แผนพัฒนาฉบับที่ 11
โห เมื่อวานนี้มีงานชุมนุมใหญ่ของนักคิดนักคันเพื่อชาติ จากทุุกสำนักมาชุมนุมกันสรุปแนวทางพัฒนาประเทศไทยในกรอบ5ปี ก่อนหน้านี้เจ้าภาพก็ลงไประดมความคิดในระดับภูมิภาคมาแล้วหลายครั้ง เพื่อหวังว่าจะเห็นคนไทยคิดอย่างไรกับบ้านเมืองตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่ง่ายนักหรอกที่จะประมวลความรู้สึกนึกคิดให้เป็นมติของประชาชาติ ทางอีสานมีรายการประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเป็นระยะๆ มีเพลงยาวส่งมาเกี้ยวผมอยู่เรื่อยแหละ แต่..บ่ได้ไปร่วมสักครั้ง จนกระทั้งมาถึงคราวประมวลผลรอบใหญ่ครั้งสุดท้ายเมื่อวานนี้้ มีรายการให้ขึ้นเวทีด้วย แหม..ถ้ายังงี้ก็ถึงไหนถึงกัน เพราะไปขายเรื่องใบไม้เลี้ยงวัวมาหลายกระถอกแล้ว ไม่เข้าท่าสักที คราวนี้มีเวลายึดไมค์ ฉายคริป ฉายเพาเวอร์พ๊อทย์ 20 นาที สรุปอีก 5นาที ก็กระดี๊กระด๊านะสิเธอ
ผู้คนทยอยเข้าห้องแกรนด์ไดมอนนับพันคน
นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ท่านเดินทางมาเป็นประธานที่ประชุม
แหม นี่ถ้าชนะการเลือกตั้งเป็นนายกฯต่อ บรรยากาศคงจะสดใสซาบซ่ากว่านี้
แต่ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดี กล่าวถึงความห่วงใยในแผนพัฒนา
ผมก็นึกไปว่า..ถ้าไม่โดนศึกน้ำมันพืชถล่ม เอาตอนใกล้ๆเลือกตั้ง
ไม่โดนท่านมหาชวนใครโนโหวต
โดนพรรคร่วมรัฐบาลบิดตะกูด
คะแนนคงไม่จุ๊ดจู๋ถึงเพียงนี้
เรื่องมันผ่านไปแล้ว..ยังไงก็ต้องเคารพสิทธิ์ของคนไทยส่วนใหญ่
เมื่อมอบหมายงานแล้วก็คงปล่อยให้คนสวยมาแสดงบทกัปตันพาเรือโต้คลื่นต่อไป
ผมเอ้อระเหย เพราะดูรายการแล้วเขาให้ขึ้นเวทีภาคบ่าย ที่ไหนได้โดนโทรถามถึงไหนแล้ว เรามองหาไม่เห็น รอรับอยู่ข้างหน้าตรงลงทะเบียนนะคะ เอาละสิ ยังงี้ก็ต้องรีบเผ่น ไปถึงจึงรู้ตัวว่าเรานี่แย่เป็นบ้า ถ้ามาเร็วก็จะได้จ๊ะจ๋ากับผู้ใหญ่ รับฟังเรื่องดีๆนอกรายการ บ้านเมืองเปลี่ยนไปอย่างนี้ผู้ทรงภูมิทั้งหลายจะมีความเห็นอย่างไร ซึ่งมันน่าฟังกว่าการพูดหน้าฉากมากนัก เกล็ดเด็ดๆจึงได้ฟังบ้างบนโต๊ะอาหารกลางวัน ที่ได้เจี๊ยะกับจอมยุทธของค่ายต่างๆ
ท่านอาจารย์หมอประเวศ ก็เสนอแนวคิดการพัฒนาฯ
ให้เอาคนเป็นตัวตั้ง
เอาพื้นที่ เอาชุมชนเป็นตัวตั้ง
เอาตำบล-อำเภอ-จังหวัดเป็นตัวตั้ง
ส่งงบประมาณไปให้เขาบริหารกันเอง
อย่ามาหมกเม็ดกันอยู่ที่ส่วนกลาง
1 มหาวิทยาลัยหนึ่งจังหวัด ฯลฯ….
ช่วงบ่ายแยกย้ายกันเข้าห้องตามกลุ่มหัวข้อ ผมอยู่กลุ่ม3 ต้องอภิปรายเรื่องความมั่นคงอาหารและการจัดการทรัพยากรที่ยั้งยืน ตอนแรกเขาจะให้เปิดเกมส์ ท่านประธานดำเนินรายการ ศ.สนิท อักษรแก้ว บอกว่า..ยังงี้ดีกว่า ครูบาเป็นคนสุดท้าย ฟังผู้สันทัดกรณีท่านอื่นเสนอให้จบ แล้วบอกสิว่า..ชาวบ้านฟังแล้วมีความเห็นเป็นประการใด เพราะงานนี้มีชาวบ้านมาหน่อเดียว นอกนั้นเป็นคนส่วนกลางหรือไม่ก็มาจากภาคธุระกิจ-อุตสาหกรรม-ผู้บริหารหน่วยงานสำคัญๆ คนฟังก็เต็มห้องละครับ การได้ฟังคนอื่นนั้นดีที่สุด ซีพีว่าไง ประธานสถาบันพัฒนาTDRIว่าไง ดร.อานนท์ นักวิเคราะห์ความเปลี่ยนแปลงโลกว่าไง แล้วก็มาถึงตอนผมที่เขาไว้ให้งัดท้าย
ถามว่า..ชาวบ้านรู้สึกยังไง ก็ขอบอกว่า มึนตึ๊บ! ครับผ๊ม
เราอยากจะเป็นนั่นได้นี่แต่ไม่มีความพร้อมสักอย่าง
คุณภาพของคน-วิสัยทัศน์-ทุน-เทคโนโลยี-นวัตกรรม-งานวิจัย-แม้แต่น้ำทำการเกษตร ไม่มีไม่พร้อมอะไรสักอย่าง แล้วจะพัฒนาให้พรึบพรับได้อย่างไร คงต้องเรียนวิธีทำงานบนฐานความไม่พร้อม ใคร่ครวญให้ดีมีอะไรที่พอจะทำได้ ก็ทำให้ดีเท่าที่จะทำได้ ท่ามความเปลี่ยนแปลงของโลก ท่ามกลางกระแสการแข่งขันกันอย่างนี้ ประเทศที่ความสามัคคีไม่มี จะเอาอะไรไปสู้เขา ผมฉายภาพไปโม้ไป ..บอกว่าเรื่องความมั่นคงอาหารกับความยั่งงยืนของทรัพยากร ควรทำให้เป็นเรื่องเดียวกัน จะเอาความั่นคงมาบวกความยั่งยืนได้คนในชาติจะต้องตระหนักว่าเป็นหน้าที่ของคนไทยที่มีต่อส่วนรวม ถ้าแยกเป็นเบี้ยหัวแตกซอยทำๆๆๆไม่ดูตาม้าตาเรือมันไม่เห็นผลหรอก ถ้าไม่ทำความเข้าใจแล้วพัฒนาไปเป็นความตั้งใจของประชาชาติ
อนึ่ง เราก็เพิ่งผ่านการหาเสียงของแต่ละพรรค
ที่ประกาศปาวๆ ว่าจะแจกแหลกให้ประชานิยมตู
จะได้เก็บความรักความหลง ความผูกพันไว้รวบคะแนนเสียงไปยาวๆ
ตูไม่ได้ควักกระเป๋าตัวเองแจกนี่หว่า
เอาเงินของแผ่นดินมาหาเสียงสนุกจะตาย..
ความจริงเป็นเช่นนี้ก็ลองยกตัวแม่เท้าตรองดู
พรรคไหนเขาจะเอาแผนพัฒนาฯฉบับที่ร่างกันนี้ไปทำ
รัฐบาลก็ต้องทำตามที่เขาประกาศล่วงหน้าหาเสียง
ไม่อย่างนั้นก็จะโดนข้อหาหลอกลวง ดีแต่พูด ..
อ้าว! แล้วที่สภาพัฒน์ชวนใครๆมาระดมความคิดนี่ละจะทำยังไง
ตอบ..ไม่รู้โว้ย ๆๆๆๆๆ ไม่รู้รึใครขาโจ๋ ใครขาใหญ่
ยกประเทศให้ข้าแล้วจะมาอะไรกันนักกันหนา
ซื้อเสียงซื้อประเทศสำเร็จแล้วทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ
แผนประเทศ มันจะมาใหญ่กว่าแผนพรรค ก็ให้มันรู้ไป ชิ ชิ..
ผมฉายคริปตอนสับใบไม้เลี้ยงวัวให้ที่ประชุมชมแบบจะๆ พร้อมกับบอกว่าปลูกๆๆต้นไม้กันเถอะ แล้วตัดเอาใบเอากิ่งมาทำประโยชน์ ถึงในแผน 11 จะมีแต่แผนส่งเสริมเรืองข้าว-ข้าวโพด-มันสำปะหลัง ไม่มีแผนส่งเสริมป่าไม้ปลูกไม้ แต่อยากจะได้ความยั่งยืนทางธรรมชาติ นี่แหละประเทศไทย เมื่อไหร่จะเกาให้ถูกที่คันสักที มีคนถามว่า..ในแผนควรจะจัดงบโน้นงบนี้ โธ พ่อมหาจำเริญ เรื่องแบบนี้ต้องไปเสนอนักการเมือง ที่นี่เวลทีเศรษฐกิจพอเพียง ผมก็บอกที่ประชุม ไม่ต้องรอต้องหวังอะไรลมๆแล้งๆ มีอะไรทำได้ก็ทำ ไหนบอกว่าพึ่งตนเอง จะรอวิมานอะไรละ แม้แต่เรื่องปลูกต้นไม้ ถ้ารักและเข้าใจอย่างถ่องแท้มันก็ปลูกเองได้ ทีหาเงินซื้อหวยซื้อยาบ้าไม่เห็นต้องรอของบประมาณ ก็ซื้อกันโครมๆ ..งานนี้คงกวนประสาทใครๆบ้างละ
ลงเวทีมานักข่าวรุมตอมยังกะแมลงวันตอม..ข..
ถามแปลกๆด้วยนะ ..บัตรเครดิทที่พรรคการเมืองจะแจกชาวบ้าน มีความเห็นยังไง
อ๋อ บัตรวิบัตินี่เรอะ..มันก็จะทำให้วินัยการเงินส่วนตัวส่วนรวมเละเป็นวุ้นนะสิ
ทำไม ไม่ทำบัตรเครดิทความรู้ ความคิด ความตระหนักในหน้าที่
ใครจะเรียนรู้ก็มีงบประมาณไปศึกษา ทำวิจัย
อย่าดูถูกชาวบ้านนะโว้ย ช้างป่ายังคล้องขี่คอมาแล้ว
นักวิชาการทำได้ป่าวววววว..
โต้กันไปมา จนเลขาดร.นฤมล บรรจงจิตร์ มาลากตัวออกมา ตามโผอาจารย์ก็จะเลี้ยงข้าว แต่โม้กันเพลิน จะตกรถไฟเอานะสิ จึงตกลงกันใหม่ ไว้วันหลังนะอาจารย์ เอาไว้มีเวลาจะมาให้อาจารย์เลี้ยงจนท้องปริ แต่วันนี้อาจารย์เมตตาเอารถตู้จุฬาฯมาส่งไปรับกระเป๋าที่โรงแรม แล้วไปส่งไว้ที่หัวลำโพง ขอบใจหนูที่ประสานงาน คล่องแคล่วฉับไวไม่งั้นตกรถไฟเจ็บยิ่งกว่าตกต้นตาลอีกนะเธอ ลากกระเป๋าเข้าไปหาขาใหญ่ ชวนกันกินข้าวแกง อร่อยสมใจนึกบางลำพู
2 ทุ่ม รถออก บอกพนักงานให้ปูที่นอน
วันนี้เหนื่อยเต็มทีขอนอนแผ่..ไป ก็แล้วกัน
4 ทุ่มได้มีเสียงโทรศัพท์จากเมืองลับแลว่ามารอรับแล้วเน้อ
อีกไม่กี่ชั่วโมงคงได้เจอกัน
นั่งบันทึกบนรถไฟ กลิ้งไปกลิ้งมา ตามจังหวะเบรค
รถใหญ่ก็เบรคหนักๆยังงี้แหละ
เราต้องปรับตัวปรับใจให้เล็กๆเข้าไว้
ขืนกร่างมีหวังโดนเหยียบบบบบบบ จิบอกไห่
งานนี้สัมภาษณ์กวนเบื้องล่างไปเยอะ
แต่ผมไม่ยอมเจ็บตัวคนเดียวหรอก
บอกไปว่า ถ้าข้องใจให้ตามไปลานปัญญา เห็นจดกันยิกๆๆๆ
ถ้าก้อนอิฐ ร้องเท้า ปลิวมาก็หลบๆหน่อยนะเธอ
อิ อิ
Next : ทริปดูไผ่-ไปชิมหลงลับแล-ยักแย่ยักยันหาหมอ » »
6 ความคิดเห็น
ผมนั่งดูทางทีวีอยู่ครับ เขาถ่ายทอดตอนพิธีเปิด ท่านอภิสิทธิ์กล่าวเปิดงาน
ผมว่ามีความพยายามพัฒนาการทำแผนงานนี้มาตลอด ผมมีเพื่อนที่ทำงานใน ศสช หลายคน ที่นี่เหมือนมันสมองชาติ
จริงอย่างพ่อครูว่า ทำแผนชาติ ใช้งบประมาณมากมาย แต่พรรคการเมืองเขาไม่ได้อิงแนวทางนี้ เขาอิงสัญญาที่ได้ให้ไว้กับประชาชนตอนหาเสียง หรือคิดกิจกรรมรัฐบาลเพื่อหาเงินเข้าพรรคเข้ากระเป๋า โดยโรยเปลือกนอกด้วยกิจกรรมประชานิยม เนื้อในคือการแสวงหารายได้มหาศาล
ก็นักธูรกิจเขาแข่งขันกันหารายได้ มากที่สุด
เขาทำธูรกิจนอกจากต้องอาศัยทฤษฎี 4M คือ Man Money Materials Management อาจารย์ในมหาวิทยาลัยสอนแต่ทฤษฎี ไม่เคยเป็นนักประกอบการเลยจึงมองไม่เห็นแต่นักธุรกิจเห็นรายละเอียดด้านลึกของ 4M
นักธุรกิจอย่างอดีคนายกไทยคนหนึ่งนั้น เรียนรู้ว่า M ตัวสุดท้ายนั้นเขาไม่ได้แปลเพียงว่า “ความรู้ในการบริหารจัดการ” แต่หมายถึง การเข้าไปนั่งอยู่ในจุดที่สามารถควบคุมการบริหารจัดการได้อย่างเบ็ดเสร็จ นั้นคือการขึ้นไปนั่งเป็นรัฐบาล เพราะการมีความรู้เพียงอย่างเดียวก็ยังอยู่ภายใต้เงื่อนไขของ System of Power (SoP) เขามีตัวอย่างในต่างประเทศ และเขาเห็นว่าเขาทำได้ จึงปูทางตัวเองขึ้นมาทีละก้าว ทีละก้าวจนบรรลุเป้าหมาย
คู่ขนานของการบรรลุ 4M คือประชานิยม กล่อมประชาชนให้อยู่หมัดด้วยยาหอมสารพัดชนิด เพราะจุดอ่อนของรัฐบาลที่ผ่านมามัวแต่ งมมะงาหลา กับคำหรูๆทางวิชาการ แต่อดีตนายกคนนี้มีคนข้างกายเป็นนักมวลชน ก็อ่านขาดในเรื่องการเข้าไปนั่งในจิตใจประชาชนด้วย ประชานิยม คู่ขนานกับประชานิยมคือ “การปรับ แต่ง แก้ กำหนด บังคับ” เงื่อนไขในการควบคุมการบริหารโอกาสในการทำเงินให้ธุรกิจตัวเอง ที่ซ่อนอยู่ใต้ตำแหน่งนี้ ที่คนอื่นไม่มีสิทธิจะทำได้ เพราะไม่มีอำนาจ
ประชาชนมองไม่เห็นภาพนี้ เพื่อเอาใจข้าราชการก็ทำในสิ่งที่เขาพึงพอใจบ้าง เช่นขึ้นเงินเดือน สวัสดิการ ใครที่อ่านเกมส์ชีวิตออกก็ปูนบำเหน็จให้ พูดจาคำที่ก้าวหน้า..ฯลฯ ความจริงมีคนเห็น หลายคนก็เกาะเสื้อสูทไปด้วย
บางคนเห็นภาพนี้ ออกมาตีโพยตีพาย แต่ประชาชนที่ติดงอมแงมประชานิยมไปแล้ว “ฟังแต่ไม่ได้ยิน”
เอ้าทำแผนชาติกันไป แต่ฉันจะควบคุมแผนได้อย่างไร หรือหยิบส่วนไหนของแผนมาทำเท่านั้น ทำแบบ วินวิน คือทำตามแผน และฉันได้เงินด้วย…
นี่ เอาหลงจู๊ มาบริหารประเทศ… เพราะสำนึกเขาคือ การหาเงินให้ได้มากที่สุด
พวกนี้ฉลาดที่จะทาสีตัวเอง เช่น ด้วยการเข้าวัดเข้าวาฉาบทาให้เป็นพุทธสาวกที่ดี สร้างวาทะกรรมเด็ดๆมาหลอกสังคมให้เห็นว่าผู้นำคือคนดี
ขอหล่ะตัวจริงนักมายากล…
เขาหละตัวจริงพ่อมดการเงิน…
เขาหละคือโจรปล้นแผ่นดิน…
เขาคือคนที่กินเนสบุ็คต้องมาทำบันทึกว่าเป็นคนปากกว้างที่สุด เพราะกินคำใหญ่ที่สุด….
อ้าวมาบ่นใส่พ่อครูซะแล้ว…
เคยไปร่วมตอนแผนฯ 10 แต่ก็เห็นว่าเป็นเพียงแค่การทำตามงานประจำ ทุก 4 ปี โดยแผนเก่าๆก็ไม่เคยได้รับการนำไปปฏิบัติมากนัก มีแต่รบ.ท่านสรยุทธ์ที่นำเอาเศรษฐกิจพอเพียงมาขับเคลื่อนมากหน่อย แต่มันไม่ทันใจคน (และไม่ทันเกมส์การเมือง)
เห็นว่าสภาพัฒน์ฯแม้จะเป็นแหล่งรวมคนฉลาด(ด้วยการเชิญมาระดมสมอง) แต่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเทศน้อยมากกกกก เหมือนทำงานประจำไปวันๆโดยนั่งอยู่ในที่ทำงาน แต่อำนาจในการกำกับดูแล ควบคุมไม่มีเลย แค่คิดแผนใหญ่แล้วก็จบ ?
ไม่ต้องพูดถึงสภาพัฒน์ฯระดับภาคเลยค่ะ ไม่ถึง ไม่มีส่วนร่วมในระบบบริหารงานแต่ละจังหวัดด้วยซ้ำไป ทำได้แค่แนะนำหัวระดับจังหวัด แต่จะทำหรือเปล่าเป็นเรื่องของเขา แล้วมีไปทำไม?
สาธุ สาธุ สาธุ ซ้าธุ อธิษฐานว่าจะใด ก็ ไม่บอก ไม่บอก 555 อิ
ขอส่งความคิดถึง ฝากไปเต็มหัวใจ ถึง เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ตกๆหล่นๆที่พิษณุโลกแน ด้วยความรักและเคารพค่ะ : )
ผมเสนอ ลดพื้นที่ทำนาลงมา เอาเพียงพอกินหรือเหลือกินเล็กน้อย เอาไวเป็นการประกันภัยด้วย
ปลูกป่าให้มากขึ้น โดยเฉพาะแหล่งต้นน้ำ เช่น น้ำหนาว โกร๋นหมดแล้ว
โรงงานอุตสาหกรรม(ของประชาชน) ขนาด 500 คนงานทุกตำบล
สหกรณ์ค้าปลีกทุกตำบล
ทำแค่นี้ บริหารให้ดี จะอยู่ดีมีสุข และยั่งยืนกันหมดเด๊อ
ตั้งพรรคการเมือง แล้วชูนโยบายนี้ดีไหม บาท่านเป็นหน. พรรค ผมเป็นเลขาให้เอง
ชื่อพรรคอะไรดี
ถ้ามีก้อนอิฐ กระป๋อง รองเท้าลอยมา ผมอาสาเก็บกวาดให้ครับ
อ้าว ซอ วอ ยอ เยย หายไปเดือนนึงนึกว่าจะรอด ดันโผล่มาเขียนวันนี้พอลีเลย แฮ่ ๆ ๆ ^^