บ้านชานเมือง (10) มหาวิทยาลัยกับท้องถิ่น

โดย Panda เมื่อ 3 พฤศจิกายน 2009 เวลา 14:01 ในหมวดหมู่ การศึกษา การเรียน การสอน, สังคม ครอบครัว ชุมชน #
อ่าน: 2166

     เมื่อวานไปดูงานวันนัดพบเกษตรกร ที่ทาง อบต. สุรนารี จัดขึ้นร่วมกับการจัดงานวันลอยกระทง  ได้พบกับอาจารย์ มทส. หลายท่านและได้ไปเยี่ยมชมบูธแสดงของ ฟาร์ม มทส. ที่นำเอาโพสเตอร์แนะนำผลงานต่าง ๆ ด้านเทคโนโลยีการเกษตรของ มทส. มาแสดง และนำชุดสาธิตการปลูกพืชแบบไร้ดิน หรือ Hydroponic ที่พัฒนาโดยคณาจารย์ มทส. มาจัดแสดง  ในงานนี้นอกจากจะมีนิทรรศการจากหน่วยงาน และเกษตรกรกลุ่มต่าง ๆ แล้ว ยังมีการจัดประกวดผลิตผลทางการเกษตรอีกหลายชนิดด้วยกัน ช่วงที่ไปนั้นผู้มาดูงานส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน เข้าใจว่าเป็นนักเรียนจากโรงเรียนอ่างห้วยยางที่อยู่ใกล้ที่จัดงาน 

          นอกจากนั้นยังได้พบท่านรองอธิการบดี ที่มาร่วมเปิดงานและเดินชมงานกับท่านสมยศ นายก อบต. สุรนารี ที่เป็นประธานการจัดงาน  ท่านนายกฯ คงแปลกใจพอสมควรที่พบเรา แต่ก็ยังจำเราได้ครับ เนื่องจากเราเป็นลูกบ้านของท่าน พักอาศัยอยู่ที่ หมู่บ้านรุ่งนิรันดร์ ที่ท่านเป็นผู้ดำเนินการมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่โครงการที่ 1 จนถึงโครงการที่ 10 แล้วในปัจจุบัน  ท่านนายกฯ สมยศ จึงเป็นที่รู้จักของคนใน ตำบลสุรนารี เป็นอย่างดี

         ดีใจที่ได้เห็นความร่วมมือระหว่าง มทส. กับ องค์กรท้องถิ่นครับ อยากจะเห็น มทส. สนใจสนับสนุนท้องถิ่นใกล้ ๆ มากกว่านี้ครับ  แทนที่จะไปเน้นแต่ผลงานระดับนานาชาติ

« « Prev : ภาพงานแต่ง

Next : บ้านชานเมือง (11) เกษตรกรดีเด่น » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

1 ความคิดเห็น

  • #1 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2009 เวลา 14:51

    ตอนนี้เป็นราษฏร์ เป็น สว.เต็มขั้น สัมผัสชาวบ้านจนรู้ใจชาวบ้าน แค่มองตาก็เกือบเดาใจออก ว่ามีความอึดอัดแค่ไหนที่จะคุยกับนักวิชาการ พูดคนละเรื่องเดียวกันด้วยระดับภาษาที่ต่างกัน จึงเป็นการสื่อสารที่ต่อกันไม่ค่อบติด อาม่าเองเป็นนักวิชาการมาก่อน ผ่านประสบการณ์มากมายพอตัว รู้ความต้องการของประชนคนธรรมดา  ผู้ลงมือปฏิบัติงานด้านเกษตร ที่มีความหลากหลาย และแตกต่างกันในแต่ละท้องที่  ระดับความรู้และประสบการณ์ นั้นก็หลากหลายจริงๆค่ะ ความต้องการความช่วยเหลือ จากนักวิชาการจึงมีหลายระดับ หากสื่อกันไม่ตรงก็คงไม่ใคร่มีใครอยากคุยกับนักวิชาการสักเท่าไร เพราะใช้ภาษไทยที่ฟังยากค่ะ และจะเน้นเรื่องความเชี่ยวชาญเป็นจุดเล็กๆ แบบรู้ลึก แต่ในความเป็นจริงชาวบ้านต้องการความรู้องค์รวมที่สามารถเข้าใจได้ และปฏิบัติได้จริง ทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับอาชีพเกษตรกรของเขา แต่สถาบันสร้างนักวิชาการรู้ลึก เป็นแนวดิ่งเป็นเส้นตั้ง ขาดการประสานก่อให้เกิด เส้นสายความรู้ในแนวนอนที่สามารถถักทอ ก่อให้เกิดเป็นผืนองค์รวมของความรู้ ที่ทำความเข้าใจได้ง่าย มองเห็นจับต้องใช้ได้ มีความเหมาะสมในการใช้ได้อย่างจริงจัง สอดคล้องกับกับวิถึชีวิต และสภาพแวดล้อมแต่ละพื้นที่ อาม่าเองเป็นคนกลางคอยให้ความช่วยเหลือประสานความเข้าใจให้ตรงกัน และอยากให้มีการจัดสัดส่วนองค์ความรู้ เพื่อลงมาช่วยเหลือแก้ปัญหาในการลดต้นทุนการผลิต อย่ามองแค่การเพิ่มผลผลิต ในพื้นที่จำกัด ที่ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายแล้วใช้เทคโนโลยีที่สูง หรือความทันสมัยเพียงอย่างเดียว ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา แล้วเราจะรู้ว่าเขาคิดอย่างไรค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.78695797920227 sec
Sidebar: 0.85533785820007 sec