พาโนราม่า มาทำไม?
ผมชอบตื่นมาช่วงย่ำรุ่ง ไม่ได้มายิงกระต่ายหรือทำกิจกรรมพิเศษใดๆหรอกนะครับ ชอบบรรยากาศที่เงียบสงัด อากาศเย็นๆ แสงเดือนดาวหรุบหรู่ คอยเงี่ยหูฟังดูว่านกตัวไหนจะร้องปลุกเพื่อน ความสงบทำให้ความคิดลื่นไหล เหมาะที่จะมานั่งบันทึกเรื่องราวประจำวัน ระหว่างที่ผมกำลังนั่งพิมพ์ก๊อกๆแก๊กๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่ง เธอตื่นแต่เช้า..ในมือถือกล้อง/สมุดพกมายกมือไหว้แต่ไกลๆ จนกระทั้งมานั่งต่อหน้าเจรจาพาที เธอแนะนำตัวว่ามาจากพาโนราม่า
ก่อนหน้านั้นเธอโทรศัพท์มาจากยโสธร บอกว่ากำลังถ่ายทำรายการ เสร็จจะขอแวะมาที่พบ เธอถามว่าว่างไหม? อยู่บ้านไหม? ผมก็นึกว่าจะมาถ่ายทำรายการต่อที่เรา จึงชวนว่ามานอนที่สวนสิจะได้มีเวลาคุยกัน ..จนกระทั้งบ่ายคล้อย เธอโทรมาอีก บอกว่าน่าจะมาถึง3ทุ่ม จะเข้าสวนป่ายังไง?
คืนนั้นผมเพลียจนม่อยหลับไป
อาจารย์ปูนั่งทำงานต่อ..
ช่วงเช้าถึงทราบว่า..อาจารย์ปูออกไปรับ
มิน่าละ..เช้ามืดเธอถึงย่องออกมาคุยกับผมได้
ผมก็คงรุ่มร่ามแบบผม ไม่นึกว่าจะต้องต้อนรับใครยามเช้าตรู่ หน้าตาก็ยังไม่ได้ล้างน้ำก็ยังไม่ได้อาบ การแต่งกายก็ยู้ยี้ตามประสาคนป่า ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่มาเจอตอนแก้ผ้านั่งพิมพ์หนังสือ
เธอชื่อสุดใจ ข่าขันมณี (น้อย) เธอเล่าว่า..สนใจเรื่องแนวทางการพัฒนาท้องถิ่น และสนใจค้นหาตัวเอง คิดๆๆและคิดว่า..ผู้คนในสังคมกำลังตกอยู่ในสภาพอย่างไร? และจะแก้ปัญหาด้วยวิธีใด เธอทำสื่อเรื่องผู้รู้/ชุมชน/กรณีศึกษา/มาทั่วประเทศ แ ล้ ว ก็ ถึ ง จุ ด อิ่ ม ตั ว ทุกค่ายทุกช่องทุกสื่อก็ทำรายการคล้ายๆกัน พ่อคนไหนที่อยู่ในเส้นทางนี้ก็จะมีทีวีมาขอถ่ายทำรายการ แม้แต่สวนป่าเองก็ไม่ได้ยกเว้น ปีหนึ่งๆเราถูกถ่ายทำรายการอยู่เรื่อยๆ วนไปเวียนมาอยู่อย่างนี้
ก ล า ย ป็ น คุ ณ พ่ อ รู้ ดี ..แต่สังคมไม่มีอะไรดีขึ้น!
พวกที่ทำสื่อก็ดิ้นสิครับ เราจะพบเห็นรายการต่างๆเอาชีวิตของเกษตรกรมาออกรายการ เอาภาพการจัดสัมมนาล้อมวงในท้องทุ่ง เอาเรื่องพ่อโน่นแม่นี่มาออกจนเฝือ บางช่องพยายามนำเสนอฉีกแนวออกไป แล้วก็ทำได้ดีมาก เช่น รายการกบในกะลา รายการคนค้นฅน พักหลังผมเห็นการจัดประกวดการแสดงแบบยกทีมโรงเรียนมาประชันร้องเพลงประกอบรีวิว ก็เป็นที่น่าสนใจดี บางช่องจัดแบบยกหมู่บ้านหรือตำบลมาประกวดร้องเพลงกัน พี่ป้าน้าอาก็ยกขบวนมาเชียร์ลูกหลานกันอย่างอึกทึก สนุกสนานกันทั้งตำบล ยังมีรายการคุณพระช่วย ที่เสนอเรื่องราวสะท้อนอัตลักษณ์ไทย ส่วนรายการเกมส์โชว์บางช่องก็ทำได้ดี ที่ไปชวนคนไทยมาแสดงความสามารถพิเศษ ทำให้เราพบว่า..ค น ไ ท ย ก็ ไ ม่ ธ ร ร ม ด า น ะ เ ธ อ . . รายการน้าโหย่งกับเพื่อนมาร้องเพลงฉ่อยหน้าม่าน ถือว่าเป็นฮาทศวรรษแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ได้เลยละครับ
รายการลักษณะนี้ถ้าพัฒนาการตลอด
จะสามารถแข่งกับรายการละครที่ไม่ค่อยจะเปลี่ยนแปลงอะไร
บางเรื่องนำกลับมาแสดงซ้ำอีก4-5รอบ
เปลี่ยนเพียงพระเอก-นางเอก แต่คนไทยก็ชมกันอยู่นั่นแหละ
รายการประเทืองปัญญาหาโอกาสออกอากาศยากมาก
สื่อของเมืองไทยจึงไม่ค่อยจะทำหน้าที่ชี้นำสังคมในทางที่ถูกที่ควร รายการประเทืองปัญญาไม่ค่อยมี รึ อาจจะเป็นเพราะกึ๋นของคนทำสื่อจำกัดก็ไม่รู้นะ ..อิทธิพลของสื่อนั้นซึมลึกไปถึงก้นครัว กระแสต่างๆล้วนมาจากสื่อ ยิ่งสมัยเทคโนโลยีด้านการสื่อสารเจาะไปถึงใจผู้คนทั่วทุกหัวระแหงอย่างนี้ด้วยแล้ว ถ้าวัฒนธรรมของสังคมนั้นๆไม่แข็งโป๊ก อยากที่จะไม่อ่อนไหวอ่อนแอไปตามกรรมวิธีล้างสมอง
จะเห็นว่า..เด็กไทยอยากจะเป็นเด็กเกาหลีกันไม่บันยะบันยัง
มีพฤติกรรมแปลกๆ เจาะหู..เจาะห.. ทำจมูก ผ่าโน่นดึงนี่
สารพัดวุ่นวายกับตัวเองเพื่อจะหนีความเป็นไทย
อ้าว! แล้วประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของผม เอาไปซุกไว้ที่ไหนละครับ มีคนเอาภาพการแต่งตัวของนักศึกษาชาติต่างๆในอาเซียนมาแสดง ของ-ลาว-พม่า-เวียดนาม-ยังมีค่านิยมของความเป็นชาติเรียบร้อยมาก เห็นแล้วปลึ้มแทนประเทศนั้นๆ
ประเด็นการพูดคุยกันกับพาโนราม่าส่วนมาก จะอยู่ที่ความเปลี่ยนแปลงของสังคมที่ไร้ทิศทาง ผู้บริหารสื่อมีแนวคิดว่า..มีกลไกอะไรไหมที่จะทำให้คนไทยเปลี่ยนแนวคิด ช่วยกันหันมาดูตัวเองว่า ในสภาพสังคมที่กำลังปีนเกลียวกับทุกเรื่องอยู่นี้ เราจะช่วยกันคลี่คลายปัญหาสังคมติดหล่ม ให้ค่อยๆเห็นทิศทางที่จะกอบกู้ความวิกฤติที่ว่านี้กันอย่างไร มีอะไรบ้างที่จะเป็นคานงัดให้สังคม
น้อย..บอกว่าเจ้านายให้คิดในประเด็นนี้ เธอเองก็สนใจมาก พร้อมที่ทุ่มเทตีโจทย์นี้ให้แตก ช่วงนี้เธอจึงตระเวนพบปะคนโน้นคนนี้ เพื่อรวบรวมประเด็น/แง่คิด/มุมมอง/ไปประมวลออกแบบรายการในปีหน้า
เราคุยกันค่อนข้างมาก ผมก็เล่าถึงแนวคิด ความคันในหัวใจ ที่อยากจะทำเรื่องเหล่านี้เหมือนกัน แต่ก็มีข้อจำกัด เราต้องทำงานบนฐานความไม่พร้อมตลอดเวลา อยากจะพัฒนาอะไรก็ต้องดิ้นรนหาทุนมาทำด้วยตนเอง แม้แต่หนังสือเจ้าเป็นไผ หรือโมเดลอีสานที่ให้เธออ่าน เ ป็ น ก า ร ข า ย ค ว า ม คิ ด เ พื่ อ ห า ทุ น ม า ส ร้ า ง ห มู่ บ้ า น โ ล ก ถึงจะรู้ว่าปัญหาบ้านเมืองมันสาหัสสากรรจ์อย่างไร ถ้าเราไม่ลุกขึ้นมาช่วยกันคนละไม้ละมือ ปัญหาสังคมก็จะถูกลอยเพ
อันที่จริงคนไทยก็ลอยเพสังคมมานานแล้วละครับ
สังคมใกล้จะอับปางแล้วก็ยังไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไร
ไม่รู้ร้อนรูหนาวกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัว
ตอนสายๆหนุ่มหล่อที่มากับน้อย ชื่ออนันต์ธนา มงคลศิริ มาสมทบคุยด้วย ในขณะเดียวกันก็บันทึกถ้อยคำไปฝากเจ้านาย แสดงว่าประเด็นฉุกคิดได้ลำเลียงออกไปจากสวนป่าแล้ว ผมแนะนำเพิ่มเติมว่า..วันที่8-11 ที่เชียงใหม่ก็มีรายการน่าสนใจนะ มีผู้สันทัดกรณีทั้งอาเซียนและชาวราชมงคลทั่วประเทศมาช่วยกันมองไปข้างหน้า
“20ปีประเทศไทยจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร?”
ที่ชวนเพราะผมอยากให้วงการสื่อไทยทำการบ้านมากๆเหมือนต่างประเทศ ที่สกรู๊ปข่าวจัดทำอย่างมีคุณค่า อนึ่ง ผมอยากจะให้ทีมงานพาโนราม่าเจอกับชาวเฮด้วย เพราะเธอสนใจเรื่องของเฮฮาศาสตร์อย่างมาก อ้อ! เธอเป็นนักเขียนด้วยนะครับ ผมอยากจะให้เธอไปช่วยยุชาวเฮภาคเหนือเขียนบันทึกมากขึ้น
ผมเพิ่งได้รับหนังสือเชิญประชุมคณะทำงานวิชาการเฉพาะประเด็นเพื่อพัฒนาร่างข้อเสนอเชิงนโยบาย ประเด็น : การปฏิรูปวิชาชีพด้านสุขภาพให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศ เชิญประชุมวันที่ 6 เวลา 13.00-16.00 น. ณ ห้องประชุมสำนักงานคณบดี ชั้นเอ็ม 2 อาคารเรียนรวม คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
::เรื่องนี้ญาติมิตรแฟนจ๋า..ช่วยกรุณาสมทบความคิดเห็นด้วยนะครับ จะได้นำไปสู่นโยบายดังกล่าว
เสียดายที่จองตั๋วไปเชียงใหม่ไฟล์เย็นวันที่7
ไม่อย่างนั้นผมประชุมเสร็จวันที่6
ก็เผ่นไปกินข้าวซอยเชียงใหม่กับคุณน้าแห่งชาติและพี่น้องชาวเฮ
ไม่ต้องแกร่วอยู่บางกอกให้อาดูร..
สรุปว่า..ตั้งแต่เช้าวันที่ 7 จนถึงเวลา 16.00 น.
ผมจะบริหารเวลาแทบทั้งวันนี้ยังไงดี
1 นั่งทำPower point
2 ชวนขาใหญ่คุยเรื่องหนังสือ
3 นั่งทบทวนเรื่องที่จะไปโม้
4 นั่งดูคอมเมนท์ของคนสวย