แก้กรรม
อ่าน: 1422
คืนนี้อ่านเจอเรื่องโดนใจ
นอนบ่หลับต้องลุกมาขยับนิ้วจิ้มแป้นอักษร
เป็นเรื่องที่พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต)
ท่านเขียนไว้ในหนังสือเรื่องกรรมของคนไทย ทำกันไว้เอง
อยู่ในกลุ่มหนังสือที่หลวงพี่ติ๊กเมตตามอบให้
ประเด็นมีดังนี้
ปฏิกรรมด่วนของสังคมไทย
คือแก้ไขพัฒนาคุณภาพของคน
ในเมื่อบอกว่าคนไทย หรือสังคมไทย กำลังรับผลที่สมกับกรรมของตน กรรมของตนคือกรรมของสังคมนี้ ที่ทำกันมาเป็นเวลายาวนาน คือกรรมอะไร แล้วเมื่อแก้ไข จะทำอย่างไร
คำตอบมีว่า ผลกรรมใหญ่ของสังคมไทย เป็นปัญหาเรื่องคน และปัญหานั้นลึกเลยทีเดียว คือ ปัญหาคุณภาพคน ถ้าใช้ภาษาตามหลักกรรม ก็บอกว่า คนไทยอ่อนในกุศล คือกุศลมีกำลังน้อย อยากได้กุศลง่ายๆ โดยใช้วิธีลัด แต่พอให้ทำกุศลจริงๆ ก็ไม่สู้ พัฒนาก้าวหน้ามุ่งแน่วไปในกุศลจริงๆจังๆไม่ได้ เฉพาะอย่างยิ่งกุศลชั้นปัญญา เพราะฉะนั้น การแก้ไขปัญหาเรื่องคุณภาพของคน จึงเป็นเรื่องใหญ่ของสังคมไทย
การพัฒนาคุณภาพของคนนั้น จะต้องทำกันให้จริงจัง
ปัญหาคุณภาพคนไทยเป็นอย่างไร จับจุดที่เรื่องเด่น บอกได้ว่า สังคมไทยเวลานี้อ่อนแอมาก อ่อนแออย่างยิ่ง ร่างกายพอมีกำลัง แต่อ่อนแอทางจิตใจ สภาพอ่อนแอที่ร้ายที่สุด คือ อ่อนแอทางปัญญา ถ้าอ่อนแอทางปัญญาแล้ว แย่ที่สุด สังคมจะเอาดีไม่ได้ ต้องทำให้มีความเข้มแข็งทางปัญญา สร้างความเข้มแข็งทางปัญญาขึ้นมา จึงจะไปได้ แล้วความเข้มแข็งทางจิตใจ ความเข้มแข็งทางสังคม และความเข้มแข็งอะไรต่ออะไรจะตามมาหมดเลย
ทีนี้ สังคมไทยของเรานี้มีอาการที่แสดงสภาพอ่อนเออย่างไร
1 ชอบรุนแรง ทำเรื่องรุนแรงมากๆ บ่อยๆ ความรุนแรงนั้นแสดงถึงความอ่อนแอ เพราะความรุนแรงเกิดจากความอ่อนแอ จะเห็นว่า คนอ่อนแอไม่มีความเข้มแข็งที่จะรักษาจิตใจของตน ก็เลยวู่วาม เอาแต่อารมณ์ หรือปัญญาอ่อนแอ คิดหาทางออกไปอย่างอื่นไม่ได้ ทำความสำเร็จด้วยวิธีดีงามไม่ได้ ก็เลยต้องเอาความรุนแรงเข้าว่า นี่ก็เพราะความอ่อนแอ
2 เห็นแก่เสพ หมกมุ่นมัวเมา มั่วสุรายาเสพติด ปล่อยตัวไปตามกระแสบริโภคนิยม ตั้งตัวอยู่ไม่ได้ที่จะไม่เลื่อนไหลล่องลอยไปตามกระแสนั้น จิตใจอ่อนแอ ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะเหนี่ยวรั้งตนเองไว้ ขาดกำลังความรู้ความเข้าใจ คือปัญญาที่จะรู้เท่าทันและที่จะเห็นทางไปที่ดีกว่า ขาดความเข้มแข็งที่จะทวนกระแสร้ายไม่ให้ท่วมท้นพัดพาตนไป หรือที่จะยืนหยัดไม่ยอมตามเยื่อล่อแห่งผลประโยชน์ ฯลฯ
3 ไม่มีความเข้มแข็งอดทนที่จะรอผลจากการกระทำด้วยเรี่ยวแรงความเพียรพยายามของตนเอง จริงอยู่ มนุษย์ปุถุชนทั่วไป ต้องอยู่ด้วยความหวัง การที่มีความหวังก็ดีแล้ว แต่ต้องหวังโดยรอผลการกระทำของตน ไม่ใช่หวังลอยๆ หวังแบบพึ่งพา
ถ้าเอาแต่รอผลจากการดลบันดาล ไม่ว่าจะขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของฤทธิ์ ของเทวดา หรือว่าของคน ได้แค่หวังผลที่รอให้คนอื่นบันดาล ไม่มีเรี่ยวแรง ไม่มีความมุ่งมั่น และไม่มีความคิดที่จะทำจริงจังจนกว่าจะสำเร็จ ก็คืออ่อนแอ
สังคมไทยเวลานี้เป็นสังคมรอผลดลบันดาลอย่างหนัก ไม่ว่าจะรอเทวดาบันดาล หรือมนุษย์บันดาลก็แล้วแต่ ก็คือจมอยู่ในความอ่อนแอและความประมาท เป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้
ถ้าจะให้สังคมของเราเข้มแข็ง ก็ต้องทำให้คนมีความเข้มแข็งที่จะรอผลจากการกระทำของตน ก็คือต้องเป็นคนที่หวังผลจากการกระทำ ถ้าคนไทย “หวังผลจากการกระทำ” ไม่ว่าจากการทำงาน จากการทำการศึกษาค้นคว้า จากการทำเหตุปัจจัยของความเจริญก้าวหน้านั้นๆก็ตาม ถ้าอย่างนี้แล้ว รับรองสังคมไทยเดินหน้าแน่.
สังคมรอผลดลบันดาล ก็คือคนไข้
ที่นอนรอการรักษาพยาบาล
พอชาวบ้านป่วย ชุมชนป่วย ต่อไปจังหวัดก็ป่วย ต่อจากนั้นประเทศก็ป่วย จึงต้องพัฒนาคนให้มีกำลังแข็งแรงขึ้นมา คนที่แข็งแรงนั้น ดูได้จากการที่ว่า เขาเป็นคนทำจริงจัง มีความเพียร พยายาม ขยัน อดทน รอผลจากการกระทำของตนได้
ให้คนมีโอกาสทำดีเต็มที่
เรื่องนี้ไม่ต้องเกรงใจ เวลานี้มัวแต่เอาใจชาวบ้านกัน จะให้เขารัก จะหาพวก หาคะแนน หรืออะไรก็แล้วแต่ ถ้าจะเอาใจด้วยเจตนาดีจริง ต้องให้เขามีหวังจากการกระทำ ไปสนับสนุนให้เขาทำ คุณขาดทุนขาดรอน ขาดอุปกรณ์ขาดอะไรจะช่วย แต่คุณต้องทำ อันนี้สำคัญที่สุด แล้วเขาจะเข้มแข็งขึ้นมาได้
“วิกฤตเป็นโอกาสไม่พอ
ต้องเอาโอกาสมาใช้ทำแบบฝึกหัด”
“พัฒนาคุณภาพคน
ต้องให้ถึงขั้นพึ่งตนได้ด้วยปัญญา”
“โอกาสดีที่เกิดวิกฤตศรัทธา
จะได้ตื่นมาใช้ปัญญาเสียที”
“ถ้าสังคมล้ม คนต้องลุกมาแก้ไข”
“อย่ามัวแต่รอผลกรรม จงลุกขึ้นมาทำปฏิกรรมเร็วๆ”
« « Prev : ปากจัดแต่ใจหวานเจี๊ยบ
3 ความคิดเห็น
นับแต่ท่านอาจารย์พุทธทาสมา ก็เห็นท่านเจ้าคุณฯนี่แหละครับที่(ผมเห็นว่า)เป็นพระที่มีปฏิปทางดงาม มีปัญญา เป็นเนื้อนาบุญ เป็นกัลยาณมิตรต่อชาวไทยเราอย่างแท้จริงและกว้างขวาง
ก็ดังที่ท่านได้แสดงธรรมเทศนาไว้ที่แห่งหนึ่งทำนองว่า ที่คนไทยเราทะเลาะกันนี้ ไม่ว่าสีไหน แม้พระพุทธเจ้ามาโปรดเหมือนสมัยพุทธกาล ก็คงจะไม่ฟัง…น่าน้อมนำมาพิจารณาอย่างยิ่ง
อย่างที่พ่อครูบาฯ นำมาเล่าข้างต้นนั่นแหละครับ ตอนนี้แม้แต่ชูชกชาวไทยเราก็นำมาบูชากันว่าจะทำให้มีโชคลาภ ชูชกที่ถ้าคนไทยเราได้ยินหรือเปรียบเปรยกันก็ใช้ในทางด้านลบ คนไทยกลุ่มหนึ่งก็สามารถพนมมือเหนือหัวกราบไหว้ได้ แม้แต่ในร้านหนังสือก็มีการแต่งหนังสือมาขายกันเป็นเล่มๆ ช่างน่าสงสารกันเสียจริงๆ ครับ
ก็ไม่รู้จะแก้ไขยังไงเหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ เริ่มแก้ไขที่ตัวเองก่อน มาลดพุงด้วยการทำดีท็อกซ์และดื่มฉี่กันเถอะครับ 555555
ดีท๊อกซ์ลองแล้วดี แต่ดื่มฉี่ยังบ่กล้าลอง อิอิ
ชอบสองข้อความนี้ ตอนพระเถระในวัดอาพาธ สภาพวัดวิกฤต ตอนนั้นจึงเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส ตอนนี้พระเถระมรณภาพและอยู่โรงพยาบาล มีโอกาสได้เป็นสมภาร จึงต้องทำแบบฝึกหัด…
ปัญหาก็คือ ต้องตั้งโจทย์เอง ทำเอง ตรวจเอง ตัดเกรต และประเมิลผลเอง…
เจริญพร