เรียนตอนแก่ยักแย่ ยักยัน
เรียนตอนแก่ อย่านึกว่าจะเป็นผู้คงแก่เรียนอะไรนะครับ ที่จริงแล้วก็เป็นนักเรียนแก่ๆคนหนึ่งเท่านั้น ปกติก็เรียนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้นแหละ บังเอิญโดนโชคชะตาจับยัดให้เข้ามาเรียนในหลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 1 ของสถาบันพระปกเกล้า เนื่องจากเป็นรุ่นลองของ หรือหนูลองยา จึงอาสาเป็นสุกรวิ่งชนปังตอ ซึ่งก็ดีมากๆเลยละครับ สำหรับคนที่ทำตัวให้เป็นผู้เรียน การที่ได้เจอหลักสูตร เจอวิทยากร เจอเพื่อนหลากหลาย เจอจอมยุทธรุ่นขี่นกกระเรียน และเจอเซียนจากหลายสำนัก ได้รับรู้และได้เรียนรู้มาพะเรอเกวียน
กระบวนการเรียนน่าจะเรียกได้ว่าหัวหกก้นขวิด ขึ้นเหนือล่องใต้ท่องไปในสถานที่ๆเป็นบ่อเกิดการขาดสันติสุขสันติภาพ แต่น่าจะมีสันติวิธีซ่อนอยู่บ้าง หลายครั้งที่ทางสถาบันจัดให้ไปศึกษาดูงานในลักษณะไม่ลองไม่รู้ไม่ดูไม่เห็น การเคลื่อนไปตามที่ต่างๆแทนที่จะเจ่าจุกอยู่แต่ในห้องเป็นวิธีเรียนที่ยอดเยี่ยม พระอาจารย์ก็มากหน้าหลายตาเปลี่ยนไปตามเนื้อหาและเป้าประสงค์ นักศึกษาแทบจะอิ่มความรู้อยู่ตลอดเวลา ช่วงนั้นผมต้องมาปักหลักอยู่คอนโด เดินทางขึ้นล่องเป็นว่าเล่น บางครั้งก็ตระเวนไปศึกษาประเทศเพื่อนบ้าน บางจังหวะก็ไปดูงานประเทศที่มีบทเรียนน่าสนใจ เช่น การไปดูงานที่ตะวันออกกลาง บางคณะก็เลือกไปลอนดอน ส่วนผมอยากไปสวีเด็นและฟีนแลนด์ อยากจะไปดูบริษัทโนเกียและการจัดการป่าไม้ อัฟริกาก็อยากไปครับ อยากจะดูการเลี้ยงสัตว์ในทุ่งหญ้าธรรมชาติ แต่ก็ยังไม่มีวาสนา ได้แต่ฝากไว้ก่อนโอราฬ..
นักศึกษาโค่งมีสัมพันธภาพต่อกันดีมาก ก็เราเรียนวิชาสันติวิธีมานี่ครับ อะไรที่ไม่ใช่ทางสันติเราก็จะงดๆๆแขวนๆไว้เฉยๆ ไปยุ่งมากก็เรื่องมาก ค่อยๆคิดค่อยๆพิจารณา ถ้าเห็นว่ายังทำอะไรไม่ได้ ก็อย่าเอาเท้าไปเตะขี้หมา มันจะเหม็นติดเท้าเปล่าๆ ควรจะอยู่ห่างรัศมีแล้วปล่อยให้กาลเวลาบรรเทาความคลุ้มคลั่ง ดิ้นมากเหนื่อยมากเดี๋ยวก็หายซ่าส์ไปเอง คนเราเย๊วๆได้ไม่นานหรอก โดนจับไปเข้ากรุก็เป็นการเสริมสร้างสันติทางอารมณ์
วันนี้แล้วสินะ ที่นักศึกษาโค่งจะเข้าไปรับใบประกาศนีบัตรชั้นสูง ที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ระหว่างเวลา 09.00-09.30 นาฬิกา โอ๊ตบอกให้เข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ไม่ควรเอารถส่วนตัวไปเพราะหาที่จอดลำบาก สนามหลวงกำลังปิดปรับปรุง ตอนแรกผมก็ยักแย่ยักยันจะไปยังไงกับใครละนี่ บังเอิญอัยการชาวเกาะส่งข้อความมาถามเรื่องพักที่ไหน จึงนัดหมายให้มาพักที่พระนครแกรนด์วิวที่ราชภัฏพระนครด้วยกัน ท่านอัยการเกิดจำผิดนั่งรถไปราชภัฏสวนดุสิต ไปถามพนักงานก็แห้วสิครับ
เอาใหม่-โทรใหม่-คิดใหม่-ทำใหม่ สุดท้ายอัยการถามว่า ทำไมเราไม่พักโรงแรมรัตนโกสินทร์ น๊านนะสิ ใกล้ด้วย แถมยังเป็นถิ่นเก่าผมเสียอีก โผล่ไปถึงพนักงานต้อนรับทักทายกระตู้วู๊ อำนวยความสะดวกไม่ต้องจ่ายค่ามัดจำใดๆเหมือนโรงแรมไปแล้วเจ๊ง แถมยังเลือกห้องใกล้ลิฟให้เราอีกแน๊ะ ได้นอนคุยกัน พากันไปทบทวนความจำที่สกายไฮ ท้องขยายออกอีกหลายนิ้ว
ขอบคุณญาติชาวเฮสายเหนือ ที่ช่วยจัดเช่าชุดขาวให้จนได้ พิเศษจริงๆนะครับเรื่องนี้ แห้วพยายามหาชุดให้แล้วในกรุงเทพฯ แต่มันไม่ลงตัวลงพุง ครั้นไปลองที่เชียงใหม่กลับลงพล็อกอย่างเหลือเชื่อ แต่นานๆจะแต่งชุดอย่างนี้ก็เด๋อๆเหมือนกันตอนเย็นมีงานเลี้ยงที่สโมสรกองทัพเรือ บรรยากาศเป็นยังไงจะเอารูปมาฝากนะครับ..
ตอนเช้าแต่งตัวลงมากับท่านอัยการ
เจอแซวแรกจากประชาสัมพันธ์โรงแรม
“แหมครูหล่อจัง”
เอาละสิ รีบเผ่นขึ้นแท๊กซี่ดีกว่า ระยะทางใกล้นิดเดียว พอรถเลี้ยวจอดข้างประตูวิเศษไชยชาญ เจอคณะชุดขาวพราวตาทะยอยเข้าไปยังเต็นท์ที่ตั้งรับลงทะเบียน เลือกดูกรอบรูปที่ช่างจะถ่ายเป็นที่ระลึก หลังจากนั้นก็ทักทายกัน เจอหน้าก็พากันถ่ายรูปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ประมาณ 10 โมงก็ทะยอยเข้าไปในอาคาร ปีนี้มีผู้รับประกาศณียบัตรชั้นสูงจำนวน 5 หลักสูตร รวมๆกัน500เศษ มีการซักซ้อมกันหลายรอบ จนกระทั่งเที่ยงก็ปล่อยให้ไปรับประทานอาหาร เป็นร้านอาหารชาววัง เสน่ห์ปลายจวักมาตรฐานไทยแท้ อิ่มอร่อยกันตามเคย ช่วงบ่ายซักซ้อมอีกรอบ หลังจากนั้นก็เข้าพิธี
นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ กล่าวรายงาน ศ.ดร. บวรศักดิ์ อุวัณโน อ่านรายชื่อนักศึกษาเข้าไปรับพระราชทานจนหมดสิ้น สมเด็จพระบรมโอรสสาธิราชได้พระราชทานโอวาท หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปงานเลี้ยงตามแต่ละกลุ่มจะนัดหมายกัน ส่วนชาว สสสส.1 ไปรวมพลที่ราชนาวีสโมสร งานเลี้ยงจัดที่ชั้น3 ด้านหน้าเป็นทิวทัศน์แม่น้ำเจ้าพระยาในวงกว้าง อาหารปะเลอะปะเต๋อ ท่านอัยการร้องเพลงเขย่าบรรยากาศ ตามด้วยคุณทิพวัลย์ ปิ่นภิบาล ครูหยุยขยับลูกคอไปอย่างครึกครื้น ลุงเอกก็ธรรมดาที่ไหนเล่า ร้องไปหลายเพลง ตามด้วยอาจารย์ต่ายและใครต่อใคร โอ๊ตตามมาแจกเครื่องหมาย-หนังสืือ-และเสื้อวอร์ม
เนื่องจากท่านอัยการต้องกลับเกาะเวลา 3 ทุ่ม
รองผู้บังคับการสันติบาลเอารถมาส่งที่โรงแรม
ฝนตกปรอยๆรถติด
หลังจากที่ท่านอัยการแยกย้ายไปสุวรรณภูมิตอน 1ทุ่ม
เจ้าหนูสิบล้อกับป้านายฝ่ารถติดมาหา
หิวข้าวกันจนตาลาย
จึงพาไปบำบัดความหิวโหยที่ร้านสกายไฮ
ประมาณ 1 ชั่วโมงอัยการหวลกลับมากินข้าวต้มด้วย
บอกว่า..ฝ่ารถติดไปไม่ไหว
กว่าแท๊กซี่จะเดินทางไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ
เครื่องบินคงเหาะไปถึงภูเก็ตแล้ว
สุดท้ายก็กลับมานอนเอ้งเม้งด้วยกันอีกหนึ่งคืน
พรุ่งนี้จึงจะแยกย้านกันไปแต่เช้าตรู่
น้าอึ่งเอวเคล็ดเพิ่งแจ้งมาว่ามีไฟล์ 6 โมงเช้าออกจากสุวรรณภูมิ
คงไม่แคล้วแหกตาตื่นตั้งแต่ตี4 จะลองไปแอร์พล๊อทลิงค์ก็ไม่มีข้อมูล
วันที่3 ต้องไปร่วมงานUKM. เขายกเวทีให้ 9.00-12.00 น. แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ครั้งที่ 18
โดยมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคามเป็นเจ้าภาพ ท่านใดว่างก็เชิญนะครับ
จะตกเวทีหรือจะลงเวทียังไง ยังเป็นปัญหา อิ อิ . .
8 ความคิดเห็น
รีบมาแสดงความยินดีกับครูบาค่ะ
ไม่ยักแย่ยักยันเลยค่ะ สง่างามมาก ๆ
เพราะแม้จะสูงวัย แต่ก็สูงประสบการณ์ด้วย…ฮา ๆ
เดินระวัง ๆ บนเวทีนี่ชอบมีเทปกาวที่เขาแปะ ๆ และเก็บไม่ค่อยเรียบร้อยน่ะคะ
;)
ขอแสดงความยินดีกับพ่อครูบาครับ
ขอแสดงความยินดีค่ะ …จะนัดกันฉลองเมื่อไหร่และที่ไหนดีคะ…อิอิ (ทัวร์ตัดใบไม้ให้น้องวัวสักครั้งดีไหมคะ…อิอิ)
วี๊ดวิ่ว หล่อ..อ..อ….ครับ
ไม่ทราบว่าใครถ่ายรูปเต็ม ๆ พ่อเราหรือเปล่าหนอ
อิอิอิ
ชวนอุ๊ยไปตาม”ทัวร์เที่ยวหาคนคิดถึงน้องวัว”ดีกว่า
แต่…..ลืมไป หลังเดี้ยง 555555
มาร่วมแสดงความยินดีกับทุกท่านด้วยนะคะ
เห็นเพื่อน ๆ พ่อในทีวีด้วยแหละ
แต่พยายามมองหาพ่อ ไมเจอแฮะ
อิอิอิ หล่อเรี่ยมเลยค่ะ ทั้งพ่อและพี่ฑูร ว่าแล้วก็รอกินๆๆๆ