งกไปก็เท่านั้น

อ่าน: 3153

ไม่มีมนุษย์ตนใด สามารถเอาทรัพย์สมบัติของโลกนี้ไปได้แม้แต่เท่าเม็ดทราย เรื่องนี้ผ่านการพิสูจน์มาหลายยุคสมัยและหลายอารยะธรรม มนุษย์พยายามสร้างสิ่งที่คิดว่ามั่นคงถาวรเท่าที่จะคิดทำได้ ดูง่ายๆจากปิรามิดฝังพระศพของกษัตริย์อียิป หรือสุสานหลวงในประเทศจีน อุตส่าห์ปั้นหุ่นสรรพกำลังทั้งกองทัพลงไปด้วย สร้างกำแพงเมืองจีนยาวหลายแสนลี้ ล้วนแล้วแต่พยายามยุ่งกับทรัพย์ยุ่งกับกิเลศ แต่สุดท้ายมันก็ไอ้แค่นั้นแหละต๋อย เสียดายเวลาเสียดายแรงความคิดที่ทุ่มทำเรื่องโง่ๆ ถ้าเอาพลังเหล่านั้นพลิกกลับมาสร้างโลกให้น่าอยู่ มีความคิดที่จะให้ที่จะตอบแทนที่จะสำนึกบุญคุณ เธอคิดดูเถิดโลกนี้จะเป็นสวรรค์บนดินสักเพียงไหน เท่าที่ย้อนหลังไปดูตั้งแต่เกิดมีมนุษย์ขึ้นมา พวกกะโหลกหนาเหล่านี้มีแต่พากันเปลี่ยนแปลงโลกทำลายโลก แล้วเรียกสิ่งนั้นว่าพัฒนาและเจริญ บ า ง ก ลุ่ ม ยั ง ท ะ ลึ่ ง ใ ช้ คำ ว่ า โ ช ติ ช่ ว ง ชั ช ว า ล ด้ ว ย น ะ

ขณะนี้โลกกำลังเน่าเหม็นบูดมากขึ้น เธอก็รู้สึกได้นี่

ทุกคนต่างก็มีประเทศ มีญาติ มีลูกหลาน

แ ต่ ไ ม่ มี ใ ค ร เ ล ย ที่ จ ะ นั บ ญ า ติ กั บ โ ล ก ใ บ นี้

พวกลูกอีช่างโกย ก อ บ โ ก ย เ อ า ท รั พ ย์ ข อ ง โ ล ก ม า ไ ว้ กั บ ตั ว

เพื่อเป็นเหยื่อให้คนอยู่ข้างหลังสืบสันดานโกยต่อไป

ผมไม่เข้าใจว่าพวกนี้ ไ ป เ รี ย น วิ ช า ม อ ม เ ม า วิ ธี คิ ด จ า ก สำ นั ก ไ ห น

บางคนเข้าวัดเข้าวาท่องปาฎิโมกข์ได้คล่องปรือ

แต่ มันก็แค่นั้นแหละต๋อย

มีตำรับตำรา ครูบาอาจารย์ พระสงฆ์องค์เจ้า และผู้รู้อยู่ไม่น้อย ที่พยายามฉุดรั้งเรื่องของกูตัวกู พวกขี้โกงนี่ก็เข้าวัดนะ ก็ไปนั่งทำหน้าซื่อตาใสยังงั้นแหละ เผลอเมื่อไหร่ก็คืนร่างเป็นลูกอีช่างโกยเหมือนเดิม แล้วโลกในอนาคตมันจะเป็นยังไงละครับ ในเมื่อคนทำลายมันตายจากไปโดยไม่รับผิดชอบอะไรเลย แถมลูกหลานหว่านเครือก็ไม่รู้ร้อนรู้หนาว เกรงไอ้ขี้โลภจะน้อยใจ ยั ง ทำ พิ ธี ก ง เ ต๊ ก ส่ ง ไ ป ใ ห้ อี ก แ น๊ ะ เอาเข้าไปทั้งที่ยังมีชีวิตและไร้วิญญาณ อีตอนลงไปขุมนรก ก็ไม่รู้ว่าจะกอบโกยอะไรที่นั่นอีกหรือเปล่า

ทั้งหมดนี้ทำเพื่อสืบสันดานตามความเชื่อของชนเผ่าต่างๆ ซึ่งนับว่าแปลกแตกต่างกว่าสัตว์อื่นทั่วไป ถ้าสัตว์พูดได้มันคงหัวเราะจนเยี่ยวเล็ด นี่หรือสัตว์ประเสริฐ คิดได้เท่านี้สติปัญญามีแค่นี้รึ ผมไม่เคยเห็นสัตว์กลุ่มไหนสะสมทรัพย์สมบัติไว้อย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนมนุษย์ ดูๆไปแล้วในก้อนกะโหลกบรรจุด้วยความคิดที่เป็นพิษไม่น้อย บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตกอบโกยวัตถุจนไม่เป็นอันทำอะไร วันๆคิดแต่จะแสวงหาทรัพย์จนหน้ามืด ไม่ได้ทางตรงก็ทางอ้อม เกิดมาเพื่อจะกอบและโกย ท่านมหาตะมะคานธี บอกว่า ทรัพย์สินในโลกนี้มีให้มนุษย์ใช้อย่างสุขสบายถ้าแบ่งปันกัน แต่ถ้าคิดกอบโกยเมื่อไหร่มันไม่พอแม้แต่จะให้ไอ้ขี้โลภคนเดียว ผู้นำทุกศาสนาต่างเห็นหายนะของกิเลศ ได้พยายามออกข้อบัญญัติกำกับและควบคุมกิเลศ ไม่ทราบว่าถูกหรือผิดนะครับ ผมรู้สึกว่ามันหนักข้อขึ้นทุกที ใครมีทรัพย์มากจะได้การยอมรับจากวงการมนุษย์ด้วยกัน ถ้าร่ำรวยจากความสามารถก็ดีหรอก แต่ส่วนใหญ่ทำมาหาได้จากกลโกง สังคมยอมรับได้ โกงเข้าไว้โกงสำเร็จ ถือว่าเป็นฮีโร่

ไม่รู้มีกี่ร้อยประเทศนะครับ ที่ผู้นำมันขี้โกง มีประธานาธิบดีนายกรัฐมนตรีตกเป็นข่าวทุกปี เข้าซังเตก็เยอะ ไอ้ผมก็ใช้ภาษาไม่สลวย คำว่าโกงฟังดูไม่ระรื่นหู เดี๋ยวนี้เขาใช้คำว่า “คอรัปชั่น” พวกผู้นำโกงได้มากเพราะมีอำนาจ สามารถเบี่ยงเบนวิธีอุบอิบให้ดูเนียน ผู้นำบางคนใจร้อนถึงกับหาทางเปลี่ยนกฎหมาย เปลี่ยนกติกาก็มี เมื่อประชากรในประเทศไหนเห็นผู้นำโกงเก่งโกงได้สำเร็จ พลเมืองในประเทศนั้นๆก็โกงตามสิครับ โ ก ง ทั้ ง แ ผ่ น ดิ น สร้างระบบใต้โต๊ะบนโต๊ะตบตาตอแหลจนเป็นเรื่องปกติ บางคนมันโกงแม้กระทั้งของพี่น้องด้วยกันเอง คงไม่ต้องยกตัวอย่างกระมัง อยู่ใกล้ๆตัวเรานี่แหละ 

ถ้า วั ฒ ธ ร ร ม ขี้ เ กี ย จ  เอ๊ย ขี้โกงแพร่ระบาดไปเรื่อยๆ

เธอคิดดูสิว่าแผ่นดินนั้นจะเป็นอย่างไร

ขยับอะไรนิดหน่อยต้องจ่ายภาษีเถื่อน

ถ้าเธอเป็นพลเมืองของประเทศนั้นๆจะมีความสุขไหมละ

เธอเชื่อหรือว่าการใช้วิธีโกงจะเป็นการสร้างชาติให้เจริญรุ่งเรืองได้

ยกตัวอย่างมาให้ดูสักประเทศหน่อยเถอะ

ถ้ า สั ง ค ม ม นุ ษ ย์ ส ร้ า ง ก ร ะ แ ส ต ร ง กั น อ ย่ า ง นี้

ค ว า ม ส ง บ สุ ข จ ะ ไ ป ห า ไ ด้ ที่ ไ ห น

สุดท้ายต่างก็ใส่หน้ากากหากัน ทำอะไรเชิงพิธีการให้ดูดี เคลือบมลพิษไว้ให้มิดชิด หลังจากนั้นก็ปร๋อแสดงละคร เล่นบทโจรใส่เสื้อนอก เรียนวิชาหลอกกันมาเป็นชั้นๆ พอกกิเลศเข้าไปทุกวัน อยู่กันอย่างถูลู่ถูกัง อมทุกข์อมโศกกันไปตามยะถากรรม ไม่รู้ว่ามีเวลาฉุกคิด มีเวลาอยู่กับตัวเองบ้างหรือเปล่า เคยถามตัวบ้างไหม ว่าเกิดมาทำซากอะไร? ผมละชอบใจคำนี้นัก ที่พระอาจารย์ไร้กรอบชูประเด็นไว้ในหนังสือ “เจ้าเป็นไผ” ถ้ายังไม่เคยอ่าน ก็รีบๆอ่านเสียก่อนที่วาสนาจะชำรุดไปกว่านี้

คนที่โกงคนอื่นได้เพราะไม่มีความละอาย หน้าหนาหลายชั้นนัก หัวจิตหัวใจเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ได้ คงไม่เคยคิดถึงคำตอบสุดท้ายเลยสิท่า ที่หน้าด้านหน้าทนคดโกงได้มานั้นจะเอาไปไว้ที่ไหน เอาไปทำอะไร เอาไปให้ใคร มรดกบาปจะเป็นมรดกดีไปได้อย่างไร ไม่มีสารวิเศษชนิดไหนฟอกบาปได้หรอกนะเธอ

เรื่องเงินๆทองๆเป็นของบาดใจ

มี เ งิ น เ ข า นั บ ว่ า น้ อ ง   มี ท อ ง เ ข า นั บ ว่ า พี่

ถ้า มี ทั้ ง เ งิ น ทั้ ง ท อ ง เ ข า นั บ เ ป็ น คุ ณ พี่  อิ อิ

แต่บางทีทองก็ไม่ไม่ค่าเท่ากับผัวฉัน เ อ า อ ะ ไ ร ม า แ ล ก ก็ ไ ม่ ย อ ม  โช๊ดโช้

พักนี้เรามักจะไม่ได้ยินคำว่าอดออม ประหยัด

คำขวัญที่บอกว่า “มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท” หายไปไหนก็ไม่รู้

ยุคสมัยนี้เขาพลิกแพลงง่ายๆ แปลงหนี้ เป็น เครดิต

ฟังดูดีกว่ากันเยอะเลย

ผมละสงสารพวกตั้งกองทุนตัวจริงเหลือเกิน เช่นกองทุนที่คลองเปรี๊ยะ กองทุนวันละบาท ที่เขาเข้าใจเรื่องพวกนี้อย่างถึงแก่น กองทุนชุมชน กองทุนครัวเรือน เขาหมายถึงการระดมทุนในหมู่กันเอง ไม่ได้เที่ยวไปร้องแรกแหกกระเชอขอมาจากใคร แต่ก็นั่นแหละเธอ สมัยห่วยแตกอะไรๆก็พลิกผันได้ มีคนเอาเรื่องนี้ไปพลิกโผเป็น “กองทุนหมู่บ้าน” ซึ่งหมายถึงการเอาทุนไปแจกทุกครัวเรือน เกิดเป็นกองทุนแตกลูกหลานออกไปจนนับไม่ถ้วน ซึ่งกรณีนี้น่าจะตั้งชื่อใหม่ว่า “กองทุนเคาะกะลา” การที่มาตั้งชื่อซ้ำซ้อนกับของชาวบ้านคิด แล้วทำตรงกันข้าม สิ่งที่จอมยุทธทางภาคใต้ ครูชุบ ยอดแก้ว ที่เคารพรักของผม ทำถูกทำดีมาแล้ว แต่เมื่อมาเจอกองทุนเถื่อนอย่างนี้เข้า ครูชุบจะเดินหน้ายังไงต่อละ ใ น เ มื่ อ มี ทุ น ใ ห้ เ ป ล่ า ๆ บ้ า ๆ บ อ ๆ ม า ยั ด เ ยี ย ด ใ ห้ ส ม า ชิ ก ทั่ ว ป ร ะ เ ท ศ จะห้ามไม่ให้ชาวบ้านเอา เด๊๋ยวก็เป็นหมาหางด้วนได้ง่ายๆ

หลังจากทำเละเทะมาได้พักหนึ่ง ก็ทำท่าจะเปลี่ยนเป็นเงินให้เปล่า

ออกระเบียบชดเชยเงินพวกนี้แทนชาวบ้าน ทำให้เป็นหนี้ศูนย์

ไอ้เรื่องอย่างนี้ ทำ ไ ม ช ะ ล อ ห ลั ง ย า ว จ ะ ไ ม่ ช อ บ ล ะ ค รั บ

เป่าปากหวิีดว๊ายกระตู้วู๊กันครึกครื้น

โดยหารู้ไม่ว่าในที่สุดแล้ว กองทุนหมู่บ้าน ก็คือ กองทุกข์หมู่บ้าน นั้นเอง

ก า ร ดึ ง  จ มู ก ค น จ น นั้ น ส นุ ก เ ข า ล ะ

ยังจะมี ก อ ง ทุ น อ ก อี แ ป้ น แ ต ก อะไรจะตามมาอีกก็ไม่รู้

นี่ก็เพิ่งแจกเงินสัมนาคุณที่มาตายในสนามม๊อบไปรายละ ๖-๗ ล้าน

ผมไม่ได้มองเหมือนคนอื่นนะ ผ ม ว่ า มั น จ่ า ย น้ อ ย ไ ป

น่าจะแจกศพละ ๕,๐๐๐ ล้าน

ในโลกนี้ไม่มีคนจนคนรวยหรอกนะเธอ จ ะ ตี ร า ค า ชี วิ ต ข อ ง เ ธ อ กี่ บ า ท ให้สักพันล้านแล้วขอให้ตัดคอมาขาย เธอจะยอมไหมละ ราคาของชีวิตประเมินไม่ได้หรอก เอาทรัพย์ทั้งโลกมาแลกเธอก็ไม่ยอม แล้วเธอจะเป็นคนจนได้อย่างไร

· คนที่มีประเทศเป็นของตนเอง

· คนที่มีศาสนาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ

· คนที่มีพระมหากษัตริย์ให้เคารพเทิดทูน

· จ ะ เ รี ย ก ว่ า ค น จ น ไ ด้ อ ย่ า ง ไ ร ?

เมื่อเธอไม่ได้เป็นคนจน เธอก็เป็นมหาเศรษฐีนะสิ ท่านมหาเศรษฐีครับ อานุภาพในตัวตนของท่านนั้นไม่ธรรมดาหรอกนะครับ ปลดสัมภาระรุงรังออกเสียบ้าง แล้วลงมือลงแรงสร้างโลกใบนี้ให้น่าอยู่ดีไหมครับ อย่างน้อยท่านก็จะได้ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่พลเมืองดีของโลก อย่าห่วงไอ้พวกเวรตะไลขี้โกงเหล่านั้นเลย กรรมใดใครก่อคนนั้นก็ต้องได้รับอยู่แล้ว ก่อนตื่นนอนพรุ่งนี้เช้า ถามตัวเองสักหน่อยว่า ท่านจะทำความดีคืนให้แก่โลกอย่างไรได้บ้าง การคิดบวกคิดดีนั้นมีกุศลติดปลายนวมแน่นอน มันรู้สึกดีตั้งแต่ได้คิด เมื่อคิดได้ก็ยิ่งภูมิใจกับตัวเอง และเมื่อเอาความคิดนั้นมาปฏิบัติ ก็จะเกิดผลดีต่อตนเองและต่อโลก ใครก็ไม่ทราบพูดว่า “คิดให้ไกล ไปให้ถึง” แสดงว่า ท่านมีกัลยาณมิตรร่วมเดินทางแน่นอน ถ้าท่านทุ่มเทใจทำสิ่งที่ดีด้วยพละกำลังของท่านเอง ถ้าท่านเป็นคนจริง คิดจริงทำจริงจะเกิดความกล้า จะไม่สงสัย จะไม่เสียเวลาอยู่กับคำว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่”

ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น

เธอเคยคิดรักจริงหวังแต่งบ้างไหม

ลองมาแต่งงานกับโลกใบนี้ชีวีเธอสุดแสนจะวิไล

อิ อิ


บทนำ โมเดลบุรีรัมย์

อ่าน: 1656

 

ชื่อและเรื่องนี้มีที่ไปที่มาพอสมควร เมื่อครั้งงานประชุมประจำปีของสภาวิจัยแห่งชาติเชิญไปโม้ เ รื่ อ ง ง า น วิ จั ย ไ ท บ้ า น มีคนลงชื่อเข้าร่วมรับฟังเต็มห้อง ก็ห้องที่เขายกให้เราเป็นผู้นำเสนอนั่นแหละ นอกจากคุยน้ำลายแตกฟองแล้ว ผมเอาผลิตภัณฑ์ในสวนไปโชว์ ฉายPower pointให้ชมด้วย ตามสไตล์บ้านนอกขนานแท้ แต่เป็นเรื่องจริงที่ผุดขึ้นมาจากแผ่นดินอีสาน สะท้อนให้เห็นบริบทของการเรียนรู้แบบงูๆปลาๆตามความนึกคิดแห่งตน ไม่ได้มีกรอบ หรือตีตนก่อนไข้แต่ประการใด ทำ อ ะ ไ ร พู ด ไ ป อ ย่ า ง นั้ น    รู้ อ ะ ไ ร ก็ ว่ า ไ ป ต า ม นั้ น   คิ ด อ ะ ไ ร ก็  แ จ้ ง ไ ป ต า ม นั้ น   ไม่ได้อวดโอ้อวดอ้างเกินจากที่ได้ลงมือกระทำมา

หลังจากโม้ไปจนจบถ้อยกระทงความ

เปิดโอกาสให้ท่านที่สนใจอภิปรายความคิดเห็น

มีท่านผู้ฟังลุกขึ้นสนับสนุนความคิดที่เสนอพอสมควร

มี อ า จ า ร ย์ สุ ภ า พ ส ต รี ท่ า น ห นึ่ ง ลุ  ก ขึ้ น ชี้ แ น ะ ว่ า

นี่แหละโมเดลบุรีรัมย์”

 

ผมนะไม่ได้ฮิตคำตามความนิยมแห่งยุคสมัยหรอกนะครับ ถ้าให้เลือกตั้งชื่อเองก็คงไม่ตั้งชื่อนี้ แต่เมื่อมีท่านผู้มีเกียรติกรุณาอุปการะความคิดเห็น ผมถือว่าฟ้าบันดาล ทุกท่านที่ฟังมีส่วนร่วมส่วนคิด แล้วสามารถขมวดเรื่องทั้งหมดไว้ใน Key Word “โมเดลบุรีรัมย” ก่อนจะมาถึงตรงนี้ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องโมเมชั่นนะเธอ ใช้เวลาร่วมสิบกว่าปี เริ่มตั้งแต่ศาสตราจารย์เสน่ห์ จามริก แห่งสถาบันLDIตัดสินใจยกทีมลงลุยบุรีรัมย์ เพื่อค้นหาคำตอบว่า ชนบทไทยจะก้าวเดินไปทางไหน คนชนบทจะไปกันอย่างไร หลังจากที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ สภาการศึกษาแห่งชาติ สถาบันเอไอที และสถาบันอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาชาติ ยกพหลโยธามากันเต็มรถบัสบุกสวนป่า มีอาจารย์สิปปนนท์ เกตุทัต อาจารย์ประเวศ วะสี เป็นหัวขบวน บางท่านตกขบวนเช่น ท่านองคมนตรีสุเมธ ตันติเวชกุล ต่อมาเป็นเลขาสภาพัฒน์ฯ ยังมาบ่นภายหลังตอนท่านมาเยี่ยมคนเดียว ท่านชี้ไปที่รูปข้างผนังบอกว่า ผ ม เ สี ย ด า ย ที่ ติ ด ง า น ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ม่ ไ ด้ ม า ใ น ค ณ ะ นี้

ส่วนบรรยากาศเป็นยังไงติดตามอ่านในหนังสือ

ตอน ก ว่ า จ ะ มี ฉ า ย า ขี้ โ ม้ ใ ช่ ว่ า จ ะ ไ ด้ ม า ง่ า ย ๆ

ตามที่ท่านอาจารย์ประเวศ วะสี บันทึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น

หลังจากนั้นก็มีคณะต่างๆทยอยมาดูผม เอ๊ย มาดูงานนับคณะไม่ถ้วน และผมเองก็ถูกเชิญให้ไปถอนขนห่านในเวทีต่างๆตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา เดินทางจนแทบขาขวิด ซึ่งมันก็แปลกอยู่เหมือนกันนะครับ ที่คนไม่ได้เรียนในระดับมหาวิทยาลัย แต่ก็ได้รับเชิญในไปประชุมไปบรรยายมาทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ มานั่งพิจารณาตอนช่วงที่สังขารยักแย่ยักยัน ก็สงสัยตัวเองว่า_มันเป็นไปได้ยังไงวะ

เพื่อที่จะตอบคำถามตัวเองให้เป็นหลักเป็นฐาน

ผมจึงคิดรวบรวมเรื่องราวแต่หนหลังมาพิมพ์ไว้ให้ลูกหลานได้อ่าน

เป็นงานที่เกี่ยวกับการพัฒนาชนบท

ในบริบทของวิธีพัฒนาการเรียนรู้ของคนอีสาน

ที่สถาบันLDIร่วมกับพวกคนแก่หนังเหนียวช่วยกันตั้งโรงเรียนภาคประชาชนขึ้นมา

ชื่อว่า โรงเรียนชุมชนอีสาน

เรื่องสำคัญที่สนุกมาก

ถ้าสนใจก็ต้องติดตามอ่านในหนังสือ ต อ น โ ร ง เ รี ย น ชุ ม ช น อี ส า น

ผมแต่งเพลงให้โรงเรียนไว้ด้วยนะเธอ

จะฟังไหมละ จะร้องให้ฟัง

“โรงเรียนชุมชนอีสาน พัฒนาการพื้นฐานปวงชน

ถึงอยู่คนละแห่งละหน ก็ดั้นด้นค้นหากันเจอ

เราจะเรียนด้วยกัน เราจะไปด้วยกัน เพื่อสร้างความฝันให้มันเป็นเจริง

เพลงมันยาว เอาเป็นว่านักเรียนที่ว่านี้ล้วนเป็นผู้สูงวัยเป็นส่วนใหญ่ มีหนุ่มสาวผสมบ้างแต่ก็น้อยมาก เรียกว่ารุ่นเดอะงั้นเถอะถึงจะได้รับการเชิญมาเข้าโรงเรียนนี้ กระบวนการที่ว่านี้ได้ฝังตรึงใจผมตลอดมา แม้แต่เวลาเขียนในFBมีคนเข้ามาขอเป็นเพื่อน ผมก็ย้อนไปรำลึกถึงภาพที่คนเดินข้ามทุ่งข้ามท่ามานั่งชุมนุมเรียนใต้ต้นไม้ในท้องนา ไม่ได้มาแค่พบปะกันเฉยๆนะเธอ ทั้งครูทั้งนักเรียนร่วมร้อยชีวิตกินนอนเรียนร่วมกันในท้องไร่ท้องนา ทำครัวทำอาหารเลี้ยงดูกันอึกกะทึกไปทั้งท้องทุ่ง ยกเอาวิถีชีวิตคนอีสานมากองไว้ แล้วช่วยกันพิจารณาวิถีชีวิตในปัจจุบัน แล้วช่วยกันมองไปข้างหน้า

การคัดคนเข้าเรียนใน ส ถ า บั น พ ร ะ ป ก เ ก ล้ า ก็เข้าทำนองนี้ หรือแม้แต่การตั้ง ก ลุ่ ม เ ฮ ฮ า ศ า ส ต ร์ เราก็มุ่งคัดคนที่หัวใจเสริมใยเหล็ก อ้าว มา ถึ ง ก า ร ส ร้ า ง ห มู่ บ้ า น โ ล ก คอนดรั๊กเตอร์ก็ตั้งสมมุติฐานว่าเราจะหาสมาชิกโดยวิธีไหน ทำอย่างไรถึ ง จ ะ ไ ด้ ค ลำ ใ จ เ ธ อ ดู ก่ อ น ถ้าใจไม่นิ่งใจไม่มั่นคง มานั่งหง๋อยเหงาเศร้าสร้อยในสวนป่า มันคงเป็นภาพที่ไม่เจริญใช่ไหมละครับ ถ้ามาแล้วกะเปิบกะป๊าบลงมืออย่างทำโน่นนี่ อ ย า ก แ ส ด ง ฝี มื อ อ ย า ก ถ่ า ย เ ท ค ว า ม รู้ อ ย า ก ร ะ ด ม ค ว า ม ส า ม า ร ถ อ ย า ก เ ป็ น ผู้ ร่ ว ม เ รี ย น รู้ อ ย า ก ม า ช่ ว ย เ ป็ น วิ ท ย า ก ร ถ้าคุณสมบัติประมาณนี้ อ ย า ก จ ะ วิ่ ง ไ ป ก อ ด อ อ ด อ้ อ น ใ ห้ ม า

ถ้าทุกอย่างเริ่มที่ใจมั่นคงมีจุดประสงค์แน่วแน่

การดำเนินการเรื่องต่างๆจะประสบผลสำเร็จง่ายขึ้น

รึอย่างน้อยๆ ก็ ยั ง มี เ รื่ อ ง ค้ า ง ค า ใ จ ติ ด ตั ว ไ ป ต ล อ ด

เหมือนที่ผม ส รุ ป ปิ ด เ รื่ อ ง ร า ว ข อ ง โ ร ง เ รี ย น ชุ ม ช น อี ส า น ไ ม่ ไ ด้

จะต้องใช้เวลาทำการบ้านต่อเติมมาจนร่วมเวลาเกือบยี่สิบปี

ดังนั้นหนังสือเรื่องโมเดลบุรีรัมย์ จึงรวมรวมการบ้านที่ค้างคาไว้ทั้งหมดมาขมวดหางสิงห์ไว้ทั้งหมด เนื่องจากมีสาระกระโดดและดิ้นได้ ต้องใช้เวลาต่อถ้อยร้อยวจีกันพอสมควร แต่ไม่นานเกินรอ ช่วงที่คุณชายลงมาเที่ยวนี้ก็จะจับงานเรื่องต้นฉบับหนังสือสามสี่เล่มที่จะพิมพ์พร้อมกัน มีทั้งที่พิมพ์เพิ่มไผหนึ่งไผสอง และเรื่องที่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ โดยเฉพาะเรื่อง “คนนอกระบบ” ที่สำนักงานสภาการศึกษาให้ผมเขียนแจกหมดไปนานแล้ว พักหลังผมจะหาให้ท่านที่สนใจก็ยังยาก จึงดำริที่จะพิมพ์ขึ้นใหม่เป็นครั้งที่สี่ แต่จะขอสะสางเรื่องขยะออกไปให้ไฉไลน่าอ่าน ขออนุญาตเรียนให้ทราบว่า ควรติดตาม อ ย่ า ก ร ะ พ ริ บ ต า

มีตอน ค รู บ า ฉุ ด ส า ว เ ชี ย ง ใ ห ม่ ด้ ว ย น ะ เ ธ อ

นี่ไม่ได้ล้อเล่นนะ

ฉุดตัวเป็นๆ ขึ้ น ร ถ บึ่ ง จ า ก เ ชี ย ง ใ ห ม่ ม า อี ส า น นี่ แ ห ล ะ

โธ่ ก ว่ า จ ะ มี เ มี ย กั บ เ ข า สั ก ค น มั น ช่ า ง แ ส น จ ะ โ ค ต ร ทุ ลั ก ทุ เ ล

ใ ค ร ว่ า ส า ว เ ห นื อ ใ จ ง่ า ย ผ ม เ อ า ค อ เ ป็ น ป ร ะ กั น

จีบมาแปดปียังไม่สำเร็จ

ถ้า ไ ม่ ฉุ ด เ อ า จ ะ ไ ด้ ไ ห ม นี่

แหม เ ท ใ จ ป ลิ้ น เ ขี ย น ใ ห้ อ่ า น อ ย่ า ง นี้ แ ล้ ว

ยัง ไ ม่ อ่านก็ใจดำเหลือทน

เอายังงี้ดีไหม ท่านใดซื้อหนึ่งเล่มแถมกอดหนึ่งครั้ง

โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยใจระทึกระทวย

อิ อิ


จะเอายังไงกับภัยพิบัติ

อ่าน: 1798

จะเอายังไงกับภัยพิบัติ

· พิษภัย เภทภัย ภัยพิบัติ ภัยวิบัติ สารพัดภัย แวะเวียนมาเยี่ยมเราบ่อยขึ้น สาเหตุเพราะมนุษย์เราไปนี่แหละไปทำลายความปกติของธรรมชาติ เมื่อสภาพสมดุลของโลกเสียหาย กลไกของระบบธรรมชาติได้รับผลกระทบ ความเป็นปกติก็ต้องแปรเปลี่ยนเป็นธรรมดา และส่วนมากก็เป็นไปทางลบมากว่า สองสามปีมานี้อากาศผิดปกติทั่วประเทศอย่างเห็น เป็นไปได้ไงครับ ที่อีสานอากาศจะเย็นสบายกว่าเชียงใหม่ ภาคเหนือทั้งหมดทุกรมด้วยควันไฟป่าปีละสองเดือน รู้ทั้งรู้ที่เห็นตำตาก็แก้ไขอะไรไม่ได้

แ ล้ ว สิ่ ง ที่ ซุ ก ซ่ อ น อ ยู่ น อ ก ส า ย ต า จะเป็นยังไง

มันจะไม่บูดเน่าแล้วบูดเน่าอีกรึครับ

เรื่องพวกนี้พูดไปคนก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่

ขนาดปีที่แล้วเจอน้ำท่วมแทบตาเหลือกก็ยังอยู่อย่างประมาทกันต่อไป
อย่าเชื่อ นักการเมืองกระล่อนจะช่วยดูแลอะไรเราได้

แผนงานป้องกันภัยต่างๆก็ทำแบบเด็กอมมือ

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนั่นแหละดีที่สุด

· ช่วงสามสี่เดือนที่ผ่านมา ผมออกจากลานปัญญามาจีบสาวๆสนุกสนาน ต่อไปนี้ก็จะกลับเข้าบ้านแล้วครับ แต่ไม่ต้องห่วงนะ ยังไงๆก็จะโพสต์ข้อความโยงมาถึงเฟสบุกส์อยู่ดี แต่เนื้อหาอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง คงจะเข้าสู่กระบวนการของหมู่บ้านโลกเป็นหลัก ถ้าใครติดตามอ่าน”ลานซักล้าง” จะเห็นว่าคอนดรั๊กเตอร์ ทำการบ้านรอมาเป็นระยะๆ วันนี้เดินมาถึงหมู่บ้านโลกตอนที่ หก แล้วนะเธอ

· คอนดรั๊กเตอร์ เขาจะทำเรื่องหลักการ ส่วนข้าน้อยจะทำเรื่องกระบวนการ ถ้าสนใจก็เข้าไปอ่านลานปัญญา คอนดรั๊กเตอร์ พูดถึงภาพรวมของการเกิดภัยพิบัติ ถ้าเรายังสนิมสร้อยอยู่อย่างนี้ คงจะช่วยตัวเองได้น้อย ปกติภัยที่ว่านี้มันก็เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาแล้วละครับ เพียงแต่เราไม่ใส่ใจกันอย่างจริงจัง เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ภาคเหนือทั้งหมดถูกรมด้วยไฟไหม้ป่าอย่างที่เกริ่นนำ ต่อมาอากาศร้อนแล้งมหาโหด ลำปาง สี่สิบกว่าองศา ถามว่า มีใครแก้ไขเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรมได้รือไม่ เจ้าภาพอยู่ที่ไหน คนรับผิดชอบมีหน้าตาอย่างไร

สุดท้ายก็ได้คำตอบว่า “มั น ก็ แ ค่ นั้ น แ ห ล ะ ต๋ อ ย ”

สังคมไทยอยู่กันอย่างลูบหน้าปะจมูก สนุกกับการกลบข่าวไปวันๆ อ้าว! เมื่อรู้แล้วจะทำยังไงละ หมู่บ้านโลกก็เดินหน้าต่อไปทุกวัน เมื่อเร็วๆนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตส่งเครื่องอบพลังงานแสงอาทิตย์มาให้ ผมก็นึกว่าเครื่องเล็กๆ ที่ไหนได้ มันเพียงพอที่จะนำมาศึกษาเรื่องความมั่นคงด้านอาหารอย่างดีเลยละครับ เมื่อคืนโฉมยังมาบีบนวดหัวไหล่ให้ สงสัยจะเกิดจากการสะพายกระเป๋าหนักผิดท่า ตอนนี้หัวไหล่ทั้งซีกยังบ่มีแฮง เพลียๆยังไงไม่รู้นะครับ ข น า ด อ ยู่ ใ ก ล้ ชิ ด กั บ ค น รู้ ใ จ ก็ ยั ง ไ ม่ ก ร ะ เ ตื้ อ ง เออ ไม่รู้จะทำยังไงดี วันนี้จะลองนวดครีมที่ผลิตจากลำไย ถ้าหายเธอเอ๋ย จะกระดี๊กระด๊าไปได้อีกนาน

โฉมยงได้ของถูกใจ เล่าให้ฟังว่าจะเอาสมุนไพรมาอบมาทดลอง เมื่อก่อนลูกมะกรูดหล่นทิ้งเต็มพื้น เก็บมาบดปั่นทำครีมอาบน้ำบ้าง บำรุงผิวบ้าง แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เขาจะลองเอามาอบแห้งแล้วบดๆๆๆ เอาไปทดลองเรื่องอื่นๆได้กว้างขวางขึ้น

ส่วนผมก็คิดในมุมผม

-ช่วงที่ผักออกเยอะๆผมจะเอามานึ่งแล้วส่งเข้าไปอบแห้ง เก็บไว้ในรูปของการถนอมอาหาร

-ช่วงที่ขุดมันเลือด เผือก เยอะๆก็จะเอามาแปรรูป อบแห้ง บดๆๆเก็บไว้ในรูปแป้ง

-ช่วงที่ผลไม้ออกเยอะๆ เสาวรส มะม่วง ขนุน กล้วย ก็จะลองอบแห้งไว้

-ช่วงที่เมล็ดธัญพืชออกมากๆ ถั่วพู ทานตะวัน ถั่วเขียว ก็จะเอามาอบๆ เก็บไว้

-ช่วงที่มีเนื้อสัตว์ ปลา ทำเนื้อแดดเดียว ก็จะลองทำแบบหลายๆแดด

-ช่วงที่มีสมุนไพรออกมามากๆ ก็จะเอามาอบๆๆและอบให้แห้ง ทำชา ทำประคบ ใส่แค๊ปซูล ก็ว่ากันไป

เรื่องเหล่านี้เรายังต้องเรียนรู้อีกมาก

ท่านผู้สันทัดกรณี จ ะ อุ ป ก า ร ะ ค ว า ม รู้ ก็ เ ชิ ญ เ ล ย น ะ ค รั บ

· ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็คิดในแง่ของการเตรียมภัยพิบัติ ถ้ามันไม่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง แต่มันไปเกิดขึ้นกับพื้นที่ของญาติผม คนที่ผมรัก ผมก็จะส่งของพวกอาหารกึ่งสำเร็จรูปเหล่านี้แหละไปปลอบใจเธอ ช่วยเหลือเธอให้เขยื้อนปัญหาได้สะดวกใจยิ่งขึ้น หรือถ้าเรามีมากๆเราก็ยังจะส่งไปช่วยที่อื่นได้อีก

ถามว่า ถ้าเกิดภัยพิบัติมาอีกรอบ เราจะแก้ปัญหาหลักๆกันอย่างไร

ด้านอาหาร ด้านพลังงาน สิ่งอุปโภคบริโภค ได้คำตอบแล้วหรือยัง

คอนดรั๊กเตอร์ ฉุกคิดว่า ถึ ง ส ว น ป่ า จ ะ เ ต รี ย ม ก า ร อ ะ ไ ร ๆ ไ ว้ ดี

แต่คณะญาติไม่สามารถเดินทางมาถึงได้หรอก

น้ำท่วม สะพานพัง ถนนขาด ไปมาหากันไม่ได้จะทำยังไง!!!!

โธ่! จะยากอะไรละครับ

คอนฯก็ควักกระเป๋าซื้อ เ ฮ ลิ ค อ ป เ ต อ ร์ ไ ว้ สั ก ลำ

ถึงเวลาก็ขนพวกเรา บิ น ขึ้ น พั บ พั บ พั บ

อ ย่ า ลื ม เ รี ย ก ไ อ่ แ ห้ ว ติ ด ม า ด้ ว ย ก็ แ ล้ ว กั น

เดี๋ยวไม่มีคนคั้นน้ำเสาวรสให้ชิม

แคว๊กๆ


ร้อยรู้มิสู้หนึ่งทำ

อ่าน: 1599
  • การเรียนรู้ใดๆในโลกนี้ คงไม่มีวิธีไหนดีที่สุด ถ้าปล่อยให้เป็นธรรมชาติ เราก็ควรสังเกตุว่าในธรรมชาติเป็นอย่างไร ทุกวินาทีไม่มีการหยุดนิ่ง ไม่มีต้นไม้ มด แมลง ตัวไหนขี้เกียจ เท่าที่เห็นต่างขมักเขม้น เมล็ดไม้ร่วงหล่นลงมา ได้ความชื้นจากเมล็ดฝน เปลื่อกนอกที่ห่อหุ้มนุ่มนิ่ม กระบวนการภายในเริ่มขยับขยายที่ละเล็กละน้อย ออกเป็นตุ่มไตเล็กๆแล้วยืดขยายขึ้นตามลำดับ ได้น้ำได้ปุ๋ยได้แสงแดด ก็จะยืนหยัดยั่งรากแก้วแทงทะลุชั้นดินดาน เป็นเสมือนเสาเข็มยึดลำต้นให้แข็งแรง ส่วนรากฝอยนั้นเล่า แผ่ขยายไปตามผิวพื้นดินเพื่อดูดอาหารทั้งน้ำทั้งปุ๋ย ลำเลียงผ่านท่อขึ้นไปให้ใบปรุงอาหารที่เราเรียกว่าการสังเคราะห์แสง ใบยังช่วยกระจายความชื่นผ่านรูใบ ต่อเมื่อใบแก่ก็ร่วงหล่นลงมาปกคลุมผิวดิน รอวันเป็นปุ๋ยให้ดูดซับขึ้นไปเลี้ยงตัวเอง กิ่งก้านที่โตขึ้นเป็นเสมือนโครงเหล็กที่ยื่นออกไปรอบๆลำต้น ค่อยๆแผ่ขยายพื้นที่ร่มเงาให้เกิดความชุ่มชื้น ผิวดินไม่แห้งกระด้าง ทำให้รากฝอยอาหารได้สะดวก เรือนยอดนอกจากจะขยายด้านข้างแล้วยังขยับขึ้นไปเบื้องบนตามลำดับ เมื่อได้อายุตามสมควรก็จะออกดอกออกผลแพร่ขยายพันธุ์ต่อไป

มนุษย์เรามีความรู้เกี่ยวกับระบบของธรรมชาติแค่หางอึ่ง

ถ้าศึกษาเอาแบบอย่างสังคมป่าไม้มาใช้

โลกใบนี้จะน่าอยู่กว่านี้สักล้านเท่ากระมัง

  • ความรู้ของมนุษย์ปนเปื้อนไปด้วยกิเลส

เอาผลประโยชน์แทรกซ้อนมาสังเคราะห์สังคม

บางประเทศโหยหา ดิ้นรน เรียกร้องไอ่อย่างเลวกลับมาเป็นผู้นำ

มนุษย์ปั่นหัวปลุกกิเลสกันทุกเมื่อเชื่อวัน

ลองนึกดูเถิด นางพญาปลวก จ่าโขลงช้าง หรือแม้แต่นางพญาผึ้ง

ล้วนมีภาวะผู้นำที่เสียสละเพื่อเผ่าพงศ์ของตนแทบทิ้งสิ้น

ไม่ได้กอบโกย ไม่ได้ทำลายระบบคุณธรรมของชาติ ไม่ได้ทำลายสถาบัน

สังคมใดที่มีจ่าโขลง มีนางพญาระยำตำบอน ..จะอยู่ จะแข่งขันกับใครเขาได้

มีแต่จะนำพาชาติพันธุ์ของตนเองเข้าสู่่ห้วงหายนะ

  • ตรงกันข้ามกับสังคมธรรมชาติที่อยู่กันด้วยความเอื้ออาทร ไม้เล็กไม้ใหญ่พึ่งพากันได้ ถึงแม้จะมีระบบการแข่งขัน เช่น การสูงชะลูดขึ้นไปเพื่อหาแสงแดด แบบแผนของธรรมชาติก็จัดสรรกันอย่างยุติธรรม ทำให้เกิดพืชเครือเถาว์เกี่ยวกระหวัดลำต้นไม้ใหญ่ไต่ขึ้นไปหาแสงแดดได้ ต้นไม้ไม่มีกลอุบายเลวร้ายใดๆต่อกัน ไม่อย่างนั้นป่าไม้จะร่มรื่นเป็นที่อาศัยของสรรพสิ่งในโลก เผื่อแผ่อ็อกซิเจนให้เราได้หายใจรึครับ
  • ถ้าจะมองหามิตรไมตรี ความเอื้ออาทร ความดีความงาม คุณประโยชน์และการสร้างประโยชน์ได้ปราศจากเงื่อนไข เธอไม่ต้องไปแสวงหาทฤษฎีบ้าๆบอๆที่ให้ยุ่งยากหรอก เข้าเรียนรู้หลักการและวิธีการของธรรมชาติ ให้ถ่องแท้ มนุษยชาติก็จะมีชุดความรู้ที่เป็นระบบโยงใยถึงกันสร้างความปกติสุขและสันติสุขได้ ไม่ต้องอยู่ด้วยการเอารัดเอาเปรียบด้วยการใส่หน้ากากหากัน
  • จริตของมนุษย์แต่ละประเทศที่เราเห็นๆนั้น

ล้วนเป็นมายาของมนุษย์ที่พยายามจะหลอกกันเอง

เมื่อต่างฝ่ายต่างมีจริตด้วยกันมันก็เลยกลายเป็นวัฒนธรรมของมนุษยชาติที่นำไปสู่ความเสื่อม

ความรู้ที่มนุษย์มี..เป็นความรู้ที่ไม่สะอาดและปลอดภัยพอ

ทุกกลุ่มความรู้ล้วนมีมลภาวะเป็นเงาแอบแฝงไว้ด้วยทั้งสิ้น

  • ไม่ จำ เ ป็ น ต้ อ ง เ ชื่ อ ต า ม ที่ เ ล่ า นี้ ห ร อ ก น ะ ค รั บ

ในเมื่อเราต่างก็มีดีเอ็นเอสายพันธุ์ของเจ้าสัตว์ที่ชื่อว่ามนุษย์กันทุกคน

รึเรามีสติจำกัดที่จะเรียนให้หลุดพ้นได้

รึเรากำลังมะงุ้มมะง่าหราอยู่กับสันดานตนเอง

รึเราตาใจบอดสีไม่มีวาสนาพอที่จะนำพาตนเองมากอดต้นไม้

  • เธอไม่มีใจให้แก่ผู้ที่ประกอบการสิ่งดีงามให้เธอ
  • เธอต่างก็รู้เห็นความงดงามตามธรรมชาติ
  • เธอเห็นแล้ว..ก็งั้นๆ..กระตู้วู้นิดหน่อย..แล้วก็กระด้างเหมือนเดิม
  • เธอ เธอ และเธอ ..มี หั ว ใ จ เ ป็ น พ ล า ส ติ ก ไปเสียแล้ว


เธออยู่ไหนตอนไฟดับ

อ่าน: 1457

 บ่ายวันนี้ รามสูรย์อาละวาดอีกแล้ว เที่ยวไล่ขว้างขวานก่อกวนเมฆขลาจนได้เรื่อง ลมบนโหมพัดกระหน่ำ มองดูยอดไม้ใหญ่โอนเอนวืดๆตามพายุ ไม้กิ่งเล็กกิ่งน้อยหักปลิวเกลื่อนพื้น เมล็ดไม้แก่แตกตกเรี่ยราดฝังตัวที่ผิวดิน ออกหน่อยคงจะแตกหน่ออ่อนเจริญพันธุ์ทั่วไป ถ้าเรามีแม่ไม้อายุมาก ธรรมชาติของป่าไม้ก็ขยายพันธุ์เองได้อยู่แล้ว โดยที่มนุษย์ไม่ต้องไปปลูก เพียงแต่จะถึงจุดนี้ได้ คุณภาพของสภาพแวดล้อมต้องยืนอยู่ในจุดที่เป็นบวกทางนิเวศน์

หลังจากลมและฝนถล่มสวนป่านาน1ชั่วโมง

คณะเราไม่รู้จะทำอะไร ไฟฟ้าดับWIFI.ก็พลอยเดี้ยงไปด้วย

จึงพากันจัดโต๊ะอาหารมื้อเย็นเลี้ยงคุณคอนฯกับน้องชาย

ผมทำไก่อบโอ่ง แห้วเอาปลาทูจากสุราษฎร์มาประชัน

ก็อิ่มหมีพีมันไปตามเหตุและปัจจัย 

นั่งคุยกันรอไฟฟ้าจน3ทุ่มไฟฟ้าก็ยังมาไม่เต็มที่ ยังดีที่เปิดทีวีดูภาพได้ แต่เสียงไม่มีนะ ดูทีวีใบ้ไม่รู้เรื่อง จึงหยิบไฟฉายมาค้นหาตัวเสริมกำลังไฟฟ้าให้กับไอโฟน ส่วนโน๊ทบุกค์มีไฟพอที่จะเขียนอะไรๆได้ค่อนคืน น่าจะเขียนเรื่องราวแล้วโพสต์ให้คุณคนสวยอ่านก่อนนอนคืนนี้ได้ บางคนเห็นเป็นยากล่อมประสาท ถ้าไม่มาเจ๊าะแจ๊ะในFB.อารารมณ์ค้าง ตาค้าง ใจค้าง..เป็นงั้นไป

ปกติถ้าสวนป่าฝนตกแรงขนาดนี้  อึ่งอ่างจะร้องระงม แต่คืนนี้เงียบกริบ แปลกแท้ๆ รึว่าอึ่งอ้างก็ติดนิสัยประท้วงมาจากที่ไหนสักแห่ง ตั้งใจว่าจะไม่นอนดึก พรุ่งนี้แห้วจะขับรถไปส่งที่มหาวิทยาลัยอุบล มีคิวไปโม้ให้นักศึกษาป.โทที่เรียนภาคฤดูร้อนทางด้านชีวะ/วิทยาศาสตร์ เรียกถูกรึเปล่าก็ไม่รู้นะ บอกเขาเองแหละว่า..ไม่ต้องส่งหนังสือเชิญเป็นทางการ ถ้าผมรักอาจารย์ที่เชิญก็ไปให้อยู่แล้ว อาจารย์บอกว่ากำลังตรวจเช็คตารางบินให้ ดูแล้วผมจะต้องบินอ้อมไปลงที่สุวรรณภูมิแล้วต่อไปลงอุบล

ผมบอกไม่ต้องเลย ข้าน้อยจะไปเองนะขอรับ

ไฟก็ไม่มี จะต้องออกเดินทางไปตอนเช้า ต้องเตรียมสื่่อไปประกอบการโม้ น่าจะนอนพิจารณาว่าจะเอามะพร้าวห้าวไปขายสวนทำนองไหน ถึงจะคุ้มค่าสมราคาของทุกฝ่าย เวลาของนักศึกษามีค่าควรแก่การให้ความสำคัญอย่างมาก 

ผมต้องถามตัวเองว่า..

ถ้าผมเป็นครูสอนวิชาชีวะวิทยา

ผมควรจะสอนอย่างไรเด็กๆถึงจะสนใจและตระหนักต่อวิชานี้

 

ผมก็จะถามลูกศิษย์ว่า..

นี่เธอรู้ไหม  ทำไมเราถึงต้องมาเรียนวิชานี้

วิชานี้มีความหมายความสำคัญอย่างไร

จึงได้รับการบรรจุเข้ามาในวิชาเรียนของเรา

พวกเราตระหนักและเข้าใจเกี่ยวกับวิชานี้อย่างไร

ใครจะช่วยอธิบายแนะนำให้คุณครูได้ ยกมือขึ้น!

หลังจากผ่านสารบัญนี้ไปแล้ว ผมอยากจะหยิบเนื้อหาวิชาเรียนที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของเด็กๆ ให้เด็กเห็นองค์ประกอบ และได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมของวิชานี้ จะได้สนใจและใส่ใจช่วยพัฒนาบรรยากาศและวิธีเรียนให้มีชีวิตชีวา

วิชาชีวะจะไปสอนแห้งๆเหมือนกระดาษทรายไม่ได้หรอก

ถ้าทำให้วิชานี้จืดชืดเหมือนน้ำล้างหัว-ล

มันจะเป็นทุกข์มากกว่าเป็นสุข

การเรียนรู้ทำไมต้องทุกข์ด้วย..

ไม่ทราบว่าผมเข้าใจถูกหรือผิดนะครับ

แหม..ถ้าอยู่ใกล้ๆจะอยากชวนคนสวยไปด้วย

ไปคอยหิ้วปีกเข้ามุม..

 

ตะกี้นี้เปิดดูFB. เจอคุณพรพรรณ ศรีวิชัย

คนสวยแห่งสันป่าตองมาขอเป็นเพื่อน

นึกๆแล้วก็แปลกใจ

เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่วัยกระเตาะเมื่อสัก40กว่าปีได้ละมัง

ทำไมจะต้องมาสมัครเป็นเพื่อนกันอีกเล่า

อยากจะบอกว่าเคยแอบรักอย่างไรก็ยังมั่นคงสม่ำเสมอมิลืมเลือน

นี่แหละน๊า..เทคโนโลยีมันไม่ยอมรับรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังของใครๆ

ถ้าอยากจะเป็นเพื่อนกันก็ต้องมาตั้งต้นตามกติกาที่วางไว้

เอ๊ะ..รึมันจะบังคับให้เราทวนความหล้ง

ก็ดีนะ..จะได้เขียนเรื่องรักหลังวัยเกษียณนั้นเป็นฉันใด

“เพื่อนเก่าคนนี้ฮักตั๊วขนาดเน๊อพรเน้อ”

 แคว๊กๆ

 

 

แคว๊กๆ..



Main: 0.087666034698486 sec
Sidebar: 0.28390884399414 sec