เยาวราชวันนี้
(เยาวราชยามสลัว)
เสน่ห์เยาวราชยังไม่หายไปไหน กลางวันมาซื้อทอง กลางคืนมาท่องเดินหาของอร่อยเจี๊ยะเต้ ไม่ได้มาเสียนาน เยาวราชไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ที่น่าแปลกก็คือยังเป็นทำเลทองของการค้าๆขายๆ เออ ..อาจจะเป็นที่มาของคำว่าทำเลทองจริงๆด้วย ระหว่างขับรถผ่านร้านยาขมน้ำเต้าทอง ขาใหญ่เล่าว่า ร้านๆเล็กๆขนาดสักครึ่งห้องของร้านห้องแถวทั่วไป มีประวัติยาวนานเรื่องยาขมน้ำเต้าทองนับได้100 ปีแล้วละมัง วันหนึ่งร้านข้างๆกันค่อนแคะมาถามซื้อห้องที่ตั้งร้านยาขมที่ว่านี้ โดนตอกหน้าหงาย
“เอายังงี้ดีกว่า..ร้านลื๊อ2ห้องที่ติดกับอั๊วจะขายเท่าไหร่?
ให้มันได้อย่างนี้..อาจจะเป็นที่มาของคำว่า“ผ้าขี้ริ้วห่อทอง”ก็ได้
มีร้านห้องแถวยาวลึกที่พาหุรัด 2 ห้อง
อาบังซื้อในราคา 120 ล้าน ไม่ได้ฟังผิดหรือเขียนตัวเลขผิดนะครับ
หลังจากเดินท่องชมโน่นนี้ ก็ถึงร้านเป้าหมายที่มาในรายการ ” ข า ใ ห ญ่ ช ว น ชิ ม ” เป็นภัตตาการอาหารจีนที่ลูกค้าแน่นคลัก เราไปก่อนหนึ่งทุ่มพนักงานต้อนรับบอกให้รอ 10 นาที ระหว่างรอก็สั่งอาหารล่วงหน้าได้เลย คงเป็นร้านมีชื่อเสียงพอสมควร ถ้าเขียนแบบโฆษณาก็จะบอกว่า”ร้านเสวย” โต๊ะทั้งร้านเป็นโต๊ะกลม วางค่อนข้างชิดแน่น แอบดูซอกแคบๆ ยังใช้เป็นที่เตรียมอาหารประเภทยำๆ พนักงานต้อนรับประมาณ 15 คนได้ พอลูกค้าอิ่ม เขาก็รีบบอกเราให้นั่ง สักครู่เดียวอาหารก็เรียงมาล่ายซ้าย เป็นหูฉลามในถ้วยสูงเล็กๆจุดไฟอุ่นอาหาร ขาห่านมาในหม้ออบ ข้าวผัดปูรสชาติพอใช้ได้ กินไปก็คิดไป..
ถ้าหูคนอร่อยเหมือนหูฉลามจะเป็นยังไงนะ
ถึงหูไม่อร่อย..ก็ พู ด ใ ห้ เ ข้ า หู ค น ก็ แ ล้ ว กั น น ะ เ ธ อ
ตีนห่านใหญ่มาก เ กื อ บ จ ะ เ ท่ า กั บ ตี น น ก ก ร ะ จ อ ก เ ท ศ
ขาใหญ่บอกว่าเป็นขาห่านอบแห้ง ไม่ใช่ขาสด
(น้องหนูมาไกลจากแขวงสุวรรณเขต)
เดินไปไหนก็เจอแต่ร้านหูฉลาม ส่วนร้านรถเข็นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่อร่อยนะครับ กุ๊กที่มายืนหยัดอยู่เยาวราชได้ถือว่าเป็นโคตรกุ๊กทั้งนั้น อาหารมีให้เลือกสารพัดเมนู เกาลัดก็มี คั่วกันให้เห็นจะๆ ขาใหญ่แวะไปชิมรังนกที่ภัตตาคารฝั่งตรงกันข้าม เจอพนักงานต้อนรับชุดสีแดง ถามว่าอีนางเป็นคนที่ไหน เธอบอกว่ามาจากสุวรรณเขต โอ้วมาไกลเน๊อะอี่นางเอ๊ย ลูกหลานไทยมันเอาแต่สนุก ไม่ยอมทำงาน ต้องอาศัยแรงงานสั่งเข้ากันแทบทุกร้าน
(สไตล์-อัตตลักษณ์ของเยาวราช)
การท่องเยาวราชควรจะอาศัยผู้สันทัดกรณีในย่านนี้
เราจะได้ฟังเรื่องดีๆแปลกๆ
เรียกว่า..อร่อยแบบมีความรู้ด้านประวัติศาสตร์ติดปลายนวม
มีเรื่องพลึกๆที่เขียนลงไม่ได้ อิ อิ..
วันนี้..รถไม่ติด 3 ทุ่มครึ่งก็มานั่งท้องตึงในห้องแล้วละครับ?
« « Prev : ยาผีบอก
Next : แก่แค่ไหนก็ไม่เกินแกง » »
7 ความคิดเห็น
แหมบาท่าน มากระตุกต่อมอดีตพอดี..
เตี่ยผมมาอยู่ที่นี่ 5 ปี ตั้งแต่อายุ 16-21
ส่วนผมก็เดินจนปรุตอนเตี่ยส่งมาอยู่กรุงเต้บ ช่วงซัมเมอร์ เพื่อให้มาเรียนรู้เมืองกรุง (เตี่ยหัวทันสมัยไม่มีดี)
เข้ามากทม. อายุ ๘ ขวบ พี่ชายคนโตแก่กว่าเรา ๔ ปี อาศัยอยู่กะลุง ที่สุริวงศ์ (หา..สุริงวงศ์ ไม่โม้ เรื่องจริง..กลางใจกรุงราคาแพงเลยแหละ)
พี่ชายพาไปดูหนังที่โรงหนังเวิ้งนครเกษม 3 เรื่อง 3 บาท (แต่จะขอดูเรื่องเดียวแล้วขอลดเป็นหนึ่งบาทมันไม่ยอมหรอก) ดูกันแต่เช้าจรดเย็น เอลวิส ร้องเพลงทั้งวัน ตามด้วยคาวบอยยิงกันลั่นสนั่นจอ ที่นั่งเป็นไม้กระดานพาดยาว
ปวดเยี่ยวห้องน้ำโคตรเหม็นทนเข้าไม่ไหว บางที่ก็นั่งยองๆมันข้างหลังโรงนั่นแหละ ก็มันพื้นดินเฉะๆ อยู่แล้ว
ออกมาหิวจัง ก็นั่งซดกระเพาะปลา ถ้วยละสลึง พิเศษห้าสิบ(ตังค์)
โรงน้ำชา ห้างทางตั๋งโต๊ะกังยังจำได้ ห้างขายนาฬิกามิโด ราโด อีเทอร์นาแมติก โคตรหรู
ห้างแมวดำ (สุดยอดห้างเทียบเท่าโรบินสันวันนี้) วังบูรพา (เทียบเท่าสยามพารากอนวันนี้)
ที่ไม่มีใครรู้จักนักคือห้าง “คลังภูษา” ที่เตี่ยผมนิยมพาลูกๆ ไปซื้อเสื้อผ้า โคตรเท่ห์เลย ไมมีใครเกิน
กลับมาบ้านนอก เอามาคุยโอ่เพื่อนที่บ้านนอกจนกระฉอกปาก ตามประสาเด็กปมด้อยขี้เห่อ
เพิ่งรู้วันนี้ว่า ชูวิทย์ เจ้าพ่ออ่าง นักการเมืองที่ได้ 4 เสียงจากปาร์ตี้ลิสต์ เป็นลูกหลานของคลังภูษา ที่เตี่ยสนิทสนมกับเจ้าของมาก
อ้อ..โรงหนังเยื้องๆ คลังภูษาคือ พัฒนากร ที่เมื่อก่อนเป็นไม้ แต่ตอนหลังดูเหมือนว่ารื้อสร้างใหม่ แล้วกลายเป็น “เฉลิมบุรี” ริมตรอกมีร้านอาหารหร่อยๆหลายหลาก
เท็กซัก (หนังแขก) โอเดียน (หนังจีน) โอ๊ยดูมาหมด
บางทีก็โดดเรียนมากับท่าน ผอ. สถาบันปรีดีในวันนี้ มาดูหนังกันทั้งวัน
วันคืนลื่นผ่าน ชีวิตไร้สาระวัยเด็กผ่านมากลายเป็นคนเฒ่าวันนี้
แนวรบด้านตะวันออกไม่มีอะไรเปลี่ยน..ก็ยังไร้สาระเหมือนเดิม
หลับดีมีสุข
เอ๊ะ ช่วงที่ลุยๆตามที่เล่า ผมก็เดินโฉบไปโฉบมา แต่ไม่รู้จักขาใหญ่เยาวราชตัวจริง ก็เลยไม่ได้ทักทายกัน แดงไบล์เล่ นี่น่าจะเป็นรุ่นน้องกระมัง ครับ เสน่ห์เยาวราชนั้นยิ่งกว่านิยายของพนมเทียน ผมบ้านนอก100% แต่ก็ชอบมาแวะเวียนตามจุดที่เล่า เรื่องโรงหนังอ่านแล้วกลิ่นยูเรียโชยตึบมาเลยแหละ อิ
แดง ไบเลย์ เคยได้ยินชื่ออยู่ ครับ แต่ไม่เคยเจอ สมัยโตมาหน่อย วงจรชีวิตมาบรรจบกับไอ้ก้อย กิ่งเพชร ร่วมกันทำรายำไว้มากพอควรครับ
แหมขาโจ๋ อยู่นี่เอง อิ
ก้อย กิ่งเพชร คลิกเข้าไปดู เจอแต่เจ๊ส้มตำ สัก 3000 hits
รอดตัวไป
ไอ้ก้อยมันดังมาก เป็นลูกพี่ใหญ่ อายุสัก 22 เห็นจะได้ ส่วนผม 13 เพื่อนรักผมเป็นจ๊อกกี้ม้า อายุ 15 มันพาผมไปเป็นลูกน้องไอ้ก้อย
ดึกดื่นคืนหนึ่ง ยังจำได้แม่น ไอ้ก้อยนำพวกเราไป “สนุก” เล่น ด้วยการเอาหินคนละสองก้อนถือติดมือไป บ้างหาหินไม่ได้ก็เอาอิฐไป เดินไปจากสี่แยกราชเทวี มุ่งสู่อุรุพงษ์ ถ้าเจอร้านไหนกระจกโชว์รูมงามๆ ก็ให้เอาหินทุ่มลงไปให้แตก แล้ววิ่งหนี แล้วไปร้านหน้าก็ทำเช่นเดิม
ผมก็เป็นแค่ลูกกระจ๊อกนะครับ ทำไปตามบัญชานายท่าน
3 ปีต่อมา ผมไปซื้อตั่วดูหนังที่เมโทร (ข้างพาราเมาท์ เยื้องฮอลลีหวูด) หนังมันดังมาก หาตั๋วไม่ได้เลย มีแต่ตั๋วผี แฟนสาวลูกผู้ดีก็เริ่มหงุดหงิดว่าทำไมต้องมาตกระกำลำบากแบบนี้
พอดีมีคนเอาตั๋วมาขายให้ ชั้นสูงสุด 16 บาท ขายแค่ 25 …เอามั๊ยเพ่
อ้าว..ไอ้อิ๊บอ๋าย คนขายคือไอ้ก้อย …นายเก่าเรานี่เอง ก็เลยอุดหนุนมันไปสองใบ แบบว่าสบตากันแบบไม่ค่อยสนิท
มันตกยากขนาดนั้นเลยหนอ อดีตพญาหมาแห่งซอยกิ่งเพชร
ไอ้แกนนำเผาไทย อีกหน่อยมันก็จะต้องประสบแบบนี้แหละห
ปล. ขอโทษโว้ยก้อยเพื่อนรัก กรูเอามรึงมาเผาบนจอนี้ กรูว่าป่านนี้มรึงไปหวันแล้ว เพราะครูอริตามเฉ่ง แต่ถ้ามรึงบวชเป็นหลวงพ่อวัดป่าแห่งไหนเพราะสำนึกได้แล้วกลับตัว ช่วยบอกรูด้วย จะไปเป็นลูกศิษย์อีกสักครั้ง
กล่าวฝ่ายไอ้เพื่อนรักผม อายุ 15 เป็นจ๊อกกี้ขี่ม้าสนามนางเลิ้ง มันก็รายามพอกัน (พวกนี้มันเด็กแก่แดดทั้งน้าน)
คราหนึ่งเราไปมั่วกันอยู่ที่ลานเสก็ตโคลีเซียม (ตำนานจริงๆ ลานเสก็ต มันเกิดหลายแห่งมาก รวมทั้งที่ bell air ตรงข้ามซอยรางน้ำ และอื่นๆ เป็นแหล่งรวมเลววัยรุ่นไทยสมัยโน้น)
ในลานนี้ส่วนใหญ่ก็มีสาวๆจาก ดพก. (ดงพญาไก่….หรือนัยหนึ่ง ดุสิตพานิชการ) ไอ้อี๊ดมันไปจับไก่หลงมาได้ หนึ่งตัว ก็เอามาซ่ำที่หอพักจนพอใจ
จากนั้นมันเอาไป “ขาย” ให้แม่เล้าได้มา 500 บาท ประมาณ นั้น ..ส่วนผมร่วมเป็นพยานตาปริบๆ
ขนาดมันโจรขนาดนี้ มันยังเป็นลูกน้องไอ้ก้อย คิดดูก็แล้วกันว่าไอ้ก้อยมันจะขนาดไหน
ขณะคบกันไอ้อี๊ดมันก็พร่ำสรรพคุณอันเลอเลิศของไอ้ก้อยให้ผมฟังตลอดเวลา ผมก็กราบตรีนนับถือไอ้ก้อยมาตลอด เหมือนสมมติเทพ
ว่างๆน่าจะเเขียนเป็นเรื่องเป็นราวพิมพ์ซะเลย เรื่องประมาณนี้หาอ่านไม่ได้แล้ว ..เอาเป็นเค้าโครงวัยรุ่นสมัยโจ๋ เล่าอย่างที่เขียนนี่แหละ สักครึ่งเล่ม อีกครึ่งเล่มเอาเป็นเรื่องราวขาเล็กสมัยนี้ ให้ครูปูเขียน พบกัยครึ่งทาง ให้ชื่อเรื่องว่า..
“ขาใหญ่ ปะทะ ขาเล็ก”
หนังสือที่นักการศึกษาสมควรอ่าน ครูอาจารย์อาชีวะถ้าไม่ได้อ่าน เสียดายตายเลย ..
เรียกวิญญาณไอ่อิ๊ด ไอ่แกน ไอ่ก้อย ให้ออกมากระโดดโลดเต้นหน้ากระดาษ คงจะสนุกได้ประโยชน์ ได้หนังสือประกอบการอ่าน ขอต้นฉบับเร็วๆภายใน 1 เดือนได้ไหม จะเอาไปหานายทุนพิมพ์ พร้อมคำนิยม คิดแล้วน่าทำ เหมือนหาตั๋วหนังตอนพาลูกสาวผู้ดีไปดูหนังนั่นแหละ
เมื่อคืนอ่านหนังสือเรื่อง “ถ้ารู้ธรรมะพระพุทธเจ้า อาตมาคงไม่ติดคุก”
ของพระรักเกียรติ รักขิตะธัมโม (สุขณนะ) เขียนดีมาก 3-4 เดือน พิมพ์ครั้งที่ 5 แล้ว ราคา 139 บาท
เรื่องนี้เขียนกลุ่มงานแนวทางนี้น่าทำ และสมควรทำ เหมาะแก่เวลาและสถาวะการ เอาเรื่องเก่ามาเข้าหนังสือ จะเกิดประโยชน์ทุกฝ่าย แหม..ลงทุนถี-ขนาดนี้ไม่ดัง ให้มันรู้ไป อิ