อยู่แบบแบกะดิน
วันนี้มีเรื่องสนุกๆให้ทำเยอะ นัดคนงานมาสะสางเรื่องที่ตกค้าง ไม่มีเป้าหมายชัดเจน เอาไว้เห็นหน้าค่าตาถึงจะนึกออกว่าจะให้ทำอะไร จัดเป็นวันปล่อยสบายๆ แต่คนงานเขาไม่หยุดนิ่งหรอกนะครับ น้าสุขแกเอาลูกฝรั่งสุกติดมือมาด้วย บอกว่าจะหาทางลดจำนวนกระแตให้ หมู่นี้มันขยายพันธุ์เต็มสวน เที่ยวเกะกะระรานผักผลไม้จนเสียหาย เรื่องอย่างนี้คนพื้นถิ่นเรารู้วิธีดีกว่าเรา
น้าสุขแกเล่าให้ฟังว่าแกเคยมีอาชีพตัดผม ขับรถบรรทุก ทำสวน ทำนา เป็นช่างไม้ ช่างก่อสร้าง ตัดไม้แปรรูปไม้ เท่าที่ใช้ไหว้วานให้ทำอะไรแกทำได้หมด และก็ทำอย่างทุ่มเทเต็มสติกำลังเสียด้วย ช่วงนี้ผมบนศีรษะถึงคราจะต้องตัดได้แล้ว ก็เลยอยากประลองฝีมือน้าสุข ให้น้าดีแฟนแกไปบอกว่าครูบาอยากจะตัดผม ขอให้แกบึ่งรถกลับไปเอาเครื่องมือกัลบกมา
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงอุปกรณ์ตัดผมก็พร้อม
แกจับผมนั่งเก้าอี้ใต้ร่มไม้
ต่อปลักไฟฟ้ามาเสียบกับกรรไกร
เตรียมผ้ามาคลุมกันเปื้อนด้วยน๊ะ
หลังจากนั้นก็จัดการตามกรรมวิธีของช่างตัดผม
คุณชายยังเอาไปโพสรูปตั้งชื่อให้ว่า “ร้านลมโชยเกศา”
ระหว่างนั้นผมก็ซักไซ้ไล่เลียงถึงที่ไปที่มาของการเป็นช่างตัดผม แกเล่าช่วงนั้นแกขับรถบรรทุกอ้อย ขับไปขับมาก็เบื่อ จึงจ้างคนอื่นไปขับแทน ส่วนแกหันมาฝึกเป็นช่างตัดผม เพราะมีความสนใจและรู้จักช่างตัดผมเป็นการส่วนตัว แกเล่าว่าฝึกอยู่7วัน เสียค่ายกครู1,400 บาท หลังจากนั้นก็ร้อนวิชา ขับรถไปตามหมู่บ้าน ตัดผมให้เด็กๆและคนในหมู่บ้าน ช่วงแรกๆคิดค่าตัดหัวละ10บาท ต่อมาก็ขยับขึ้นราคา30บาท ถ้าเข้ามาตัดในตัวอำเภอคิดหัวละ 50 บาท ถ้าไปตัดที่ชายหาดพัทยา แกคิดหัวละ80-100บาท
แกเล่าว่าเป็นรายได้เสริมที่ดี
อาชีพนี้มีเคยตกงาน
คนๆหนึ่งตัดผมเดือนละครั้ง
ตัดไปตัดมาก็เป็นเจ้าประจำกัน
ปัจจุบันถ้าไม่ได้ไปทำงานนอกบ้าน ก็จะมีขาประจำมาให้ตัดที่บ้านทุกวัน เช้าตัด2-3คน ตอนบ่ายๆตัดอีก 2-3 คน แค่นี้ก็ได้ค่ากับข้าวและค่าน้ำเปลี่ยนนิสัย ถามว่ามีคนสืบทอดอาชีพนี้ไหม แกบอกว่า..ไม่มีใครสนใจ ลูกหลานเขาก็ไม่เรียนไม่เอา ทั้งๆที่เป็นความรู้ติดตัวที่ช่วยแก้ขัดยามตกทุกข์ได้ยากเป็นอย่างดี ตอนบ่ายผมชวนแกแก้ไขน้ำบาดาล ต่อท่อลงไปอีกท่อนหนึ่งลึก6เมตร จะได้ตั้งโปรแกรมสูบน้ำอัตโนมัติ เพราะดูทีท่าแล้วปีนี้น่าจะแล้งนาล่มอีก จึงเตรียมการเรื่องระบบน้ำไว้แต่เนิ่นๆ หลังจากช่วยกันแก้ไขประมาณ2ชั่วโมงก็เรียบร้อย เก็บอุปกรณ์เข้าโกดังแล้ว น้าสุขแกก็
ไปแว๊บไปดูกับดักกระแต
กระแต2ตัวติดกับดัก
เพราะชอบกินฝรั่งสุก
แกบอกว่า ถ้าเอาหัวมันสำปะหลังปอกเปลือกไปล่อ
อาจจะได้ทั้งหนูทั้งกระแต
ตอนเย็นผมลงอ่างอาบน้ำกลางแจ้งตามเคย เอาลูกมะกรูดที่หล่นเกลือนกราดมาผ่าครึ่งถูตัวและสระผม ร้อนๆอย่างนี้แช่นานๆชื่นสะดือเลยละครับ น้ำมะกรูดที่ถูตัวละลายลงไปในน้ำอ่างออกสีขาวๆ ตอนลุกจากอ่างต้องไปอาบน้ำสะอาดอีกที รู้สึกเนื้อตัวเกลี้ยงเกลา มีกลิ่นสะอาดติดตัว ถึงไม่ประแป้งก็หอม อิ อิ..
โฉมยงถามว่ามือเย็นจะเจี๊ยะอะไร
เลยชวนตำน้ำพริกปลาทูทดลองใช้พริกขาวหอมแทนพริกหนุ่ม
ผมอาสาเก็บผัก เด็ดมะเขือเปราะสีม่วง 4 ลูก เก็บดอกอัญชัน 100 ดอก เด็ดสลัดมา4ต้น แถมยอดกระถิ่นอีกกำหนึ่ง รับประทานร่วมกับน้ำซุปผัก แค่นี้ก็อิ่มจนอืดแล้วละครับ ยังมีน้ำเสาวรสสดคั้นอีกเหยือกหนึ่ง ได้แต่นั่งมองตาปริบๆ ท้องไม่มีช่องว่างเสียแล้ว กะว่าจะอ่านหนังสือที่คุณชายเอามาให้2เล่ม เปิดดูแล้วแทบวางไม่ลง คงจะเอาติดมือไปอ่านบนรถตู้ตอนเข้าลางกอกวันพรุ่งนี้เช้า
เป็นหนังสือแปลทั้งคู่
เล่มแรกชื่อ “บทเรียนชีวิตที่จิตแพทย์อยากบอกให้โลกรู้”
THE ROAD LESS TRAVELED
โดย นายแพทย์ เอ็ม.สก็อต เปค วิทยากร เชียงกูล แปล
อีกเล่มหนึ่งชื่อ ล่มสลาย COLLAPSE ไขปริศนาความล่มจมของสังคมและอารยธรรม เขียนโดย Jared Diamond อรวรรณ คูหเจริญ นาวายุทธ แปล
เป็นหนังสือเล่มหนาที่อัดความอยากรู้อยากเห็นของเราจะล้นปรี่ ยุคนี้มีวี่แววความล่มสลายคุกคามรอบด้านด้วยสิเธอ จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าอ่านสิ่งที่ผู้รู้เขาค้นคว้ามาให้เราอ่านไปพลางๆ ดีกว่านั่งทอดหุ่ยหายใจทิ้งใช่ไหมละเธอ อย่างน้อยๆถ้าไม่อ่านหนังสือ มาอ่านบทความแล้วคอมเมนท์ให้กันบ้าง ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นผู้มีน้ำใจ น่ารักน่าชังอยู่ไม่เว้นวาย ใช่ไหมละเธอ