การสึกกร่อนทางปัญญา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ มีบัญชาให้สภาการศึกษาแห่งชาตินัดประชุมคณะกรรมการนัดแรก สมัยนี้..ขืนโอ้เอ้ตกกระป๋องเอาง่าย ๆ อย่างท่านรัฐมนตรีคนที่แล้ว มาไวไปไวปานสายฟ้าแลบ ประเทศเราใช้รัฐมนตรีเปลืองที่สุดในโลก ออกข้อสอบเด็กจำไม่ได้หรอก แม้แต่ผมเองก็จำไม่ได้ไล่ไม่หมดทุกคน วันนี้มีวาระสำคัญเรื่องเพื่อพิจารณา ข้อเสนอการจัดตั้งเขตพื้นที่การศึกษา (มัธยมศึกษา) ที่ยืดเยื้อมาจากการประชุมเดือนกันยายนปีที่แล้ว แม้ทุกฝ่ายจะพยายามหาทางแก้ไข แต่ก็ต้องหารือกันเหงื่อตก เพราะวิธีการต้องเผชิญกับกฎระเบียบ กฎเกณฑ์ กฎหมาย สรุปเอาเป็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน
รัฐมนตรีถามว่า
ถ้าเราปฎิรูปการศึกษาแล้ว
จะบอกประชาชนได้ไหมว่าคุณภาพการศึกษาดีขึ้นกว่าเดิม
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ตอบได้ตรงใจผมมาก
ท่านบอกว่า เราคงบอกเป็นมั่นเหมาะไม่ได้
เพราะเราบริหารการศึกษาบนความไม่พร้อม
ยังขาดแคลนหลายอย่าง ทั้งงบประมาณ และอัตรากำลัง และเรื่องอิ่น ๆ
แต่ก็จะพยายามทำเต็มความสามารถ
เรื่องความคาดหมายว่าผลพวงการศึกษาจะดีขึ้น ภายใต้โครงสร้างที่อีหลักอีเหลื่อนี้ รัฐบาลต้องถามตัวเองก่อนว่า จะสามารถสนับสนุนระบบการศึกษาให้เพียงพอแก่ความต้องการทั้งด้านปัจจัยและ กำลังคน ที่สำคัญปัญหาการล้วงลูกจากมือที่มองไม่เห็น ได้ทำลายระบบคุณธรรมภายในองค์กรเป็นอย่างมาก คนทำดีขาดความก้าวหน้า ขาดกำลังใจ เพราะการแทรกแซงของเงาอสุรกาย ถ้าเราแก้ไขหรือคลี่คลายเรื่องความชอบธรรมไม่ได้แล้ว ถึงจะทุ่มเททำเรื่องอื่นมันก็เป็นไปอย่างอีแอบอยู่นั่นเอง ถึงยังไงก็ไม่อย่าเพิ่งหมดหวังนะขอรับ ลมหายใจยังไม่สิ้นก็ดิ้นไป
ช่วงบ่ายมีนัดกับทีมที่จะจัดงานระพีเสวนา ผมนัดรอกอด ป้าจู๋ม ครูปูมาปรึกษาหารือกัน เจ้าภาพต้นเรื่องเล่าว่า วันที่ 3 พฤษภาคม จะมีงานระพีเสวนาในส่วนของผู้ปฏิบัติที่เป็นเครือข่ายภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ มีอยู่ทั่วประเทศ แต่รูปแบบของงานอยากจะเห็นเด็ก ๆ ลงไปเรียนรู้ตามเครือข่ายต่าง ๆ แล้วมานำเสนอที่เวทีกลางที่ห้องประชุมสยามกัมมาจล สำนักงานธนาคารไทยพานิชย์
ผมขอฝากเรื่องนี้ไปถึงพี่น้องแซ่เฮ ช่วยกันคิดเป็นการบ้านด้วย ว่าเราจะจัดนิทรรศการของบริบทเฮฮาศาสตร์ให้ออกมาในรูปแบบใด ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2552 ถือเป็นวันชุมนุมชาวแซ่เฮดีไหมครับ เมื่อรู้ตัวอย่างนี้แล้วก็เตรียมใจเสนอได้เลยนะครับ ใครคิดเห็นกระบวนการพิเศษอะไรก็ขอให้เสนอแนะด้วย ช่วงเย็นเกิดร้อนวิชาขึ้นมาอีก จึงนัดครูปู อาจารย์ขจิตไปกินข้าวที่ร้านเส่ย ที่อยู่ในสถานีรถไฟสามเสน เส่ยนั้นขึ้นชื่อในการปรุงอาการรสเด็ดสะระตี่ ฝีมือจัดจ้านยิ่งนัก เป้นที่รู้จักดีของคอทองแดงทองดำทั้งหลาย
อิ่มแล้วครูปูมาส่งถึงห้อง 814
ทราบว่าท่านอัยการชาวเกาะมาอยู่ในห้อง 813
พาครูปูกับครูขจิตบุกเยี่ยมถึงในห้อง
..กระโดดกอดตามธรรมเนียม
ผมถ่ายรูปได้หวุดหวิด
กดได้ คลิกเดียว เแบตเตอรี่กล้องหมดไฟพอดี
จะบังเิิอิญอะไรขนาดนั้น
แต่มันเป็นความจริงไปแล้ว อิอิ
« « Prev : ขบวนเฮฮามหากุศล รอบหมูไม่กลัวน้ำร้อน
Next : พาหนุ่มหล่อวิ่งรอกประชุม » »
3 ความคิดเห็น
พ่อลูกเจอกัน คงจะห่างเหินกันมานาน
การสอนต่อยอดนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย สังเกตอยู่อย่างว่านักศึกษาต้องการคำตอบสำเร็จรูป…เช่นมักจะถามว่า ถูกหรือผิด แล้วนำคำตอบถูกผิดจากอาจารย์ไปเป็นคำตอบของตัวเอง….การนำสิ่งที่อบรมสั่งสอนไปคิดวิเคราะห์ใคร่ครวญไม่ค่อยมี แต่จะรู้สึกว่าการที่อาจารย์ตักเตือนเป็นการ ด่า และเขาก็จะตอบสนองโดยไปประเมินอาจารย์อย่างเสียๆหายๆ ในระบบการประเมืนออนไลน์ ทำให้มีผลต่อการประเมินขั้นเงินเดือนของอาจารย์ท่านนั้นและยังถูกมองในแง่ลบจากเพื่อนร่วมงาน…ซึ่งท้ายที่สุดอาจารย์ก็เบื่อที่จะสอน.ถือซะว่าลูกคนอื่นพ่อแม่เขายังไม่สอนแล้วตัวเราเป็นใครถึงอยากไปสอนให้นักศึกษามาประเมินหยาบคาย.
..ใครที่ยังอดทนสอนนอกเหนือจากวิชาก็จะต้องเอาหูทวนลมให้มากไม่อย่างนั้นก็บั่นทอนกำลังใจ
อีกอย่างคือ …บางครั้งนักศึกษาทำอะไรไปแล้วตอบไม่ได้ว่า ทำไปทำไม…แต่จะตอบแบบอัตโนมัติว่า “ก็เห็นใครๆก็ทำกัน”
พยายามค้นหาคำตอบว่า จะทำอย่างไรเหมือนกันค่ะ
อาเหลียงขา ภาพนั้นทำตามสัญญาครั้งอ่านบันทึก ไผเป็นไผ ของท่านอัยการจบหน่ะค่ะ
ตั้งใจจะมายิ้ม
ทำไมมีน้ำตาซึม ๆ ไหลออกมาก่อนไม่ทราบค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ ไม่รู้จะใช้คำไหนขอบคุณดี สำหรับบันทึกอันทรงคุณค่าเหล่านี้
คราวหน้าอย่าแปลกใจนะคะ ถ้าน้องครูปูจะขอ “กอด” ให้แน่นขึ้นไปอีกแยะเลยหล่ะค่ะ ^_^