เสียดายไม่ได้เป็นเหลนเขยย่า

อ่าน: 1685

สมัยผมเป็นเด็กบ้านนอกไกลปีนเที่ยง ไม่เคยได้ไปไหนก็เขาหรอกนะครับ จนกระทั้งเข้าโรงเรียน ได้อ่านในหนังสือ เจอเรื่องของคุณหญิงมุก-คุณหญิงจัน เจอคำว่าเกาะภูเก็ต มันเป็นอย่างไรหนอ เห็นในโปสกร์าดส.ค.ส. ก็ทึ่งอึ้งๆๆๆ อ่านเจอเรื่่องวัดพระแก้ว ภูเขาทอง วัดอรุณ คุณหญิงโม ก็เห็นแต่ในรูปภาพ คำว่าเมืองอุบล เมืองโคราช มันช่างอยู่ไกลแสนไกลสุดหล้าฟ้าเขียว

จนกระทั้งโตมาหน่อย ดูเหมือนจะเรียนอยู่ชั้นป.3

แม่พาขึ้นรถไฟเข้ากรุงเทพครั้งแรก

ออกจากสถานีสุรินทร์จะไปบางกอก

หัวจักรรถไฟสมัยใช้ฟืน ต้องหยุดเติมน้ำเติมฟืนตามสถานีจังหวัดใหญ่่

รถเปิดวู๊ดเสียงดังวิ่งฉึกฉักๆ ไม่ได้แปลงเสียงเป็น

ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง หรอกนะ

เด็กบ้านนอกนั่งไม่ลง ยืนดูวิว 2 ข้างทางทั้งวัน

ยิ่งตอนรถไฟเข้าโค้งแถวๆลาดบัวขาว

วกไปวนมาท่ามกลางดงพระยาไฟ

อะไรๆที่มันเป็นครั้งแรกในชีวิตมันตื่นเต้นระดับบอกไม่ถูก

รถไปจอดตามสถานีใหญ่ๆนานมาก เติมฟืนเติมน้ำ นอกจากคนขึ้นลงแล้ว แม่ค้าแม่ขายตามย่านสถานีจะขวักไขว้ ส่งเสียงร้อง โอเลี้ยงครับโอเลี้ยง ไก่ย่างครับไก่ย่าง นกกระจาบทอดครับนกกระจาบทอด.. ข้าวหลาม ผลหมากรากไม้เพียบ รถไฟหยุดชุมทางสถานีจีระ มีคนบอกว่านี่แหละเมืองโคราช ผู้คนยังหนุ่งโจงกระเบน เคี้ยวหมากจับๆ พูดสำเนียงแปร่งๆ..ถามหาคุณย่าโม คนเขาบอกอยู่ในเมืองโน้น พักหลังได้มาโคราชบ่อยขึ้น ยิ่งตอนนี้มีญาติผู้ใหญ่อยู่ที่นี่แล้ว หนทางก็สะดวกผ่านไปผ่านมาปีละหลายสิบครั้ง แต่แวะแค่ครั้ง2ครั้ง

ต่อไปต้องหาเรื่องมา

หรือไม่ก็ต้องมีเรื่องให้ได้มา

รู้อย่างนี้มาขอเป็นโหลนเขยย่าโมก็สิ้นเรื่อง.. อิ อิ

เรื่องรายทางรถไฟของเด็กสมัยนั้นมันน่าเสียดายแทนเด็กสมัยนี้ ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงวิถีไทยมาเป็นวิถีเทศกันหมด ช่วงที่รถผ่านสถานีอยุธยา มีเสียงเรียกกุ้งครับกุ้ง.. โผล่ออกไปดูเห็นคนเอากุ้งต้มห่อใบบัวมาขาย คิดดูเถิดว่าเมืองกรุงเก่าอุดมสมบูรณ์ขนาดไหน กุ้งแม่น้ำตัวโตๆเป็นอาหารพื้นๆของชาวย่านนี้ แม่ซื้อกุ้งให้ 1 กระทง เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้กินกุ้งสดตัวใหญ่ๆ ได้กินนกกระจาบทอด ได้กินข้าวห่อใบบัว มองเห็นยอดเจดีย์เรียงราย2ข้างทาง วิชาประวัติศาสตร์ที่คุณครูเคยเล่า ว่าข้าศึกยกมาตีบ้านเมืองเรา พอฤดูน้ำหลากน้ำท่วมที่ตั้งทัพก็ยกกลับ มันเป็นเช่นนี้เองรึครู..

พอรถไฟวิ่งเข้าสถานีบางซื่อ

ผมนะยืนเซ่อไปเลย ทำไมรางรถไฟคดเคียวทอดไปมาหนาแน่นมาก

รถมันจะจำได้ยังไงว่าเข้าเส้นไหน คดโค้งอย่างนี้ไม่ตกรางรึ

สงสัยแต่ไม่ได้ถามใคร ออกอาการงงเงียบ !

สิ่งที่เห็นใหม่หมด แปลกประหลาดเหลือเกินแล้ว ทั้งตื่นทั้งเต้น

เด็กบ้านป่าเห็นแต่ป่าๆๆ มาเจอแสงสีร้องโอ้โหๆทั้งคืนทั้งวัน..

จวบจนสมัยเรียนชั้นมัธยมต้น

ผมไปเสนอครูใหญ่ว่าจะเอาเพื่อนๆไปบุกบางกอก

ครูใหญ่เอาด้วย นัดประชุมคุณครูทั้งโรงเรียน

ให้ครูมาติวว่า..เด็กบ้านนอกเข้ากรุงควรจะระมัดระวังเรื่องอะไร

การเข้าการใช้ห้องน้ำบนรถไฟ การระวังเรื่องการหลงทาง  ฯลฯ

ผมถามว่า..พวกเราอยากไปชมอะไรมากที่สุด

วัดพระแก้ว สนามหลวง พระบรมมหาราชวัง อันดับ1

เขาดิน แม่น้ำเจ้าพระยา สพานพุทธ อันดับ 2

อยากดูหนังที่ศาลาเฉลิมกรุงอันดับ3

เราไม่รู้หรอกว่าเขามีรายการให้เหมาตู้รถไฟรึเปล่า เด็กร้อยกว่าคนขึ้นรถไฟโดยคุณครูบอกให้นั่งรวมๆกันไว้ แรกๆก็เรียบร้อย พอคุ้นชินหน่อยก็ออกอาการทะโมนเดินกันพล่าน บางคนไม่เคยเจอน้ำแข็งใส่น้ำหวานอร่อยๆ ก็กินซะพุงปลิ้นท้องเสียจู๊ดๆ ไปถึงบางกอกก็ต้องจับยัดเข้ารถแท๊กซี่ ไปไหนก็ต้องเรียกแท๊กซี่มาเข้าคิวอย่างกะรถแห่บุญกฐิน ทุลักทุเลพิลึก อีตอนพาลูกเขาลุยสนามหลวงนี่สิ ครูแทบตาย..กว่าจะรวบรวมทะโทนได้ครบ นัดไม่เป็นนัด ความอยากรู้อยากเห็นมาดึงขาให้ก้าวไปเรื่อยๆ

เมื่อเทียบกับการจัดเฮย่าโมครั้งนี้

ท่านจอหงวนกรุณาโทรมาบอกว่า..

จะส่งแผนที่การเดินทางมาสัมมาคารให้ที่ใคร?

ผมบอกไม่ต้องเลย..

อยากรำลึกถึงเมื่อครั้งจับปูใส่กระด้งสมัยที่พาเพื่อนไปตกอ่างกะปิ

การหาเส้นทางเข้าที่พัก เป็นบทเรียนที่ 1 ของชาวเฮ นะคร๊าาาาบ

ผมกับย่ากว่าจะเจอกันก็ตอนเป็นวัยรุ่นแล้ว ได้มาเที่ยวงานประจำที่ชาวบ้านทั่วอีสานเรียกว่างานย่าโม จัดใหญ่โตหลายวันหลายคืน เป็นงานเด่นดังที่สุดของภาคอีสานสมัยโน้น ใครๆได้มาเที่ยวเอาไปโม้ข้ามปี ด้วยความขัดสน..กว่าคนบ้านนอกจะได้มาต้องเก็บความอัดอั้นตันใจไว้แทบระเบิด ลงรถได้ก็ตะลุยดูการละเล่น เห็นคนเข้าคิวกราบย่า พวงมาลัย ดอกไม้ธูปเทียนกองพะเนิน..ท่านย่ายืนสง่าถือดาบ นึกในใจว่า..ผมมาเห็นย่าแล้ว แต่ไม่จุใจ ต้องหาเรื่องมาตอนกลางวัน และแล้วฟ้าก็บันดาลให้มาจนได้ ..คนไม่ได้มาก็เห็นใจ จะกราบแทนแควนๆลานปัญญาทุกท่าน จะขอร้องให้ย่าเอาดาบไปกระชวกเวลาที่รุมล้อมให้เบาบางลง อิ อิ..

คิดถึง ทุกคน บ่ต้องห่วง

ทำอะไร  เจออะไร ก็จะเก็บมาเล่า

ไม่มาก็เหมือนได้มา

เพราะลานปัญญาเขาธรรมดาที่ไหนเล่า

คนมาก็จะเล่าๆๆๆๆ

คนที่ไม่ได้มาก็ได้อ่าน

อภินิหารในงานเฮนั้นเกิดขึ้นเสมอ

อีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว ..ไก่ก็จะขันปลุก

ให้ลุกไปเก็บผักฝากป้าหวาน

เจ้าแห้วก็บอกให้เอาไปเยอะๆ หนูจะเอากลับกรุงเทพ

ผักนะพอมี แต่ไม่มีคนช่วยเก็บนะสิ

คงต้องมาเก็บเองช่วงวันที่ 17 ที่ออตมาแล้วละเธอ

วาระนี้ เอาแค่ชิมพอหอมปากหอมคอกันก่อน

เทใจเทท้องไปที่ไก่ย่างบันลือโลกของท่านจอหงวนกันเถอะ

ชิมิ ชิมิ

« « Prev : วาระแห่งกอดคึดฮอดหลาย

Next : ต๋อม ต๋อม ต๋อม.. » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 เมษายน 2011 เวลา 7:05

    อิอิอิ ตอนนี้นอนที่อาคารสุรสัมนาคารมาหนึ่งคืนแล้ว เมื่อวานชมศูนย์วิจัยจุลรินทรีย์ โอ้โห เรามีของดี ชั้นหนึ่ง ไม่รู้เลยนะเนี่ย ท่านอจ.ดร.สุรีรัตน์ รอดทอง ท่านค้นพบและสร้างเจ้าเชื้อจุลินทรีย์ชนิดใหม่ได้มากมาย และ นำมาใช้ ทำประโยชน์อีกมากมาย มหาศาล ทั้งในทางเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และวิศวพันธุกรรม สุดยอดผลงานระดับชาติ เดี๋ยวไว้รอท่านผู้รู้มาบรรยายอีกทีนะคะ

    อาหารค่ำแบบพิเศษสุดก็ผ่านไปแล้ว ไก่ย่างสูตรใหม่ เตาใหม่ และผู้คนใหม่+เก่า มาพร้อมหน้า ความพิเศษจะไม่บังเกิดได้จังใด๋ ไม่อยากจะบอกเล้ย อร่อยๆๆๆ อิ่มอก อิ่มใจ ไปตามๆกัน วัตถุดิบยังมีอีกพะเรอ คนเจียงใหม่ จาวเหนือ พิษณุโลก ชาวใต้ บ่มานี่หนา..ของเลยมีหลายกว่าคน อิอิอิ

  • #2 ออต ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 เมษายน 2011 เวลา 13:00

    ป้าหวานฝากทานแทนด้วยนะครับ แม่ใหญ่เปนไงน้อ ลุงเปลี่ยนเปงไงน้อ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.09120512008667 sec
Sidebar: 0.069913864135742 sec