ทริปดูไผ่-ไปชิมหลงลับแล-ยักแย่ยักยันหาหมอ

อ่าน: 4192

(อุตรดิตถ์ยามเช้าเงียบสงบสบายๆ)

หลังจากกระหืดกระหอบขึ้นรถไฟไปเมืองลับแล ได้ทบทวนความหลัง รู้ว่ารถไฟไทยยังรักษาสภาพเดิมไว้อย่างแน่นเหนียว ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลง 20 ปีอย่างไรก็คงเป็นไปอย่างนั้น กำหนดเวลาจะไปถึงสถานีปลายทางประมาณ 04.45 นาฬิกา ระหว่างทางรถไฟหยุดสับหลีกเป็นระยะๆตามแบบฉบับของรถไฟรางเดียว แต่คืนนี้รถไฟสวนทางเสียเวลาไป2ชั่วโมง ทั้งๆที่รถไฟไม่เคยรอใครนี่นะ ใกล้จะถึงเวลาลงสถานีปลายทาง เรากังวัลเพราะมีคนใจดีมารอรับในช่วงเวลาที่น่าจะนอนอย่างผาสุข.. รออย่างไม่รู้ไม่ชี้เพราะไม่รู้จะถามใคร จากช่วงที่ท้องฟ้ามืดจนท้องฟ้าสว่างโร่ เราถึงโผลงสถานีรถไฟอุตลดิตถ์ ที่มีรูปแบบเหมือนห้องแถว


ครูอึ่ง-ครูอาราม-มารับไปโรงแรม ไปเจออาว์เปลี่ยนยืนยิ้มเผล่ อ้าวมาก็ไม่บอก ชอบเป็นขอมดำดินให้เราแปลกใจตามสไตล์ชาวหงสา ..ประจวบกับไม่ได้อาบน้ำก่อนเดินทาง จึงรีบสะสางความอึดอัด รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม แล้วรีบเดินทางไปพบหมอนวดซึ่งเปิดร้านขายยาอยู่ในตลาด มีการนัดหมายล่วงหน้า ได้เวลาหมอก็เรียกผมไปนั่งเก้าอี้ตรงหน้า หลังจากนัดก็นวดๆๆๆกดจุดตามร่างกาย มีการหิ้วปีกขึ้นให้กระดูกลั่นด้วยนะเธอ ต่อรายการด้วยขาใหญ่ในลักษณะคล้ายๆกัน ถามสมาชิกแซ่เฮมีใครจะนวดไหม? ทุกคนตับหด..อาจจะเห็นว่ามันน่าหวาดเสียว จึงสละสิทธิ์ไม่ขอลองดี อิ อิ  หมอใจดี แจกต้นยาสมุนไพรให้มาปลูกอีกต่างหาก มียาตัวหนึงน่าสนใจ หมอบอกว่าเหมาะกับคนที่เป็นโรคไต แต่ที่แจกให้เป็นเป็นต้นยารักษาโรคกระเพาะ เฮ้อ คนขี้โรคไปไหนก็ไม่พ้นให้หมอจัดการ

ระหว่างนั่งๆนวดๆ มีโทรศัพท์จากเจ้าของสวนไผ่เข้ามา บอกว่ารอเวลาที่จะพาเราไปชมแปลงไผ่ เขานึกว่าผมเป็นพระ เรียกพระอาจารย์ทุกคำ ..พระอาจารย์มากับพระกี่องค์ ..พระอาจารย์รออยู่วัดไหน?  ..โธ่ๆๆมากัน4-5คน นักกันตรงไหนดี ผมไม่เคยมาไม่รู้ว่าจะบอก เจ้าของสวนตัดสินใจนัดพบที่อนุเสาวรีย์พระยาพิชัย เมื่อรู้เป้าหมายก็ขึ้นรถล้อเคลื่อนไปจุดหมาย ใกล้ๆที่จอดรถเป็นบริเวณจัดงานแสดงสินค้าสหกรณ์ของจังหวัด ระหว่างวันที่ 7-12 ก.ค.54 เอาละสิ ..

(หลงลับแลราคา 270 บาท หมอนทองราคา 50 บาท/ก.ก.)

ทุเรียนลับแล ที่เบิร์ดบอกว่าวายไปหมดแล้ว เกิดความหวังขึ้นมารางๆ ชวนกันเดินเข้าบริเวณงานผ่านร้านจำหน่ายต้นไม้ เพิ่งจะเคยเห็นต้นมะแขว่น จึงซื้อมา 1 ต้นทั้งๆที่อยากจะได้หลายต้น ถ้ามักโลภก็จะลำบากตอนหิ้วขึ้นเครื่องนะสิครับ เดินต่อไปทางด้านหลังมีมุมขายผลไม้มองเห็นกองทุเรียนหรอมแหร่มกองเล็ก มีลูกใหญ่-ลูกเล็ก-และที่อยู่ในเข่ง เข้าใจว่าเพิ่งจะเอามาจัดวางขายยังไม่เรียบร้อยดี จึงเข้าไปถาม

มีทุเรียนพันธุ์หลงลับแลไหมน้า

น้าผู้หญิงแกบอกว่า..นี่แหละเจ้าของสวนตัวจริงเสียงจริงเชียงแหละ

เพิ่งให้คนสวนตัดมาส่งสดๆร้อนๆ

พวกเรารีบมะรุมมะตุ้มถ่ายรูปสอบถามกันใหญ่

ป้ายราคา..หลงลับแลโลละ270 บาท หมอนทองราคา 50-60 บาท

โอ้ว..น่ามันจะอร่อยที่สุในโลกจริงๆหรือนี่

หลงลับแลลูกเล็กๆกะป๊อกกะแป๊ก น้ำหนักประมาณกิโล อาจจะมีเกินไปบ้างนิดๆหน่อยๆ

(เหมามาครึ่งเข่งเอามาฝากพี่น้องแซ่เฮ)

ขาใหญ่ใจร้อน บอกให้เจ้าของสวนผ่ามาชิมดูสิ ลองดูสัก3ลูกก่อน เจ้าของสวนมือใหม่ผ่าทุเรียนไปคุยไป เล่าประวัติที่ไปที่มา บอกว่าสามีเป็นคนปลูก ต้นหนึ่งให้ติดผลเป็นร้อยๆลูก ต้นสูง เก็บยากเหมือนกัน สามีคนปลูกกลับบ้านเก่าไปแล้ว ทุเรียนหลงลับเลจึงเป็นมรดกตกทอดให้ภรรยาได้เก็บขายทุกปี “ป ลู ก ต้ น ไ ม้ ก็ ดี ยั ง งี้ ล ะ ค รั บ” ถึงตัวไม่อยู่ก็มีหมากผลต้นไม้เลี้ยงดูคนที่รักที่อยู่ข้างหลัง ดีไหมละ มรดกที่มีชีวิตช่วยชีวาเช่นนี้..เป็นสมบัติที่ไม่ต้องฝากธนาคาร ไม่ต้องยุ่งยาก ถึงเวลาก็มีผลออกมาให้เก็บเกี่ยวประโยชน์

(นับเป็นวาสนาที่่ไม่แห้ว เหลือสวนสุดท้ายเก็บไว้รอเรา อิ)

แม่ค้าสวนทุเรียนแกะเนื้อทุเรียนออกมาให้เราชิมทั่วหน้า

พบบางลูกที่เนื้อไม่สวยมีลักษณะไม่ดี

แม่ค้าก็ไม่ขาย บอกของไม่ดี เอาลูกใหม่

ผ่าไป ชิมไป คุยกันไป อร่อยทั่วหน้า

ผมไม่คิดอะไรมาก ..ได้ชิมหลงลับแลตามที่ตั้งใจก็สมใจหวังแล้ว

แต่ขาใหญ่สิครับ สั่งให้แม่ค้าเลือกทุเรียนที่พร้อมเจี๊ยะ 20ลูก

บอกจะเอาไปฝากพวกเราแซ่เฮ..ที่ไม่ได้มา

แม่ค้ายิ้มแป้นหน้าบาน..รับทรัพย์ไปหลายพัน

(ไปชมแปลงผลิตกล้าไม้ไผ่ซางผิวนวล)

เราไปจุดนัดพบเจ้าของสวนไผ่ เธอเป็นสาวใหญ่อารมณ์ดี พูดคล่องเดินไวฉับๆ  พาเราไปชมแปลงสำหรับเตรียมกิ่งพันธุ์ที่อยู่หลังบ้าน ถามไถ่ข้อมูลต่างๆ ตอนไผ่ยังไง ให้น้ำให้ปุ๋ยยังไง ผลิตได้ปีละกี่กิ่ง จุดดีจุดด้อย จุดเปรียบเทียบกับไผ่พันธุ์อื่นๆ คุณสมบัติพิเศษมีอะไรบ้าง ถามๆๆๆจนจุใจแล้วไปดูแปลงกล้าไผ่พร้อมจำหน่าย ครูอารามซื้อไผ่ซางนวลกับหม่าจูไปปลูกที่โรงเรียน ส่วนอาว์เปลี่ยนมีโครงการที่จะไปส่งเสริมประเทศลาวให้ปลูกไผ่เหมือนกัน จึงนัดหมายวิธีสั่งซื้อที่จะติดตามมาเร็วๆนี้

เสียดายที่ไม่มีเวลาไปชมสวนผลไม้ของชาวลับแลขนานแท้

หมอเบิร์ดกรุณานัดหมายคุณน้าให้แล้ว

ผมไม่มีเบอร์โทรฯที่จะไปบอกกล่าวความฉุกลุก

ได้แต่กังวลและขอโทษในใจ วันหลังจะบุกไปจนถึงนะคุณน้า

ได้เวลาเดินทางต่อ ผ่านพิจิตร-อำเภอห้างฉัต-ลำปาง-ลำพูน

ครูอึ่งบอกว่ามีวัดที่เกี่ยวกับประวัติพระนางจามเทวีจะแวะไหม  แหมถ้าโชเฟอร์ไม่หมดแรงทุเรียนก็อยากแวะอยู่แล้ว ..เป็นวัดเล็กๆที่น่าทึ่งมาก ทุกอย่างเล็กแบบพริกขี้หนู สิ่งเก่าสร้างเก่าแก่แต่วิจิตรบรรจงลงตัวอย่างเต็มฝีมือเชิงช่าง ครูอึ่งบอกว่าวัดนี้คนไม่ค่อยแวะไม่ค่อยรู้จัก จึงเสียดายแทนนักท่องเที่ยวที่ไม่มีวาสนาได้พบวัดที่พิเศษแห่งหนึ่งของภาคเหนือ หลังจากนั้นก็บึ่งต่อจนถึงเมืองละปูน เข้าพักโรงแรม“ลำพูนวิลล์” ที่สุดแสนประทับใจ รีบอาบน้ำเพราะมีคิวกิ๊กจะมารับไปหาหมอเทวดา มาเที่ยวนี้นอกจากจะมาดูไผ่-ไปชิมหลงลับแล แล้วก็ยักแย่ยักยันมาหาหมอนี่แหล่ะ

(โปสเตอร์โฆษณา  ภาพผู้ที่เข้ามารับรักษา)

หลังจากเข้าห้องพัก อาบน้ำแล้วจะงีบสักหน่อย อาจารย์ดร.ไพลินกับคุณพรพรรณกรุณามารับไปหาหมอเทวดา เรื่องนี้ไม่เห็นกับตาก็จะหาว่าโม้ หมอที่ว่านี้มีไม้กลมๆยาวประมาณ 1 คืบ ถ้าจี้ที่หัวแม่เท้าคนไข้คนไหนปวดร้องโอดโอยดิ้นปัดๆ แสดงว่าถูกคุณไส-ผีเข้า -หรือมีเจ้ากรรมนายเวรตามมาราวี จะแสดงอาการร้องโวยวายหรือไม่ก็แสดงอาการเกรี้ยวกราดสู้กับหมอ กว่าจะขู่จะปลอบแพ้ชนะกันบางรายใช้เวลานับชั่วโมง ..ผมอยู่ในประเภทผีเกรงใจ หมอเอาไม้เท้าจี้จึงไม่มีอาการใดๆ หมอเลยจับนวดทั้งตัว เจ็บเป็นบ้าเธอเอ๋ย แต่ก็ยอมสู้ทนเพราะเส้นเอ็นพังผืดเรามันไม่ปกติ หมอใช้เวลานวดผมประมาณ 20 นาที ก็ไล่ไปอบสมุนไพรเพราะเห็นว่าเป็นภูมิแพ้ ต่อจากผมเป็นรายการของขาใหญ่ บอกหมอล่วงหน้าว่าเป็นโรคหัวใจ ถึงกระนั้นก็โดนนวดตามขั้นตอนไม่เบาเหมือนกัน จบลงด้วยการอบสมุนไพร หลังจากถามไถ่กันก็บอกว่าอาการดีขึ้น ติดใจจะหาทางกลับไปนวดอีกเร็วๆนี้

(ขอบคุณอุ้ย ขอบคุณสายญาติชาวเหนือที่แนะนำสิ่งดีๆอย่างคาดไม่ถึง)

ออกจากหมอก็ไปเข้าที่เชียงใหม่ ครูอึ่ง-อาราม-อาว์เปลี่ยน-รับอุ้ยออกจากเรือนหอไปรอที่ร้านอาหารในสนามกอลฟ์  อุ้ยแนะนำให้ไปชิมร้านนี้ ชื่ออิหยังผมก็ลืมเสียแล้ว พอครบหน้าครบตาก็สั่งอาหารตามชอบมารับประทานกันคนละมุบมั๊บ ผมกับขาใหญ่สั่งสเต๊กเนื้อ รสชาติไม่ธรรมดา ทุกคนชมว่าเสน่ห์ปลายจวักไม่เบาเชียวแหละ ขาใหญ่ติดใจสเต๊ก ถึงกับสั่งรอบ2แถมยังบอกว่าจะทบทวนความจำทุกครั้งที่มาเชียงใหม่ อิ่มแล้วก็แยกกันไปนอน ลุยมาทั้งวันจนหมดแฮงที่จะลุกมาเขียนบันทึกรวดเดียว จึงขออนุญาตเล่าเพิ่มเติมให้จบรายการทัวร์วันแรกไว้แต่เพียงเท่านี้ อิ

« « Prev : แผนพัฒนาฉบับที่ 11

Next : เป้าประสงค์/วัตถุประสงค์ ที่บุกลำพูน » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

11 ความคิดเห็น

  • #1 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 กรกฏาคม 2011 เวลา 9:16

    หลายปีมาแล้ว ผมไปสัมภาษณ์ได้ความว่า หลงลับแล คือ ก้านยาว ที่กลายพันธุ์เมื่อเอาไปปลูกที่ อตด.

    ถ้ามีเวลาอย่าลืมไปทานอาหารที่ “ม่อนลับแล” เด๊อครับ บรรยากาศดี มีกีทอผ้าโบราณแสดงด้วย มีที่พักด้วยแหละครับ

  • #2 ออต ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 กรกฏาคม 2011 เวลา 19:26

    โอ้ คิดฮฮดเมืองละพูนแฮง

  • #3 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 กรกฏาคม 2011 เวลา 19:50

    บ่เป็นหยังหรอกค่ะ …ถ้าเข้าไปดูสวน อาจอดกินหลงลับแลก็ได้นะค้า 555

    แปลกดี แสดงว่าสวนนี้ออกล่ามากเลยค่ะ เพราะแถวบ้านน้าตุ๊ วางวายไปหมดแล้ว…พ่อครูตั้งใจว่าจะไปกินไม่ใช่เหรอคะ ได้กินสมใจเลยนะเนี่ย ;)

  • #4 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 กรกฏาคม 2011 เวลา 20:23

    อนุสาวรีย์พระยาพิชัย (ดาบหัก) โหย..น่าสงสารท่านมากเลย..กู้ชาติปานนี้ไม่มีคนไทยสนใจไปดูกันเลย

    อ.ตรอน. เดือนเมษา มีเป็ดจากไซบีเรียบินมาเต็มสระ บอกให้แม่ค้าไปจับเอามาปิ้ง ก็ว่า ตำรวจเขามีโควต้า บ้าเหลือหลาย

    เหล็กน้ำพี้ ไปดูมา ไม่ค่อยเข้าท่า มีแต่ร้านค้าขายมีด แต่วิชาไม่ค่อยให้

    น้ำตกแม่พูน ..สวยแท้ แต่มีขยะมากไปหน่อย

    โอ้อุตรดิตถ์แห่งความหลัง
    เธอสวยจังจนหลงลับแลหนอ
    วันนี้ขอฝันกลางวันก็คงพอ
    กีปีหนอกว่าจะได้ไปอีกครั้ง

  • #5 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 กรกฏาคม 2011 เวลา 22:31

    วัดที่ไปมานั้น ชื่อ วัดปงยางคกค่ะ ออตไปมาหรือยังหนอ..รู้แต่ว่าสาวเหนือชวนพีหมอเจ๊ตามรอยออตไปวัดไหล่หินกัน ชอบมาก
    เจ้าหนูเสื้อสีส้มเธอเขียนบันทึกประสบการณ์ไปเที่ยววัดปงยางคกและวัดไหล่หินไว้ที่ http://www.gotoknow.org/blog/dd290850/306901 ค่ะ
    มีข้อมูลเกี่ยวกับวัดและหนานทิพย์ช้างแถมไว้ด้วย..อิอิอิ

  • #6 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 10 กรกฏาคม 2011 เวลา 20:53

    จะปลูกไผ่ด้วยคน ได้ข้อมูลวิธีสั่งซื้อแล้วละก็ บอกกันด้วยค่ะ

  • #7 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 10 กรกฏาคม 2011 เวลา 21:17

    จะปลูกประมาณกี่ต้นจะได้เผื่อไว้ให้ครับบบบบบบบบบบ

  • #8 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 10 กรกฏาคม 2011 เวลา 21:28

    กะว่าจะปลูกสักร้อยต้นค่ะพ่อครู

  • #9 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2011 เวลา 7:55

    จะจัดการให้นะหมดเจ๊ แต่อาจจะต้องมาขนเอง
    ถ้าจะให้คุ้มค่ารถ อาจจะต้องเอาไม้อย่างอื่นไปด้วย
    ลองพิจารณาดูว่าจะปลูกอะไรบ้าง
    1 ไผ่ชนิดต่างๆ 100 - 150 ต้น
    2 อะคาเซีย 200 ต้น
    3 เอกมหาชัย 100 ต้น
    4 ฯลฯ ถ้ารวมๆ 500 ต้นจะเต็มรถปิคอัพพอดี
    ไว้นัดกันอีกที อิ

  • #10 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2011 เวลา 11:55

    อิอิอิ หลง-หลินลับแลมีคนจะพัฒนาพันธุ์แล้วค่ะพ่อครู วช.มีโครงการแล้ว ;)

    http://www.komchadluek.net/detail/20110711/102724/%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%96%E0%B9%8C%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%8A.%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%A2%E0%B9%8C.html

  • #11 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2011 เวลา 21:32

    ขอบใจเบิร์ดที่ส่งข่าวหลงลับแล ทราบว่าคณะวิจัยจะเอาผลทุเรียนมาให้ชิมในงานประชุมผลงานวิจัยของ วช. ในปลายเดือนสิงหาคม ศกนี้
    มหาชีวาลัยอีสานต้องไปแสดงผลงานวิจัยไทบ้านด้วย ไม่ทราบว่าเบิร์ดมางานนี้ไหม ตั้งใจจะเชิญท่านจอหงวนแห่งสุรนารีมาขึ้นเวทีด้วย และขอเชิญสมาชิกแซ่เฮมาร่วมงานด้วย เด้อ อย่าลืมเคลียคิว ของมหาชีวาลัยอีสานตรงกับวันที่ 27 สิงหาคม อิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.11968588829041 sec
Sidebar: 0.067509174346924 sec