มาจะกล่าวบทไป ถึงเจ้าเป็นไผ 10
>> ช่วงก่อนที่เราลงไปกระบี่ ผมติดตามอ่านงานหมอเจ๊มาตลอด จึงพกโจทย์ไปมากพอสมควร ไปถึงแล้วก็โดนใจมาก ที่ได้เห็นโรงพยาบาล เห็นผู้บังคับบัญชา เห็นเพื่อนรวมงาน เห็นวงศาคณาญาติ เห็นชุมชนที่เป็นเครือข่ายเอาลูกหลานมารำมโนราห์ แต่ที่ยากเห็นแล้วก็ได้เห็นคือโกเหลียง คู่ชีวิตหมอเจ๊ ..เห็นทุกอย่างแล้วก็มาคิดย้อนไปถึงเรื่องราวที่หมอเจ๊เล่า โห ชีวิตหนอชีวิต..ฟันฝ่าออกมาถึงจุดนี้ได้ยังไงนะ
>> หมอเจ๊คนสวย แซ่เฮ อยากให้ยืนพื้นที่ชื่อนี้ไว้จริง ๆ เลย ดีกว่าชื่อหมอตาหมอแตอ อะไรนั่นตั้งแยะ ตัวโลโก้เปลี่ยนบ่อยเวียนหัวตาย เนื่องจากเป็นคนที่ใส่ใจเรียนมาตลอดชีวิต แถมยังขยันเขียนขยันอธิบายอีกต่างหาก แบ่งเป็นลิ้นชักเยอะ ๆ แยะไปหมด ไม่เห็นใจคนตามอ่านเล๊ย..ใครมาเขียนเรื่องหมอเจ๊จะเจอเรื่องเด็ด ๆ มากมายจนเลือกไม่หวาดไม่ไหว เป็นตู้เอทีเอ็มเคลื่อนนี้ได้สุขภาวะสังคมและชุมชนตัวจริง คนที่เลือกบุคคลดีเด่นของแม๊กไซไซด้านบริการสุขภาพสาธารณะ ควรเลือกหมอเจ๊นี่แหละของจริงทั้งตัวและหัวใจ ขอให้ถามมาเถอะ ตั้งใจตอบอย่างละเอีดดยิบ ยกตัวอย่างให้ดูก็ได้..
<< ฉัน ได้ตอบคำถามพ่อครูบาที่ถามมาว่า “ตอนนี้มีอินทผาลัมหลายกล่อง หวานเจี๊ยบ ต้องกินเอาเมล็ดไว้ปลูก จะหวานมากๆระยะหนึ่งจะเป็นอะไรมากไหมหมอ” ตอบไปแล้วบ้างบางส่วนว่า จะเป็นอะไรไหม ด้วยการเล่าเรื่องดัชนีน้ำตาลและวิธีใช้มันให้เป็น แต่ก็ยังเป็นห่วงด้วยว่าพ่อครูนั้น มีสวิทช์ในตัวที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมน้ำตาลไม่ดีอยู่แล้ว 2 สวิทช์ คือ เรื่องของตับที่ต้องกินยา และเรื่องของอายุตัว เลยต้องทำรีบทำการบ้านเรื่องคำปรึกษาต่อให้ เพื่อเสนอเป็นทางเลือกที่พ่อครูต้องปรับใช้เองค่ะ
<< อย่างที่บอกเล่าแล้วว่า เรากินน้ำตาลถ่านกลูโคสเพื่อไปใช้สันดาปให้ได้ความร้อนมาสร้างไออุ่นให้ร่าง กาย และการกินน้ำตาลถ่านกลูโคสเกินใช้สร้างปัญหาก่อตัวการเป็นโรค บันทึกนี้จึงจะมาเล่าให้ประเมินตัวเองว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าใช้เท่าไร เพื่อเอาไปเทียบกับกินได้ว่ากินขาดเกินพอดีอย่างไร
<< วิธีประเมินเขาใช้น้ำหนักตัวกะกันก่อนค่ะ ให้เอาน้ำหนักตัวคูณจำนวน 24 ชั่วโมง ได้ค่าตัวเลขเท่าไร นั่นคือ พลังงานความร้อนจากน้ำตาลถ่านกลูโคส ถ่านกรดไขมัน ถ่านกรดอะมิโนที่ต้องใช้งานเพื่อให้ร่างกายมีไออุ่น ต้องการไออุ่นจากอาหารจากกลุ่ม ข้าว แป้ง ผลไม้ เนื้อสัตว์ก็ให้ใช้สี่หารจำนวนที่ต้องการค่ะ และหากต้องการไออุ่นจากน้ำตาลทรายด้วยเท่าไรก็ให้แบ่งจำนวนไออุ่นที่ต้องการ จากน้ำตาลมาหารด้วยสิบห้า ต้องการไออุ่นจากอาหารกลุ่มไขมันก็ให้ใช้เก้าหารค่ะ
>> หมอเจ๊คนสวย แซ่เฮ เกิดมาเพื่อรักษามนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ถ้ามีคณะนักศึกษาแพทย์มาดูงานที่สวนป่า หมอเจ๊จะไม่พลาด และก็ใช่ว่าจะอยู่ใกล้ ๆ นะ โน้น กระบี่โน้น เดินทางมาเพื่อจะเป็นวิทยาทานแก่นิสิตแพทย์รุ่นใหม่ วันที่ 23-26 เมษายนนี้ จะมีนิสิตแพทย์จากชลบุรี 30 ชีวิตมาศึกษาดูงานอีก คุณหมอสุธี ฮั่นตระกูล บอกแล้วมาแน่ ๆ ผมละกล้วใจหมอเจ๊เหลือเกิน ถ้าไม่ติดภาระแสนสาหัสอาจจะบึ่งมาเสียก็ไม่รู้ ถ้าผมบันดาลได้นะ ผมอยากให้หมอเจ๊ย้ายมาผู้อำนวยการสำนักสุขภาพเชิงรุกอะไรสักอย่างที่กรุงเทพฯ จะได้ไม่เสียเวลาเดินทางปีละไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนไมล์
>> เอ๊ะ รึหมอเจ๊จะเข้ามาเรียนหลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 2 รุ่นที่แล้วมีหมอมาเรียน 3 ท่าน มีรองอธิบดีกรมอนามัยท่านหนึ่ง หมออีกท่านหนึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฑฎรพรรคประชาธิปัตย์ ท่านสุดท้ายเป็นสุภาพสตรีที่แต่งตัวสุดจ๊าบส์ ทำทรงผมหัวฟูๆนั่นแหละ ข้อดีของหมอเจ๊ก็คือความตั้งใจสูงมาก และเป็นคนชอบบันทึก ชอบเดินทาง ก็ลองคิดดูนะครับ ถ้าโรงพยาบาลกระบี่ไม่ไล่ออก สมัครเข้ามาเลย รุ่นนี้ก็เชียร์ท่านบางทรายสำเร็จแล้ว จะได้เข้ามาเป็นเพื่อนกัน ..เรื่องนี้ไม่รู้ผมเอาหมาหมุ่ยไปโรยกลางใจหมอเจ๊คนสวย แซ่เฮหรือเปล่าไม่รู้นะ
>> ช่วงที่เราไปล้มทับเมื่อครั้งพญ.ศิริรัตน์ สุวันทโรจน์ รับเป็นเจ้าภาพเฮฮาศาสตร์ครั้งที่ 7 ด้วยบารมีของหมอเจ๊ทำให้พวกเราได้รับความรู้ ความสุขเต็มเปี่ยม กลับมาแล้วก็โทษวาสนาตัวเอง ทำไมถึงไม่ไปเกิดแถว ๆ กระบี่ก็ไม่รู้ จะได้นอนดูปลาปักกะเป้าเพลินไปเลย
« « Prev : มาจะกล่าวบทไป ถึงเจ้าเป็นไผ 9
8 ความคิดเห็น
พี่ตาละเอียดละออ มุ่งมั่น อดทน และมีมุมมันๆให้คิดเสมอเลยล่ะค่ะพ่อ อิอิอิ …เป็นอีกคนหนึ่งที่น่ารักน่ากอดเหลือใจ ^ ^
ป่าสวนป่าคราวที่แล้ว ก็มุ่งมั่นว่าจะไปกอดคุณหมอเจ๊ให้ได้ค่ะ
แล้วก็สมหวัง ได้กอดไปหลายที กอดคุณหมออุ่นดีเหลือเกิน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะว่ามิมรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด
ฝากถึงคุณหมอค่ะ มิมคุยไม่เก่ง ขอกอดอุ่นๆ ก็เพียงพอแล้วค่ะ
อิอิ
อยากไปกระบี่อีกครับ
อิอิ
เจอครั้งแรกที่สวนป่า ไม่ได้ยกมือไหว้เพราะคิดว่าหมอเจ๊เป็นน้อง…ฮ่าๆๆๆ
ตามอ่านบันทึกไปเรื่อยๆๆ เอ๊ะ…หมอคนนี้ทำไมขยันจัง ขยันเดินทาง ขยันทำไรต่อมิอะไร และมาสนใจเรื่องสังคมเรื่องอะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง …แถมยังชอบถามเรื่องของพยาบาลอีก….ตอนแรกเจอก็ยังรู้สึกแบบกล้าๆกลัวๆ ที่จะคุยด้วย(ตามอุปนิสัยของอุ๊ยที่ไม่คุยกับใคร..อิอิ) แต่ก็คิดว่า หมอคงอยากรู้จักพยาบาล…เชิญมารู้จักเองล่ะกัน มาแบบอุ๊ยก็ไม่รู้จะได้งบไหม หมอก็ถามๆๆๆ แล้วบอกว่าบอกได้เลยไม่ต้องเกรงใจ..เอ๊ะ อย่างนี้ก็นักเลงจริงคนหนึ่งนี่นา…สุดท้ายอุ๊ยก็สู้ๆๆ มาได้งบแค่ค่าเดินทางไปกลับวิทยากรเท่านั้น…ตอนแรกรู้สึกผิดที่ดูแลหมอและพี่น้องชาวเฮที่ไปช่วยได้ไม่ดี แถมถูกต่อว่าต่อขานจากคนจ่ายเงินว่าไปทำอะไรกันก็ไม่รู้ เอาเงินไปเที่ยวเล่นจัดกิจกรรมไร้สาระ ฟุ่มเฟือย ไม่ได้อยู่จิตเวชทำไมไปทำเรื่องจิตฯลฯ…แต่ตอนนี้เลิกคิดแล้วค่ะ…เพราะท้ายที่สุดก็รู้ว่า ทุกๆ คนได้เรียนรู้ ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
ตอนที่ไปร่วมด้วยช่วยกันที่กระบี่ ไปเห็นพลังเหลือเฝือของหมอเจ๊ เห็นสังคมที่ทำงาน เห็นอะไรต่อมิอะไรในช่วงเวลาจำกัด กับการได้คุยกับหลายๆคนที่นั่น ก็รู้สึกว่าหมอเจ๊คือคุณค่าที่ทุกๆโรงพยาบาลและทุกๆสังคมต้องการ และควรรู้จักดูแลถนอมรักษาคนอย่างหมอเจ๊ให้เป็นด้วย …
ลองให้โอกาสกับตัวเองในการพูดคุยกับหมอเจ๊อย่างลึกซึ้งดูซิคะ…แล้วจะรู้ว่าทุกวินาทีของการสนทนามีคุณค่านั้นเป็นอย่างไร
ออกจะเกรงๆ หงอๆ เมื่อกล่าวถึงหมอเจ๊
แม่หมอเล่นวิเคราะห์เป็นฉากๆ ตรงประเด็น โดนใจจังๆ
ใครเป็นคนไข้ ดิ้นไม่หลุด เพราะหมอเจ๊ดูแลคนอื่นด้วยใจ มัดไว้ด้วยใจ
ขอบคุณหมอเจ๊มากมาย รักหมอเจ๊มากมาย
อ่านบันทึกพี่หมอเจ๊ทีไร รู้สึกเหมือนอะไรที่ถูกพี่หมอเจ๊หยิบมาเขียน จะเหมือนถูกบดแล้วเคี้ยว บดแล้วเคี้ยว วนจนละเอียดยิบ จนต้องร้องโห พี่จ๋า ช่างคิด ช่างตามไปรู้สึกจริง ๆ คอมเมนท์ของพี่หมอเจ๊ก็ต้องเก็บไว้บดนาน ๆ อ่านหลาย ๆ รอบถึงจะตามทัน อิอิ พี่หมอเจ๊บอกว่า เคยอยู่ชมรมกระทิงเหมือนกัน แต่น้องครูปูนึกไม่ค่อยออกเพราะเห็นแต่รอยยิ้มหวานฉ่ำอย่างเดียวเลยอ่ะ เหอ เหอ
แอบย่องมาหลายรอบแล้ว….แต่ก็หลบไปด้วยความเขิลลลลล…..ชมกันอยู่ด๊ายยยยยย…อารายยยยยยยยยย…กัน…เขินนะรู้จักมั๊ย…….เขินค่ะ
ขอบคุณในความรัก ความชื่นชมที่มีให้แล้วเอ่ยบอกออกมาให้รู้นะค่ะ…..ต้องเตือนตัวเองไว้เสมอค่ะว่า……”ระวังสมองหลอก”………อิอิ
ครูปูจ๋าครูปู เจอจังๆแล้วจะหนาวนะ ขอบอกๆๆๆๆๆ หลายๆรอบ