โง่แล้วโงหัวลำบาก
อ่าน: 3499
ผมโชคดี ที่เกิดมาทันได้เรียนชั้นอนุบาลเป็นรุ่นแรกในโรงเรียนประจำอำเภอ จำได้ว่าไม่มีโต๊ะเก้าอี้อย่างสมัยนี้ ใช้กระดานชนวนขีดเขียน ก.ไก่ ก.กา ซึ่งก็เหมาะกับสภาพการเรียนของเด็กบ้านนอก เขียนลบ เขียนลบ ครูปล่อยให้เล่นกันซะมากกว่า บ่ายๆนอนกลิ้งบนเสื่อ ครูเผลอก็เอาหมอนมาตีกัน นุ่นแตกฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง ถูกครูทำโทษ กระจองอแงตามประสาเด็ก
การเรียนผมมาพลิกผันตอนที่เข้าชั้นมัธยมต้น ช่วงนั้นป่วยกระเสาะกระแสะ จุดสำคัญอยู่ที่จะเริ่มได้เรียนภาษาอังกฤษ เอ บี ซี ดี. แต่โชคไม่ดีมาเจอครูภาษาอังกฤษขี้เหล้าโมโหร้าย แกสอนแบบตวาดนักเรียนไปทั้งชั่วโมง ผมเรียนไม่ต่อเนื่อง ครูก็ไม่ดูตาม้าตาเรือ จี้ให้เราจำบทเรียนครั้งที่ไม่ได้เข้ามาเรียน เมื่อไม่รู้เรื่องก็ตอบไม่ได้ ทั้งๆที่ผมเป็นคนชอบภาษา แต่มาเจอจุดเริ่มที่เข็ดขยาด ก็พลอยทำให้ไม่สันทัดภาษาอังกฤษมาเท่าทุกวันนี้
:ช่วงที่ลองใช้คอมพิวเตอร์ครั้งแรก ความอ่อนหัดเรื่องภาษาอังกฤษเป็นอุปสรรคอย่างมาก แถมยังใจร้อนไม่ชอบเปิดดิกฯ จึงเดาผิดๆถูกๆ อาศัยถามคนอื่นบ้าง จำเอาบ้าง กดแป้นเปะปะมะเทิ่งมาเท่าทุกวันนี้ ผมทำให้ตัวเองเสียเปรียบด้านการศึกษาอย่างน่าเสียดาย เคยฮึดที่จะเรียนภาษาอย่างจริงจัง แต่..ไม้แก่ดัดยาก ประกอบกับแก่จวนจะเข้าโลงแล้ว คิดว่าได้แค่ไหนก็แค่นั้น รับสภาพจำยอมว่าซื่อเบื้อโดยดุษฎี อ่านประวัติการเรียนด้วยตัวเองของคนชอบภาษา ของแห้วศรีแล้วย้อนถามตัวเอง ทำไมเราไม่ทุ่มเทเรียนเอง ก็คงแก้ตัวได้ว่า ช่วงนั้นมีเรื่องอื่นที่น่าสนใจมายั่วเย้ามากกว่า..
เมื่อการเรียนด้านภาษาไม่ดี ผลสอบอออกมาครั้งใดก็จะอยู่ในระดับ 60-70 % บางวิชาก็หวุดหวิดจะตกแหล่ไม่ตกแหล่ แต่ก็ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าชั้น เป็นประธานสภานักเรียน เป็นตัวแทนยุวกสิกรไปประชุมที่กรุงเทพ เคยสร้างวีรกรรมเอาเด็กบ้านนอกมาทัศนะศึกษากรุงเทพ สมัยเมื่อ40 กว่าปีนั้นถือเป็นเรื่องอาจหาญมาก เกือบจะพาเพื่อนตกอ่างกะปิ ไปเที่ยววัดพระแก้ว แล้วเดินชมตลาดนัดสนามหลวง คนก็เยอะเด็กก็เปิ่น วิ่งหาตาเหลือกกว่าจะครบคน
: ผมอาจจะมีเชื้อภาวะผู้นำมาแต่เด็กๆ เพราะถูกเลี้ยงดูแบบตัดหางปล่อยวัด พ่อแม่ให้อิสระทำอะไรด้วยตัวเองมาตลอด บางครั้งจะดูคล้ายกับเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ แต่จริงๆแล้วผมก็รับฟังได้ทุกเรื่อง แต่ถ้าไม่ชอบมาพากลก็เดินชนเหมือนกัน.. ผมเป็นผู้บัญชาการเทกระจาดวัวพลาสติก วิพากษ์วิจารณ์โครงการมะม่วงอันธพาล โครงการอีสานเหี่ยว ข้าราชการและนักการเมืองบางกลุ่มไม่ชอบขี้หน้า ปากไม่มีหูรูดมันไม่ดีนักหรอก อย่าเอาตัวอย่างเป็นอันขาด เดินไปเดินมารับ 5,000นะดีแล้ว ราชการสมัยนี้ มีเรือดีๆไม่ขี่ข้าม ชอบเอาเรือรั่วน้ำมาข้ามขี่ ใครเลียดีอนาคตสดใส บ้านเมืองถึงน้ำตาตกในยังไงละครับ
หลังจากจบ ม.6 ผมไม่ได้เรียนอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน การเรียนในระบบเป็นอันจบที่วุฒิการศึกษา ม.6 หลังจากนั้นเป็นการเรียนตามอัธยาศัย ชอบเรื่องอะไรก็อ่านก็ทำ เป็นคนชอบเขียนเพลงยาว เอ๊ย จดหมาย.. สงสัยเรื่องอะไรก็จดหมายไปถึง ได้คำแนะนำก็มาทดลองทำ เรียนจากการกระทำ ประกอบกับเป็นคนขี้โม้ ทำอะไรได้นิดๆหน่อยก็คุยน้ำลายแตกฟอง คุยไปคุยมากลายเป็นคนขี้คุย ถูกเชิญให้ไปคุย 4-5 เรื่อง เช่น การป่าไม้-การศึกษา-สุขอนามัย-เศรษฐกิจพอเพียง-การพัฒนาชนบท หลังจากนั้นก็เขียนเรื่องราวไปส่งหนังสือพิมพ์และนิตยสารต่างๆ เริ่มมีคนรู้จักมาถ่ายทำทีวีอยู่เรื่อย มีคนพากันมาเยี่ยม มาจัดประชุม มาจัดกิจกรรม ผมมีหลายหัวโขน เช่น
: รับพระราชทานเกษตรดีเด่นแห่งชาติ สาขาปลูกสร้างสวนป่า
รับรางวัลFAO.สาขาฟาร์มต้นไม้
รับรางวัลระบบสารสนเทศจากธนาคารโลก
รับรางวัลพระธาตุนาดูนทองคำ
เป็นครูภูมิปัญญาไทย
เป็นอะไรต่อมิอะไรอีกเรื่อยเปื่อย
จึงเอาที่บ้านเป็นศูนย์ศึกษาดูงาน ครั้งแรกตั้งชื่อว่า “วิทยาลัยบ้านนอก” ต่อมาเปลี่ยนเป็น “กรมราษฎรส่งเสริม” แล้วยกฐานะขึ้นเป็น “มหาชีวาลัยอีสาน” ถามว่าใครแต่งตั้ง ผมอุปโหลกเอาเองทั้งนั้น อยากได้ตำแหน่งอะไรก็ตั้งมั่วๆไปเดี๋ยวคนก็เรียกตามเองแหละ อิอิ
ผมชอบทดลองนั่นทดลองนี่เรื่อยมา ได้บ้างเสียบ้างไม่เป็นโล้เป็นพายอะไร เพียงแต่สิ่งที่คิดและทำไม่เหมือนใคร ปลูกยางพารา ผมก็จะปลูกสลับกับไม้พื้นเมือง ยูคาลิปตัสก็ปลูกหลายสายพันธุ์ ศึกษาพันธุ์ไหนแปรรูปได้ พันธุ์ไหนแปรรูปไม่ได้ พันธุ์ไหนกลั่นน้ำมันได้ ความมุ่งมั่นเรื่องนี้ไปถึงหูเจ้าพ่อยูคาลิปตัสโลก ทำให้ผมได้รับเชิญไปเที่ยวออสเตรเลียครึ่งเดือน ได้ตระเวนไปดูกิจการไม้ชนิดนี้ครึ่งทวีป ปัจจุบันสะสมพันธุ์ไม้พื้นเมือง ตอนนี้มีแม่ไม้ยางนา ประดู่ อาคาเซีย สะเดา มะรุม มะสัง แดง ไผ่ พะยอม ฯลฯ ตั้งใจจะขยายไม้เอกมหาชัยไปทั่วประเทศ
:ทดลองทำเตาเผาถ่านอยู่หลายปี ตอนเตาแตกควันโขมง วิ่งไปดับ ไฟไหม้ขนคิ้วขนแขนเหม็นหึ่งเหมือนปลาเน่า ไปเบียดกระแซะนอนใกล้ใครเขาก็ไล่ให้ไปห่างๆ อาบน้ำถูสบู่หมดไปหลายก้อน ความปกติสุขบนเตียงจึงกลับคืนมา
การที่เรามีความรู้แค่หางอึ่ง ทำให้เจียมตัวเจียมใจต้องมั่นสังเกต หมั่นวิเคราะห์ เดินตามผู้รู้แบบกัดไม่ปล่อย ถือว่าทุกเรื่องเป็นการเรียนรู้ เอาสิ่งที่รู้มาเป็นครู จะต่างคนอื่นตรงที่เขาจะเรียนความรู้ แต่ผมจะเรียนสิ่งที่อยากรู้ แต่ก็สะเปะสะปะไม่อยู่ในหลักการใดๆ พูดหยาบๆก็คือเอาหลักกูเป็นตัวตั้ง ทำให้ผู้ร่วมงานหมั่นไส้อยู่เนื่องๆ มีคนบอกว่า..เล็กๆไม่ ใหญ่ๆครูบาทำ เท็จจริงต้องไปถามฤๅษี เพราะเป็นคนกระเซ้าเรื่องนี้
ผมอยู่ในประเภทยิ่งแก่ยิ่งเซอะ ต้องไปเกี่ยวพันกับบทบาทที่มีความสำคัญมากขึ้นๆ ได้ไปอยู่ท่ามกลางผู้รู้ระดับจอมยุทธ เช่น กรรมการสภาการศึกษาแห่งชาติ กรรมการสภามหาวิทยาลัย กรรมการหลักสูตรวิทยาลัยสมานฉันท์ ทุกท่านธรรมดาที่ไหน ออกแสงวาบๆกันทั้งนั้น เราต้องน้อมใจที่จะรับความรู้ เราจะได้ความรู้ใหม่ๆเพิ่มขึ้นทุกวันๆ ผมให้ความสำคัญความรู้ในตัวคนอย่างมาก จึงยุให้เครือญาติแซ่เฮเขียนเรื่องเจ้าเป็นไผ ตอนหลังมีอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือ ทำให้เราเอาความโง่ไปต่อความฉลาดได้สะดวกขึ้นๆ ..
เมื่อเร็วๆนี้มีคนมาชวนให้ช่วยดูแลหลักสูตร ป.เอก ยังสงสัยว่าเมารึเปล่า มาชวนคนที่ไม่จบ ป.ตรี อีตอนเรียนที่สถาบันพระปกเกล้าก็คราวหนึ่งแล้ว ตามระเบียบนักศึกษาต้องจบปริญญาตรีเป็นอย่างน้อย และคนที่เรียนมีตั้งแต่ ซี9 ซี10 ซี11 ซีเลี้ยวอย่างผมก็สะท้านนะสิ ยังดีที่เขาหาทางออกจนได้ ให้รับใบประกาศกิตติมศักดิ์
: วันที่ 19 เดือนหน้า
อุ้ยจันตามาชวนให้ไปคุยกับนักศึกษาพยาบาลป.โท
นั่งตุ้บๆต้อมๆมาหลายวันแล้ว จะจีบพยาบาลอีท่าไหนดี
อาจจะขายของเก่าในฐานะกรรมการวิทยาลัยพยาบาลพระบรมราชชนนี
ถ้าไม่ไหวก็จะหาวิธีคลานลงเวทีจนได้ละครับ
หมอเบิร์ดคอยหิ้วปีกพ่อด้วยก็แล้วกัน อิ อิ..
« « Prev : เบ่งเต็มที่ คลี่ฝันให้บรรเจิด
15 ความคิดเห็น
1. ซาบซึ้งและโดนใจครับ
2. นึกอะไรไม่ออกก็ให้ใช้ศาสตร์และศิลป์การ “โยนไมค์” รับรองว่าแก้ไขได้และไปโลดครับ .. ก็คนเคยโดนมาแล้วนี่ เป็นคนแรกเสียด้วย ท่ามกลางหมู่มหาคณาจารย์ ที่มน.
3. ดูแลสุขภาพด้วยครับ
ทันสมัยกระดานชนวนด้วย! โห เบิร์ดจำได้เลือนรางว่าเคยฝนดินสอหินเล่น และเคยเอากระดานชนวนมาเขียนตอนเล็กๆ แต่โตมาหาไม่เจอว่าคุณตาเอาไว้ที่ไหนน่ะค่ะ ลักษณะเค้าเป็นยังไงคะ
ช่วงนี้สมาธิสั้น (แต่รักฉันยาว) อิอิอิ วันขึ้นชก เอ้ย ขึ้นเวทีจะตามไปเชียร์ค่ะ พอลงมาแล้วเราไปดูแพนด้ากันนะคะพ่อ ^ ^
เรื่องโยนไมค์นี่ ใครโดนจำกันได้ทุกคนครับพระอาจารย์
วิชาป่วนศาสตร์ อยู่ตรงกันข้ามกับวิชา อิอิ ศาสตร์
แค่มุขชอบเปิดก้นขาวให้พยาบาลดูก็ฮากระจายแล้ว อิอิ
เคยมีคนชวนไปดูแพนด้า ตั้งแต่ครั้งที่มาถึงเชียงใหม่
แต่บ่ได้ไป อาจจะไปคราวนี้กระมัง
ท่านอัยการว่าไหม? พยาบาลนี่แหละรู้ความลับคนอื่น
ใครก้นขาว ก้นด่าง รู้โม๊ด
กระดานชนวนดูได้ในรายการคุณพระช่วย
โครงการเทกระจาดวัวพลาสติกนี่หรือเปล่าคะ
ที่ทำให้หนูต้องคลุกฝุ่นหัวแดงทุกทีเมื่อเข้าสวนป่า
ทางลาดยางมะตอย ต้องมีอันหยุดกึ๊ก กระทันหัน โดยมิทันรู้ตัวววว…
เตร๊ง..เตรง..เตร่ง…เตร๊งงงงงง….
:P
ผมก็ทันใช้กระดานชะนวนครับ ที่บ้านมีหลายแผ่น เพราะพ่อเป็นครูใหญ่ เล่นกันจนแตกหมด เด็กๆไม่รู้เรื่องเวลาลบก็เอานิ้วจิ้มน้ำลายมาลบตัวหน้งสือ ความจริงกระดานชะนวนเป็นวิธีการใช้เรียนหนังสือแบบพอเพียงนะครับ เขียนเท่าไหร่ก็ได้ แต่เก็บข้อความนั้นๆไม่ได้ เอน่าจะเหมาะกับเป็น Note กระดานทดเลข กระดานสั่งความ ใช้แล้วลบได้ เอามาใช้ใหม่ได้ ใช้กับบ้านดี แต่พกพาไปไหนไม่สะดวก มันเกะกะพอสมควร และมันแตกได้..
เดี๋ยวนี้ไม่เห็นแล้ว
วันที่โยนไมค์ หนูนั่งสังเกตุการณ์ด้วย เป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ บอกได้คำเดียวประทับใจในความเคารพที่ตัวตนของทุกท่าน ของชาวเฮ ซษบซึ้งตรึงใจจนทุกวันนี้ค่ะ
กระดานชนวนน่าจะมีจำหน่ายในพิพิธภัณฑ์จ่าทวีนะคะ พี่บางทราย ถ้าประสงค์จะแว็ปไปดูให้พี่ได้นะคะ บ้านที่พักอยู่ใกล้ค่ะ
แห้วศรีรู้แล้วก็เฉยไว้
เรื่องกระดานชนวนเอาไว้พูดให้เด็กสมัยนี้ฟัง ก็ดีนะครับ
เด็กยุคนี้ไม่รู้จักแล้ว
เรื่องโยนไมค์นี่ ช่วยให้ใครๆตั้งใจฟัง เพราะไม่รู้ว่าตัวจะโดนเจ็กพร๊อตเมื่อไหร่