วันนี้คุณดื่มน้ำแล้วหรือยัง
อ่าน: 2654
(ปรับสภาพน้ำดื่มเพื่อชีวิต)
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำชามแห้งชาม น้ำท่วมภาคใต้ หรือว่าการแสวงหาแหล่งน้ำเพื่อทำการเกษตรและผลิตพลังงานในอนาคต น้ำพวกนั้นยังเป็นเรื่องไกลตัว ขอเล่าถึงเรื่องน้ำในร่างกายในชีวิตประจำวันเรานี่แหละ ..หลังจากสืบค้นแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับน้ำดื่มและการดื่มน้ำให้ถูกวิธี เป็นเรื่องที่มีความหมายมากนะครับ ไม่ใช่แค่การลดละเลิกสุราหรือน้ำอัดลม แต่เป็นน้ำดื่มของเราแต่ละวันนี่แหละ เขาอธิบายถึงอุณหภูมิของน้ำ ควรจะดื่มน้ำที่ไม่ต้องแช่เย็นหรือใส่น้ำแข็ง ควรจะดื่มน้ำช่วงไหนวันละกี่แก้ว สรุปว่าน้ำสัมพันธ์กับสุขภาพเราอย่างยิ่ง
(อาหารใช้เมนูฤๅษี โดยเฉพาะน้ำเต้า
เอามาต้มอย่าให้สุกมาก เคี๊ยวกรุ๊บๆยังกับกระดูกอ่อนสุกร)
น้ำสะอาดเราจะหาได้ที่ไหน ที่สวนป่าจะรองน้ำฝนไว้ หลังจากนั้นก็จะเอามาผ่านเครื่องกรอง ต่อมาป้าจุ่มแนะนำเครื่องปรับสภาพน้ำดื่ม มีผู้สันทัดกรณีเล่าว่า เครื่องนี้ถ้าเป็นสินค้านำเข้าราคาประมาณ3-4หมื่นบาท แต่เครื่องที่วิศวกรด้านไฟฟ้าไทยเราค้นคิดประดิษฐ์ขึ้นมาเอง ขายได้ในราคาไม่กี่พัน มีข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องปรับสภาพน้ำดื่มเพื่อชีวิตย่อๆดังนี้
เครื่องTIP เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการปรับเปลี่ยนคุณสมบัติของน้ำทั่วๆไป ซึ่งมีกลุ่มโมเลกุลขนาดใหญ่(11-13โมเลกุลต่อกลุ่ม)ให้เป็นน้ำที่มีโมเลกุลที่เล็กลง5-7โมเลกุลต่อกลุ่ม) มีคุณสมบัติเป็นน้ำด่างอ่อนๆ และมีออกซิเจนสูงขึ้น โดยอาศัยหลักการทางฟิสิกส์ในการจัดเส้นแรงแม่เหล็ก ให้มีความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กที่สูงมากพอ เพื่อเหนี่ยวนำให้เกิดอิเล็กตรอนอิสระไหลเวียนภายในโมเลกุลของน้ำ เป็นผลให้เกิดการแตกตัวออกเป็นกลุ่มของโมเลกุลที่เล็กลงเรื่อยๆ
ยังมีคุณสมบัติอีกหลายประการ เอาไว้ผมทดลองได้ผลประการใดจะเอามาเล่าให้ฟังในภายหลังดีไหมครับ ไหนๆก็เป็นหนูลองยาแล้ว นอกจากจะดื่มน้ำที่ได้จากเทคโนโลยีสมัยใหม่ น้ำที่ได้จากภูมิปัญญาพื้นบ้านก็น่าสนใจไม่น้อย เพิ่งอ่านเจอเรื่อง”เก๋ากี้” เขาบอกว่ามีคุณสมบัติดีเหลือหลาย ช่วยชะลอความแก่ เพิ่มความฟิต เพิ่มภูมิคุ้มกัน กุ๊กทั่วไปจะใส่ในอาหารประเภทต้มตุ๋นต่างๆ เห็นเม็ดแดงๆเขาใส่เพื่อปรุงรส แต่ในมิติของสมุนไพรแล้วน่าสนใจมาก เมื่อรู้ว่าดีกว่าที่คิดก็ซื้อมาชงน้ำร้อนดื่มประจำ และใส่ในอาหารทั่วไป
เมื่อคิดเรื่องสุขภาพเชิงกระบวนการก็ขออนุญาตชวน
หมอเจ๊-ป้าหวาน-เป็นพี่เลี้ยงดูแลด้านคลินิกวิทยา
อุ้ยดูแลด้านสภาพคล่องกระแสจิต สมาธิ การดูแลใจ
รอกอด เป็นพี่เลี้ยงเรื่องข้อมูลสุขภาพ
ป้าจุ๋มสงเคราะห์ยาสมุนไพร
แห้วศรีมีหน้าที่โทรกวนหาเรื่องรายวัน
ท่านบางทราย-ตาหวาน ช่วยตรวจสอบเรื่องอาหาร
ถ้ามีทีมงานคอยเป็นพี่เลี้ยงอย่างนี้
งานซ่อมเสริมสุขภาพน่าจะมีเรื่องดีๆมาเล่าสู่กันฟัง
เรื่องอาหารการกินสำคัญมากนะครับ
คนที่ทำอาหารเก่งและอร่อย เพิ่งอสัญกรรมไปด้วยโรคมะเร็งตับ
ใครตับหวาน ตับขม จะมาร่วมวงนี้ก็ยินดีนะครับ
จบข่าว..
« « Prev : เรื่องเกิดตอนดึกๆดื่นๆ
12 ความคิดเห็น
กริ๊ง… ซา วัด ดี๋ เจ้า…
ลานสวนป่า (499)
บันทึกนี้ของพ่อเป็นบันทึกลำดับที่ 499 บันทึกหน้าก็จะเป็นลำดับที่ 500 พอดี
พรุ่งนี้ดื่ม (น้ำ) ฉลองกันหน่อยดีฝ่าเนอะ พ่อ เนอะ (^_____^)
เก๋ากี้ เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่บ้านจะซื้อไว้ใส่แกงจืด บางทีก็กินแห้งเล่นๆ ..กินแห้งๆ อร่อยค่ะ เหมือนกินองุ่นแห้ง หรือเม็ดผลไม้แห้งต่างๆ ราคาไม่แพงเท่าผลไม้แห้งชนิดอื่นหาซื้อได้ง่ายด้วยค่ะ
เรื่องจิตใจเดี๋ยวนี้เปลี่ยนจากระวังรักษาใจไปเป็นตามดูใจค่ะ ถ้ามีสติก็ดูเร็ว เกิดปุ๊บรู้ปั๊บว่าโกรธ ว่าดีใจ เสียใจ กังวล พอรู้ตัวเดี๋ยวอารมณ์ก็หายเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น …ตามดูใจดีกว่าค่ะครูบา..ใจคนเราเหมือนธงสะบัดปลายตามลมแรง เดี๋ยววูบเดี๋ยววาบ..ตามดูเรื่อยๆ เห็นความไม่เที่ยงแม้แต่ใจตัวเราเอง….
โรคใจวูบ น่ากลัวเท่าๆกับโรคหัวใจวูบ เดี๋ยวนี้ตายเยอะ
อุ้ยบอกมา เช๊ะโป๊ะเลย
เห็นภาพเลย ปลายธงสะบัด สติคนเราชอบสะบิ้ง กลิ้งเป็นน้ำอยู่บนใบบอน
จบข่าว
กรุงเทพฯ มีน้ำอะไรน่าดื่ม น่าสนใจ
ยังนึกไม่ออก นอกจากน้ำเป-ล่า
6 โมงเย็น มาดวลน้ำกันหน่อย ที่814
แคว๊กๆ จบข่าว
ปาป๊าจะดื่มน้ำทุกเช้าวันละ 8 แก้ว โดยดื่มติดกันเลยนะคะ ไล่จากน้ำเปล่าอุณหภูมิห้อง 1 แก้ว ต่อด้วยน้ำผึ้ง 1 ชต.ผสมน้ำอีก 1 แก้ว แล้วไล่ตามด้วยน้ำเปล่าอีก 6 แก้ว โดยใช้เวลาค่อย ๆ ดื่มอย่างนี้ประมาณครึ่งชม.กว่าจะครบกระบวนการ ทำทุกวันตั้งแต่เบิร์ดจำความได้จนปัจจุบัน น่าสนใจคือตั้งแต่ปาป๊าป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบแล้วต้องกินยาเยอะมาก ทั้งยาลดความดัน คุมโคเลสเตอรอล ยาขับปัสสาวะ ยาต่อมลูกหมากโต ยาละลายลิ่มเลือด ฯลฯ ซึ่งน่าจะมีผลต่อไต แต่ทุกครั้งที่ตรวจเลือดผลไตปาป๊าปกติและอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากสำหรับคนอายุเกือบ 70 อย่างนี้ ซึ่งหมอบอกว่าน่าจะมาจากที่ปาป๊ากินน้ำเยอะมาตลอดทำให้ล้างท่อในร่างกาย …ก็ไม่ทราบเหมือนกันนะคะว่ามีผลหรือเปล่า
เบิร์ดดื่มน้ำอุณหภูมิห้องมาตลอดค่ะพ่อ ไม่สนตู้เย็นเท่าไร และดื่มน้ำเยอะมากไม่เคยนับว่ากี่แก้ว / วันแต่จะดื่มเรื่อย ๆ ทั้งวัน เป็นที่รู้กันว่าแก้วน้ำบนโต๊ะทำงานเบิร์ดมักจะมีน้ำเต็มเกือบตลอดเวลาเพื่อพร้อมดื่ม และมีขวดน้ำสำรองไว้ในตู้ข้างหลังเสมอครั้งละ 2 ขวดลิตรซึ่งต้องเปลี่ยนทุกวันเพราะเบิร์ดดื่มหมด ผลเลือดเบิร์ดไม่เคยมีปัญหา ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีอะไรทั้งนั้น …
เห็นด้วยกับการดื่มน้ำสะอาดนะคะ ^ ^
แหมลืมบอกไป สมองคนเรานั้น น้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญนะคะ อิอิอิ
ผมกินน้ำ MRET มาหลายปีแล้ว และมีเครื่องทำน้ำโมเลกุลเล็ก (ตัวสีฟ้าในรูปแรก) ซึ่งยังไม่ได้ลองเลยครับ แต่อ่านคู่มือดู รู้สึกสมเหตุผลดี(กว่า)
เอ้าดื่มน้ำสะอาดนี่แหละ ช่วยสุขภาพตัวเองได้ง่ายและดีด้วย
ดื่มกันเถิดนะ
แนวคิดเรื่องมีน้ำอยู่ใกล้มือพร้อมดื่ม เป็นเรื่องที่ดีมากนะเบิร์ด
ที่สวนป่าก็เริ่มทำอย่างนั้น
ช่วงที่เดินในสวน ไปเสียบกิ่งไม้ ยังมีขวดน้ำดื่มเล็กติดตะกร้าไปด้วย คิคิ
การดื่มน้ำยังมีเรื่องให้ระวังในเรื่องดื่มมากเกินขนาดนะคะ ดื่มมากไปจะมีอาการของน้ำเป็นพิษได้ค่ะ
ดังนั้นจึงต้องมีเพดานของจำนวนที่ดื่ม สามารถใช้จำนวนไม่เกิน 3 ลิตร/24 ชั่วโมง อย่างที่รอกอดใช้อยู่กับตัวเองได้ค่ะ
ส่วนจำนวนที่เบิร์ดแนะนำนั้นเป็นค่าเฉลี่ยสำหรับคนทั่วๆไปดื่มน้ำต่อวัน
กินน้ำน้อย จะมีการดึงเอาเกลือที่จะขับทิ้งกลับมาเก็บไว้ให้เป็นปัญหากับภาวะเคมีในเซลล์ แล้วยังทำให้กรดยูริคนั้นเพิ่มสูงขึ้นด้วย
กรดยูริคถูกกักเอาไว้สูงๆจะนำไปสู่การเกิดนิ่วในไต และส่งผลให้ไตทำงานแย่ลงๆต่อไป
ดูผลเลือดของพ่อครูที่ป้าหวานส่งไปให้แล้ว ขอสั่งว่าให้ดื่มน้ำจำนวนเดียวกันกับรอกอดนะคะ
(2.5 ลิตรสำหรับการดูแลการทำงานของร่างกายที่มีน้ำหนักไม่เกิน 60 กก. ไม่ให้เครื่องในร้อน อีกครึ่งลิตร เติมไปเพื่อช่วยดึงเกลือ ดึงน้ำตาลออกทิ้ง)
ค่ากรดยูริคในเลือดที่มันสูงอยู่นะ น่าจะมีเรื่องมาจากกินขนมฝรั่งและอาหารที่มีเกลือโซเดียมสูงบ่อยๆก็เป็นได้นะคะ
สั่งอีกแหละว่า่พ่อครูควรจำกัดจำนวนโซเดียมที่กินเข้าไปด้วยนะคะ แหล่งโซเดียมเขียนบอกเอาไว้ในลานปัญญานี้ให้แล้ว
การกินอยู่ที่ลดไขมันลงมากมายแล้วนั้นดีแล้วค่ะ เพราะมันช่วยทำให้ปล่อยกรดยูริคออกจากร่างกายง่ายขึ้นมากมาย
ระวังเรื่องกินอาหารที่ใช้แป้ง หรือถั่ว หรือเครื่องดื่มที่ใส่น้ำตาลหวานๆไว้นะคะ กินมากไปจะทำให้การปล่อยทิ้งเจ้ากรดยูริคไม่ดีค่ะ
แล้วอย่าอด เพราะการอดอาหารทำให้มีการละลายไขมันมาใช้เพิ่มขึ้น แล้วไปทำให้กรดยูริคสูงขึ้นได้ทันทีทันควัน
ถ้าปวดข้อ แสดงว่าเป็นโรคเก๊าท์แล้วนะคะ ถ้าไม่มีก็แค่กรดยูริคสูงเท่านั้นค่ะ (จากสาเหตุที่บอกก่อนหน้าแล้ว)
สงสัยงานนี้ เมนูไข่เจียว ควรจะพิจารณาจัดมื้อกินให้ห่างๆหรือปรับวิธีปรุงอีกหน่อยนะคะ ด้วยเหตุของการปรุงด้วยน้ำมัน
แหล่งอาหารที่ทำให้กรดยูริคสูงได้มีความรู้เขียนไว้อยู่ที่นี่แล้ว เรียนรู้เองได้เลยนะคะ อะไรควรกินน้อย อะไรกินมากได้
ขอบคุณหมอเจ๊ ที่มาตีแตกเรื่องน้ำ ให้เห็นข้อปฏิบัติที่ถูกต้อง
รับไปดำเนินการครับผ๊ม อิอิ
มื้อไหนกินไข่เจียว มื้อนั้นกินน้ำมะพร้าวอ่อนตามด้วยเด้อ จะดีต่อสุขภาพของพ่อครูค่ะ
เพื่อจะได้มีหลักในการกะปริมาณน้ำดื่มให้สอดคล้องกับน้ำหนักตัวและปลอดภัย ให้ดื่มประมาณ 30 เท่าของน้ำหนักตัวค่ะ