อานุภาพความห่วงใย

อ่าน: 4127

ความห่วงใย โยงใยไปถึงไหน ๆ

กระแสความหวังดี ที่ยากจะปฏิเสธ

หรือจะเป็นเพราะมีการลิขิตไว้ล่วงหน้า

ว่าวันเวลานี้นะ เราจะได้พบอะไร ๆ ที่ไม่คาดฝัน

เมื่อมีเหตุอันควร ที่จำเป็นต้องไป ก็ควรจะไปใช่ไหมละ

ปีนี้ที่สวนป่าฝนดีเหลือเกิน เมื่อคืนนี้ยังหยอดมาเปาะแปะ เรามานั่งแคะความหลังกันจนถึงเที่ยงคืน เมื่อคุ้นเคยกัน เลยได้ฟังสิ่งละอัน พันละน้อย เป็นการเรียนรู้จากการบอกเล่าในเชิงประวัติศาสตร์พื้นถิ่นลุ่มน้ำโขง ที่ประชากรในแถบนี้มีความรู้สึกผูกพันทางสายญาติ คำว่าลาว-ไทยเป็นพี่น้องกัน ไม่ได้เป็นเพียงคำพูด ในความเป็นจริงนั้นเรื่องชาติพันธุ์แทบจะกล่าวได้ว่าหลายส่วนเป็นเนื้อเดียวกัน มาแปลกแยกเฉพาะกฎหมายที่มนุษย์ยกมาแบ่งพื้นที่โลกออกเป็นส่วน ๆ  ทั้ง ๆ ที่แนวคิดทางด้านศาสนามองว่ามนุษย์ชาติเป็นเครือญาติเดียวกันทั้งโลก ควรเคารพนับถือความเชื่อและศรัทธาโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น

เมื่อคืนได้ฟังเรื่องดวงไฟพญานาค ที่พวยพุ่งขึ้นกลางลำน้ำโขง เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มหัศจรรย์ นักวิทยาศาสตร์พยายามอธิบายว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับของชาวไทย-ลาวในพื้นถิ่นนี้ ที่แปลกก็คือทำไมมันจะต้องพวยพุ่งขึ้นมาเฉพาะวันที่เจาะจงไว้ทุกปี ทำไมมันไม่พุ่งสะเปะสะปะ เรื่องนี้เป็นการบ้านที่ยกยอดให้ผู้รู้หาคำตอบต่อไป

ผมกลับมาอยู่บ้านได้ 2 วันก็จะแอ่นแอ้นไปจังหวัดอุบลฯ อีกแล้ว มีรายการพบปะนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ ในวันที่ 3 ไหน ๆ ก็ไปแล้วจึงนัดประชุมนอกรอบกับคณาจารย์คณะบริหารศาสตร์-นักศึกษาที่ทำวิทยานิพนธ์เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงและอาจารย์ที่รักษาการคณะบดี การประชุมนอกรอบมีความหมายตรงที่เราดึงเอาความเป็นกันเองออกมาใช้ ไม่ต้องประชุมเต็มรูปแบบของทางการ ในบางโอกาสวิธีนี้อาจจะช่วยทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายได้ จะทดลองดูนะครับว่า..มันเป็นจั๊งซี่แม่นบ่..

แปลกไหมครับ

ความห่วงใยไม่เคยหยุดนิ่ง

จากห่วงใยนำไปสู่ห่วงอื่น ๆ

ห่วงเอื้ออาทร

ห่วงปรารถนาดี

ห่วงที่รักจะชอกช้ำ คิ คิ

คำว่าเชียงคานโผล่ขึ้นมาในแผนที่ชีวิต เส้นทางความห่วงใยบอกว่าวันที่ 5-6-7 อาจจะต้องขึ้นภูไปกราบหลวงปู่เย็น ทั้ง ๆ ที่ตอนหัวค่ำยังคุยกับอำมาตย์อยู่เลยว่าเราจะไปวันไหนดี นี่แหละชีวาในชีวิต พรหมลิขิตหรือเราลิขิตชีวิตเราเอง บางครั้งไม่เผชิญกับตัวเอง ก็ยากจะอธิบาย ผมชอบเดินเรียนอยู่แล้ว การเรียนรู้ผ่านบทเรียนที่เต็มไปด้วยชีวิต ย่อมสมบูรณ์ไปด้วยสาระชีวิตและสังคมในพื้นที่นั้น ๆ อยากจะเปลี่ยนคำว่า > >

เรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นการเรียนรู้จนวันสิ้นชีวิต

แต่ผมต้องการมากกว่านั้น

แม้กระทั้งตอนที่ลงนอนสงบนิ่งในโลงแล้ว

ถ้าเขียนเจ๊าะแจ๊ะถึงใคร ๆ ได้ผมก็อยากเขียนนะ

ส่วนใครจะตอบหรือตอบไม่เป็นไร

ในเมื่อผมรักและคิดถึงชาวลานปัญญาทุกคน

..รักกันไว้เถิดเราเกิดมาเป็นชาวลานด้วยกัน

ถ้าวันไหนหุนหันงอแงใส่กันเอง

ผมจะทุบฝาโลงออกมาหาจริง ๆ ด้วย อุ อุ

« « Prev : คณะกรรมการสมานใจ

Next : ธรรมมะในป่าไม้ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

8 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 1 กันยายน 2009 เวลา 7:03

    ชอบใจคำถาม โครงการของออตมากถึงมากที่สุด
    กำลังทำพิธีอ้อนวอนสวรรค์
    ถ้าวันที่ 2 แวะไปได้ จะไป
    แล้วเลยไปประชุมที่อุบลต่อ
    ว่าแต่ว่า จัดตรงไหนแน่ มีแผนที่บ่

    1.คำถามเกี่ยวกับชุมชน : ความเข้าใจมรดกวัฒนธรรม “ฮูปแต้ม” และ “สิม” ในบริบทของวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง
    1.1 ชุมชนบ้านหว้านใหญ่มีความเป็นมาเชิงประวัติศาสตร์อย่างไร?
    1.2 การก่อตั้งชุมชนหว้านใหญ่สัมพันธ์กับพื้นที่กายภาพของแม่น้ำโขง ริมฝั่ง และพื้นราบบนฝั่งอย่างไร?
    1.3 โบสถ์และจิตรกรรมในโบสถ์หลังนี้เชื่อมโยงกับวิถีวัฒนธรรมท้องถิ่น และพี่น้องสองฝั่งโขงอย่างไร?
    1.4 มีเรื่องเล่าขานของชาวหว้านใหญ่และคนในท้องถิ่นเกี่ยวกับอุโบสถและภาพเขียน ภายในโบสถ์วัดศรีมหาโพธิ์หรือไม่ ถ้ามีเรื่องเล่าดังกล่าวมีอะไรบ้าง? เรื่องเล่าเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับชุมชนหว้านใหญ่และชุมชนสองฝั่งโขงอย่าง ไร?
    1.5 ลักษณะเฉพาะของชุมชนหว้านใหญ่ มองผ่านพื้นที่ริมฝั่งโขง กลุ่มประชาชน (ชาติพันธุ์) สังคม วัฒนธรรม และ ความสัมพันธ์กับวัฒนธรรมไทย กับวัฒนธรรมลาวอย่างไร?
    2. คำถามเกี่ยวกับวัดและจิตรกรรมวัดศรีมหาโพธิ์ในบริบทวัฒนธรรมท้องถิ่น
    2.1 วัด โบสถ์ และจิตรกรรมบนผนังโบสถ์วัดศรีมหาโพธิ์ถูกสร้างในสมัยใดของลาว และสมัยใดของรัฐสยาม และเกิดขึ้นในบริบทใด?
    2.2 รูปแบบ เนื้อหา และเทคนิคของจิตรกรรมเป็นอย่างไร?
    2.3 คติธรรม ที่ฝากแฝงอยู่ในจิตรกรรมชุดนี้คืออะไร?
    2.4 ภาพจิตรกรรมเชิงสังวาสในอุโบสถซึ่งเป็นพื้นที่ศาสนา สะท้อนหรือบ่งบอกอะไรต่อชุมชนหว้านใหญ่ในอดีต?
    2.5 วัดศรีมหาโพธิ์ในอดีตสัมพันธ์กับวัดลัฏฐิกวัน และวันมโนรมย์ อย่างไร? ทั้งสามวัดมีความเชื่อมโยงกับท้องถิ่นที่เป็นกลุ่มวัฒนธรรมเดียวกัน รวมทั้งชุมชนและวัดในชุมชนฝั่งลาวอย่างไร?
    2.6 เราควรจะประเมินค่าความงามโบสถ์ และ จิตรกรรมในโบสถ์วัดศรีมหาโพธิ์ ด้วยหลักการเดียวกับการประเมินค่าจิตรกรรมของจิตรกรทั่วไปหรือไม่? และควรจะนำไปเปรียบเทียบคุณค่าทางความงามกับจิตรกรรมของวัดในกรุงเทพฯ หรือต่างเขตวัฒนธรรมหรือไม่? เพราะเหตุใด?
    2.7 เราควรจะนำคำว่า “ช่างหลวง” หรือช่างที่เขียนภาพตามหลักการจากช่างหลวง มากล่าวอ้างเพื่อกดทับ “ช่างราษฎร์” และผลงานของช่างพื้นถิ่นเหล่านี้ว่า เป็นจิตรกรมีทีฝีมืออ่อนและผลงานด้อยสุนทรียภาพหรือไม่?

    3. วัดศรีมหาโพธิ์กับบริบทปัจจุบัน ภาพสะท้อนและปรากฏการณ์เฉพาะหน้า
    3.1 โบสถ์และจิตรกรรมในโบสถ์หลังนี้ ซึ่งเป็นสมบัติของชุมชนท้องถิ่น ได้ถูกสร้างให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในสมบัติของชาติอย่างไร?
    3.2 ‘แก่งกระเบา’ ในปัจจุบันมีความหมายต่อพื้นที่ริมโขงอย่างไร? และ โบสถ์กับจิตรกรรมวัดศรีมหาโพธิ์มีความสัมพันธ์กับแก่งกระเบา และวัดลัฏฐิกวัล และวัดมโนภิรมย์ในความสนใจของคนอื่นอย่างไร?
    3.3 คนกลุ่มใดในชุมชนเป็นผู้สนใจ ห่วงใย และหวงแหนโบสถ์และภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดศรีมหาโพธิ์มากที่สุด เพราะเหตุใด?
    3.4 คนในชุมชน กับ คนนอกชุมชนดังกล่าวมีเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์ในการจับจ้องภาพจิตรกรรมเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?
    3.5 เนื้อที่ของภาพ 80% อยู่ในความเลือนราง จากการเคลือบคลุมของฝุ่น ตมที่มากับละอองน้ำ สะท้อนถึงความเลือนรางในความสนใจของคนท้องถิ่นใช่หรือไม่?
    3.6 ในฐานะเยาวชนของชาวหว้านใหญ่ มีจินตนาการที่จะต่อเติมจิตรกรรมที่เลือนรางในผนังโบสถ์อย่างไร?
    3.7 ระหว่างคนในชุมชน กับคนนอกชุมชนใครเข้าไปใช้โบสถ์ และ ‘ดู’ ภาพจิตรกรรมภายในโบสถ์มากกว่ากัน?
    3.8 จากการดำรงอยู่ของโบสถ์ และการเข้ามาเยือนของคนอื่น โบสถ์หลังนี้น่าจะกลายเป็นนิทรรศการแห่งอดีต เพื่อต้องการดูศิลปกรรมของวัฒนธรรมท้องถิ่นตั้งแต่บรรพกาล หรือเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของชุมชน หรือจะจัดให้พื้นที่ดังกล่าวอยู่ร่วมกันได้หรือไม่ ถ้าได้จะจัดอย่างไร?
    3.9 คนที่รู้เรื่องราวของโบสถ์เหล่านี้ในปัจจุบัน มีกี่คน มีความรู้อะไรบ้าง ยังไม่รู้อะไรบ้าง? และมีความรู้เพื่ออะไร รู้ในบริบทไหน?
    3.10 ระหว่างคนอื่น กับคนในชุมชน ควรจะร่วมกันรื้อฟื้น และสร้างความรู้ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับโบสถ์หลังเก่าและจิตรกรรมดั้งเดิมของวัดศรีมหา โพธิ์ร่วมกันอย่างไร เพื่ออะไร?
    3.11 มีการตีความ/อธิบายจิตรกรรมใน ‘อดีต’ ของคนปัจจุบันอย่างไรบ้าง?
    3.12 ‘ภาพปริศนา?’ กรมพระยาดำรงฯ หรือ พระเจ้าสัญชัยเจ้าเมืองสีวี …การพยายามอธิบายภาพเขียนบางตอน เชื่อมโยงถึงสมเด็จกรมพระยาดำรงเดชานุภาพ ตัวแทนศูนย์กลางอำนาจรัฐสยาม เสด็จตรวจหัวเมืองในมณฑลอีสาน ประทับอยู่บนเกวียน ทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่ (น่าจะ) ใช่! ผู้เข้าอบรมมีความเห็นว่าอย่างไร เพราะเหตุใดเว็บไซต์ หรือผู้นำเสนอดังกล่าวจึงอธิบายเช่นนั้น?
    3.13 จำเป็นหรือไม่ที่จะทำให้ ‘อดีต’ ส่วนนี้มีความหมายต่อสังคมหว้านใหญ่ และสังคมไทยในฐานะชุมชนริมฝั่งโขง?

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 1 กันยายน 2009 เวลา 11:25

    สาธุ  สาธุ
    อามิตรพุทธ

  • #3 สุวรรณา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 1 กันยายน 2009 เวลา 11:49


    ชอบที่สุดเลยค่ะอันนี้

    สาธุ สมฺพหุลา ญาตี อปิ รุกฺขา อรญฺญชา วาโต วหติ เอกฏฺฐํ พฺรหนฺตมฺปิ วนปฺปตึ.
    มีญาติพวกพ้องมาก ย่อมเป็นการดี เช่นเดียวกับต้นไม้ในป่าที่มีจำนวนมาก ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่โดดเดี่ยว
    ถึงจะงอกงามใหญ่โตสักเท่าใด ลมก็พัดให้โค่นลงได้  สาธููู สาธุ 

  • #4 สายลมครับ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 1 กันยายน 2009 เวลา 14:57

    พ่อจะแวะร้อยเอ็ดเยี่ยมลูกชายคนนี้สักหน่อยได้ป่ะครับพ่อ อิอิ

  • #5 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 1 กันยายน 2009 เวลา 15:00

    รับพิจารณา

  • #6 sompornp ให้ความคิดเห็นเมื่อ 1 กันยายน 2009 เวลา 16:52

    เรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นการเรียนรู้จนวันสิ้นชีวิต

    แต่ผมต้องการมากกว่านั้น

    แม้กระทั้งตอนที่ลงนอนสงบนิ่งในโลงแล้ว

    ถ้าเขียนเจ๊าะแจ๊ะถึงใครๆได้ผมก็อยากเขียนนะ

    ส่วนใครจะตอบหรือตอบไม่เป็นไร

    ในเมื่อผมรักและคิดถึงชาวลานปัญญาทุกคน

    ..รักกันไว้เถิดเราเกิดมาเป็นชาวลานด้วยกัน

    ถ้าวันไหนหุนหันงอแงใส่กันเอง

    ผมจะทุบฝาโลงออกมาหาจริงๆด้วย อุ อุ

    ปล่อยพ่อ   ปล่อยไป ปล่อยให้ไหลเหมือนปลาไหล
    ปล่อยให้ดิ้นพล่าน ๆ ๆ ๆ หาทางลงน้ำเอง ลงไม่เป็นก็จับใส้หม้อเป็นปลาไหลต้มเปรต  ไหลลงเป็นเจอน้ำก็ดีใจ เจอน้ำแล้วยังอยู่ไม่เย็น เป็นไม่สุข ก็ปล่อยไป  ปล่อย ปล่อย ปล่อย  หมายความว่า “วาง”  จะได้ไม่หนัก
    อิอิอิ
    (เกี่ยวอะไรไหมเนี่ย)

  • #7 khajitf ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 กันยายน 2009 เวลา 11:29
    • และแล้ว
    • พ่อครูบาก็เดินทางอีกแล้วครับพี่น้อง
    • สบายดีนะครับ
  • #8 rattiya ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 กันยายน 2009 เวลา 17:12

    พ่อน่าจะส่งดวงแก้วนี้ ให้พวกเราทุกคน เอาไว้ส่องใจตัวเองนะคะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.10748100280762 sec
Sidebar: 0.082987070083618 sec