แก่แค่ไหนก็ไม่เกินแกง
เมื่อวานหลังจากเขียนบล็อกแล้วกดเผยแพร่ มีตัวอักษรยึกยือออกมาแสดง ไม่สามารถส่งข้อความได้ จึงหาเรื่องไปดูหนังสือดีกว่า อยากจะได้พจนานุกรมไทย-จีน จะไปเที่ยวจีนก็แอบดูศัพท์แสงเขาหน่อยละเธอ คำง่ายๆเขาคุย-ถาม-แปล-สื่อความหมายว่าอย่างไร ในเมื่อภาษาจีนไม่รู้สักเอ๊ะ ก็เลยถือโอกาสเรียนภาษาจีนนิดๆหน่อยๆ ระหว่างเลือกดูหนังสือ หันไปเจอป้ายโฆษณาภาพยนต์เรื่อง Transformers 3 มีรูปหุ่นยนต์ท่าทางจะบู้สะบั้น น่าจะเป็นหนังหุ่นยนต์ลุยแหลก เป็นอภิมหาสงครามจักรกล ประกอบกับได้ยินแห้วพูดเรื่องหนัง3D เอ๊ะมันเป็นยังไงนะ คนบ้านนอกเคยดูแต่หนังขายยา วันนี้ถึงไม่มีลูกสาวผู้ดีไปดูด้วยอย่างขาใหญ่เล่าไว้ในบล็อก ก็ดูละวะ ..
เข้าคิวไปรอซื้อตั๋ว
อีหนูคนขายถามว่า ลุงจะดูแบบไหน
อ้าวมันมีแบบไหนละ เอาแบบที่ดีที่สุด และพากษ์ไทยด้วยนะ
อีหนูบอกราคา 260 บาท ฉายแบบดิจอตอล 3 D พากษ์ไทย
ก่อนเดินเข้าไปนั่งในโรง เ ข า แ จ ก แ ว่ น ต า ใ ห้ ด้ ว ย
เออ..คนบางกอกเขาดูหนังแบบสวมแว่นตาซ้อนกัน
ทำให้เห็นภาพ3มิติ สมกับเป็นภาพพยนต์แห่งยุคสมัยจริง
ห นั ง ย า ว ม า ก ห ลั บ 2 ตื่ น ยั ง ลุ ย กั น ร ะ เ บิ ด ร ะ เ บ อ
เดินออกมางงๆ..ส ง ค ร า ม ร ะ ห ว่ า ง ด ว ง ด า ว
รู้แต่ว่า..นางเอกสวยเป็นบ้า..
กลับมาที่ห้องนอน บ่ายแก่ๆขาใหญ่มาสอนวิธีทำสมาธิ ผมไม่รู้ว่าอยู่ในประเภทสมาธิสั้นหรือสมาธิยาว รู้แต่ว่าการทำใจให้สงบสักวันละนิดละหน่อย เป็นการทำให้ระบบในร่างกายได้ผ่อนคลาย -ได้พัก-ได้ยืดยุ่น-เว้นวรรคความโกลาหลในตัวเรา ซึ่งก็มีแฮงปลอดโปร่งกายใจดี ตอนนี้ฝึกทำบ่อยๆตอนนั่งรอคอมพิวเตอร์ประมวลผล พูดมากไปก็เป็นการเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน ในลานปัญญามีผู้ทรงแก่เรียนเรื่องธรรมะธรรมโมระดับเซียนทั้งนั้น ลูกวัดอย่างผมจะคอยเดินแบกย่ามตามก้นนั่นถูกต้องแล้ว อามิตรพุทธ
ช่วงเย็นไปดอนเมือง รอรับเพื่อนคนที่เป็นจอมยุทธด้านอะเคเซียที่เคยเล่าไปนั่นแหละ เขาไปดูงานปลูกไม้เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลของกลุ่มสหพัฒนพิบูลที่ลำพูน-เชียงใหม่ ระหว่างรอเจอพวกหมอในกระทรวงสาธารณสุขหลายท่าน เจอคณบดีคณะสิ่งแวดล้อมมหิดลด้วย มาทักทายนึกว่าผมจะไปด้วย จึงบอกว่างานสัมมนาเชียงใหม่ขอเวันวรรค ขอเอาตัวให้รอดจากงานสภาพัฒน์ก่อน ว่ากันเป็นเรื่องๆไป ขืนเดินสายประชุมไม่บันยะบันยังมีหวังสังขารบอบช้ำกว่านี้
นั่งอ่านหนังสือรอไม่นาน คณะจากเชียงใหม่ก็โผล่มาพอดี ได้เจอดร.มะลิวัลย์แห่งกรมป่าไม้ ที่ศึกษาวิจัยเรื่องพืชพลังงานและพืชหอมละเหย คุยกันแป๊บเดียวได้เรื่องเลยละครับ มีรายการนัดพบที่จะคุยเรื่องโรงงานไฟฟ้าชีวมวลระดับชุมชน กับได้กล้าไม้หอมหลายชนิดไปปลูกที่สวนป่า หลังจากแยกย้ายกัน ขาใหญ่ชวนจอมยุทธด้านป่าไม้ไปเลี้ยงข้าวที่ภัตตาคารเก่าแก่ใกล้วัดหัวลำโพง ซึ่งเป็นย่านที่ขาโจ๋สมัยท่านจอหงวนเดินกร่าง ชวนกันตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก..พออ่านที่ท่านเขียนในบล็อก ก็แปลกใจ ทำไมเรื่องมันถึงมาบังเอิญกันอย่างนี้ก็ไม่รู้นะ มากรุงเทพฯขืนกินมื้อเย็นจนพุงปลิ้นเช่นนี้ จะลดน้ำหนักได้อย่างไรละครับ แถมช่วงนี้มังคุดถูก พวกก็ซื้อให้หิ้วมานอนดูอีกหลายกิโล เฮ้อ..นึกถึงตอนอยู่บ้านนอกคอกนา ไม่ค่อยมีอะไรกินล้นเหลืออย่างนี้ สุดท้ายก็ไอ่แค่นั้นแหละ กินอะไรไปก็ขี้ออกเท่านั้น ของถูกของแพงของดีของอร่อยเป็นเรื่องสมมุติกัน กากอาหารมีคุณภาพแค่ไหนไม่มีใครคิดเอาไปใช้ประโยชน์
มื้อเย็นนี้มีนัดเลี้ยงอีกแล้ว ดร.นฤมล บรรจงจิตร์ จากสถาบันวิจัยสังคมจุฬาฯให้เลขาโทรมาย้ำ จะพาไปเลี้ยงข้าวแถวๆจุฬาฯ แล้วจะมาส่งขึ้นรถไฟไปอุตรดิตถ์ ตอน 2 ทุ่ม วันที่ 8-9 ก็จะนัดเจี๊ยะกับอุ้ยกับน้าอึ่งอีก คนเรานี่หนอ ถ้าเจี๊ยะวันละ2มื้อ เช้า-เที่ยง น่าจะพอดี แต่ความเคยชินกำหนดและสังคมทั่วไปปฎิบัติกัน ต้องกินอาหารให้ครบ5หมู่ ผมไม่รู้ว่าหมู่หรือจ่า เจอหน้าชาวเฮทีไรเลี้ยงกันสบั้น ยิ่งที่เมืองละปูนร้านที่ครูอึ่งพาไปชิมเธอเอ๋ย.. คนเราก็เป็นเสียอย่างนี้ มีกินก็ยาก ไม่มีกินก็ยุ่ง จะกินบรรเทาหิว หรือจะกินเอาอร่อยเอาโรค ถึงเลือกได้ แต่ก็ไม่ค่อยจะเลือกกัน คนที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบเรื่องนี้ดูหุ่นก็รู้ ครูอาราม-ครูอึ่ง-อุ้ย-หมอเจ๊-ท่านจอหงวน-อาม่า-ป้าหวาน-คุณหมอจอมป่วน..ล้วนหุ่นมาตรฐาน พวกหุ่นล้นมาตรฐานเอวเหมือนโอ่งอย่าให้ออกชื่อเลย กระเทือนทรางกันเปล่าๆ ผมเองนี่แหละตัวดี..อิ อิ
พวกไม่มีจะกิน กับพวกรู้วิธีกิน คนละเรื่องเดียวกัน
พวกชูชก ก็ชกไปเรื่อยๆ
เรื่องอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง นี่สำคัญนะเธอ
2 ความคิดเห็น
อ่านตอนสุดท้าย รู้สึกว่า “โดน”
งัวควายมันกินแต่หญ้า
ไม่เห่อบ้าห้าหมู่
แต่อู้ฮูมันแข็งโป๊ก
แถมโรคก็บ่ค่อยมี