ… จนรู้สึกว่ารำคาญ…เสียงแชะ ๆ และแสงแฟลช จากกล้องถ่ายรูปน้อยลง…
  • o เวลาพอสมควร กระบวนกรให้ยืนขึ้น …และให้ลูกมอบพวงมาลัยดอกมะลิให้กับพ่อแม่…และพ่อแม่ก็มอบให้แก่ลูกเช่นกัน…
  • o หลังจากนั้น …ก็เข้าสู่พิธีปิดการอบรม…ซึ่งผู้จัด…ได้ให้ตัวแทน พ่อแม่…และลูก กล่าวความรู้สึก….เป็นคุณพ่อน้องอ้อ…คุณแม่น้องแทน…น้องกล้วย และน้องบี…ซึ้งจริง ๆ….
  • o สำหรับเทศบาลนครพิษณุโลก…อาจารย์พรทิพย์ เป็นตัวแทนกล่าวความรู้สึก….
  • o พิธีปิด….โดย…นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ และร้องเพลงอำลา…..
  • คุ้มค่า…ที่มา…เสียงใครบางคน…แว่วมา…

13 พฤศจิกายน 2008

น้ำตาร่วง..โรงเรียนพ่อแม่ นครสวรรค์;วันที่สาม..

Filed under: บ่มเพาะความทรงจำ — Iem @ 4:18 (เย็น)
  • วันที่สาม (8 พฤศจิกายน 2551)
  • o วันนี้…เรารู้สึก…ทั้งอยากมาที่นี่…และไม่อยากมาที่นี่…รู้สึกตื้นตัน…เราคงไม่สามารถเป็นกระบวนกร…ของ..โรงเรียนพ่อแม่ได้…
  • o ช่วงที่ 1 ครูสุ เริ่มด้วย Ice breaking… กับเพลง…ไปทะเล….มีพี่อ้อ กับพี่อ๋อ…แสดงท่าทางตัวอย่างให้ดู….
  • § เราอยู่ด้วยกัน…. คน (…..คน)
  • § เราจะไปไหน…. ไปชายทะเล เราร้องเพลงฮาเฮ..ชึ ดึ ดึ๊บ ชึ๊บ ดือ ดื่อ ดึ๊บ…ชึ ดึ ดึ๊บ ชึ๊บ ดือ ดื่อ ดึ๊บ….
  • § เธอมองฉัน ฉันก็มองเธอ…หลั่น ลัน ล้า ลั้น ลา หลั่น ล้า….ฮึ่ยย ๆๆ….หลั่น ลัน ล้า ลั้น ลา หลั่น ล้า..ฮึ่ยย ๆๆ
  • o อืมม…เรารู้สึกว่า…เด็ก ๆ น่ารัก และสดใสมาก….มือทุกมือที่เราสัมผัส…รู้สึกอบอุ่น…มีความหมาย….
  • o พี่สุต่อด้วยการให้เด็ก ๆ…เข้ากลุ่ม..Home base…แล้วทำกิจกรรมต่อ
  • § รอบแรก …เริ่มด้วยการที่ …หากพี่สุ…เรียกชื่อกลุ่มไหน..ให้กลุ่มนั้น..ลุกขึ้นยืน..แล้วช่วยกันตะโกนบอกชื่อกลุ่มตัวเอง…2 ครั้ง
  • § รอบที่สอง…เป็นการแข่งขัน…แบบแพ้คัดออก…ให้เรียกชื่อกลุ่มตัวเองสองครั้ง..ต่อด้วยเรียกชื่อกลุ่มอื่น 1 ครั้ง…กลุ่มที่ถูกเรียกชื่อ…ก็จะทำการเรียกชื่อกลุ่มตัวเองสองครั้ง และเรียกชื่อกลุ่มอื่น 1 ครั้ง …เวียนไปเรื่อย ๆ…กลุ่มไหนช้า…ไม่สามัคคี…เรียกกลุ่มอื่นไปคนละทาง…เสียงเบา…คัดออก…เราอยู่กลุ่ม…อาโนเนะ…โดนคัดออกเป็นกลุ่มแรก…แหะ แหะ…
  • o หลังจากสนุกสนานกับกิจกรรม..เราก็มานั่งล้อมวงกัน..พี่น้องเล่าให้ฟัง…ถึงเรื่อง…ที่ได้ไปอยู่ห้องพ่อแม่ เมื่อวานนี้…ได้รับรู้ถึงความยากลำบาก…ความเจ็บปวด..ความรัก…ความห่วงใย…ความตั้งใจที่จะทำเพื่อลูก…..ของคนที่เป็นพ่อแม่…
  • o พี่น้อง…ให้ทุกคนยืนขึ้น…เดินอย่างไร้ทิศทาง
  • § เดินเร็ว ๆ ไปอย่างไม่มีทิศทาง ไม่สนใจใคร
  • § เดินช้าลง ช้าอย่างที่จะสามารถช้าได้ และคาดไม่ถึงว่าตนเองจะช้าได้ขนาดนี้
  • § หยุดอยู่กับที่…หลับตาลง…นิ่ง…หายใจเข้า…ออก…อย่างรู้สึกตัว….ช้า ๆ….ทบทวนลมหายใจของตัวเอง….ก้าวเดินไป…ทั้ง ๆ ที่ยังหลับตา…ใคร่ครวญ อยู่กับตัวเอง…
  • § หยุดนิ่ง…นั่งลง…ทั้ง ๆ ที่ยังหลับตา…รำลึกเหตุการณ์…ย้อนไปถึงพ่อแม่..กับตนเอง..นึกถึงช่วงเวลา แห่งความสุข …มีถ้อยคำใด …เรื่องราวใด…ที่เราอยากบอกกล่าวกับพ่อแม่มากที่สุด…ไม่ใช่เพื่อร้องขอ…ไม่ใช่เพื่อตำหนิ…แต่ที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อความเป็นพ่อแม่…ในฐานะลูก…ที่โตพอจะเข้าใจโลก….และมันเป็นประโยชน์จริง ๆ…
  • § ลืมตาขึ้น….หามุมสงบ….เขียน “จดหมายรักจากลูก..ถึงพ่อแม่”….”ถ้าพ่อกับแม่ สามารถเป็นผู้รับฟังเราได้ สิ่งที่เราปรารถนาจะให้เกิด และอยากบอกกับพ่อแม่ คืออะไร อาจจะเป็นจดหมายรัก…หรือระบายออกมา..เพื่อให้พ่อแม่รับทราบ”……
  • § เด็ก ๆ เขียนจดหมายเสร็จ…ก็พับครึ่ง…ส่งคืนให้กระบวนกร…เรารู้สึก…อยากอ่าน…แต่…ไม่อ่านก็ดี…เด๋วร้องไห้มากกว่านี้….
  • o พักเบรก
  • o เมื่อกลับเข้าห้อง…พี่สุ…นำพาเด็ก ๆ เข้าสู่สภาวะการอยู่กับตัวตน….ใคร่ครวญชีวิตในแต่ละช่วงวัยที่สดชื่น มีความสุข ที่เจ็บปวด..
  • o แล้วให้เด็ก ๆ จับคู่กัน สลับกันเป็น A และ B โดยวนเวียนไปเรื่อย ๆ
  • § A : พูดว่า…”คุณคือใคร”…
  • § B: ………..(ตอบอะไรก็ได้ ที่อยากตอบ…ที่เป็นตัวตน)
  • § A : พูดว่า…”ได้ยินแล้ว รู้แล้ว คุณคือใคร”…
  • § B: ………..(ตอบอะไรก็ได้ ที่อยากตอบ…ที่เป็นตัวตน….ไม่ซ้ำเดิม)
  • § A : พูดว่า…”ได้ยินแล้ว รู้แล้ว คุณคือใคร”…
  • § B: ………..(ตอบอะไรก็ได้ ที่อยากตอบ…ที่เป็นตัวตน….ไม่ซ้ำเดิม)
  • o หลังจากนั้น…ให้เด็ก ๆ …เข้าพูดคุยกับกระบวนกร…คนไหนก็ได้….โดยให้กระบวนกร เป็น A และเด็ก ๆ เป็น B….
  • o ครั้งนี้…เราได้คุยกับ…บอม…ต๊อป…เฟิร์น…อ้อ และท๊อป…น้ำตาคลอทุกครั้ง…มันเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ…เมื่อได้ฟังเรื่องราวของเด็ก ๆ….
  • o พักรับประทานอาหารกลางวัน

12 พฤศจิกายน 2008

น้ำตาร่วง…โรงเรียนพ่อแม่ นครสวรรค์;วันที่สอง…(1)

Filed under: บ่มเพาะความทรงจำ — Iem @ 2:20 (เย็น)
  • วันที่สอง (7 พฤศจิกายน 2551)
  • o เช้าวันนี้ เด็ก ๆ ทักทายเราด้วยรอยยิ้ม และแบบไทย ๆ คือสวัสดี…อืมม..รู้สึกดีกว่าเมื่อวานนะ
  • o ช่วงที่ 1 พี่สุ เริ่มด้วยการนำเล่นเกม วิวัฒนาการของชีวิตมนุษย์ ซึ่งทุกคนเริ่มจากการเป็นแมงหวี่ เมื่อเป่ายิงฉุบ ชนะ ก็จะกลายเป็นเป็ด แล้วให้ไปหาสายพันธ์เดียวกัน เป่ายิงฉุบ หากเป็ดด้วยกันชนะ ก็จะกลายเป็นลิง และจากลิง เมื่อเป่ายิงฉุบชนะ ก็จะกลายเป็นคน…สำหรับเรา..เป็นแมงหวี่ไม่เลิกเลย…
  • o พี่น้อง มาเล่าต่อในเรื่อง คนเราไม่เหมือนกัน มันมีความแตกต่าง แว่นที่ตา มันเชื่อมโยงกับตัวตนภายใน หากตัวตนภายในแคบ แว่นที่มีก็จะแคบ และเรามักใช้แว่นนี้วัดคนอื่น ซึ่งเมื่อแว่นที่มองเราแคบ มันทำให้เรารู้สึกอึดอัด หากมันกว้างเกินไป บางทีเราอาจจะรู้สึกอ้างว้าง ช่างไม่พอดีเอาเสียเลย ความรู้สึกที่ไม่พอดี เรามักจะหาคนมาเติมเต็ม เมื่ออยู่ในช่วงฮันนีมูน เราจะรู้สึกว่าคนนี้ใช่เลย และทำให้ชีวิตเราสมบูรณ์ แต่เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาของการฮันนีมูน บางทีเราอาจจะรู้สึกได้ว่า มันจืดจาง ส่วนที่เราคิดว่านำมาเติมเต็มกลับ กลายเป็นส่วนเกิน แต่…เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวตนภายในได้…..เหมือนกับสามเหลี่ยมที่พยายามกลิ้งตัวเอง…ซึ่งตอนแรกอาจจะลำบาก..แต่เมื่อเหลี่ยมค่อยๆ ลบ ไป ก็เริ่มกลิ้งได้อย่างคล่องตัว…สามารถนำพาตนเองไปได้…
  • o พี่น้อง…ต่อด้วย Voice dialogue …ตัวตนภายใน…เปรียบเทียบกับคนเราเกิดมาทุกคนมีไพ่ 52 ใบเท่ากันหมด แต่เพศ การเลี้ยงดู ชีวิตในแต่ละช่วงวัย สังคม ครอบครัว การศึกษา การคบเพื่อน พื้นที่เกิด ประสบการณ์ ความรัก ฯลฯ ทำให้แต่ละคน ค่อย ๆ ทิ้งไพ่หรือตัวตนภายใน ทีละใบ เพื่อปกป้องตนเอง เพื่อให้ดำรงอยู่ได้ …เราทิ้งไพ่ จนเหลือในมือไม่มากนัก…และเริ่มกำจำนวนที่เหลือจนแน่น…เพราะมันทำให้เราเติบโต มีชีวิตรอดมาจนทุกวันนี้ และคิดว่ามันเป็นทั้งหมดของชีวิต…แต่แท้ที่จริงแล้ว…เราเก็บความอยากไว้ตลอด….
  • o เมื่อตัวตนภายเปลี่ยน…จะรู้สึกว่าต้องการจะเก็บไพ่เพิ่ม…ซึ่งไพ่และตัวตนต่าง ๆ ที่เรามี เราไม่ได้ทิ้งมันไป แต่เราแค่วางซ่อนไว้…เราสามารถเก็บมันขึ้นมา…เหมือนกับสามเหลี่ยม ที่พยายามกลิ้งด้วยตัวเอง…พี่น้องบอกกับเด็ก ๆ ว่า…ชีวิตต้องมีการเริ่มต้น….ไม่จำเป็นต้องเก็บมาทีเดียวทั้งหมด…ค่อย ๆ เติมเต็ม เก็บขึ้นมาทีละใบ เหมือนสามเหลี่ยม ที่ค่อย ๆ ลบเหลี่ยมของตนเอง…..หากเราไม่เริ่มต้น…เราก็จะมีไพ่ในมืออย่างจำกัด ในการเลือกเล่น ทำให้รู้สึกตีบตัน…ไปไม่รอด…..”สนใจจะเก็บไพ่ของตนเองไหม”….พี่น้องถาม…ไม่มีใครตอบ..สักครู่มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งตอบมาว่า… “ไม่สนใจ มันกร่อย”….อืมม…เรื่องที่พี่น้องเล่า…เด็กได้ฟังไหมนะ..ถ้าฟัง..แล้วเข้าใจไหมนะ…มันยากที่จะเข้าใจสำหรับเด็กหรือเปล่านะ….
  • o พักเบรก… เราเข้ามาต่อ Voice dialogue … การทิ้งไพ่ เริ่มด้วยการแบ่งกระดาษ เอสี่ เป็น 4 ช่อง คือ 1 2 3 4 ตามลำดับ แต่ให้เริ่มเขียนที่ช่องที่ 2 ก่อนว่า คุณลักษณะของบุคคลใกล้ตัว ที่ทำให้เรารู้สึกจี๊ด โกรธ โมโห… แล้วมาเขียนที่ช่องที่ 3 ด้านดีของเรา ที่ตรงกันข้ามกับช่อง 2 … หลังจากนั้น ก็รวมกลุ่ม Home base กัน… อ่านช่องที่ 2 ให้สมาชิกในกลุ่มฟัง แล้วให้เพื่อน สะท้อนด้านดี ของช่องที่ 2 แล้วเขียนลง ช่องที่ 1 ต่อจากนั้น….ให้อ่านช่องที่ 3 ซึ่งเป็นด้านดีของเราให้เพื่อนฟัง….แล้วให้เพื่อนช่วยกันสะท้อนด้านลบสุด ๆ ของช่องที่ 3 แล้วเขียนลงในช่องที่ 4
  • o พักรับประทานอาหารกลางวัน

10 พฤศจิกายน 2008

น้ำตาร่วง…โรงเรียนพ่อแม่ นครสวรรค์; วันแรก…

Filed under: บ่มเพาะความทรงจำ — Iem @ 11:48 (เช้า)

 ในระหว่างวันที่ 6 9 พฤศจิกายน  2551 ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ “โรงเรียนพ่อแม่” ตามโครงการสร้างทางชีวิตใหม่ ให้ครอบครัวอบอุ่น รุ่นที่ 3   ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาสุขภาพภาคประชาชนภาคเหนือ จ.นครสวรรค์ จัดโดย  องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ ร่วมกับศาลเยาวชนและครอบครัว จ.นครสวรรค์  จำนวนผู้เข้ารับการอบรม         30  ครอบครัว

 

·       เยาวชน(ลูก) จำนวน  31  คน (ชาย  27  หญิง 3 คน บอกว่าเป็นหญิงอีก 1 คน)

·       ผู้ปกครอง(พ่อแม่) จำนวน  31  คน

กระบวนกร  จากสถาบันขวัญเมือง  มูลนิธิสังคมวิวัฒน์

·       ห้องเยาวชน(ห้องของลูก)จำนวน    5  คน (มีเยาวชนรุ่นที่ 2 มาช่วยงาน  2 คน)  รวมเป็น 7 คน

·       ห้องผู้ปกครอง(พ่อแม่)   จำนวน   5  คน

 มีการแบ่งออกเป็น 2 ห้อง คือ ห้องพ่อแม่ และห้องของลูกo      พักรับประทานอาหารกลางวัน….

ในครั้งนี้ นักการอิ่มเข้า ห้องของลูก

แว่บแรก ที่เห็นเด็ก ๆ ถึงกับน้ำตาคลอ… ลำคอตีบตัน…เกิดอะไรขึ้นหนอ….

 ·       วันที่แรก (6 พฤศจิกายน 2551)

o      ช่วงที่  1 เริ่มต้นด้วยพิธีเปิดของหน่วยงานผู้จัด

o      เวลา 10.30  แยกย้ายพ่อแม่ และลูก  อยู่คนละห้อง ในครั้งนี้ สมัครใจ อยู่ห้องของลูก เพราะว่า ยังไม่เคยเป็นแม่

o      ใน ห้องของลูก กระบวนกรเริ่มต้นได้ในเวลา 11.00 น. พี่น้อง ทำหน้าที่กระบวนกรคนแรก ได้เชื้อเชิญให้เด็ก ๆ เข้ามาใกล้ๆ พี่น้องที่สุด เท่าที่ จะใกล้ได้  และขอให้น้อง ๆ ไว้วางใจ  กระบวนกร ได้แสดงให้เห็นว่า ยืนอยู่ข้างเด็ก ไม่ขอให้เด็ก ๆ เปลี่ยนแปลง

o      ต่อจากนั้น ได้มีการแนะนำ น้อง ๆ เยาวชนรุ่นที่ 2 จำนวน 2 คน ที่มาช่วยงาน คือน้องมิ้น กับน้องอ๋อ และแนะนำทีมกระบวนกร คือ พี่น้อง  พี่เอก พี่สุ พี่อ้อ และพี่นุช

o      พี่สุได้มีการบอกกติกาการอยู่ร่วมกัน และ นำเล่นเกม เพื่อเป็นการ Ice breaking ในครั้งนี้ใช้เกม เป่า ยิง ฉุบ แต่ท่าทีของเด็ก ๆ ยังเกร็ง ๆ อยู่ กระบวนกรเลยให้มีการจัดกลุ่ม Home base จำนวน 6 กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน และมีพี่เลี้ยงประจำกลุ่ม หลังจากนั้นก็ได้มีการทำกิจกรรม Ice breaking อีกครั้ง โดยใช้เกม มังกรคาบหาง…เกมนี้เด็ก ๆ รู้สึกสนุกขึ้น แต่พี่เลี้ยงแย่ไปตาม ๆ กัน เพราะเป็นเกมที่จะต้องใช้ความเร็ว ในการวิ่งหนี และวิ่งไล่

o      ต่อจากนั้น กระบวนกรให้เด็ก ๆ แยกย้ายเข้า Home base และเขียนชื่อเล่นตัวเอง ลงในป้ายชื่อ พร้อมกับให้แต่งสีสันตามใจชอบ พี่เลี้ยง ทำหน้าที่ในการชวนเด็ก ๆ คุย ถึงความรู้สึก ความกังวลใจ และเรื่องราวของตนเอง เพื่อให้สนิทสนมกัน แต่กิจกรรมนี้ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จนัก เด็ก ๆ ยังไม่ไว้วางใจพอที่จะพูดคุย

o      กระบวนกรให้โจทย์ต่อ โดยให้การตั้งชื่อกลุ่ม Home base ไม่เกิน 3 พยางค์  แต่ละกลุ่มได้ชื่อดังนี้   S&T (มาจากซอยตัน), Freedomครับ, รักกันครับ, คิกขุจัง, S&P และอาโนเนะ

 

 o      ช่วงที่ 2  เด็ก ๆ เข้าห้องกันค่อนข้างจะตรงเวลา กระบวนกรเริ่มต้นด้วยกิจกรรม ผ่อนพักตระหนักรู้ ให้เด็ก ได้พักผ่อน ประมาณ 40 นาที … พอตื่นขึ้นมา เด็ก ๆ ส่วนใหญ่ ยังทำหน้าเหมือนยังนอนไม่เต็มอิ่มเลย กระบวนกร เลยพาออกกำลังกายเล็ก ๆ

o      กระบวนกร นำให้เข้าสู่ กลุ่ม Home base  และให้เด็ก ๆ แต่ละคน อยู่กับตัวเอง รำลึกถึงช่วงชีวิตที่ผ่านมา  โดยให้มีการฉีกกระดาษ หรือทำอะไรกับกระดาษเอสี่ ที่แจกไป ตามอารมณ์ ความรู้สึกในแต่ละช่วงเวลาที่รำลึกถึง หลังจากนั้นให้เด็ก ๆ ในกลุ่ม Home base เล่าให้เพื่อนฟัง

o      กระบวนกรต่อด้วยการให้ เด็ก ๆ เดินอย่างไร้ทิศทาง ใคร่ครวญ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปล่อยตัวเอง อยู่ในห้วงคำนึง ท่ามกลางแสงสลัว และบทเพลงบรรเลงที่บางเบา  สักครู่ก็ให้เด็ก ๆ จับคู่กันพูดคุย เล่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่ทำให้เข้ามา ณ ที่นี่  และเพิ่มเป็น 4 คนช่วงนี้ เริ่มเห็นน้ำตามที่ไหลริน…จากใบหน้าน้องชุ สาวอายุ 18 และน้องเฟิร์น สาวน้อยอายุ 15น้องชุบอกว่า ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนที่นครสวรรค์ ติดเพื่อน ส่วนพ่อแม่อยู่กรุงเทพฯ พ่อแม่ไม่ใคร่ชอบกลุ่มเพื่อนของน้องชุนัก บอกว่าเป็นคนไม่ดี สักวันชุจะต้องเสียเพราะเพื่อน..แล้วก็เป็นจริง ชุ เริ่มอยากลองยา เป็นครั้งแรก…รับมาแล้ว..ยังไม่ทันลอง..ก็มาถูกจับเสียก่อน…เพื่อนหายไปหมด ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลย… ส่วนน้องเฟิร์น เป็นฝาแฝด กับน้องเฟิร์ส..เข้ามาด้วยเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกับเพื่อน… 

o      ช่วงที่ 3 กระบวนกร ถ่ายทอด แนวคิดของชนเผ่า ในเรื่อง ผู้นำสี่ทิศ และให้เด็ก ๆ ไปนั่ง ณ ทิศ ที่คิดว่าแสดงถึงความเป็นตัวเค้ามากที่สุด และถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ฟังว่า ทำไมเค้าถึงคิดว่า ทิศนี้ คือ ใช่เลยสำหรับเค้า

o      หลังจากนั้น ก็กลับมาที่กลุ่ม Home base กระบวนกรแจกกระดาษเอสี่ ให้โจทย์ว่าให้ใช้สีเป็นสัญลักษณ์ แทนแต่ละทิศ สีแดง คือกระทิง  สีดำ คือหนู สีเขียวคือหมี และสีฟ้า คืออินทรี  แล้วแบ่งดูว่า ภายในพื้นที่วงกลมวงหนึ่ง ที่สมมติว่า เป็นตนเอง ตัวเองมีความเป็นสัตว์ในแต่ละทิศมากน้อยแค่ไหน โดยการระบายสีลงในวงกลมนั้น ๆ และวาดวงกลม เพิ่มขึ้นอีกเท่ากับจำนวน บุคคลในครอบครัว แล้วเขียนชื่อของเจ้าของวงกลม แต่ละวง เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง ปู่ ย่า ตา ยาย แล้วให้แบ่งว่าแต่ละคนในครอบครัว มีทิศแต่ละทิศมากน้อยแค่ไหน  

o      สะท้อนวันแรก…เด็ก ๆ ยังไม่เปิดเผยตัวเองมากนัก…แววตาดูเหมือนยังไม่ไว้วางใจ…

….หนักหนาแนวเขิน เนินไศล คือทางที่เราก้าวไป…ก้าวไกลเกินฝัน..วันวาน

 

 

บันทึกใหม่กว่า »

Powered by WordPress