หัวอกคุณชาย

อ่าน: 2182

(ถ้าพอใจ นอนยังไงก็เป็นสุข)

คืนประวัติศาสตร์ของสวนป่าได้เริ่มขึ้นหน้าใหม่แล้ว ณ บัดนี้

· ตั้งแต่เช้าแล้ว แม่บ้านแม่เรือนกับป้าสอนชุลมุนอยู่กับการจัดแต่งกระต๊อบคุณชายกับกระต๊อบเจ้าป่า เพราะมีการย้ายเข้าย้ายออก ช่วงที่ผมนอนเอก้าอยู่คนเดียว ก็อยู่แบบสบายๆยังไงก็ได้ ตอนนี้ยกระดับขึ้นหน่อย จ า ก ที่ เ ค ย น อ น ฟ า ก ก็ เ ป ลี่ ย น เ ป็ น ไ ด้ น อ น ฟู ก แต่ก็แปลกมากนะครับ ไปนอนตามโรงแรมก็นอนฟูกหนาเป็นศอก ทำไมคืนนี้นอนบนฟูกบางๆปูด้วยผ้าขาวม้า รู้สึกมันนิ่มสบายอย่างบอกไม่ถูก นับเป็นความกรุณาของโฉมยงที่จัดให้ คนงานก็สาละวน ขนตู้เย็น พัดลม กาต้มน้ำ โต๊ะเก้าอี้ทำงานมาให้ ทำชั้นวางหนังสือบนจั่วหลังคาให้ ขนโอ่งมังกรมาต่อสายยางเปิดน้ำเต็ม ไว้ให้ตักอาบยามร้อน ตักอาบรดศีรษะโจ๊กๆให้มันไหลรินจากบนลงล่าง แถมยังไหลซอกซอนไปหารากพืช แหม มันชื่นสะดือจริงๆนะเธอ

ตรงจุดที่น้ำอาบไหลไปทำความชุ่มชื้น

ป้าสอนเอาต้นเสาวรส มันเลือด ตะไคร้ หญ้าม้า ต้นชะพลู มาปักชำไว้ขอบดินที่ถมใหม่

ผมเห็นที่ว่างแล้ว พรุ่งนี้จะเอาพริกหนุ่ม วอเตอร์เกร๊ท กับต้นว่านสาวหลงมาแปะไว้อีก

อาบน้ำไปก็จะได้ชมการเจริญเติบโตของพืชผักเหล่านี้ไปด้วย

ต้นไหนที่น้ำไหลไปไม่ถึงก็ช่วยรดให้เสียหน่อย

แ ค่ นี้ ก็ เ ป็ น ก า ร ป ลู ก ผั ก ข อ ง ค น ขี้ เ กี ย จ สมบูรณ์แบบแล้วละครับ

(จะนอนง่ายๆรึนอนยากๆก็ได้ แต่ อย่านอนใกล้คนหลายใจก็แล้วกัน)

· เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว คืนนี้เราจะปักหลักนอนกระต๊อบกันคนละหลัง ห่างกันพอเห็นไฟวับแวม ผมอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ตะกี้แอบย่องไปหา เอาต้นฉบับโมเดลบุรีรัมย์ที่อิเละเขะขระไปให้ดู กับอีกส่วนหนึ่งที่ดรฝนช่วยแก้คำผิดให้ประมาณ30เรื่อง คุยกันแล้วว่าช่วงนี้เราจะช่วยกันปั่นเรื่องต้นฉบับให้แล้วเสร็จ โดยเฉพาะเรื่องโมเดลบุรีรัมย์ที่ค้างเติ่งมานาน ท่านอาจารย์สุเมธ ตันติเวชกุล เมตตาเขียนคำนิยมไว้ให้ตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว ทุนที่คิดว่าจะเป็นค่าพิมพ์จำเป็นต้องเอาไปสร้างกระต๊อบติดล้อ10หลังเสียก่อน เรื่องจึงยืดมาจนถึงวันนี้ ช่วงนี้ถ้าหายไปจากจอบ้าง ก็ไปยุ่งอยู่กับเรื่องต้นฉบับนี่แหละเธอ

· มาเม๊าท์เรื่องคุณชายต่อดีกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่จู่ๆจะเกิดปุ๊บป๊บเหมือนอีสาวใจแตกวิ่งตามหนุ่มปากหวานหรอกนะ ผมก็ไม่รู้ใจคุณชายว่าติดใจอะไรสวนป่านักหนา คุณชายเป็นใครก็ไม่รู้ได้ จากคนที่ไม่เคยรู้จักมักจี่กันมาก่อน แล้วประกายใจมันเกิดขึ้นตอนไหมก็ไม่ทราบ ความรักความผูกพันค่อยๆซึมลึกตามลำดับ คุณชายขับรถเบ็นซ์ขึ้นล่องสวนป่าปีละนับ10ครั้ง สำหรับคนอื่นอาจจะดูไม่แปลก แต่นี้หนุ่มเมืองกรุงทั้งแท่งที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรชนบทเลย ทั้งประสบการณ์ความคุ้นชินก็น้อยนิดเต็มที จะเรียกว่าสุดโต่งก็ไม่ใช่ จะว่าสุดขั้วก็ไม่เชิง มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้น คุณชายหน้าที่การงานก็ดีเยี่ยม พันธกิจพันธการก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนิยามของชนบทแม้แต่น้อย คนชายของผมนี่นะ เขาสารภาพเสมอๆว่า “ผมเป็นคุณหนูนะ” คุณหนูที่มากประสบการณ์ในหน้าที่การงานระดับCEO คุณวุฒิวัยวุฒิฐานะไม่เป็นสองรองใคร แต่สิ่งหนึ่งที่คนรู้จักตัวเป็นๆยอมรับก็คือ เขาเป็นคนที่มีน้ำใจและจิตใจดีงามมาก แถมขี้อายอีกต่างหาก แต่ถ้าให้วิจารณ์เรื่องอะไรละเธอเอ๋ย ใบมีดโกนเฉือนควับๆเลือดหยดติ๋งๆเชียวละ ทำให้คนไม่เข้าใจพ่ายรักไปก็ไม่น้อย ทั้งๆที่เหตุและผลก็เปี่ยมล้นนี่แหละ

· เขาเป็นคนน่ารักที่คนนอกเข้าใจยาก จึงครองตัวครองตนโสดสนิทมาเท่าทุกวันนี้ สาวๆนับไม่ถ้วนอยากจะใช้นามสกุลของเขา ไอ่ละอ่อนขอนแก่นเคยเย้าว่า พี่คอนฯดูอบอุ่น ก็อยากจะบอกหนูละอ่อนว่า มีคำไหนที่ใช้แทนความรู้สึกมากกว่าอบอุ่นไหมละ คุณชายเขาละเอียดอ่อนเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นอย่างลึกซึ้ง ไม่ได้เลือกว่าเป็นใครยังไง ขอแต่เป็นคนที่รู้จัก จะเทใจดูแลแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆที่เราคาดไม่ถึง

ระหว่างที่แม่บ้านกับป้าสอนไปช่วยจัดกระต๊อบให้

ผมเดินไปดูความเรียบร้อย

เห็นปูฟูกกางหมอนมุ้ง มีผ้าห่ม ผ้าขาวม้าให้

เห็นแล้วก็ทำให้คิดได้ต่างๆนานา

นี่ ถ้ า คุ ณ แ ม่ ม า เ ห็ น ลู ก ช า ย หั ว แ ก้ ว หั ว แ ห ว น อ ยู่ ใ น ส ภ า พ นี้

คุ ณ แ ม่ จ ะ ว่ า ยั ง ไ ง น ะ

คุณชายตอบนิ่มๆว่า “ โ ถ ลู ก ช า ย ฉั น ”

· ­สวนป่าผ่านการต้อนรับผู้คนมามากมายทุกระดับตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปี คุณชายของเราเป็นคนต้นๆที่จัดให้อยู่ในกลุ่มคนสร้างตำนาน จ ะ ไ ม่ ตำ น า น ยั ง ไ ง ล ะ ค รั บ ในเมื่อคุณชายตัวเป็นๆไม่ใช่ในละครทีวี เรื่องราวที่ผ่านมาผมว่ามันมากกว่าตัวละครเสียอีก ผมหมายถึงว่าคนเขียนบทละครยังเขียนไม่ได้เท่าเรื่องจริง ปีก่อนโน้นคุณชายแบกจอบไปคนเดียวท่ามกลางอากาศร้อนยามบ่าย ไปถึงก็ขุดดินข้างถนนที่แข็งพอๆกับหิน เพื่อเอาดินมาถมหลุมกลางถนน คุณชายหายไปสองชั่วโมง กลับมาพร้อมกับด้ามจอบหัก ใจคอจะให้ผมซ่อมลิ่มใส่ให้แล้วจะไปลุยใหม่ แต่ก็นั่นแหละเธอ คุณชายเหมาะที่จะนั่งบริหารบริษัทมากกว่า ร่างกายไม่คุ้นชินไปบุ่มบ่ามออกกำลังก็ปวดราวระบมไปทั่วร่างกาย ยังดีที่มีผู้สันทดกรณีนวดให้ แต่ก็เดี๊ยงไปไม่น้อย

คุณชายพิสูจน์ให้เห็นว่า เขาเป็นคนมีความตั้งใจสูงมาก

งานอะไรที่มุ่งมั่นจะทุ่มเททำจนสุดกำลัง

และสิ่งหนึ่งที่ผมประเมิน

คุณชายมีร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง

ฟื้นจากการป่วยในระดับที่เป็นปกติเหมือนคนทั่วไป

ที่อาจจะวูบไปบ้างเป็นเพราะคุณชายพักผ่อนไม่เพียงพอต่างหาก

แต่ละคืนนอนน้อยมาก หมกอยู่ในห้องทำงานค้นคว้าใช้สมอง

ไม่ค่อยได้ออกมาเจอสายลมแลแสงแดด

ชีวิตคุณชายอยู่ในสภาพที่มีความพร้อมตลอดมา

ทำอะไรก็สำเร็จก้าวหน้าในอัตราพุ่งกระฉูด

· ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณชายจึงเลือกที่จะลาออกจากงานที่คนทั้งโลกก็ใฝ่ฝันหา มาเป็นชาวป่านอนกระต๊อบ เปล่าเปลี่ยวเดี่ยวโดดอยู่คนเดียวในท่ามกลางความมืดสลัวของผืนป่าแห่งนี้ มีสักกี่คนที่เลือกทางเดินชีวิตจากสูงสุดลงมาติดดิน ผมสังเกตประกายตาและรอยยิ้มแต่เช้าแล้ว ดูคุณชายมีความสุขมาก คุยกับป้าสอนกับแม่หวีหน้าระรื่น คุณชายมองเห็นความสุขซ่อนอยู่ตรงไหนหนอ ทำไมดูปลาบปลื้มเหลือเกิน

· ในความยากลำบากก็มีความสุขรึ

· ในชีวิตของคนเราต้องการอะไรสักเท่าไหร่

· ในความคิดคำนึงเราตั้งเป้าประสงค์ไว้อย่างไร

· ในหัวจิตหัวใจของคุณชายเป็นยังไงนะ

วันนี้คุณชายมาขอแบ่งงานทำ งานออกกำลังก็มีตั้งแต่รดน้ำต้นไม้ ปลูกผักปลูกมันเลือด ตัดหญ้า ดูแลคนงานซ่อมเตาถ่านให้เป็นบ้านพักใต้ดิน มีงานอัดอิฐซีเมนต์ตัวหนอน ให้คำปรึกษาเรื่องสร้างบ้านติดล้อ วางแผนเรื่องพลังงาน เล่าให้ผมฟังว่าจะทดลองทำแอร์แบบพิเศษใช้เอง รวมทั้งการทำบ้านโดม ทำสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ผมเพิ่งซื้อไอพ็อทซัมซุงรุ่นล่ามา ใช้ก็บ่เป็น ก็จะอาศัยคุณชายนี่แหละสอนๆๆๆเรื่องคอมพิวเตอร์ให้ สงสัยอะไรก็มีที่ถาม มันเด็ดสาระตี่ยังกะอะไรดีเธอเอ๊ย

ความคิดความคันคงจะเต็มสมอง

แ ย้ ม ๆ ใ ห้ ฟั ง ถึ ง กั บ ข น า ด จ ะ อ ยู่ ค น เ ดี ย ว ใ ห้ ไ ด้

นั้นก็หมายความว่า จะ ฝึ ก หั ด หุ ง ช้ า ว ทำ กั บ ข้ า ว กิ น เ อ ง

พ ลั ง ใ จ นั้ น ท ะ ลุ ท ะ ล ว ง ยิ่ ง นั ก

· ที่ผมเขียนถึงคุณชายเป็นคุ้งเป็นแควไม่ใช่อะไรหรอก ผม จ ะ เ อ า บ ท นี้ ปิ ด เ รื่ อ ง โ ม เ ด ล บุ รี รั ม ย์ ใ น ฉ บั บ นี้ เพราะนับแต่นี้ไปคุณชายก็จะมีบทบาทสำคัญ ในการที่จะก่อร่างสร้างชีวิตใหม่ให้กับสวนป่า ผมทำหน้าที่สร้างต้นทุนธรรมชาติไว้ให้ระดับหนึ่งแล้ว ต่อไปคุณชายก็จะรับไม้ต่อ ผ ม เ ชื่ อ แ น่ ว่ า ต่ อ นี้ ไ ป มั น ส์ พ ะ ย ะ ค่ ะ ใ น เ มื่ อ ค น ไ ม่ ธ ร ร ม ด า ม า ทำ เ รื่ อ ง ธ ร ร ม ด า ใ ห้ เ ป็ น เ รื่ อ ง พิ เ ศ ษ อะ ไ ร ๆ ก็ เ กิ ด ขึ้ น ไ ด้ ทั้ ง นั้ น

· มีคนวิพากษ์คุณชายของผมตรงๆว่า เรื่องอื่นๆคุณชายประสบผลสำเร็จ แต่ทำไม่ได้คือการหาคู่ ไม่แต่งงาน คุณชายรักใครยากรึ เรื่องนี้คิดให้ตายก็ไม่กระจ่างหรอกนะเธอ เ ร า ม า ร อ ลุ้ น ดี ก ว่ า ว่าจะมีสาวสวยมากฝีมือคนไหน จะฝ่าด่านอรหันต์มาคว้าหัวใจของคุณชายสำเร็จ

น อ ก จ า ก ส ว น ป่ า แ ห่ ง นี้ เ ป็ น ร า ง วั ล แ ล้ ว

ยั ง มี แ ห ว น เ พ ช ร เ ม็ ด เ ป้ ง ไ ป ป ร ะ ดั บ นิ้ ว น า ง ด้ ว ย น ะ เ ธ อ

:: หมายเหตุ บทความนี้เป็นบทปิดต้นฉบับ หนังสือโมเด็ลบุรีรัมย์


อยากจะอบหัวใจเธอจังเลย

อ่าน: 4867

งานวิจัยไทบ้าน เรื่องความมั่นคงทางอาหาร

หมู่นี้มีการพูดถึงการเตรียมตัวเรื่องภัยพิบัติอยู่บ้าง ในฐานะผู้สอดรู้สอดเห็นก็เก็บเอามาคิดว่า ระดับอย่างเราๆจะเริ่มต้นตรงจุดไหนดี บังเอิญพี่แต๋วคุยเรื่องเตาอบพลังงานแสงอาทิตย์ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ผมก็ไม่ทราบว่าสองสาวเขาคุยตกปล่องร่องชิ้นกันยังไง มาทราบว่าก็อีตอนที่มีการสั่งซื้อเตาอบพลังงานแสงแดด และมาเห็นของจริงก็ตอนที่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าใจดีบรรทุกมาส่งให้ถึงบ้าน โอ้โฮ ผมนึกว่าจะเล็กๆ ใหญ่แทบเต็มกะบะรถบรรทุกเล็กเลยละครับ เมื่อมีปัจจัยการทดลองอย่างนี้แล้ว ผมก็เลียบเคียงถามโฉมยงว่าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เธอบอกว่าจะเอามาอบสมุนไพร แล้วแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพราะเรามีวัตถุดิบทั้งปี ใครไปใครมาก็จะเอามาให้ทดลอง ถ้าคุณภาพดีเป็นที่ยอมรับก็จะทำการเผยแพร่ต่อไป

(ทดลองอบกล้วย)

เธอว่า การที่มีเครื่องมือให้ทดลองทำให้ความคิดเดินออกจากการครุ่นคิดคำนึง

เช้านี้ เธอทดลองเอากล้วยสุกสามเครือ ปอกเปลือกแล้วแช่น้ำปูนใส

เอามาวางเรียงในตู้อบ เป็นการทดลองจากของจริงฉลองเป็นปฐมฤกษ์

เมื่อได้ทำอะไรเชิงปฏิบัติการ ง า น ที่ สั ม ผั ส ไ ด้ ส ะ ท้ อ น ค ว า ม รู้ สึ ก นึ ก คิ ด เธออธิบายเป็นฉากๆว่า ถ้าเรามีเครื่องอบชนิดนี้สี่ตู้น่าจะพอดีกับงานเริ่มต้นแปรรูปเพื่อถนอมอาหาร สำหรับการป้องกันภัยพิบัติ

· ตู้แรกจะอบผลไม้

· ตู้ที่สองจะอบอาหารประเภทเนื้อ

· ตู้ที่สามจะอบสมุนไพร

· ตู้ที่สี่จะอบพืชผัก เห็ด ต่างๆ

เ ร า จำ เ ป็ น ต้ อ ง ใ ช้ ถึ ง สี่ ตู้ เ ล ย รึ

เธอบอกว่าที่จำเป็นเพราะเรามีวัตถุที่แตกต่างกัน

ก า ร แ ย ก ตู้ อ บ จ ะ ทำ ใ ห้ ก ลิ่ น อ า ห า ร ไ ม่ อ อ ก ม า ตี กั น

ที่จริงเธออยากได้ห้าตู้ด้วยซ้ำไป

อ้าว ตู้ ที่ ห้ า จ ะ เ อ า ม า อ บ อ ะ ไ ร เธอบอกว่าประเภทของวัตถุดิบมีความแห้งระเหยไม่เท่ากัน ถ้าไม่มีตู้สำรองเราก็จะรอคอยนาน งานไม่ต่อเนื่อง ที่ทดลองวันนี้ ตู้ดังกล่าวจะรองรับกล้วยสุกได้ประมาณหกเครือ ถ้าทดลองจนได้สูตรแน่ใจอาจจะต้องขยายเป็นโดมขนาดใหญ่ เครื่องมือชุดนี้จึงเหมาะสมมากที่จะเอามาฝึกทักษะการถนอมอาหารต้นทาง ต่อ เ มื่ อ ชำ น า ญ แ ล้ ว เ ร า ค่ อ ย ข ย า ย ผ ล เ ป ลี่ ย น กิ จ ก ร ร ม เ ป็ น กิ จ ก า ร

(มันเลือด-เผือก-กล้วย ปลูกไว้เยอะจะเอามาอบทำแป้งไว้เจี๊ยะยามยากหรือเกิดภัยพิบัติ)

ส่วนผมนั้นมองอีกแบบหนึ่ง ถ้าเรามีเครื่องอบอย่างนี้ ช่วงที่ผมขุดมันเลือด ขุดเผือก เก็บเมล็ดถั่วพู ถั่วเขียว เมล็ดถั่วลิสง และข้าวโพด เราก็สามารถเอามาอบให้แห้งแล้วป่นเป็นแป้งเก็บไว้ได้ เป็นการถนอมเอาไว้ในยามยาก เมื่อได้แป้งแต่ละชนิดแล้วเราก็จะนำมาเรียนรู้ประกอบอาหารเมนูต่างๆ เครื่องมือพวกนี้จึงเป็นอุปกรณ์การค้นคว้า หาทางออกเกี่ยวกับอาหารยามภัยพิบัติในเชิงการวิจัยแบบไทบ้าน ถ้าเราประมวลความรู้ดั่งเดิมมาต่อยอดกับเทคโนโลยีที่เหมาะสมยุคสมัยใหม่ เราก็จะได้ชุดความรู้ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่สำคัญมันบ่งบอกว่า แนวคิดนี้ได้ประยุกค์ขึ้นตามครรลองของวิถีไทย

ถ้าไม่มีตรงนี้ เราก็จะนึกถึงแต่มาม่า

ข้าวกล่องที่บูดง่าย

โดยหาคำตอบไม่ได้ว่าในแต่ละท้องถิ่นจะพึ่งตนเองได้อย่างไร?

ถ้ามันไม่เกิดภับพิบัติ ก็ยังเดินหน้าระบบการพัฒนาอาหารสำเร็จรูปได้

จะเห็นว่า เครื่องมือที่จะนำไปสู่คำตอบไม่ได้แพงมากมายวายป่วงอะไร

ถ้ามีผู้สนับสนุนในจุดที่มีความพร้อม ความต้องการ ความมุ่งมั่น

ตู้อบอาหารแสงอาทิตย์มันไม่ใช่จะเอามาทำแต่เนื้อแดดเดียวหรอกนะเธอ

เ ร า จ ะ อ บ ทุ ก อ ย่ า ง ที่ ข ว า ง ห น้ า

โดยเฉพาะหัวใจคนโลเล อยากจะอบทำแห้งไว้จะได้ไม่ออกไปเพ่นพ่านหลอกใครๆ

เ ป็ น ก า ร บ้ า น ที่ ท้ า ท า ย ไ ห ม ล ะ พี่ แ ต๋ ว จ๋ า อิ อิ


เข้าตามตรอกออกตามประตู ฝืดๆ

อ่าน: 2140

ลานปัญญา เข้ายากเป็นบ้า

นี่คือเสียงโอดครวญระงมในระยะนี้

ต้องยอมรับว่าเพื่อนเรามีระดับความสามารถแตกต่างกัน

แม้แต่ผมเอง

ถ้าไม่คนช่วยอยู่เบื้องหลังก็คงเงอะงะยิ่งกว่าตาบอดคลำไดโนเสาร์เสียอีก อิ อิ

ลานปัญญาเป็นคล้ายๆลานวัด ที่ปัดกวาดลานบ้านให้เรียบร้อยดูดี สงบ สะอาด และสว่างด้วยแสงแห่งปัญญา เป็นที่ชุมนุนของเหล่าสาวกเฮฮาศาสตร์ มีประวัติความเป็นมาอลังการนัก ถ้าสนใจก็เข้าไปค้นหา ไม่นานหร๊อก เดี๋ยวก็เจอ เจอแล้วเธอจะรัก ถึงกับวิ่งเข้าไปกอดเชียวแหละ จรึงรึ จริงสิ

นี่คือจุดขายที่ผมเที่ยวไปปล่อยข่าว เรื่องลานปัญญา

ลงทุนไปเกี้ยวสาวๆมาเป็นกะบุงก็เพื่อการนี้ อยากเห็นลานปัญญา เป็นลานแห่งการสร้างเสริมสติปัญญาอย่างกว้างขวางของชาติ หลังจากที่ไปประชาสัมพันธ์แบบเจาะใจแล้ว ก็มีคำถามตามมามากมาย บางคำถามก็บอกว่า อ้าว ทำไมไม่เห็นมีใครตีฆ้องร้องป่าวประชาสัมพันธ์อะไรเลย บางคนที่อ่านเจ้าเป็นไผ อ่านแล้วยากจะเข้ามา ก็ติดเบรกเรื่องเข้ายากนี่แหละ ผมต้องแก้ผ้าเอาหน้ารอด ด้วยการค่อยๆปลดเปลื้องว่า โธ่ คนสวย ของดีจะมาตีแผ่แบกับดินทำไมละ คนนอกต้องเข้าไปแสวหา

เมื่อก่อนผมยังคิดเล่นๆว่า ลานปัญญาเป็นพื้นที่ๆ “ใครตาดีก็ได้” อะไรทำนองนั้น แต่พักหลังมีเสียงโอดครวญกระซี๊กระซิกว่า “เข้ายากเป็นบ้า” เรื่องนี้ต้องไหว้วานจอมยุทธแห่งลานปัญญาแล้วละครับ คุณหมอจอมป่วน กับท่านบางทราย และท่านอื่นๆลองจับเข่าคุยกัน คอมเมนท์เรื่องนี้ ตีแตกออกมาได้ไหม ทำยังไงของดีจะถึงมือผู้ที่สนใจใฝ่ฝ่าเข้ามาสนามเรียนรู้แห่งนี้

ไม่ใช่มีดีแล้วต้องอวดอะไรหรอก

ผมคิดถึงเรื่องการต่อยอดความรู้ ความคิด ความตั้งใจดีของเพื่อนใหม่

เหมือนกับเรามีต้นตอมะสังพร้อมที่จะเสียบยอด

ตอนนี้ก็มียอด ส้มโอ ส้มเช้ง ส้มเขียวหวาน มะกรูด มะนาว รอที่จะมาเสียบอยู่แล้ว

เราจะอำนวยความสะดวกให้กับญาติที่รักของเราได้อย่างไร

เราจะหาทางทำให้เส้นทางเข้า-ออกลื่นไหล ได้อย่างไร

คนดีๆอยากจะเข้ามา แต่เจอเส้นทางแบบเขาวงกต ก็ ถ อ ด ใ จ ไ ด้ น ะ ค รั บ

คงไม่ใช่เรื่องง้อ หรือไม่ง้อ เราควรมีจิตใจผ่องแผ้วสักนิด

ผมออกจากลานปัญญาไปพักหนึ่ง เพื่อไปจีบคนดีที่อยู่ในโลกกว้างให้เข้ามาเป็นพันธมิตรทางวิชาการ ชวนเข้ามาเป็นมิตรสหายถ่ายเทความรู้ให้กันและกัน สังคมอุดมปัญญาจะเกิดขึ้นได้ กระบวนการควรผ่อนคลาย ให้เข้ามาได้แบบสะดวกใจ ไม่ ถึ ง กั บ ส อ ง มื อ ล้ ว ง ก ร ะ เ ป๋ า ส อ ง เ ท้ า ก้ า ว เ ข้ า ม า ก็ ไ ด้ เอาเป็นว่าตีตั๋วก็สะดวก ประสานงานประสานใจก็สะดวก โลกข้างนอกลานปัญญามีคนดีคนน่ารักมากมาย เท่าที่ผมได้รู้จักก็เรียกว่าว่านับญาติกันได้อย่างสนิทใจก็มีไม่น้อย

บ้านเมืองเราวุ่นวายอย่างไรก็รู้ๆกันอยู่

คนดีๆก็ไม่รู้ว่าจะเอาตัวเองไปวางไว้ที่ใด

เพราะพื้นที่ๆจะไปพักใจก็ไม่รู้อยู่ที่ไหน?

ส่วนใหญ่ต่างแสวงหาโลกของตัวเอง ถ้าเราค่อยตะล่อมคนดีมาอยู่ด้วยกัน พลังของคนดีนั้นมีอานุภาพมากนัก ถ้าเราเข้าใจตรงจุดนี้ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะชักช้า นัดพบกันครึ่งทาง หรือจะเลี้ยงดูปูเสื่อผ่านบล็อกนี่ก็ได้

· ผมเห็นความงดงามของมิตรภาพจากเพื่อนใหม่

· ผมเห็นความรู้ในตัวคนมากมายที่น่าเสียดายเวลาที่ผ่านมา

· ผมเห็นช่องทางการประสานงาน ในรูปของการทำงานแบบอิงระบบที่ชัดเจนมากขึ้น

· ผมเห็นศักยภาคนไทยจำนวนมากที่อยู่อย่างอุบอิบ ต้องการเพื่อนคู่คิดมิตรคู่บ้าน

· ผมเห็นความรักความศรัทธาที่มีต่อชาติบ้านเมืองและสังคมตกหล่นเกลื่อนกราด

· ผมเห็นคนดี คนงาม คนเก่ง คนน่ารัก จำนวนมหาศาลที่อยู่นอกรั้วลานของเรา

· ผมเห็นว่าเราควรจะปรับอะไรบางอย่างเพื่อกระแซะใจไปหากันให้ลื่นไหลยิ่งขึ้น

· ผมเห็นว่าชาวลานปัญญา อ่อนล้าต่อการต่อแต้มทางสติปัญญามาพอสมควร

· ผมเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ลานปัญญาจะกระดี๊กระด๊าได้อย่างมีชีวิตชีวา

เสียดายช่วงนัดพบชาวเฮที่ผ่านมา เราต่างก็ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป ถ้าจะรอรวมจอมยุทธวันขึ้นบ้านใหม่หมู่บ้านโลกค่อยมาถกกันก็อาจจะช้าไป มีวิธีไหนไหมครับ ที่จะขยับใจเข้ามาใกล้ชิดกันกว่านี้ เลิกร้องเพลง “โบกมือหยอยๆ ล า น้ อ ย ไ ป ช า ย แ ด น ดีไหมนะครับ

ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับระบบป้องกันพวกก่อกวนไวรัส

แต่ไม่มีวิธีอื่นนอกจากการล้อมรั้วอย่างแข็งขันเลยรึครับ

น อ ก จ า ก ช่ อ ง เ ข้ า ต า ม ต ร อ ก อ อ ก ต า ม ป ร ะ ตู แ ล้ ว

สามารถมีช่องลับ ช่องพิเศษอะไรได้อีกไหม?

ผมมันพวกรู้ไอทีแค่หางอึ่ง ก็ พู ด เ ป ร อ ะ ไ ป ยั ง งั้ น เ อ ง

แต่ก็เชื่อว่า สั ก วั น ฟ้ า สี ท อ ง จ ะ ผ่ อ ง อำ ไ พ

ถ้าเราระดมใจ ระดมความคิด มาช่วยกันในจุดนี้

ผ ม แ จ ก ตั๋ ว ฟ รี บั ต ร ฟ รี ไ ป ม า ก แ ล้ ว

ไปกระแซะ ไปชี้ชวน ไปออดอ้อนรำพันเขามาเอออยู่หน้าประตูบ้านแล้ว

เราจะรอให้คนที่น่ารัก บ่นงึมงำว่า เ ข้ า ย า ก ๆ ๆ ต่อไปรึครับ

ฝ า ก จ อ ม ยุ ท ธ ก ร ะ บี่ ด้ ว น พิ จ า ร ณ า ด้ ว ย เ ถิ ด

ควรมิควร ก็สมควรแก้ไขให้จบสิ้นกระบวนความ

เพื่อที่ลานปัญญาจะเป็นลานระดม พ ลั ง แ ห่ ง ส ติ ปั ญ ญ า ของหมู่เฮาเต็มลูกสูบเสียที

ใครอ่านแล้ว อิ อิ ระวังจะโดนเขก-


รางวัลความดีคืออะไร?

อ่าน: 1336

ไปบางกอกเที่ยวนี้ มีภารกิจไปหลายวันไปหลายที จึงหอบสิ่งของไปมากมีเหมือนบ้าหอบฟาง ข้ามไปลาวเจออะไรแปลกๆก็ซื้อมา ไปโม้ที่กฟผ ก็ได้หนังสือและของที่ระลึกแถมมาอีก จะกลับพี่แต๋วยังฝากขนมนมเนยและเสื้อลายนายฮ้อยมาให้อีก กระเป๋าสองใบโตจึงมีน้ำหนักไม่เบา ถึงจะมีล้อลากแต่ตอนที่ขึ้นลงรถแทกซี่ก็ต้องหิ้วอยู่ดี บางทีความรีบร้อนก็ยกสัมภาระแบบไม่ระวัง ลื ม ตั ว นึ ก ว่ า ยั ง เ ป็ น ห นุ่ ม รุ่ น ก ร ะ เ ต๊ า ะ เ ห มื อ น เ มื่ อ ก่ อ น ช่วงที่นั่งรถทัวร์รู้สึกชาที่ปลายนิ้วก้อย แล้วปวดแปล๊บตามท้องแขนขึ้นมาจนถึงหัวไหล่ มาถึงบ้านมีอาการหมดแฮงผสมเข้าไปอีก

โฉมยงถามว่า ไปทำอะไรที่บางกอกจึงสะโหลสะเหลขนาดนี้

ก็ไม่ได้ทำอะไรนักหนา แต่มันถึงเวลาจะเดี๊ยงละมั๊ง

เธอกุลีกุจอหายามานวดมาทาตามมีตามเกิด

มันก็ไม่หาย ปวดได้ปวดไป ผมไม่กินยาแก้ปวดอยู่แล้ว

·

บายวันนี้ชวนกันเข้าตลาด ไปให้หมอนวดลองขยำเส้นเอ็นตามตำรานวดคลายเครียด หมอเขาก็นวดดีนะ ถ้าไม่มีเรื่องปวดร้าวระบมมาก่อน คงจะนอนเพลินให้นวดสบายๆ แต่อาการนี้นวดก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้ ทนไม่ไหวจึงกินยาแก้ปวดสองเม็ด ค่อยยังชั่วแหะ ตอนเย็น ดอกเตอร์ฝนโทรมาถามอาการ แล้วแนะนำวิธีดัดแขนคอตามหลักกายวิภาคศาสตร์ที่เธอเป็นอาจารย์ด้านนี้ ก็รู้สึกดีขึ้น คงจะพอนอนได้ไม่ทรมานเหมือนคืนที่ผ่านมา แต่ วรรคสุดท้ายก่อนจะจากจร อาจารย์ฝนแนะนำให้ไปหาหมอที่โรงพยาบาล คงขอดูอาการคืนนี้ก่อน จะไปหาหมอหรือจะหนีหน้าหมอ

หลังจากนวดเสร็จแล้ว ทั้งๆที่ไม่ค่อยปกติ แต่ก็รับปากกับสำนักงานจังหวัดว่าจะไปพบปลัดอาวุโส เพื่อกรอกรายการอะไรสักอย่างประกอบการรับรางวัล ผมก็จำไม่ได้ว่าเป็นรางวัลอะไร ทำไมถึงจะต้องเดินทางมากรอกรายละเอียดด้วย ส่งไปให้เราอ่านแล้วกรอกเองไม่ได้รึ ต่อรองแล้วไม่สำเร็จ เขายืนยันว่าต้องมากรอกหลักฐานกับปลัดอาเภออาวุโส จะไม่รับก็เกรงใจ ให้มาก็มา

ม า นั่ ง ร อ เ กื อ บ ชั่ ว โ ม ง

ถามเด็กที่นั่งข้างๆบอกว่า ท่านพักกลางวันยังไม่ขึ้นมา

เอ้า ไ ห น ๆ ม า ร อ ห น่ อ ย ก็ แ ล้ ว กั น

มีปลัดท่านหนึ่งรู้จักกันเดินมาทัก เ ฮี ย ม า ทำ ไ ม

ก็บอกว่า สำ นั ก ง า น จั ง ห วั ด ใ ห้ ม า ก ร อ ก ห ลั ก ฐ า น บ้ า อ ะ ไ ร ก็ ไ ม่ รู้

นั่งๆรอๆๆ เห็นท่าไม่ดี ก ลั บ บ้ า น ดี ก ว่ า

รางวัลซังกะบ๊วยอะไรก็ไม่รู้ !

ที่ รั บ ๆ ม า ก็ ก อ ง เ ต็ ม ตู้

ใ ห้ เ ข า ไ ป แ จ ก ค น ที่ อ ย า ก ไ ด้ ดี ก ว่ า

  • ทำความดีไม่ต้องมีรางวัลอะไรหรอก ใ ช่ไ ห ม ล ะ เ ธ อ
  • ทำดี ก็ได้ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องมีคนมาบอกหรอกนะ ใ ช่ ไ ห ม ล ะ เ ธ อ
  • ทำอะไรก็รู้แก่ใจตนเองดีอยู่แล้ว ใ ช่ ไ ห ม ล ะ เ ธ อ
  • ทำดีเพื่อหวังรางวัลมันก็ท่าจะบ้า ใ ช่ ไ ห ม ล ะ เ ธ อ
  • ยิ่งบอกว่าให้ไปกรอกผลงานทำดีก็ยิ่งบ้าหนักเข้าไปอีก ใ ช่ ไ ห ม ล ะ เ ธ อ

สรุปว่า ไม่เอาโว้ยยย ขออยู่ป่าเงียบๆดีกว่า ?

“ถ้าหวังตั้งอยู่ในความสงบ  อย่าอยากดัง” ! อิ อิ


เธออยู่ไหนตอนไฟดับ

อ่าน: 1446

 บ่ายวันนี้ รามสูรย์อาละวาดอีกแล้ว เที่ยวไล่ขว้างขวานก่อกวนเมฆขลาจนได้เรื่อง ลมบนโหมพัดกระหน่ำ มองดูยอดไม้ใหญ่โอนเอนวืดๆตามพายุ ไม้กิ่งเล็กกิ่งน้อยหักปลิวเกลื่อนพื้น เมล็ดไม้แก่แตกตกเรี่ยราดฝังตัวที่ผิวดิน ออกหน่อยคงจะแตกหน่ออ่อนเจริญพันธุ์ทั่วไป ถ้าเรามีแม่ไม้อายุมาก ธรรมชาติของป่าไม้ก็ขยายพันธุ์เองได้อยู่แล้ว โดยที่มนุษย์ไม่ต้องไปปลูก เพียงแต่จะถึงจุดนี้ได้ คุณภาพของสภาพแวดล้อมต้องยืนอยู่ในจุดที่เป็นบวกทางนิเวศน์

หลังจากลมและฝนถล่มสวนป่านาน1ชั่วโมง

คณะเราไม่รู้จะทำอะไร ไฟฟ้าดับWIFI.ก็พลอยเดี้ยงไปด้วย

จึงพากันจัดโต๊ะอาหารมื้อเย็นเลี้ยงคุณคอนฯกับน้องชาย

ผมทำไก่อบโอ่ง แห้วเอาปลาทูจากสุราษฎร์มาประชัน

ก็อิ่มหมีพีมันไปตามเหตุและปัจจัย 

นั่งคุยกันรอไฟฟ้าจน3ทุ่มไฟฟ้าก็ยังมาไม่เต็มที่ ยังดีที่เปิดทีวีดูภาพได้ แต่เสียงไม่มีนะ ดูทีวีใบ้ไม่รู้เรื่อง จึงหยิบไฟฉายมาค้นหาตัวเสริมกำลังไฟฟ้าให้กับไอโฟน ส่วนโน๊ทบุกค์มีไฟพอที่จะเขียนอะไรๆได้ค่อนคืน น่าจะเขียนเรื่องราวแล้วโพสต์ให้คุณคนสวยอ่านก่อนนอนคืนนี้ได้ บางคนเห็นเป็นยากล่อมประสาท ถ้าไม่มาเจ๊าะแจ๊ะในFB.อารารมณ์ค้าง ตาค้าง ใจค้าง..เป็นงั้นไป

ปกติถ้าสวนป่าฝนตกแรงขนาดนี้  อึ่งอ่างจะร้องระงม แต่คืนนี้เงียบกริบ แปลกแท้ๆ รึว่าอึ่งอ้างก็ติดนิสัยประท้วงมาจากที่ไหนสักแห่ง ตั้งใจว่าจะไม่นอนดึก พรุ่งนี้แห้วจะขับรถไปส่งที่มหาวิทยาลัยอุบล มีคิวไปโม้ให้นักศึกษาป.โทที่เรียนภาคฤดูร้อนทางด้านชีวะ/วิทยาศาสตร์ เรียกถูกรึเปล่าก็ไม่รู้นะ บอกเขาเองแหละว่า..ไม่ต้องส่งหนังสือเชิญเป็นทางการ ถ้าผมรักอาจารย์ที่เชิญก็ไปให้อยู่แล้ว อาจารย์บอกว่ากำลังตรวจเช็คตารางบินให้ ดูแล้วผมจะต้องบินอ้อมไปลงที่สุวรรณภูมิแล้วต่อไปลงอุบล

ผมบอกไม่ต้องเลย ข้าน้อยจะไปเองนะขอรับ

ไฟก็ไม่มี จะต้องออกเดินทางไปตอนเช้า ต้องเตรียมสื่่อไปประกอบการโม้ น่าจะนอนพิจารณาว่าจะเอามะพร้าวห้าวไปขายสวนทำนองไหน ถึงจะคุ้มค่าสมราคาของทุกฝ่าย เวลาของนักศึกษามีค่าควรแก่การให้ความสำคัญอย่างมาก 

ผมต้องถามตัวเองว่า..

ถ้าผมเป็นครูสอนวิชาชีวะวิทยา

ผมควรจะสอนอย่างไรเด็กๆถึงจะสนใจและตระหนักต่อวิชานี้

 

ผมก็จะถามลูกศิษย์ว่า..

นี่เธอรู้ไหม  ทำไมเราถึงต้องมาเรียนวิชานี้

วิชานี้มีความหมายความสำคัญอย่างไร

จึงได้รับการบรรจุเข้ามาในวิชาเรียนของเรา

พวกเราตระหนักและเข้าใจเกี่ยวกับวิชานี้อย่างไร

ใครจะช่วยอธิบายแนะนำให้คุณครูได้ ยกมือขึ้น!

หลังจากผ่านสารบัญนี้ไปแล้ว ผมอยากจะหยิบเนื้อหาวิชาเรียนที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของเด็กๆ ให้เด็กเห็นองค์ประกอบ และได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมของวิชานี้ จะได้สนใจและใส่ใจช่วยพัฒนาบรรยากาศและวิธีเรียนให้มีชีวิตชีวา

วิชาชีวะจะไปสอนแห้งๆเหมือนกระดาษทรายไม่ได้หรอก

ถ้าทำให้วิชานี้จืดชืดเหมือนน้ำล้างหัว-ล

มันจะเป็นทุกข์มากกว่าเป็นสุข

การเรียนรู้ทำไมต้องทุกข์ด้วย..

ไม่ทราบว่าผมเข้าใจถูกหรือผิดนะครับ

แหม..ถ้าอยู่ใกล้ๆจะอยากชวนคนสวยไปด้วย

ไปคอยหิ้วปีกเข้ามุม..

 

ตะกี้นี้เปิดดูFB. เจอคุณพรพรรณ ศรีวิชัย

คนสวยแห่งสันป่าตองมาขอเป็นเพื่อน

นึกๆแล้วก็แปลกใจ

เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่วัยกระเตาะเมื่อสัก40กว่าปีได้ละมัง

ทำไมจะต้องมาสมัครเป็นเพื่อนกันอีกเล่า

อยากจะบอกว่าเคยแอบรักอย่างไรก็ยังมั่นคงสม่ำเสมอมิลืมเลือน

นี่แหละน๊า..เทคโนโลยีมันไม่ยอมรับรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังของใครๆ

ถ้าอยากจะเป็นเพื่อนกันก็ต้องมาตั้งต้นตามกติกาที่วางไว้

เอ๊ะ..รึมันจะบังคับให้เราทวนความหล้ง

ก็ดีนะ..จะได้เขียนเรื่องรักหลังวัยเกษียณนั้นเป็นฉันใด

“เพื่อนเก่าคนนี้ฮักตั๊วขนาดเน๊อพรเน้อ”

 แคว๊กๆ

 

 

แคว๊กๆ..



Main: 0.14387989044189 sec
Sidebar: 0.74022698402405 sec