: พินัยกรรมพญานาค
วันที่ 5 กันยายน 2552
คณะเราตั้งใจไปกราบหลวงปู่เย็น วัดพุทธพระบาทภูควายเงิน วัดแห่งนี้มีเรื่องเล่าสืบทอดกันมาว่าเป็นวัดร้าง แต่เดิมจะมีพระธุดงค์มาบำเพ็ญเพียรอยู่เสมอ ต่อมาหลวงปู่เย็นได้มาทำการบูรณะสร้างเป็นสำนักสงฆ์แล้วพัฒนาเป็นวัดขึ้นมาตามลำดับ แต่กว่าสำนักสงฆ์จะเป็นวัดขึ้นมาได้คงยากแสนสาหัส เอาแค่คิดที่จะเดินทางขึ้นมาก็หน้ามืดแล้ว เหมือนกับเดินขึ้นดอยสุเทพอย่างไรก็อย่างนั้น สมัยนี้เรานั่งรถก็ดูไม่กระไรนัก แต่ถ้านึกไปถึงเมื่อครั้งที่มีการบุกเบิกสร้างเส้นทางขึ้นมา หิ้วถังปูน สร้างโน่นนี้ในยุคที่ไม่มีปัจจัยอะไรเลย ได้ทดสอบความมุ่งมั่นใจ ทดสอบความเพียรอย่างเอกอุ
จากอำเภอห้วยหินไปอำเภอเชียงคานเป็นระยะทางประมาณ 100 ก.ม. แวะซื้อพวงมาลัย ดอกธูปเทียนระหว่างทาง ล้อรถเคลื่อนปีนภูสูงไปเรื่อย ๆ เมื่อไปถึงจึงรู้ว่าวัดนี้อยู่บนภูสูงฝั่งไทย มองไปฝั่งตรงกันข้ามเป็นประเทศลาว มีแม่น้ำโขงไหลขนานกั้นอาณาเขต อากาศเย็นสบาย เรากราบรูปปู่ฤๅษีที่นั่งรอคอยใคร ๆ ด้านหน้า แล้วจึงเข้าไปในกุฏิของหลวงปู่เย็น
เรื่องนี้มีลักษณะเป็นเรื่องส่วนตัว ตอนแรกลังเลที่จะเล่าดีหรือไม่เล่าดี อาจจะเป็นเรื่องยิ่งแก่ยิ่งเพี้ยนได้ง่าย มาคิดอีกทีสมัยนี้ทุกคนมีวิจารณญาณ แต่ถ้าไม่เล่าก็จะเป็นเรื่องค้างคาใจในการบักทึกประจำวันของตนเอง ใครที่ยังอ่อนพรรษาก็ให้ปรึกษาผู้ปกครองก็แล้วกัน บอกก่อนนะครับว่าอย่าเชื่อ.. ถ้ามองว่าเป็นความงมงายก็ได้ไม่ว่ากัน แต่ขอบอกว่า.. เจออย่างไรก็เล่าไปอย่างนั้น ใช่หรือไม่ใช่ ถูกหรือไม่ถูกก็ไม่เป็นไร ในเมื่อไปเห็นไปเจออย่างนี้ก็เล่าไปตามนี้.. ไม่ได้ใส่สีตีไข่ใด ๆ อิอิ
ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ผมสาละวนอยู่กับเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยของตนเอง ใช้เวลาใช้เงินหมดไปมาก ได้เจอนายแพทย์ที่แสนดีและเก่งหลายท่านที่ช่วยจัดการเรื่องนี้ จนกระทั่งการตรวจครั้งสุดท้าย คุณหมอบอกตามตรงว่าการรักษาได้ช่วยเหลือสุดความสามารถแล้ว ในต่างประเทศเคยมีหมอและคนไข้สู้ต่อ ใช้ยาที่ค้นคิดใหม่ ๆ แพง ๆ ก็ยังไม่สำเร็จ เรายังสู้เชื้อนี้ไม่ได้ ต่อไปนี้คงต้องใช้ธรรมชาติรักษา เมื่อได้คำตอบที่ชัดเจนตรงไปตรงมา ผมก็ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนอะไร ยอมรับได้ อยู่มาถึงทุกวันนี้ก็แก่เกินแกงแล้ว ต่อไปนี้ละจะทำอย่างไร
เราจะให้ธรรมชาติรักษาอย่างไร?
เราจะบริหารสังขารขี้โรคต่อไปนี้อย่างไร?
เรามีภาระอะไรบ้างที่ควรจะสะสางให้เรียบร้อย
เรามีการบ้านอะไรบ้างที่ควรจะรีบทำ
การเรียงลำดับความสำคัญเกิดขึ้นเงียบ ๆ ทุกอย่างกระจ่างใจแล้วละนะ เราจะบริหารความรู้เก่าเก็บอย่างไร เราจะบริจาคความรักและปรารถนาดีให้ใคร เราจะบริจาคสังขารที่ไหน เราจะ ๆ ๆ ๆ …แต่แล้วก็เหมือนสวรรค์มีตา เกิดเรื่องที่เหนือความคาดฝัน แม่ลำไยได้ก้าวเข้ามาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ..ดังที่เล่าไปเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาบ้างแล้ว ขอย้อนเล่าตามคำพูด แม่เลี้ยงลำไยเล่าว่า ได้ติดตามหาคู่บารมีในอดีตชาติมาหลายปี ด้วยพลังจิตหรืออะไรก็ไม่ทราบได้ ทำให้รู้ว่าหลวงปู่เย็นเป็นพ่อในอดีตชาติ มีการทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ หลวงปู่ได้มอบหน้าที่ให้ลูกสาวติดตามหาเครือญาติในอดีตชาติมาพบกัน แม่ลำไยตระเวนค้นหาแล้วพามาที่ละรายสองรายจนเกือบจะครบแล้ว จนกระทั้งมาถึงผม น่าจะเป็นสายญาติชุดท้าย ๆ
แม่เลี้ยงติดตามหาคู่ครองในอดีตชาติหลายปี จนกระทั้งมาที่สวนป่า ในใจก็ระทึกว่า เขาจะเชื่อเราหรือเปล่า จู่ ๆ จะเข้าไปทึกทักว่าคนนี้เคยเป็นสามี ลูกเมียเขาจะว่าอย่างไร ที่สำคัญผมจะเชื่อไหม ยอมรับไหม จะไม่หน้าแตกหรือ ..โอ้ ทุกข์นี้ใหญ่หลวงนัก..
ด้วยเจตจำนงค์แรงกล้า สู้แบบไม่ถอยแม้องคุลีเดียวก็เกิดขึ้น แม่เลี้ยงบุกมาบอกเล่า เข้ามากราบ เข้ามาขอทำพิธีหลายครั้ง แต่ผมก็ไม่รู้สึกวับ ๆ แวบ ๆ อะไร สื่อกระแสจิตกันไม่ได้ แม่เลี้ยงได้แต่ร้องคร่ำครวญ ปิ่มว่าใจจะสลาย เรื่องต่าง ๆ ไม่จบง่าย ๆ เหมือนรายอื่น ๆ ครั้งสุดท้ายได้บุกมาทำพิธีขอขมา ผมก็ยังเฉย ๆ ไม่ใช่เชื่อหรือไม่เชื่อ แต่รู้สึกเฉย ๆ ราบเรียบสงบเหมือนแผ่นกระจก
แม่ลำไยจึงกลับไปเมืองเลย อยู่ได้ไม่กี่วันก็ย้อนกลับมาอีก ทำพิธีรักษาตัวรักษาใจให้ผมอีก แต่ผลออกมาบอกให้รู้ว่าไม่สำเร็จ เราลองนึกถึงใจแม่เลี้ยงสิจะเป็นอย่างไร ในเมื่อทุ่มเททดสอบอย่างหนัก หลายอุบายหลายวาระแล้วยังไม่มีอะไรก้าวหน้า
ผมเล่าเรื่องนี้ให้พวกเครือญาติแซ่เฮฟังเพราะต้องการให้ช่วยกันพิจารณา บังเอิญว่าป้าจุ๋ม คนหัวโต เจ้าหนูมิม ป้าหวาน เข้ามาในช่วงนั้น ก็อาจจะรับเรื่องไปคิดในแต่ละมุมของตนเอง หลังจากนั้นรายการตามล่าหาความจริงจึงเกิดขึ้นอีก พวกเราได้เดินทางไปเยี่ยมแม่เลี้ยงที่จังหวัดเลย ในระยะที่ไม่ทอดห่างกันมากนัก ข้อมูลได้ยกระดับจากการบอกเล่า มาเป็นการได้มารู้มาเห็นสภาพด้วยตนเอง แม่เลี้ยงพาคณะเราไปเที่ยวสถานที่ ๆ เกี่ยวข้องอดีตชาติหลายแห่ง ไปถ้ำ ไปวัด ทำพิธีต่าง ๆ เรื่องไม่กระจ่างขึ้นมาบ้างแค่ยังหรือคืบหน้าเท่าที่ควร
หลังจากคณะเรากลับมาแล้ว ไม่กี่วันแม่เลี้ยงก็ตามมารักษาผมอีก การรักษาโรคกายใจของผมไม่สามารถลุล่วงได้ แม่เลี้ยงก็ดิ้นพล่านเป็นทุกข์กับเรื่องนี้มาก ได้ลงมาคุยกันที่สวนป่าอีกวาระหนึ่ง ชวนให้ผมไปพบหลวงปู่เย็น เพราะอานุภาพในชั้นของตนเองไม่สามารถแก้ไขอะไรได้มากกว่านี้แล้ว
ผมจึงชวนแม่หวี ครูน้อย-ครูพรหมมี ป้าสอน เดินทางไปบ้านแม่ลำไย เป็นครั้งที่ 2 คนหัวโตทราบเรื่อง บึ่งมาจากกทม.คนเดียว นัดเจอกันที่ขอนแก่นแล้วเดินทางไปด้วยกัน ไปครั้งนี้แม่ลำไยคงจะเห็นว่า ผมบาปหนาไม่สามารถสื่อโดยตรงได้ ได้วิจารณ์ว่า.. ผมไม่ค่อยทำบุญให้ตัวเอง สวดมนต์ไหว้พระก็ทำน้อยมาก ยังดีที่มีบารมีในอดีตมาประคับประคองตรงนี้ไว้
เมื่อสื่อใจกันยาก การเจาะจุดสำคัญเรื่องเก่า ๆ จะทำอย่างไร แม่ลำไยช่วยให้ครูน้อยเป็นตัวผ่านสัญญาณมาถึงผม ครูน้อยเป็นคนธรรมะธัมโม สวดมนต์บทสำคัญ ๆทุกบทมานานหลายปี คงจะเป็นคนมีพลังที่จะสื่ออะไรได้อยู่บ้าง จึงรับกระแสสัญญาณได้ในระดับหนึ่ง ทำให้การเชื่อมสัญญาณระหว่างผมกับแม่เลี้ยงดีขึ้น แต่ก็อยู่ในระดับปฐมเท่านั้น คงจะต้องเร่งพัฒนาการจุดนี้อย่างหนัก ไม่หยุดนิ่งที่จะอธิบายเรื่องราวผ่านกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ
ที่วัดพระบาทภูควายเงิน คณะเราได้เข้าไปกราบหลวงปู่เย็น เมื่อพวกเราเข้าไปในห้องแล้ว แม่ลำไยกราบเรียนว่าได้ตามตัวลูกหลานมาให้แล้ว คราวนี้ได้ลูกเขยกับลูกสาวคนเล็กมา หลวงปู่ดีใจร้องไห้ ได้เล่าเรื่องความตั้งใจให้ฟัง.. หลวงปู่ให้ครูพรหมมียกก้อนมณีทดสอบบารมี หลังจากนั้นได้เอาก้อนหินพญานาคมาวาง แล้วให้พวกเราเลือกอธิฐาน เอาค้อนทุบ ข้างในจะมีลูกแก้วใส ๆ แล้วแต่ใครจะได้สีอะไร ยื่นให้หลวงปู่ทำพิธีแจกให้เจ้าตัว ผมได้เม็ดมณีสีมรกตแตกต่างจากคนอื่น ที่ได้สีบุษราคัม สีแดง สีชมพู มอบให้ติดตัวเป็นของที่ระลึกที่ได้มาพบกัน
เราปลูกต้นเอกมหาชัยเป็นที่ระลึก 1 ต้น แล้วเดินทางกลับ แวะกินข้าวเที่ยงที่แก่งคุดคู้ ที่อยู่ติดริมฝั่งโขง แล้วเดินทางไปชมวัดอีก 2-3 แห่ง แต่คลาดเคลื่อนไปเพราะการนัดหมายไม่ชัดเจน ผมกับรอกอดเดินทางกลับที่พัก รถแม่ลำไยครูน้อย เดินทางไปทำพิธีต่อไป.. การคลาดกันครั้งนี้ทำเอาให้ใจแทบล่มสลาย แม่ลำไยคร่ำครวญร้องเป็นกลอนรำสมัยโบราณ ผมได้ฟังผ่านโทรศัพท์มือถือ รู้สึกว่าหญิงโบราณเขาสะท้อนความในใจได้ลึกล้ำ ถ้อยคำต่อว่าต่อขานระรานใจเรายิ่งนัก เรื่องนี้บันทึกเสียงไว้ด้วย ถ้าวาสนาไม่ชำรุดคงจะได้ฟัง..
แคว๊กๆๆ
Next : : ของฝากจากเมืองบาดาล » »
7 ความคิดเห็น
อ้าวไหง แค๊วกๆ
จบแบบขาดครึ่งงี้ละครับท่าน
อยากฟังขับลำของแม่ลำไย อยากเจอแม่ลำไยด้วยครับ
แค่ที่ทักว่าผมเป็นคนหาฟืน คนทำกะบองทำไต้ ผมก็หนาวๆ เอนไปทางเชื่อแล้วละครับ
เรื่องนี้ใครจะคิดอย่างไรก็แล้วแต่นะครับ ผมได้เจอเรื่องแปลกหลายเรื่อง ได้แต่เล่าสู่กันฟังในครอบครัว พร้อมทั้งแสดงหลักฐานต่างๆ ทั้งรูปและสิ่งของที่เก็บมา หลายอย่างซึ่งอธิบายไม่ได้ ก็ไม่ต้องอธิบาย อธิบายไปก็เท่านั้น สิ่งที่ได้เห็น ก็ได้เห็น
ในบางกรณี วาสนาคือการให้โอกาสตัวเองครับ
มีคนในครอบครัวสองคนที่ค่อนข้าง “ไว” บอกว่าของที่ได้มา “มีพลังแผ่ออกมา” แต่ผมก็ไม่รู้หรอกนะครับ รับอะไรไม่ได้ เขาว่ามาอย่างนี้ ก็เล่าอย่างนี้
น่าสนใจค่ะ
กับเรื่องราวแบบนี้ มักจะเข้าใจเอาเองว่าไม่มีอะไรในโลกที่เราจะตอบคำถามได้หมด
คำตอบบางอย่างอาจมีแล้วโดยที่เราไม่ได้พินิจพิจารณาหรือไม่มีเหตุแห่งความเข้าใจได้ก็ได้
จังหวะเวลาหรือความลงตัวจะหาวิถีของมันเอง…คำตอบก็จะเผยออกมา….ถ้าเราให้ความสำคัญหรือตั้งใจพอ…กระมังคะ
อยากรู้เหมือนกันว่า ความรู้สึกว่ามีพลังนั้นเป็นอย่างไงค่ะ
ท่านปาลียอนครับ เอาไว้เจอกันจะฝากของพิเศษให้ อิอิ
ทดสอบทางใจได้เสมอๆๆ
คิดถึงอุ้ยเสมอ เอาไว้เจอกันจะจัดแจ้งเจนใจ ขอคำปรึกษา ขอความเห็น แม่ยาย
อิอิ
#3 น้องบอกว่าขนลุกมาตั้งแต่ก่อนเปิดประตูเข้ามาครับ