เรียนปลูกข้าวจาก Youtube

8 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 20 มิถุนายน 2011 เวลา 7:32 (เช้า) ในหมวดหมู่ งานอดิเรก, ชีวิตกับโรงเรียน, เรื่องที่เรียนรู้ #
อ่าน: 1814

วันอาทิตย์เป็นวันว่าง  ตั้งแต่เช้ายันบ่าย แม่ใหญ่จึงง่วนอยู่กับการ เปิดหาความรู้เรื่องทำนาเพิ่มเติม จาก  Google และ  Youtube  พบว่า มีคนเขียนบรรยาย และถ่ายทำเป็นวิดิโออย่างหลากหลายจริงๆ ได้เก็บข้อมูลและรวบรวมไว้เป็น Powerpoint ไว้  ตั้งใจว่า บ่ายวันนี้ จะขอเชิญบรรดาชาวนาตัวจริงทั้งหลายที่ทำงานอยู่กับแม่ใหญ่จำนวนไม่น้อย  เช่น ลุงโก้ ลุงพงษ์ ลุงน้อย โสภา ทองเพียร เดือน แสน เฉลา ฯลฯ  มาดูวิดิโอที่แม่ใหญ่รวบรวมเกี่ยวกับเรื่องนาโยน  (ซึ่งปีนี้จะแบ่งเป็นสองแปลง  นาโยนแปลงหนึ่ง นาดำแปลงหนึ่ง )    และจะขอให้เขา “โส” กัน (สุนทรียสนทนา ตามศัพท์ทางจิตตปัญญา )  ว่าคิดเห็นเป็นอย่างไร เราจะได้รับฟังความรู้จากชาวนาตัวจริงด้วย   แม่ใหญ่ก็จะขอป้าๆลุงๆกลุ่มนี้แหละมาช่วยแม่ใหญ่เริ่มต้นกับนาทดลอง ครั้งแรกของโรงเรียน   ถ้าผลมันออกมาดี  เขาก็จะได้เอาไปทำของตัวเขาเองต่อไป  เพราะลุงๆป้าๆเหล่านี้มีนาของตัวเองคนละ 7-8 ไร่ขึ้นไป  แต่ไม่ได้ทำนา เป็นอาชีพ ออกมารับจ้างเป็นพนักงานโรงเรียนกันหมด ถึงเวลาก็ลาไปหว่าน   ไปเกี่ยว  แค่วันสองสามวัน  ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาได้รับผลผลิตกันขนาดไหน  และต้องใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ ใช้ยาฆ่าแมลงกันเป็นเงินเท่าไหร่  แม่ใหญ่จะทำการทดลองร่วมกับเขาว่า ถ้าเราทำถูกต้องตามที่ได้ศึกษามา ทำแบบเกษตรอินทรีย์  ไม่ใช้เคมี  มันจะไปรอดไหม 

ความรู้ที่ได้จากการค้นหา   แม่ใหญ่สรุปรวมไว้ในภาพข้างล่างนี้ 

หลังจากศึกษาจากอินเตอร์เนตแล้ว ช่วงบ่ายก็เข้าไปดูที่นา  ที่ตั้งแต่ซื้อเอาไว้ปีกว่าแล้ว ยังไม่เคยได้ลงไปเดินรอบๆทั้งสี่ไร่เลย เนื่องจาก หญ้ารกมากๆ พอผู้รับเหมาทำถนนเข้าไปที่บ่อน้ำ  และจัดรูปนาทดลองตามที่เราต้องการให้  เขาไปเริ่มงานถากถาง  จนเห็นคันนาพอเดินได้แล้ว แม่ใหญ่ก็ชวนลูกชวนหลาน  ลงไปเดินดูโดยรอบ  พบว่า ที่ด้านหลังเป็นบ่อใหญ่มาก เนื้อที่เกือบสองไร่  เจ้าของคนเดิมที่เขาขายนาให้เรา เขามีที่นาอยู่ยี่สิบไร่  เขาขุดบ่อน้ำนี้ เอาไว้เก็บน้ำเวลาที่เขาต้องการทดน้ำเข้านาหรือสูบน้ำออกจากนา   เราเองก็ชอบที่ซึ่งมีบ่อน้ำ   แต่ตอนซื้อที่  มองดูจากฝั่งถนนไกลๆไม่คิดว่าจะได้บ่อใหญ่ขนาดนี้    แต่มาเห็นของจริงก็พอใจ  เพราะเราคงจะมีน้ำใช้ตลอดปี และคงได้แบ่งปันเพื่อนบ้านด้วยในช่วงที่คลองชลประทานยังไม่ส่งน้ำเข้ามา

ไปดูที่นาแล้ว  กะเวลาการไถดะ ไถแปร  ทำเทือก สำหรับโยนกล้าและดำนา  ไม่ทราบว่าจะทันกำหนดเดิมคือวันเข้าพรรษาหรือไม่  เพราะเท่าที่ศึกษาดู    เขาบอกว่าการเตรียมดินเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของกระบวนการปลูกข้าว     เมื่อไถดะ แล้ว  ต้องรอเวลาให้หญ้าและวัชชพืชตายทับถมกันก่อน 15 วัน  แล้วจึงปล่อยน้ำออกให้ดินแตกระแหง เพื่อก๊าซฟางเน่าๆ จะได้ระเหยออกไป   แล้วจึงปล่อยน้ำเข้าขลุกขลิกเพื่อ ไถแปรอีกครั้ง  หมักทิ้งไว้อีกครั้ง  แล้วจึงคราด ตีดินให้ละเอียดเพื่อทำทเทือกให้พร้อมโยนกล้าหรือดำนา            ถ้าเตรียมดินดี วัชชพืชจะน้อย  ข้าวก็จะงาม  ดังที่ ปราชญ์ชาวบ้านหลายๆท่านกล่าวไว้ใน youtube

ทำนาแค่สองไร่ แม่ใหญ่รู้สึกว่าเรื่องมันแยะจริงๆ  หนักใจนิดๆ  คงเป็นเพราะเรายังไม่เคยทำเลยนั่นเอง  แต่ไม่เป็นไร ใจสู้เอาไว้ก่อน  เป็นไรเป็นกันสิน่า

ส่วนเรื่องปลูกต้นอคาเซียตามขอบคันนานั้นไม่มีปัญหาน่าจะลงได้ตั้งแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้นไป  ว่าจะไปหาต้นอื่นๆมาปลูกแซมๆไปบ้าง (ตามที่ได้ไปเรียนรู้มา)

 

 

 

 


กำนดการคร่าวๆเรื่องนาทดลอง

6 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 16 มิถุนายน 2011 เวลา 9:42 (เช้า) ในหมวดหมู่ งานอดิเรก #
อ่าน: 1299

เมื่อวานผู้รับเหมาถมดินปรับที่นา  โทรมาบอกว่าอีกสามวันเข้าไปดูที่นาได้  เพราะคงจะได้เห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว  วันนี้จึงใช้เวลาในการวางแผน  กำหนดการคร่าวๆที่จะเริ่มดำเนินการ ทำนาทดลองกับนักเรียน ป. 6  โรงเรียนพัฒนาเด็ก    โดยเชิญคุณครูอุ๊  ซึ่งเป็นครูประจำชั้น ป. 6 มาคุยกันตอนเย็น หลังเลิกเรียน    มาคุยกันแบบไม่เป็นทางการ เพราะไม่อยากให้โครงการนี้เป็นโครงการ    แบบแข็งๆที่ มีจุดมุ่งหมาย มีหลักการอะไรมาก  เพื่อจะต้องเอาไปโชว์คณะประเมินโรงเรียน      แม่ใหญ่อยากให้เป็นโครงการที่เราทำกันไปเรียนกันไป  ผิดถูกทำใหม่ได้ เพราะยังมีเวลาอีกตั้งสามครั้งต่อปี สำหรับนักเรียนรุ่นนี้    ที่เราจะทดลองและเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ 

คุณครูอุ๊มีคุณพ่อเป็นหมอดิน  ชื่อคุณพ่อสมัย พันธ์ชมพู  บ้านอยู่แถวๆบ้านสงเปือย   ไกลจากแปลงนาทดลองของเราไม่กี่กิโลเมตร  คุณครูอุ๊ ได้เกริ่นไว้แล้วว่า แม่ใหญ่ขอให้มาเป็นที่ปรึกษาเรื่องเตรียมดิน  และการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ล้วนๆ   คุณครูบอกว่าเด็กๆจะว่างเช้าวันศุกร  เพราะได้ทำตารางสอนเพื่อการไปทัศนศึกษา เรื่องต่างๆไว้ตลอดปี    ดังนั้นจึงกำหนดว่า เราจะพาเด็กๆไปดูทีนาที่เตรียมดิน      ในเช้าของวันศุกร 24 มิถุนายน        เมื่อกลับมาก็จะให้เด็กๆมาโรยเมล็ดข้าวที่เราจะแช่น้ำเตรียมไว้พร้อมปลูก   ลงในถ้วยพลาสติก  (ที่เราใช้การโรยเมล็ดลงในถ้วยในกระบะพลาสติค     ไม่ได้ใช้เจาะรูกระดานตามที่อ.ทวิชแนะนำในครั้งนี้    ก็เพราะอยากให้เด็กจะได้มารดน้ำดูแลในช่วงที่กล้ากำลังเจริญเติบโต   และได้เห็นกระบวนการเจริญเติบโตของต้นกล้าอย่างละเอียด )

เมื่อวานอีกเหมือนกันที่แม่ใหญ่ เข้าไปในที่ศูนย์วิจัยข้าวขอนแก่น   ได้ไปพบนักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ชื่อ อาจารย์พิศาล กองหาโคตร  เพื่อไปขอคำแนะนำและซื้อพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับที่นาของโรงเรียน   โชคดีอีกแล้วที่ไปเจออาจารย์พิศาล  ที่เคยเป็นนักศึกษาคณะเกษตร มหาวิทยาลัยขอนแก่น รุ่น 8 และอาจารย์จำแม่ใหญ่ได้ แม้ไม่เคยเรียนด้วยก็ตาม  เราก็ได้เลยคุยกันยาว  จนเลยเวลาทานข้าวกลางวัน     แม่ใหญ่เล่าว่าทำไมแม่ใหญ่ถึงอยากจะทำนาทดลองให้กับเด็กๆ ได้เรียนรู้      อาจารย์ชอบใจบอกว่า ดูทีวีเห็นดารามาทำนา ยัง คิดชื่นชม และอยากให้คนรู้เรื่องทำนากันมากๆ เพราะเป็นอาชีพสำคัญของเมืองไทย   แม่ใหญ่เลยต้องรีบบอกคิดเหมือนอาจารย์ แต่ว่า ไม่ได้เอาอย่างดารานะคะ  โครงการนี้เริ่มซื้อที่มาตั้งแต่ปีที่แล้ว  แต่ทำไม่ทัน  เพราะยังไม่มีข้อมูลพอเพียง

 อาจารย์เปิดกูเกิ้ล ให้แม่ใหญ่ชี้ให้ดูว่า ที่นาอยู่ตรงไหน  เพราะอาจารย์ได้เคยศึกษามาก่อนแล้วว่า  ที่ดินส่วนไหนของขอนแก่น ควรปลูกข้าวชนิดไหน  เมื่อรู้ที่ตั้งของที่นาแล้ว   อาจารย์ก็แนะนำว่าให้ใช้พันธุ์ข้าวหอมมะลิ  สำหรับการทดลองคราวนี้ เพราะเป็นการทำนาปี  ถ้าครั้งต่อไป เป็นนาปรังจึงจะต้องใช้ข้าวอีกพันธุ์หนึ่ง  อาจารย์ถามว่า จะมาซื้อพันธุ์ข้าววันนี้ เตรียมดินแล้วหรือยัง   แม่ใหญ่ก็เล่าว่าเพิ่งจ้างเขาปรับและไถที่นา เพราะทำเองไม่เป็น  อาจารย์จึงบอกว่าเตรียมที่นาดำ ต้องเตรียมแบบประณีตหน่อย  อาจารย์จะไปช่วยดูให้  แล้วอาจารย์ก็ถามว่า จะให้ใครดำ แม่ใหญ่จะลงมือดำเองหรือ  แม่ใหญ่ก็บอกว่า จะลงแขก  กัน   ทั้งแม่ใหญ่  ครู   นักเรียน พนักงานที่โรงเรียนผู้ปกครอง และลูกๆหลานๆที่สนใจ  และอาจจะมีดารารับเชิญ ชื่อ ป้าจุ๋ม จาก กรุงเทพ  ป้าหวาน และออต จากขอนแก่น  มาร่วมดำนาด้วย  อาจารย์บอกว่าถ้าที่นาประมาณสองไร่เศษ และมีคนช่วยกันหลายๆคน   วันเดียวก็อาจจะเสร็จ  เพราะตามปกติแล้วชาวนาเขาจะดำได้ 6 คน ต่อไร่ต่อวัน  แต่เนื่องจากชาวนาสมัยนี้เขาไม่ค่อยมีเวลา   และไม่สามารถลงแขกกันได้ เขาจึงต้องจ้างรถดำนาบ้าง หรือไม่ก็ทำนาหว่านไปเลย

กำหนดหยอดเมล็ดข้าวปลูกต้นกล้าวันที่    24      มิถุนายน    ต้นกล้าใช้เวลางอก  พร้อมที่จะปลูก ใช้เวลา   20 วัน  (ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ)  ตรงกับวันที่    14  กรกฎาคม ซึ่งดูจากปฏิทินแล้ว  วันที่ 15-16 เป็นวันหยุดอาสฬหบูชา และต่อด้วยวันเข้าพรรษา ซึ่งตรงกับศุกร เสาร์ และ วันที่  17  เป็นวันอาทิตย์  ดังนั้นน่าจะเป็นช่วงที่จะนัดใครๆที่สนใจมาร่วมดำนาทดลองกันได้  อาจจะมีใครอื่นที่อ่านบล็อกนี้  นึกสนุกมาร่วมด้วยก็เป็นได้ ใครจะไปรู้

ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง กำหนดการก็คงจะเป็นตามที่กล่าวมาแล้วนี้


แปลเพลงเก่า ให้เป็นกลอน

11 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 12 มิถุนายน 2011 เวลา 5:56 (เย็น) ในหมวดหมู่ งานอดิเรก #
อ่าน: 1715

วันอาทิตย์ อยู่ว่างๆ วาดรูปไปสองรูป  แต่ไม่ได้อย่างใจ   เลยหาอย่างอื่นทำ   ซึ่งก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าเปิดเวป “ลานปัญญา”

ไม่ได้เปิดแค่วันเดียว  ใครต่อใครเขียนมามากมาย   อ่านแทบไม่ทัน  โดยเฉพาะ  ”ขาประจำ”   ที่แม่ใหญ่ สมัครเป็นแฟนคลับอยู่  เป็นคนหนึ่งที่เขียนเร็วมากๆ  และต้องรีบอ่าน  เพราะเธอขู่ว่า ถ้าไม่มีคนอ่าน เธอจะลบไม่ให้เปลืองที่ในลาน

คนๆนี้  ได้มีโอกาสเจอตัวเป็นๆมาแล้ว     ตอนเจอ และฟังวาจาคารม  ก็สะกิดใจว่า เหมือนใครหว่า รู้สึกคุ้นๆ  ยิ่งอ่านความคิด ความอ่าน  ในลาน อุแม่เจ้า ช่างมีอะไรคล้ายกันมากๆ ทั้งแนวคิดเรื่องฝรั่งมังค่า   ความปากคอจัดจ้าน   ความเป็นศิลปิน  ความเป็นนักเขียน ความเป็นนักวิทยาศาสตร์  ความเป็นนักเพลง เป็นนักเลง (อ้อ “นัก”  สุดท้ายนี้ไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่) และยังเป็น นักอะไรต่อมิอะไรอีกเหลือจะพรรณา

มาสะดุด  อยู่ที่  บล๊อคสุดท้าย เกี่ยวกับเพลง “Perhaps love is….” ที่มีชื่อแม่ใหญ่ไปอ้างอิงนิดหน่อย    และอ่านจากคอมเมนท์ ก็มีคนอยากทราบความหมาย เลยนึกสนุก  เอาความเป็นอดีตครูสอนภาษาอังกฤษ  กับเคยเป็น คนชอบเขียนกลอนเล่นๆ สมัยเรียนอยู่โบราณคดี มาผสมกัน  ก็เลยมีผลผลิตออกมาดังต่อไปนี้ (ผิดถูกอย่างไร ใครจะท้วงติง ตามสบาย  เพราะบางตอนก็ต้องให้ กลอนพาไปเหมือนกัน)

Perhaps love is like a resting place
A shelter from the storm
It exists to give you comfort
It is there to keep you warm
And in those times of trouble
When you are most alone
The memory of love will bring you home\

บางทีรัก คงจะคล้ายให้ที่พัก
เมื่อพายุกระหน่ำหนัก โถมเข้าใส่
เพื่อให้ปลอด รอดพ้นจากผองภัย

ความทรงจำ นำรักให้ ได้กลับมา

Perhaps love is like a window
Perhaps an open door
It invites you to come closer
It wants to show you more
And even if you lose yourself
And don’t know what to do
The memory of love will see you through

บางทีรัก อาจจะเป็น เช่นหน้าต่าง
และประตู ที่เปิดกว้าง อยู่ข้างหน้า

ยามสับสน ขอเชิญให้ ใกล้เข้ามา
ความทรงจำ นำรักพา มาด้วยกัน


Oh, Love to some is like a cloud
To some as strong as steel

บางคนว่า ความรักเบาราวปุยเมฆ
แต่บางคนว่าเหมือนเหล็ก ที่แกร่งกั้น

For some a way of living
For some a way to feel

บ้างว่าเป็น ทางชีวิตสืบเผ่าพันธุ์
บ้างว่าเป็น เหมือนฝัน ผ่านอารมณ์

And some say love is holding on
And some say letting go
And some say love is everything
And some say they don’t know

บ้างอยากจะยึดยื้อถือเอาไว้
บ้างปล่อยไปตามทางที่เหมาะสม
บ้างยกเป็นทุกอย่างแสนชื่นชม
บ้างโง่งมไม่รู้จัก รักเป็นไง


Perhaps love is like the ocean
Full of conflict, full of pain
Like a fire when it’s cold outside
Thunder when it rains
If I should live forever
And all my dreams come true
My memories of love will be of you

บางที่รักอาจเป็นมหาสมุทร
ที่แสนสุดลึกล้ำช้ำชอกจิต
เป็นไฟเย็นหรือเป็นน้ำอมฤต
สายฟ้าฟาดมืดมืด ทุกทิศทาง

แต่ถ้าฉันได้อยู่คู่นิรันดร์
และความฝันเป็นจริงทุกสิ่งอย่าง
ความทรงจำรักฝากไว้ไม่เลือนราง
จะขอวางหัวใจไว้ที่เธอ


ขอความเห็นผู้รู้ในลาน

8 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 11 มิถุนายน 2011 เวลา 10:51 (เช้า) ในหมวดหมู่ งานอดิเรก, ชีวิตกับโรงเรียน, เรื่องที่เรียนรู้ #
อ่าน: 2024

ตั้งใจไว้ว่า  พวกงานอดิเรก ของเล่นต่างๆ  จะเป็นอะไรที่  ราคาย่อมเยา  ไม่สร้างความเดือดร้อน แก่เงินโรงเรียน (กงสี) จะใช้เฉพาะเงินเก็บส่วนตัว ที่ได้รับจากเงินที่ปรึกษา  เดือนละพอกินพอใช้เท่านั้น    ที่ผ่านๆมาก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ  แต่ของเล่น หรืองานอดิเรกชิ้นใหม่ คือเรื่อง ทำนาทดลอง   อาจต้องโอนให้เป็น โครงการของโรงเรียน และใช้เงินโรงเรียนเสียแล้ว  เพราะรู้สึกว่าชักจะเกินกำลัง  (กระเป๋า ส่วนตัว)  

 

เดิมตั้งใจไว้ว่า จะทำนา ปลูกข้าว กับทำสวนป่า เล็กๆไว้เป็นให้เด็กนักเรียนได้มาศึกษา หาความรู้ กับภูมิปัญญาไทย   การจะพาเด็กนักเรียนมาทัศนศึกษา เข้าสังเกตการณ์ ลงมือปฏิบัติ   ก็ต้องวางแผนเรื่องสถานที่  พอสมควร  เพื่อความสะดวก  และรวมถึงความสวยงามด้วย    จึงได้วางผังที่นา  ไว้เป็นสัดส่วน  ได้เนื้อที่ทำนา ประมาณสองไร่   นอกนั้น จะเป็นที่ปลูกป่า และพืชผักต่างๆตามฤดูกาล  ตามที่ได้เคยเขียนเอาไว้ในบล๊อค  ชื่อ  วันเริ่มต้น หลังจากรอผู้รับเหมาถมดินชุดแรกอยู่ สามอาทิตย์  ก็ยังไม่มาเสนอราคา คงเป็นเพราะฝนฟ้าตก  จนทำไม่ได้ หรือไม่ ก็ยังติดงานที่อื่นอยู่    เวลาดำนาปลูกข้าวก็ใกล้เข้ามา  จนแม่ใหญ่ใจร้อน  ไปหาผู้รับเหมารายใหม่  มาตีราคา   เจ้านี้  ค่อยว่องไวหน่อย  ให้งานไปแค่สองวัน  เขียนแบบ ส่งราคามาเร็วทันใจ  แต่เล่นเอา แม่ใหญ่ หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม (เนื่องจากไม่เคยทำเรื่องถมดินมาก่อน )  ผู้รับเหมา  เสนอราคามาที่ สามแสนเศษๆนิดหน่อย   ใบเสนอราคาที่ส่งมา ทำมาโดยละเอียดตามหลักวิชาการ มีการคำนวณดินที่ใช้ถมถนน กว้าง ขนาด 6 เมตร  ยาว 100 เมตร ถนนสูง 1.40 เมตร  ถนนยาวเข้าไปถึง สระน้ำด้านหลัง  โดยใส่ท่อระบายน้ำ ให้ด้วย  3 จุด  และคำนวณดินที่จะใช้ถมที่ที่จะเตรียมไว้ปลูกบ้านเรือนไทย เนื้อที 5.00*40.00*1.40  เมตร รวมทั้งเตรียมที่ทำนา แต่งคันนาให้เป็นที่เรียบร้อย 

การทำตามแบบนี้   จะต้องใช้ดินเป็นพันๆคิวที่เดียว   แม่ใหญ่ส่ายหัวดิกๆ   ไม่ได้ว่าเขาเสนอราคาเกินเหตุหรอก  ดูจากจำนวนดินที่เขาคำนวณออกมาแล้ว  มันก็มากจริงๆ  เพราะที่นาเป็นที่ลุ่ม ลึกกว่าถนนตั้ง 1.40 ม. แต่มันเกินงบ ที่คิดจะทำเป็นงานอดิเรกเสียแล้ว    ได้ลองปรึกษา  ผู้รับเหมาว่า จะทำอย่างไร ให้งบประมาณ  ลดลงไปสักครึ่งหนึ่งจะได้หรือไม่  ผู้รับเหมาก็เลยลองคำนวณดูว่า  ถ้าจะเอา งบประมาณเป็นตัวตั้งก็ได้เหมือนกัน  แต่ถนนที่คิดไว้จะสูง    1.40  เท่าถนนด้านหน้า   ก็จะลดลงมาที่ 70 ซ.ม. แทน   แต่รูปร่างทุกอย่างก็ยังคงเป็นตามผังเดิมที่แม่ใหญ่วางไว้

เมื่อคืนนอนคิดอยู่คนเดียว ว่า  ถ้าเราจะเปลี่ยนแผน  คือไม่ทำถนนเข้าไปหาบ่อน้ำ  แต่ถมที่ด้านหน้า  เอาไว้ปลูกบ้าน โดยมีเนื้อที่ทำสนามหน้าบ้านเล็กน้อย   ปล่อยท้องนาและสระว่ายน้ำไว้หลังบ้าน    วิธีนี้จะเร็วและราคาถูกลงมากกว่าครึ่ง           โทรไปปรึกษากับผู้รับเหมา เขาก็บอกว่า  เขาทำให้ได้ง่ายและเร็วมาก  แต่มันจะไม่ได้สวยสมใจตามฝันที่แม่ใหญ่วางไว้  ที่ว่าบ้านทั้งสองหลังจะหันหน้าไปทางสระน้ำ  และมีท้องนา มาเป็นฉากหน้าของบ้าน

แม่ใหญ่ ถ่ายรูปผังทั้งสองแบบ   มาลงไว้ในบล็อคนี้แล้ว    ยังตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะใช้ผังเก่า(แบบถนนสูง 70 ซ.ม) หรือผังใหม่  ที่เอาบ้านไว้ด้านหน้าดี    อยากฟังความคิดเห็น  ของผู้รู้ในลานสักหน่อย  ขอเป็นวิทยาทานก็แล้วกัน     แม่ใหญ่ต้องรีบหน่อยแล้ว เดี๋ยวทำนาไม่ทันหน้านานี้พอดี

 

 


เอาเบคแฮม มาอวดหมอเบิร์ด

7 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 7 มิถุนายน 2011 เวลา 12:50 (เย็น) ในหมวดหมู่ งานอดิเรก #
อ่าน: 1633

ขอแอบเขียนแบบไม่ค่อยวิชาการหน่อย  คงไม่ถูก Logos ตำนิว่าใช้ลานไม่คุ้มนะคะ  อยากเอาเบคแฮมขึ้นโชว์แบบเดี่ยวๆบ้าง  เพราะมันเป็นหมาแสนรู้มากๆ 

บ้านแม่ใหญ่ และบ้านลูกสาวอยู่คนละบริเวณ  ห่างกันประมาณ ครึ่งกิโล  แต่ที่บ้านลูกสาวมีบ่อน้ำ  ดังนั้น มันจะต้องเดินทางไปอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณแทบทุกวันที่บ้านยายจิ๊ก  ขากลับก็จะเดินเชิดหน้าพา เจ้าสามขา (เพื่อนหมาที่เราไม่ค่อยอยากต้อนรับเท่าไหร่)  เข้ามาเดินเบ่งในบ้านเราด้วย 

เดิมเราอยากให้เบค อยู่ในเขตบ้าน หรือขังกรงไว้ เพราะเราเห็นเขาเป็นหมาบางแก้วที่ใครๆว่าดุ   แต่ไม่ประสบความสำเร็จ  สามารถปีนกำแพง ข้ามรั้ว  ได้ยังกับลิง ขังก็ไม่ได้  เคยทำได้ครั้งเดียว  พอมันรู้วันหลังจับไม่ได้เลย  เมื่อเรายอมแพ้ให้มันเป็นหมาอิสระ มันก็ไม่แสดงอาการดุไปกัดใคร ก็เลยวางใจ ปล่อยเลยตามเลย  เพิ่งมาสังเกตว่ามันมีรายการจองเวรกับคนเฉพาะบางคนที่มันไม่ชอบ  คือ เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการของโรงเรียน ที่คอยไล่ให้มันกลับบ้าน ไม่ให้มันเข้าไปในบริเวณโรงเรียน เพราะกลัวไปรบกวนเด็กนักเรียน  มันก็ยอมเชื่อฟัง ไม่ไปโรงเรียน แต่ถ้าแม่ใหญ่ ให้พวกธุรการเอางานเข้ามาส่งในบ้าน มันจะวางก้าม ทำตาเขียว และแอบแง๊บเขาจนขาเขียว  จนเดี๋ยวนี้เจ้าหน้าที่ธุรการไม่กล้าเข้าบ้านเลย

น่าสงสารที่ตอนมันเป็นหนุ่ม มันไปกัดกับหมาอีกตัวหนึ่ง และมันโดนกัด “ไข่” จนเราต้องเอาไปหาหมอ และหมอตัด ไข่ มันออก  มันจึงเป็นขันที ไปเสียแล้วตั้งแต่ในตอนนั้น

วีรกรรมอีกอย่างหนึ่งที่เพิ่งสังเกตเห็นก็คือ มันชอบเดินออกไปที่ร้านอาหารหน้าปากซอย  ทั้งๆที่เราก็มีอาหารให้มันกินไม่มีอดหยาก  คิดว่าคนแถวนั้นเขาคงเอ็นดูและให้อาหารมันด้วย  มันจึงชอบไปบ่อยๆ  วันหนึ่งแม่ใหญ่ขับรถเข้าซอยมา ขณะที่มันเดินสวนออกไป   เชื่อหรือไม่ว่า มันเอาหน้าหลบเข้าข้างทาง    เพราะมันนึกว่า  ถ้ามันไม่เห็นเรา  แล้วเราก็คงไม่เห็นมัน เหมือนกัน  มันร้ายจริงๆเลยเจ้าตัวนี้ 

ไหนๆก้เขียนเรื่อง หมาส่วนตัวไปแล้ว ก็ขอเอาความรู้เรื่อง  ประวัติหมาบางแก้ว  มาแบ่งปันกันหน่อย   ไปได้มาจากเวปหนึ่งในขอนแก่นนี่เอง      เห็นมีสาระน่ารู้เกี่ยวกับหมาพันธุ์นี้ จึงขอเอามาแชร์กับผู้สนใจเข้าไปอ่านดูได้ http://www.bangkaewkhonkaen.com/articles/484887/คอกสุนัขประกายบางแก้วขอนแก่น.html

 



Main: 0.06558895111084 sec
Sidebar: 0.055536985397339 sec