นี่แหละหนอชีวิต

อ่าน: 2220

>> เมื่อคืนนอนฟังเสียงนกยูงร้องย้ำหลายละลอก นึกแปลกใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ธรรมชาติของนกยูงนั้นจะเลือกนอนต้นไม้สูงที่สุด เสียงร้องจึงก้องกัลวาลไพรไปไกลมาก บางที่คลื่นเสียงในที่สูงอาจจะสะท้อนไปเป็นกิโลเมตร รุ่งเช้าจึงถามไถ่ .. ได้คำตอบว่า นกยูงตัวผู้ตายเสียแล้ว ไปพบในป่าหลังจากสิ้นใจไปประมาณ 3 วัน สังเกตุจากหนอนเจาะไปครึ่งซีก จึงฝังกลบเสีย หลังจากนั้นก็มานั่งหวาดหวั่นเกรงว่าถ้าพ่อรู้จะเสียใจ ไม่รู้จะเริ่มต้นบอกข่าวร้ายนี้อย่างไร รอกอดที่ทนุถนอม หมอเบิร์ดที่อุปการะให้มา..คงจะเสียใจไปตามๆกัน..

>> กลายเป็นว่า สาวเจ้าที่เสียคู่รักคร่ำครวญให้เราสงสัย ทำให้การบอกเล่าง่ายขึ้น.. ผมกังวลกับเจ้าบ่าวตัวนี้เหมือนกัน อย่างเคยเล่าครั้งที่แล้วว่า เมื่อเราปล่อยออกจากกรงก็จะเดินเฉื่อยๆตามไก่งวง อยู่มาวันหนึ่งชาวบ้านก็อุ้มเจ้าบ่าวตัวนี้มาให้ ผมนะตกใจแทบแย่ ..เอ๊ะทำไมนกยูงตัวนี้จึงยอมให้คนแปลกหน้าจับอุ้มได้ง่ายๆ ถ้าเจอคนไม่ดีอุ้มไปบ้านเราก็จะไปรู้อะไรได้ ตรงกันข้ามกับนกยูงตัวเมีย ถึงจะเมี่ยงๆมองๆเดินเข้ามาในบ้าน หรือไปเกาะกิ่งไม้มองดูเราใกล้ๆ แต่เขาจะหวงตัวไม่ยอมให้เราจับต้องได้เลย จากพฤติกรรมดังกล่าวผมไม่เฉลียวใจ เอาเจ้าตัวผู้ไปขังไว้ตามเดิมประมาณ 1 สัปดาห์ก็ปล่อยออกมาอีก หลังจากนั้นก็ประสบโศกนาฎกรรม

>> ผมนึกถึงที่หมอจอมป่วนเล่าเรื่องหมาเสียความเป็นหมา ต้องเดือดร้อนจิตแพทย์หาทางคืนความเป็นหมา หมาตัวนั้นจึงกลับตัวกลับใจเป็นหมาเหมือนเดิม เรื่องนกตัวผู้นี้ก็เช่นเดียวกัน ผมเดาว่า..นกที่ถูกเลี้ยงอยู่ในกรงแต่เล็กๆ  คงเคยชินกับการเลี้ยงดูแบบป้อนอาหาร หากินเองไม่ได้ ไม่ได้หัดบินเกาะกิ่งไม้สูง คงเดินต้วมเตี้ยมไปเรื่อยเปื่อย หาอาหารในธรรมชาติไม่เก่ง ปรับตัวปรับใจให้เข้ากับอิสระภาพไม่ได้ คงมีชีวิตแบบผิดปกติของสัตว์ที่อยู่ในกรงมาตลอด จึงเป็นไข้ใจเศร้าเหงาหงอยตาย (ในกรณีไม่โดนงูหรือสัตว์อื่นกัดต่อย) สังเกตว่านกตัวผู้ไม่ค่อยบิน หรือโผไปเกาะไม้สูงๆให้เห็น

>> ท่านกลางข่าวร้าย ก็ยังมีข่าวดีมาเยียวยาใจ..มีนกยูงป่าตัวผู้บินมาตามเสียงร้อง เข้ามาเกี้ยวพาราสีเจ้าสาวของเรา คนงานเล่าว่ามันเสพสมกันแล้ว ถ้าไข่นกชุดนี้ไม่เน่าเสียก่อน เราอาจจะเห็นลูกยูงเจี๊ยบลืมตาขึ้นมาก็ได้ ลูกน้องเล่าว่า..เจ้าตัวผู้ที่หลงไพรมาอยู่ด้วยนี้ขนหางหล่นยังไม่ทอดหางสวยงามเหมือนตัวที่ตายไป ..ถึงจะยังไงก็เถิดนะ อย่างน้อยนกยูงก็ยังมีคู่มารักษาใจได้ทันเวลา ร้างลาเสน่ห์หาเนิินนานออกไป

>> ระหว่างที่นั่งรถทัวร์กลับมา 814

นั่งคิดถึงนกยูงเพลินๆ คนหัวโตโทรมาพอดี

จึงเล่าเรื่องนกยูงให้ฟัง

นี่แหละนาชีวิต ไม่มีสุขถาวร ไม่มีทุกข์ถาวร

ทุกสิ่งทุกอย่างหมุนเวียนกันเป็นวัฏจักร

เพียงแต่ถ้าส่วนสุขยืดยาวกว่าส่วนทุกข์บ้าง

ก็นับว่าโชคดีไม่น้อย

>> ระหว่างนั่งแท๊กซี่กลับรังนกกระจอก

ม้าเร็วครูปูโทรมา

ว่าจะแวะมาเอาคอมพิวเตอร์ไปล้างไวรัสให้

เที่ยวนี้ผมขนผัก มะเขือ ถั่วฝักยาว ผักกาด แตงกว่า ยอดมะรุม มาด้วย

ป้าจุ๋มก็ไม่อยู่ จึงแบ่งผักให้ครูปูไปลองชิม

เรื่องหนักใจว่าจะเอาผักไปเลหลังที่ไหน ก็เป็นอันลงตัว

« « Prev : แล้วจะโฟนอินไปหานะ

Next : ไปเต๊อะไปแอ่ววัดพระบาทห้วยต้ม » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

6 ความคิดเห็น

  • #1 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 พฤษภาคม 2009 เวลา 0:44

    เศร้า… ทั้งที่รู้ว่าการตายจากไป เป็นเรื่องธรรมดาครับ

  • #2 สิทธิรักษ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 พฤษภาคม 2009 เวลา 2:40

    เศร้าครับ ตอนที่เดินทางอยู่ก็ตามข่าวไปตลอดทาง ดันมาตายอย่างไม่คาดฝัน  เศร้าครับ

  • #3 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 พฤษภาคม 2009 เวลา 5:33

    เข้าใจและยิ้มให้กับทุกๆท่าน เค้าไปดีแล้วค่ะ รักไม่ใช่แค่การจับต้องลูบคลำ รักยังแผ่ให้กันได้ด้วยนะคะ …ทุกอย่างมีวาระ เมื่อหมดวาระ หมดหน้าที่ก็จากไป นกยูงเจ้าบ่าวเค้าก็มีวาระ และนกยูงตัวใหม่ก็น่าสนใจ เพราะถ้าเป็นนกยูงไทยคงเยี่ยมเลยล่ะค่ะ จับคู่กันพอดี ^ ^

    เจ้าตัวที่จากไปเค้าเชื่องมากค่ะ ที่เลือกตัวเชื่องเพราะนกยูงเวลาผสมพันธ์จะดุมาก บ้านพ่อคนเยอะและมั่นใจว่าพ่อคงปล่อยเค้าให้เดินเล่นแน่นอน เลยเลือกตัวที่ไม่ดุ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำใจว่าถ้าเค้าต้องจากไปเพราะหาอาหารกินเองไม่ได้ก็คงเป็นวาระกรรม ซึ่งได้คุยกับน้าไว้ว่าการหาอาหารต่างๆนั้นตามธรรมชาติเค้าทำได้มั้ย น้าบอกว่าธรรมชาติของสัตว์จะทำได้ แต่ถ้าเค้าทำไม่ได้ความเชื่องของเค้าจะเดินเข้ามาหาคนเอง

    คาดว่าคงไม่ใช่แค่การหาอาหารกินไม่ได้น่ะค่ะพ่อ แต่ไม่เป็นไรเพราะเค้าหมดวาระแล้ว…เค้าทำหน้าที่สมบูรณ์พร้อมแล้วค่ะ เพียงความสุขที่ได้เห็นตลอดระยะการเดินทาง ตลอดการคงอยู่ของเค้าก็เพียงพอแล้ว  และการจากไปของเค้าได้สอนธรรมที่ยิ่งใหญ่ให้กับเรา…จึงไม่ทำให้การจากไปนั้นสูญเปล่าเลยนะคะ

    กอดแน่นๆด้วยความเข้าใจและยิ้มให้ด้วยความขอบคุณค่ะพ่อ  ^ ^

  • #4 หมอสุ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 พฤษภาคม 2009 เวลา 7:59

    ได้มีโอกาสเห็นเขาตอนที่ป้าจุ๋มพาไปเข้าหอ แล้วไปแอบดูความสวยงามของเขา  รวมทั้งฟังเรื่องเล่าจากพ่อที่ชาวบ้านอุ้มมาส่ง  ชีวิตเป็นเช่นนี้เอง….กายไม่ป่วย แต่ใจอาจป่วย ปรับตัวได้ ก็อยู่รอดได้  ทำใจไม่ได้…ก็อาจมีอันให้ต้องเป็นไป  เรียน ธรรมะ
    ไม่ต้องไปเรียนไกลเลย  มีอยู่ทั้งในตัวเราและรอบตัวเรานี่เอง

    ใครนะเป็นคนบัญญัติว่า “ธรรมชาติ”?

  • #5 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 พฤษภาคม 2009 เวลา 8:02

    เข้าใจค่ะ ทุกคนทำดีที่สุดแล้วค่ะ ธรรมชาติยิ่งใหญ่เสมอค่ะ ไม่มีใครหลบหนีกฏของธรรมชาติได้ค่ะ เพียงแต่ช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง คิดว่าเขาคงได้พบกับปลาทองแล้วกระมังค่ะ เพราะก่อนหน้านั้นเขาได้เจอกันที่บ้านค่ะ และได้ทำความรู้จักกันแล้ว คิดถึงปลาทองในสิ่งที่เขาทำให้มีความสุขค่ะ รูปของปลาทองรูปของนกยูงตอนเป็นเจ้าบ่าวมาพักรถที่บ้าน และภาพเจ้าสาวเจ้าบ่าวข้าวใหม่ปลามัน ยังมีอยู่ค่ะอย่างน้อยเวลาคิดถึงเขา ก็จะเห็นภาพความสุข ทำให้สบายใจได้บ้างค่ะ ขอให้ท่านครูบาฯรักษาสุขภาพกายและสุขภาพใจด้วยค่ะ

  • #6 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 พฤษภาคม 2009 เวลา 8:17

    >> ไม่รู้จะทำอะไรได้ นึกถึงเพลงสมัยเด็กๆ
    “นกหนอนกเจ้าหกเจ้าเหิร ..
    เจ้าเหริไปสู่แดนไกลโพ้น ไปเจอปลาทอง ไปรอเรา ล่วงหน้า


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.080145120620728 sec
Sidebar: 0.097044944763184 sec