เสียดายไม่ได้เป็นเหลนเขยย่า
สมัยผมเป็นเด็กบ้านนอกไกลปีนเที่ยง ไม่เคยได้ไปไหนก็เขาหรอกนะครับ จนกระทั้งเข้าโรงเรียน ได้อ่านในหนังสือ เจอเรื่องของคุณหญิงมุก-คุณหญิงจัน เจอคำว่าเกาะภูเก็ต มันเป็นอย่างไรหนอ เห็นในโปสกร์าดส.ค.ส. ก็ทึ่งอึ้งๆๆๆ อ่านเจอเรื่่องวัดพระแก้ว ภูเขาทอง วัดอรุณ คุณหญิงโม ก็เห็นแต่ในรูปภาพ คำว่าเมืองอุบล เมืองโคราช มันช่างอยู่ไกลแสนไกลสุดหล้าฟ้าเขียว
จนกระทั้งโตมาหน่อย ดูเหมือนจะเรียนอยู่ชั้นป.3
แม่พาขึ้นรถไฟเข้ากรุงเทพครั้งแรก
ออกจากสถานีสุรินทร์จะไปบางกอก
หัวจักรรถไฟสมัยใช้ฟืน ต้องหยุดเติมน้ำเติมฟืนตามสถานีจังหวัดใหญ่่
รถเปิดวู๊ดเสียงดังวิ่งฉึกฉักๆ ไม่ได้แปลงเสียงเป็น
ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง หรอกนะ
เด็กบ้านนอกนั่งไม่ลง ยืนดูวิว 2 ข้างทางทั้งวัน
ยิ่งตอนรถไฟเข้าโค้งแถวๆลาดบัวขาว
วกไปวนมาท่ามกลางดงพระยาไฟ
อะไรๆที่มันเป็นครั้งแรกในชีวิตมันตื่นเต้นระดับบอกไม่ถูก
รถไปจอดตามสถานีใหญ่ๆนานมาก เติมฟืนเติมน้ำ นอกจากคนขึ้นลงแล้ว แม่ค้าแม่ขายตามย่านสถานีจะขวักไขว้ ส่งเสียงร้อง โอเลี้ยงครับโอเลี้ยง ไก่ย่างครับไก่ย่าง นกกระจาบทอดครับนกกระจาบทอด.. ข้าวหลาม ผลหมากรากไม้เพียบ รถไฟหยุดชุมทางสถานีจีระ มีคนบอกว่านี่แหละเมืองโคราช ผู้คนยังหนุ่งโจงกระเบน เคี้ยวหมากจับๆ พูดสำเนียงแปร่งๆ..ถามหาคุณย่าโม คนเขาบอกอยู่ในเมืองโน้น พักหลังได้มาโคราชบ่อยขึ้น ยิ่งตอนนี้มีญาติผู้ใหญ่อยู่ที่นี่แล้ว หนทางก็สะดวกผ่านไปผ่านมาปีละหลายสิบครั้ง แต่แวะแค่ครั้ง2ครั้ง
ต่อไปต้องหาเรื่องมา
หรือไม่ก็ต้องมีเรื่องให้ได้มา
รู้อย่างนี้มาขอเป็นโหลนเขยย่าโมก็สิ้นเรื่อง.. อิ อิ
เรื่องรายทางรถไฟของเด็กสมัยนั้นมันน่าเสียดายแทนเด็กสมัยนี้ ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงวิถีไทยมาเป็นวิถีเทศกันหมด ช่วงที่รถผ่านสถานีอยุธยา มีเสียงเรียกกุ้งครับกุ้ง.. โผล่ออกไปดูเห็นคนเอากุ้งต้มห่อใบบัวมาขาย คิดดูเถิดว่าเมืองกรุงเก่าอุดมสมบูรณ์ขนาดไหน กุ้งแม่น้ำตัวโตๆเป็นอาหารพื้นๆของชาวย่านนี้ แม่ซื้อกุ้งให้ 1 กระทง เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้กินกุ้งสดตัวใหญ่ๆ ได้กินนกกระจาบทอด ได้กินข้าวห่อใบบัว มองเห็นยอดเจดีย์เรียงราย2ข้างทาง วิชาประวัติศาสตร์ที่คุณครูเคยเล่า ว่าข้าศึกยกมาตีบ้านเมืองเรา พอฤดูน้ำหลากน้ำท่วมที่ตั้งทัพก็ยกกลับ มันเป็นเช่นนี้เองรึครู..
พอรถไฟวิ่งเข้าสถานีบางซื่อ
ผมนะยืนเซ่อไปเลย ทำไมรางรถไฟคดเคียวทอดไปมาหนาแน่นมาก
รถมันจะจำได้ยังไงว่าเข้าเส้นไหน คดโค้งอย่างนี้ไม่ตกรางรึ
สงสัยแต่ไม่ได้ถามใคร ออกอาการงงเงียบ !
สิ่งที่เห็นใหม่หมด แปลกประหลาดเหลือเกินแล้ว ทั้งตื่นทั้งเต้น
เด็กบ้านป่าเห็นแต่ป่าๆๆ มาเจอแสงสีร้องโอ้โหๆทั้งคืนทั้งวัน..
จวบจนสมัยเรียนชั้นมัธยมต้น
ผมไปเสนอครูใหญ่ว่าจะเอาเพื่อนๆไปบุกบางกอก
ครูใหญ่เอาด้วย นัดประชุมคุณครูทั้งโรงเรียน
ให้ครูมาติวว่า..เด็กบ้านนอกเข้ากรุงควรจะระมัดระวังเรื่องอะไร
การเข้าการใช้ห้องน้ำบนรถไฟ การระวังเรื่องการหลงทาง ฯลฯ
ผมถามว่า..พวกเราอยากไปชมอะไรมากที่สุด
วัดพระแก้ว สนามหลวง พระบรมมหาราชวัง อันดับ1
เขาดิน แม่น้ำเจ้าพระยา สพานพุทธ อันดับ 2
อยากดูหนังที่ศาลาเฉลิมกรุงอันดับ3
เราไม่รู้หรอกว่าเขามีรายการให้เหมาตู้รถไฟรึเปล่า เด็กร้อยกว่าคนขึ้นรถไฟโดยคุณครูบอกให้นั่งรวมๆกันไว้ แรกๆก็เรียบร้อย พอคุ้นชินหน่อยก็ออกอาการทะโมนเดินกันพล่าน บางคนไม่เคยเจอน้ำแข็งใส่น้ำหวานอร่อยๆ ก็กินซะพุงปลิ้นท้องเสียจู๊ดๆ ไปถึงบางกอกก็ต้องจับยัดเข้ารถแท๊กซี่ ไปไหนก็ต้องเรียกแท๊กซี่มาเข้าคิวอย่างกะรถแห่บุญกฐิน ทุลักทุเลพิลึก อีตอนพาลูกเขาลุยสนามหลวงนี่สิ ครูแทบตาย..กว่าจะรวบรวมทะโทนได้ครบ นัดไม่เป็นนัด ความอยากรู้อยากเห็นมาดึงขาให้ก้าวไปเรื่อยๆ
เมื่อเทียบกับการจัดเฮย่าโมครั้งนี้
ท่านจอหงวนกรุณาโทรมาบอกว่า..
จะส่งแผนที่การเดินทางมาสัมมาคารให้ที่ใคร?
ผมบอกไม่ต้องเลย..
อยากรำลึกถึงเมื่อครั้งจับปูใส่กระด้งสมัยที่พาเพื่อนไปตกอ่างกะปิ
การหาเส้นทางเข้าที่พัก เป็นบทเรียนที่ 1 ของชาวเฮ นะคร๊าาาาบ
ผมกับย่ากว่าจะเจอกันก็ตอนเป็นวัยรุ่นแล้ว ได้มาเที่ยวงานประจำที่ชาวบ้านทั่วอีสานเรียกว่างานย่าโม จัดใหญ่โตหลายวันหลายคืน เป็นงานเด่นดังที่สุดของภาคอีสานสมัยโน้น ใครๆได้มาเที่ยวเอาไปโม้ข้ามปี ด้วยความขัดสน..กว่าคนบ้านนอกจะได้มาต้องเก็บความอัดอั้นตันใจไว้แทบระเบิด ลงรถได้ก็ตะลุยดูการละเล่น เห็นคนเข้าคิวกราบย่า พวงมาลัย ดอกไม้ธูปเทียนกองพะเนิน..ท่านย่ายืนสง่าถือดาบ นึกในใจว่า..ผมมาเห็นย่าแล้ว แต่ไม่จุใจ ต้องหาเรื่องมาตอนกลางวัน และแล้วฟ้าก็บันดาลให้มาจนได้ ..คนไม่ได้มาก็เห็นใจ จะกราบแทนแควนๆลานปัญญาทุกท่าน จะขอร้องให้ย่าเอาดาบไปกระชวกเวลาที่รุมล้อมให้เบาบางลง อิ อิ..
คิดถึง ทุกคน บ่ต้องห่วง
ทำอะไร เจออะไร ก็จะเก็บมาเล่า
ไม่มาก็เหมือนได้มา
เพราะลานปัญญาเขาธรรมดาที่ไหนเล่า
คนมาก็จะเล่าๆๆๆๆ
คนที่ไม่ได้มาก็ได้อ่าน
อภินิหารในงานเฮนั้นเกิดขึ้นเสมอ
อีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว ..ไก่ก็จะขันปลุก
ให้ลุกไปเก็บผักฝากป้าหวาน
เจ้าแห้วก็บอกให้เอาไปเยอะๆ หนูจะเอากลับกรุงเทพ
ผักนะพอมี แต่ไม่มีคนช่วยเก็บนะสิ
คงต้องมาเก็บเองช่วงวันที่ 17 ที่ออตมาแล้วละเธอ
วาระนี้ เอาแค่ชิมพอหอมปากหอมคอกันก่อน
เทใจเทท้องไปที่ไก่ย่างบันลือโลกของท่านจอหงวนกันเถอะ
ชิมิ ชิมิ
« « Prev : วาระแห่งกอดคึดฮอดหลาย
2 ความคิดเห็น
อิอิอิ ตอนนี้นอนที่อาคารสุรสัมนาคารมาหนึ่งคืนแล้ว เมื่อวานชมศูนย์วิจัยจุลรินทรีย์ โอ้โห เรามีของดี ชั้นหนึ่ง ไม่รู้เลยนะเนี่ย ท่านอจ.ดร.สุรีรัตน์ รอดทอง ท่านค้นพบและสร้างเจ้าเชื้อจุลินทรีย์ชนิดใหม่ได้มากมาย และ นำมาใช้ ทำประโยชน์อีกมากมาย มหาศาล ทั้งในทางเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และวิศวพันธุกรรม สุดยอดผลงานระดับชาติ เดี๋ยวไว้รอท่านผู้รู้มาบรรยายอีกทีนะคะ
อาหารค่ำแบบพิเศษสุดก็ผ่านไปแล้ว ไก่ย่างสูตรใหม่ เตาใหม่ และผู้คนใหม่+เก่า มาพร้อมหน้า ความพิเศษจะไม่บังเกิดได้จังใด๋ ไม่อยากจะบอกเล้ย อร่อยๆๆๆ อิ่มอก อิ่มใจ ไปตามๆกัน วัตถุดิบยังมีอีกพะเรอ คนเจียงใหม่ จาวเหนือ พิษณุโลก ชาวใต้ บ่มานี่หนา..ของเลยมีหลายกว่าคน อิอิอิ
ป้าหวานฝากทานแทนด้วยนะครับ แม่ใหญ่เปนไงน้อ ลุงเปลี่ยนเปงไงน้อ