แนวคิดขยับเศรษฐกิจพอเพียง
อ่าน: 3578นโยบายเศรษฐกิจพอเพียง ดำเนินงานมานานพอประมาณแล้วนะครับ เกิดกรณีตัวอย่างดีๆทั่วแผ่นดิน แต่กระนั้นก็เถอะ หลายองค์กรหลายหน่วยงานก็ยังพยายามต่อยอดให้เกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้น แต่หลายแผนงานก็ยังไม่รู้ที่จะเพิ่มประสิทธิผล เข้าไปดลใจของเป้าหมายให้เกิดจุดระเบิดในวิถีชีวิตประชาคมได้อย่างไร?
มหาชีวาลัยอีสาน ได้อบรมเกษตรกรและกลุ่มสนใจเรื่อยมาก ปีละ800-1,000คน คิดว่าเก็บตกกลุ่มผู้สนใจที่อยู่ในพื้นที่เคลื่อนไหวไปหมดแล้ว พวกหัวไวใจสู้จะสมัครใจเข้ามาเป็นชุดแรก หลังจากนั้นก็เก็บพวกตกค้างกับประเภทที่พอจะจูนใจกันได้บ้างมาอบรม รุ่นที่สุดท้ายปีที่แล้วค่อนข้างจะลำบาก ต้องไปเกณฑ์เกษตรกรต่างจังหวัดมาอบรม เคยบอกเล่าให้ผู้ที่รับผิดชอบไปบ้างแล้ว..ที่แต่นโยบายก็ไม่เปลี่ยน ยังทื่อๆที่จะเคี่ยวเข็นเป้าหมายเอาปริมาณอย่างซังกะตายต่อไป..
มาปีนี้มีเป้าหมายจะอบรมเกษตรกร 300 ราย
ผมก็ไม่ทราบว่าจะหาคนที่สนใจเรื่องนี้ได้ที่ไหน
ที่เขียนแผนไป ตั้งใจจะเอานักศึกษาปี 1-3 ในมหาวิทยาลัยต่างๆมาเข้าค่าย
แลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้กับนิสิตนักศึกษา
เพราะเล็งเห็นว่า ลูกหลานไทยรับปริญญาไปก็ใช่ว่าจะได้งานทำได้ง่ายๆ
ในระหว่างสมัครงาน หางานทำ หรือยังไม่ได้ทำ
ถ้าเอาวิชาความรู้ที่เคยอบรมเรื่องทำเกษตรเศรษฐกิจพอเพียงมาทำ
บางทีความรู้ติดตัวเหล่านี้อาจจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้
อนึ่ง เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ได้เป็นเรื่องเฉพาะกิจทำการเกษตรอย่างเดียว แต่เป็นวิธีคิดที่เชื่อมโยงไปถึงวินัยชีวิต ทำให้ตระหนักถึงการบริหารชีวิตให้เข้ากับสังคมที่เปลี่ยนแปลง คนเราถ้าหนักเอาเบาสู้ไม่เลือกงาน เวลาของชีวิตก็ไม่สูญเปล่า ทักษะชีวิตที่ติดตัวมา (ถ้าได้รับการอบรม) ก็จะเป็นขอนไม้ให้เกาะยามน้ำท่วมจมูก
แผนขยับเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่แผนสุขภาวะชุมชน เป็นแนวคิดที่มหาชีวาลัยอีสานเห็นว่า มันน่าจะเชื่อมโยงพันธกิจไปมาหาสู่กัน เพื่อรวมพลังทำให้แผ่นดินนี้มีพื้นฐานเรื่องการเดินสายกลางให้เหมาะเจาะทุกเรื่อง ถ้าหยิบเอาประเด็นสุขภาพมาต่อยอด จะเห็นระยะก้าวไปข้างหน้า ว่าจะเอาความรู้เรื่องดุลยภาพของชีวิตมาสังเคราะห์ใช้ในวิถีชุมชนอย่างไร
อันดับแรก ควรไปตรวจโรคเบื้องต้น ถ้าเจาะโลหิตได้จะดี จะทราบว่าสภาพพยาธิวิทยาในการตนเป็นอย่างไร ใครเป็นเบาหวาน ความดัน ไขมัน มะเร็ง เลือดข้น เลือกจาง ฯลฯ เมื่อทราบแล้วก็จะเกิดความตระหนัก ในการที่ดูแลตนเอง โดยการพึ่งตนเองด้านสุขภาพ เช่น ควรจะลดเลิกพฤติกรรมเสี่ยงที่เกี่ยวกับอาการของแต่ละคนอย่างไร บางคนอาจจะต้องดื่มน้ำมากขึ้น ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ เลิกสูบบุรี เลิกสุรา ถ้าสร้างจุดสำคัญเหล่านี้ได้ ไม่เพียงเป็นการลดละเลิกอบายมุขได้เท่านั้น แต่มันเป็นการสร้างวินัยชีวิตให้กับตนเอง การชี้ชวนเชิงนโยบายทำกันอย่างเป็นกลุ่มก้อน นอกจากเป็นการปลุกกระแสรักตนเองดูแลตนเองแล้ว ยังเป็นการสร้างสุขภาวะองค์รวมอย่างเป็นรูปธรรม ในรูปแบบที่ใครๆก็ทำและร่วมมือกันได้ โดยไม่ต้องใช้งบประมาณมากมาย เพียงแต่จัดอบรมทำความเข้าใจบ้าง แผนงานนี้ก็จะกระตุ้นให้คนไทยดูแลตัวเอง รักตนเอง และถนอมสุขภาพตนเอง ลาภที่ประเสริฐจะเกิดแก่คนไทยทั่วหน้า
« « Prev : หัวโม่งเพื่อชีวิตและสังคม
Next : Todo Tag: เป็นไข้ใจ จะเอายาอะไรมารักษา » »
2 ความคิดเห็น
เห็นด้วยครับ ว่าเกณฑ์ชี้วัดครอบครัวพอเพียงนั้นจะต้องมีการกำหนดพฤติกรรมประจำวันที่พึงประสงค์แบบพอเพียงด้วย มิใช่มีเกณฑ์พอเพียง 7-8 ข้อ แม้ว่าจะมีข้อสุขภาพ แต่มักเป็นเรื่องปลูกสมุนไพร 10 ชนิดที่เป็นยาพื้นบ้าน แล้วผ่านเกณฑ์นี้ แนวคิดของพ่อครูคือ ต้องประพฤติตัวตนให้ไม่เป็นการปฏิบัติตนเองที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยไข้เจ็บ ก็จะเป็นแนวทางป้องกันการเกิดโรคภัยไข้เจ็บ หากทำได้ สมุนไพร 10 ชนิดอาจไม่มีความหมาย หรือเป็นความจำเป็นรองลงไป
การตรวจสอบตัวเองเป็นประจำเหมือนๆกับการเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะในลาน แต่การตรวจร่างกายไม่จำเป็นต้องทุกวัน แต่ทำให้เป็นปกติ ไม่ทิ้งไว้จนอายุ 60 แล้วไม่เคยตรวจสุขภาพ แบบนี่สุ่มเสี่ยงเกินไป ไม่พอเพียง ล้มทีก็เจ็บเลย เพราะไม่ป้องกัน เพราะไม่เคร่งครัดกับตัวเอง ใช้ร่างกายเกินที่เขาจะรับใช้ได้ เขาก็เกเรเอาซินะครับ
เอาซิ..มีเงินเป็นแสนล้าน ก็ไม่อาจซื้อสุขภาพดีดีตลอดไปได้หรอก มาถึงตอนนี้แล้วเห็นมีเจ้าเบิร์ดคนเดียวที่ไม่รู้จักโต นอนแต่สามทุ่มทุกคืน นี่ก็ใกล้เวลาเขาแล้วหละเนี๊ยะ มิน่าเล่าสุขภาพเธอสดใสตลอด เอ้า ไปนอนซะ…อิอิอิอิ
เอ๋า ว่าแล้วเชี้ยวว่าทำไมที่นั่งมันร้อน ๆ
ตั้งแต่ 17 - 19 พย. ไม่ว่างเลยค่ะเพราะพาคนจากกลุ่มตลาดนัดสีเขียวดูงานอาหารปลอดภัย ว่าแต่ละก้าวนั้นเราผ่านอะไรมาบ้าง ขนาดเค้ามาเต็ม ๆ 3 วัน ทุกวันแน่นตลอดถึง 2 ทุ่ม(ซึ่งตาจะปิดให้ได้ ตามที่พี่บู๊ดว่านั่นแหละค่ะ) ก็ยังดูไม่หมด ดูแบบลงไปนั่งฟัง นั่งถามคนที่ทำในชุมชนด้วยนะคะ
เบิร์ดเห็นด้วยอย่างที่สุดว่าประเด็นสุขภาวะกับพอเพียงเป็นเรื่องเดียวกันและควรรู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ปลายเปิดที่เพียงคิดก็ยุ่งยากแล้วจริง ๆ ดังนั้นขอร้องเลยว่าอย่าทำแบบใช้ระยะเวลา+ปริมาณเป็นตัวตั้ง เพราะมันฉาบฉวยมาก ๆ งานที่ได้จะไม่บอกอะไรมากไปกว่า”ได้ทำ” แบบไม่พอเพียงซะด้วย
สมการความสุขน่ะง่ายนิดเดียวเองค่ะพ่อ+พี่บู๊ด
ความสุข = สิ่งที่มี - ความเครียด หารด้วยความต้องการ…ดังนั้นความพอเพียงคือการลดตัวหาร ซึ่งเป็น”ความต้องการ” ถ้าตัวหารน้อยนเหลือเพียง 1 (คนทำมะดาสามัญคงไม่สามารถลดความต้องการจนเหลือ 0 ได้มั้งคะ เพราะยังมีกิเลสและยังต้องดำรงชีพอยู่) สิ่งที่เรามีก็คือความสุขใช่มั้ยเอ่ย และเราก็ไม่มีความเครียดดังนั้นส่วนที่ลบออกก็คือ 0 สมการมันจึงเหลือเพียง
ความสุข = สิ่งที่มี เพราะคำว่า “รวย” สะกดว่า พ พอ + อ ออ = พอ อิอิอิ
ไปพาเค้าดูงานต่อก่อนนะคะ