เปิดตัวผู้ดูแลปากท้อง
อ่าน: 2318
นโปเลียนหรือเปล่าไม่แน่ใจ พูดว่ากองทัพเดินด้วยท้อง แทนจะเดินด้วยขาหรือยานพาหนะใด เรื่องปากท้องเรื่องใหญ่ ถ้าเราดูชัยภูมิในแถบลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะกรุงศรีอยุธยา จะมีสายน้ำสายเล็กสายใหญ่นอกเหนือจากสายน้ำหลัก ปิงวังยมน่านไหลมาสมทบกัน เมืองกรุงเก่าจึงมีสภาพกึ่งบกกึ่งน้ำ เรือนไทยจะยกพื้นสูงเพื่อหนีน้ำ
ทุกครั้งที่พม่ายกทัพมาล้อมกรุง
ชาวอโยธยาต้องเตรียมเสบียงตุนไว้ให้ได้มากที่สุด
พม่าล้อมได้ล้อมไป พอฤดูน้ำหลาก
ข้าศึกที่แกร่วอยู่ภายนอกกำแพงเมือง
จะสบายตรงที่ซักโสร่งตากสะดวกอย่างเดียว
แต่อาหารคนอาหารสัตว์ขาดแคลน
อยู่ไปก็ทรมาทรกรรม จึงจำต้องยกกองทัพกลับ
กลยุทธการศึกโบราณอาศัยความรู้ด้านสภาพแวดล้อมมาเป็นอาวุธ
เมืองไทยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำมาแต่ครั้งโบราณ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ล่วงเข้ามาถึงปัจจุบันยังได้ฉายาเป็นครัวโลก นั่นก็หมายความว่า ต้นทุนเรื่องปากท้องอยู่ที่เรา เรื่องอื่นเป็นของมายา ข้าวปลานี่แหละของจริง หม่อมเจ้ากฤษณากรเตือนสติคนไทยไว้นานแล้ว ถ้าเราช่วยกันศึกษาวิจัยพัฒนาระบบการเกษตรให้เข้มแข็ง ช่วยกันสร้างแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง แทนการทำแผ่นดินให้เป็นสีแดงสีเหลืองสีฟ้า สีพวกนี้รวมกันเข้าก็จะเป็นสีช้ำเลือดช้ำหนอง ไม่ได้เป็นสีทองผ่องอำไพหรอกนะจ๊ะ
ย้อนมาดูการบ้านชาวเฮ กำลังหาที่มั่นเหมาะจะสร้างหมู่บ้าเฮ กลุ่มผู้นำขี่ช้างม้าสำรวจในบริเวณกว้าง ประเมินสถานการณ์รอบด้าน คุณภาพดิน คุณภาพน้ำ สภาพดินฟ้าอากาศ สภาพแวดล้อม ปริมาณฝน วัดความสูงจากระดับน้ำทะเล กระแสลม เส้นทางสัญจร ผู้มองล่วงอนาคตกาลให้เหตุผลว่า วันข้างหน้าเราจะมีปัญหาเรื่องน้ำกับไฟฟ้า ถ้าพื้นที่ใดมีต้นทุนทางธรรมชาติอยู่แล้ว เราจะใช้เทคโนโลยีที่อาศัยพลังงานจากธรรมชาติมาเป็นตัวจะลดการลงทุน
ย้อนไปยังกองคารานคนตระกูลเฮ เมื่ออพยพมาได้ทำเลปักหลักปักฐานแล้ว หัวหน้าเผ่าแซ่เฮเรียกประชุม บอกว่าภายในสัปดาห์นี้จะเป็นการพักฟื้นเอาแรง ให้กลุ่มต่างๆสำรวจสิ่งต่างๆ ดูแลช้างม้าวัวควายที่บาดเจ็บ ซ่อมแซมเครื่องมือของใช้ที่ชำรุด เราจะจัดพิธีบวงสรวงเจ้าที่ เลี้ยงอาหาร และมีการแสดง เพื่อบำรุงขวัญกำลังใจชาวเราทั้งมวล
หัวหน้าทีมจัดเลี้ยงจับกลุ่มซุบซิบ มีชายร่างสูงไว้ผมเปียหัวเราะเสียงดังกว่าเพื่อน ใบหน้าแดงหูแดงหนวดกระดิก เสียงดังยังกะเตียวหุย ในมือมีไหสุรารินแจกไปรอบๆ นี่คือภาพอดีตชาติของเฮียเหลียง ผู้มีเสียงหัวเราะปานนกการเวกเป็นหวัด อิ อิ ..อีกกลุ่มประชุมกันเงียบๆ จะจัดเตรียมอาหารคาวหวานอะไรดี ฝ่ายขนมนมเนย เตรียมขุดมันป่าหากล้วยป่ามาทำขนมไว้แล้ว
ในนิมิตเห็นท่านบางทรายเป็นหัวหน้ากองเสบียง สั่งให้ลูกหาบไปหาเนื้อหาปลาและเครื่องปรุงมาส่ง สั่งให้ลูกทีมยกเขียง ขุดเตาไฟ ตั้งหม้อไหในบริเวณกว้าง ลูกมือวิ่งเข้าวิ่งออก อีกมุมหนึ่งเจ้าหนูเสียงเหน่อ กำลังสับเนื้อระรัว ปังตอสองมือว่องไวมองแทบไม่ทัน จะเป็นใครไปไม่ได้ ขจิตเสียงเหน่อลูกชายครูบานี่เอง ข้างๆเขียงสับเนื้อ มีกลุ่มสาวน้อยกำลังช่วยกันตำน้ำพริก โปก โปก สนั่นไปทั้งราวไพร ครกที่ใช้ไม่ใช่ครกทั่วไปอย่างทีเราเห็นหรอกนะ เป็นครกไม้สากไม้2มือยกตำลงสุดแรง พริกข่าตะไคร้แหลกลาญด้วยสองมือเธอ ดูใกล้ๆอ้าว! หมอเบิร์ดนี่หน่า..มิน่าชาตินี้ถึงรู้เรื่องการถนอมอาหาร สูตรอาหาร และร้านอาหารรสแซบทั่วเมืองเจียงฮาย คิคิ..
: หมายเหตุ กลุ่มนี้ประกอบด้วย
ท่านบางทราย เป็นหัวหน้ากองเสบียง
อาเหลียง เป็นหัวหน้าคุมและผลิตน้ำเปลี่ยนนิสัย
ขจิต เป็นลูกเขียงสับเนื้อ
หมอเบิร์ด ตำน้ำพริก โป๊ก โป๊ก
« « Prev : เปิดตัวผู้ว่าการฝ่ายฟืนไฟ
7 ความคิดเห็น
ใครมาเยี่ยมหมู่บ้านนี้ ต้องอ้วนแน่ๆ เลยพ่อ
ดูจากพ่อครัวแม่ครัวแล้ว
อิอิ
เย้….
5555 คราวนี้เปิดตัวแบบทีม…อิอิ
ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มีคนเรียกให้มาอ่านว่าอดีตกาลเป็นอันหยัง เบิร์ดมีเรื่องเล่าแถม เพราะเริ่มหายสงสัยว่าเกิดขึ้นได้ยังไง
ตอนที่เบิร์ดบวชชีพราหมณ์กับหลวงพ่อดาบส 1 เดือน ก็ไปช่วยโรงครัวทุกวัน วันหนึ่งป้าทอนให้เบิร์ดตำน้ำพริกหนุ่มคนเดียว โดยที่เบิร์ดไม่เคยทำเพราะที่บ้านไม่ได้กินกับข้าวเมือง ป้าทอนบอกแต่ส่วนผสมว่าใช้อะไรบ้าง และทุกอย่างเผาไฟให้หมดแล้ว (ที่นั่นกินมังสวิรัติค่ะ)
เบิร์ดตั้งหลักแป๊บหนึ่งแล้วก้มหน้าก้มตาตำไปจนเสร็จโดยที่ตอนนั้นรู้เพียงว่าหยิบนั่น ใส่นี่แบบอัตโนมัติเลยล่ะค่ะพ่อ ทำให้ทันเวลาที่จะถวายหลวงพ่อดาบส และตั้งที่โรงทาน (มีคนไปที่นี่เยอะค่ะ)ก็พอ แต่เมื่อแม่ทอนชิม ก็บอกว่าอร่อย และเป็นครั้งแรกของโรงทานที่มีแขกเดินเข้ามาถึงโรงครัวขอน้ำพริกหนุ่มเพิ่มเพราะหมดตั้งแต่วางได้แป๊บเดียว ตอนนั้นเบิร์ดไม่ได้สนใจอะไรแค่ขำ ๆ แต่ตอนนี้เริ่มรู้ว่าทำไมในขณะนั้นถึงไม่กังวลอะไร แค่หยิบ ๆ ใส่ไปก็พอ และน่าแปลกว่าความรู้นี้จะโผล่มาเป็นระยะเท่านั้นนะคะ 5555555555
ชักงงๆอ่ะ แล้วขันทีนี่จะมีอะไรโผล่มาเป็นระยะๆ ? อิอิ
ยิ่งนานวันยิ่งเข้มข้น…ตัวละครของหมู่บ้าเฮฯนี่น่าสนใจ…มีหัวหน้าพ่อครัวที่เข้มแข็งมีความรับผิดชอบสูง…ไอ้ความแคล่วคล่องว่องไวของอ.ขจิตก็เพิ่งอ๋อจ้า…โอ้โห! อาเหลียงนีซิ…ป้าจุ๋มคิดถึงมาหลายวันแล้ว…หายหน้าหายตาไป…ที่แท้เป็นผู้คุมคลังน้ำเปลี่ยนนิสัยนี่เอง…มิน่าเล่าอาเหลียงถึงได้หน้าแดงตลอดเลย…อิอิ…มีคนบอกว่าหน้าแดงนี่โหง๋วเฮ้งดีจ้า…แต่ตอนนี้ได้เวลาอาหารพอดี…ชักอยากทานน้ำพริกหนุ่มฝีมือน้องเบิร์ดเสียแล้ว…อิอิ
มีการเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ…สำหรับตำแหน่งของท่านจอมป่วน…เท่าที่ป้าจุ๋มจำได้แม่ลำใยบอกว่าเป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุด เข้านอกออกในได้ตลอด.หรือว่าคนทำหน้าที่นี้ต้องเป็นขันที…ก๊ากๆๆๆ หมอไม่ยอม…หมอไม่ยอม…หมอไม่ยอม…งั้นก็จะเป็นขันถี่ๆๆ หรือขันหลายๆที หรือจะนานๆขันทีก็แล้วแต่ตามสะดวกจ้า…อิอิ
ฮามากเลยครับ มิน่าละแม่ถึงบอกผมว่า อย่าสับเนื้อไวนัก เขียงจะติดมาด้วย ฮ่าๆๆ