มาจะกล่าวบทไป ถึงเจ้าเป็นไผ 9

อ่าน: 1537

>> กลุ่มแซ่เฮเป็นปึกแผ่นมาเท่าทุกวันนี้ เพราะมีผู้อาวุโสเป็นเสาหลัก คอยลงปฎัก คอยชี้แนะ คอยปลอบ คอยกอด ความสัมพันธ์โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถ้าจะให้มีอานุภาพมากยิ่งขึ้นต้องเอาใจมาเป็นพลังขับดัน ตัวชี้วัดที่เห็นได้ชัดก็คือเสียงเรียกร้องของผู้ที่เป็นเจ้าภาพ เสียงขานรับก็เป็นตัวบ่งชี้ว่า ..บริบททางสังคมได้เกิดขึ้นกับเครือข่ายคนแซ่เฮแล้ว เมื่อวงจรความรู้ความรักความคิดวิ่งครบรอบ ประกายของสังคมอุดมปัญญาก็เริ่มก่อหวอดเป็นกิจกรรมโน่นนี่  และกำลังพัฒนาเป็นกิจการเช่น การคิดที่จะมีหมู่บ้านแซ่เฮ หรือแม้แต่การรวบรวมวิถีชีวิตแต่ละท่านออกมาเป็นเจ้าเป็นไผ มันสะท้อนอะไรที่ไม่ธรรมดาหรอกนะตัวเอง..

>> เรามีสว.ที่ค่อนข้างครบเครื่องเรื่องกระบวนการ โปรดพิจารณาข้างล่างนี้ก็แล้วกัน

  • คุณหมอจอมป่วน พระเอกหลายเรื่อง เอาแค่มีวินัยวิ่งและขี่รถทุกวันนี่ก็เป็นตราประทับเป็นที่รู้กัน เรื่องอื่นตามไปอ่านเอาเอง
  • ท่านอัยการชาวเกาะ ใครอยู่ใกล้ก็อบอุ่น กอดเมื่อไหร่เพิ่มพูนวาสนาเมื่อนั้น เรื่องอื่น ๆ ตามไปอ่านเอาเอง
  • อาเหลียง ตู้ประสบการณ์ชีวิตเคลื่อนที่ หัวเราะอิอิได้ทั้งวัีน แต่ใจนั้นอยากจะลุกไปทุบม็อบเต็มที เรื่องอื่น ๆ ตามไปอ่านเอาเอง
  • ลุงเอก นายพลยิ้มยากหน่อยตอนนี้ กำลังยุ่งอยู่กับการสังคายนาประชาธิปไตย เรื่องอื่น ๆ ตามไปอ่านเอง
  • อาจารย์หลินฮุ่ย พลังเมตตานั้นเหลือล้น ช่วงต่อไปนี้จะถ่ายทอดความรู้ให้พวกเรามากขึ้น เรื่องอื่นตามไปอ่านเอาเอง
  • ท่านบางทราย บรุษผู้ยิ้มละไม แต่แข็งแกร่งงานพัฒนาสังคมที่ประสบการณ์สูงระดับอินเตอร์ เรื่องอื่นตามไปอ่านเอา

>> ยังมีอีกเยอะ แต่ขืนยกมาทั้งหมดโดนแป๊ดบิดพุงแน่ ทางโรงพิมพ์ค้อนประหลับประเหลือกหลายยกแล้ว เอาเป็นว่าวันนี้ผมจะขอเล่าถึงท่านไพศาล ช่วงฉ่ำก็แล้วกัน ที่จริงเราก็อยู่ในสายการงานใกล้เคียงกัน เดินเฉียดไปเฉียดมา แอบทำงานอยู่สุรินทร์ตั้งหลายปีแต่ไม่เคยรู้จักกัน จะทำไงได้ละครับ ถ้าวาสนาไม่มีต่อกันก็อยากที่จะสัมพันธ์ไมตรี ฟ้าดินเขาขีดเส้นให้เราไว้แล้ว ว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะต้องมาจ๊ะเอ๋กันไม่วันใดก็วันหนึ่ง เอาเป็นว่าที่สุดแล้วเราก็ได้มารู้จักกันยิ่งขึ้นๆๆ

<<    ที่สุรินทร์ผมทำงานชายแดนกับชาวเขมรแถบ กาบเชิง สังขะ บัวเชด เป็นช่วงที่ทหารเขมรมักจะบุกเข้ามา ปล้นเอาข้าวไปกิน ฆ่าชาวนาตาย หรือชาวนาเข้าป่าไปเหยียบกับระเบิดตาย ผมมาเรียนภาษาเขมรกับ วิทยาลัยครูสุรินทร์ ขะหมาดยัยขะแมร์บาน….”  โห พูดเขมรได้ด้วย

>> จะเชื่อไหมว่า..ท่านบางทรายนี่แหละเป็นคนที่ผมอยากจะคุยด้วยอย่างมาก ๆ  แต่กลับได้คุยกันแทบจะนับคำได้ คุยกันเท่าที่จำเป็น ทั้ง ๆ มีเรื่องอัดอยู่ในใจแทบระเบิด พูดแล้วยังงงตัวเอง มีวิธีพอคลี่คลายได้บ้างก็ตรงตามไปเรียนผ่านดงหลวงสม่ำเสมอ ท่านบางทรายเป็นครูผมทุกเรื่อง เรียนด้วยอย่างสนุก ขอบอก ผมนะอ่านเจ้าเป็นไผด้วยใจรื่นเริงเป็นพิเศษ

>> ผมกับท่านบางทรายคงเป็นเนื้อคู่ เอ๊ยเพื่อนคู่คิดมิตรรู้ใจมาแต่ชาติปางก่อน คุยอะไรเป็นตุเป็นตะในทางเดียวกัน ที่สำคัญรู้ทีหนีที่ไล่โดยไม่ต้องพูดมาก เหมือนคนรู้ใจกันนั่นแหละ ช่วงที่ผมให้ท่านบางทรายเชิญอาจารย์ใหญ่ บำรุง บุญปัญญา มาสวนป่า ผมแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ท่านบางทรายแบกภาระเต็มที่ ลืมขอบคุณวันนั้นและวันต่อ ๆ มา ถือโอกาสรวบยอดวันนี้ก็แล้วกันนะขอรับ อิ อิ..

>> เส้นทางเดินชีวิตท่านอ่านแล้วตื่นเต้นแทบตกเก้าอี้  ทำไมท่านบางทรายเป็นคนใจเย้นเย็น ๆ จุดนี้ก็น่าสนใจนะครับ ผมคิดว่าหลังจากจบเจ้าเป็นไผแล้ว ในการจัดงานเฮ 9 ที่ร่มธรรม ช่วงกลางคืนเราจะเชิญท่านอาวุโ้สนั่งแท่น แล้วพวกเราจะรุมถามทุกประเด็นที่อยากรู้ โดยอาศัยลายแทงจากเจ้าเป็นไผนี่แหละ  ..เมื่อทราบแล้วก็เตรียมทำการบ้านได้แล้วนะตัวเอง..ยกตัวอย่างเช่นตอนโดนสายลับสาวล้วงตับจนแทบเข้าซังเต ..

แต่แล้ววันหนึ่งเราขี่มอเตอร์ไซด์ไปทำงานพบซองจดหมายตกอยู่ระหว่างทาง เราหยิบขึ้นมาดูเห็นลายมือเรารู้ว่าเป็นของอนามัย ตำบลท่านนั้น แต่ส่งถึงตู้ป.ณ.แห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ เราและเพื่อนสงสัยตัดสินใจเปิดดู….ตายกับตายเลย..นี่คือจดหมายส่งรายงานให้ ตำรวจลับที่เชียงใหม่ โดยใช้หมายเลขแทนตัวบุคคล ที่สาระเรื่องราวคือการทำงานของเราที่ไปประชุมกับชาวบ้านในที่ต่างๆ

.. ทุกครั้งที่เธอออกไปในตัวเมืองก็มักอ้างว่าขอไปเยี่ยมเพื่อนที่นั่นที่นี่ แต่แล้วเราก็จับได้ว่า เธออีกคนที่เป็นสายลับให้ตำรวจ.. หมดตูดอะไรต่อมิอะไรที่เป็นเอกสารในการทำงาน ที่เราคุยกันแบบส่วนตัว มุมมอง ความคิดเห็นต่างๆที่เป็นส่วนตัว สาระที่เราคุยกันในวงเหล้า เธอเก็บรายละเอียดหมดสิ้นแล้วถูกส่งไปที่….. เป็นอันว่าคนรอบข้างเราถูกตำรวจลับซื้อตัวไปหมดสิ้น

<<    ทหาร และตำรวจ เอาตัวเราไปอบรมประชาธิปไตยเสียใหม่ สามเดือนก็ปล่อยออกมาพร้อมใบประกาศว่า ผ่านการอบรมมาแล้ว และให้กลับเข้าไปทำงานเดิมได้ แต่อยู่ภายใต้การติดตามของตำรวจลับ ท่านอาจารย์ ดร.ชัยอนันท์ สมุทรวาณิช เป็นท่านหนึ่งที่ช่วยเจรจากับ กอ.รมน.ผ่านอาจารย์ที่ปรึกษาผมที่สนิทสนมกันคือ ดร.ชยันต์ วรรธนภูติ ว่าเด็กคนนี้ไม่มีอะไร ปล่อยออกมาให้เขาทำงานเถอะ

<< ทำงานกับฝรั่ง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญสังกัดกรมวิเทศสหการ เงินเดือน 9,000 บาท เป็นครั้งแรกที่ทำงานร่วมกับฝรั่งเต็มทีม และ     ส่วนใหญ่เป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเคนตั๊กกี้ มีสิทธิพิเศษสามารถสั่งเหล้าฝรั่งทุกยี่ห้อในราคาสินค้า PX ผมก็ PX บ้างแต่ไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไร

<<    การทำงานพัฒนาชนบทที่สะเมิง ผมพบคนข้างกายที่เธอเป็นบัญฑิตอาสารุ่น 6 มธ เธอจบจุฬา ภาษาเยอรมัน จึงพูดกับเจ้าของโครงการที่เป็นชาวเยอรมันได้ ครั้งหนึ่งรัฐมนตรีกระทรวงหนึ่งของเยอรมันเดินทางมาดูงานที่เยอรมันให้การ สนับสนุน โดยมี ท่านอานันท์ ปัญยารชุน อดีตเอกอัคราชทูตไทยประจำเยอรมันพามาพื้นที่ คนข้างกายถือโอกาสนำเสนองานเป็นภาษาเยอรมัน ท่านรัฐมนตรีสตรีดูเหมือนจะชื่อ มิส แฮมบรูเชอร์ เมื่อฟังจบ ท่านทูตก็ควักนามบัตรออกมามอบให้แล้วก็กล่าวว่า หากต้องการไปศึกษาต่อที่เยอรมันที่ไหนก็ได้ ยินดีสนับสนุน

>> ทั้งหมดนี้เป็นแค่ออเดิฟ

ได้อ่านแล้วจะวางลงได้จะได๋

ใครไม่ได้อ่านถือว่าวาสนาบกพร่อง

อ่านมาก ๆ ภูมิคุ้มกันเพิ่มพูนอีกต่างหาก อิ อิ..

« « Prev : มาจะกล่าวบทไป ถึงเจ้าเป็นไผ 8

Next : มาจะกล่าวบทไป ถึงเจ้าเป็นไผ 10 » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

11 ความคิดเห็น

  • #1 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 เมษายน 2009 เวลา 19:01

    ที่ร่มธรรม เป็นสถานที่ที่ผมอยากมีโอกาสไปรู้จักและสัมผัส ความเย็นของธรรมะ ของอาจารย์ของเราครับ เรื่องอื่นๆผมพร้อมทุกเมื่อครับ

  • #2 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 เมษายน 2009 เวลา 19:04

    ควรเตรียมต้นไม้โตเร็วไปปลูกกันคนละหลายๆต้นด้วยครับ

    บันทึกนี้ ครูบาเขียนได้โดนใจจริงๆครับ

  • #3 พี่นิด ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 เมษายน 2009 เวลา 19:14

    พ่อครูค่ะ เห็นด้วย ถูกใจและสนับสนุนความเมตตาที่ท่านสว. ทุกท่าน มอบให้ค่ะ ทั้งหน้าไมค์และหลังไมค์อยู่บ่อยๆๆ อิอิ พ่อครูคะ และเราๆๆลูกหลานทุกคน ร่วมด้วยช่วยกัน รดน้ำ บำรุง ให้คงอยู่เพื่อแผ่นดินไทยตลอดไปเจ้าค่ะ

  • #4 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 เมษายน 2009 เวลา 19:23

    สนับสนุนความคิด คอน จะหากล้าไม้จากดงหลวงไปด้วยครับ

  • #5 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 เมษายน 2009 เวลา 19:33

    ต้องขออภัยด้วยนะครับ  ครูบามอบหมายให้เขียนเรื่องราวของลุงบางทราย  แต่ บ. สระเอี้ยว ครับ  เพราะคิดว่าถ้าเขียน  ยังไงๆก็ไม่มัน  ไม่เด็ดสะระตี่เท่าครูบาเขียนครับ  อิอิ

  • #6 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 เมษายน 2009 เวลา 19:47

    มาแอบฮาคนข้างบนที่เบี้ยวหน้าตาเฉยข้างบนค่ะ อิอิอิ

    และเห็นด้วยกับทุกท่านว่าพี่บู๊ทเราเจ๋งจริงๆ ^ ^

  • #7 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 เมษายน 2009 เวลา 20:43

    เล่ม 2-3 ควรเฉลี่ยกันเขียนแต่เนิ่น ๆ
    มาให้เขียนคนเดียวมันไม่หลากหลาย
    แต่ละคนเขียนธรรมดาที่ไหน
    ลีลาเหลือร้ายกันทั้งนั้น ๆๆๆๆ
    หมอเบริ๋ดรับไป 3 คน ก็ดีเน๊อะ

  • #8 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 เมษายน 2009 เวลา 18:13

    เป็นพี่ชายใจดีที่สุขุม
    เป็นตัวอย่างของคนทำงานที่มีเป้าหมาย
    เป็นตัวอย่างของผู้ที่ใฝ่เรียนรู้
    เป็นแหล่งความรู้เรื่องสังคมหลากหลาย
    เป็นพี่ชายที่ไม่ต้องเอ่ยปากก็รู้ใจน้องๆ
    ใจดีเหลือหลายพี่ชายคนนี้
    ดีใจค่ะที่ได้มีพี่ชายสมใจแล้ว

  • #9 silt ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 เมษายน 2009 เวลา 11:09

    ใช้สิทธิ์ชี้แจง ในฐานะคนใกล้ชิดพี่บางทราย ที่ถูกคนจอมป่วนโยนลูกให้ (แต่เรารู้ทันปิดตัวเองจากการสื่อสารตั้งแต่วันที่สิบหก ฮิ ฮิ)
    ในฐานะลูกน้อง ที่ทำงานด้วยกันมาหกปี

    “พี่บูธ ใจเย็นสุดๆ ใจดีสุดๆ  
    พี่บูธ มองด้านดีของสิ่งรอบตัว”

    ขอแบบกระชับ ตรงประเด็นอย่างนี้ครับ

  • #10 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 เมษายน 2009 เวลา 18:46

    ได้ยินแต่กิตติศัพท์เรื่องตำแหน่ง ผู้ชายที่น่ารักที่ซู๊ดดดดดในโลก ยังจด ๆ จ้อง ๆ จะสัมผัสอยู่ค่ะ อิอิ ^_^

  • #11 handyman ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 เมษายน 2009 เวลา 22:11
    • มา อิ อิ อิ ครับ .. และขอบอกว่าชาตินี้ผมไม่คาดคิดจะได้เจอคนจริง คนดี คนไม่เห็นแก่ตัว คนติดดิน คนน่ารักมากมายอย่างมวลสมาชิกในเครือข่ายของเรา
    • แม้ Blog จะเป็นโลกเสมือน  แต่โลกจริงของผมน่าอยู่และอบอุ่นมากมายก็เพราะ Blog เป็นสื่อนำครับ
    • ท่านบางทรายเป็นพี่ชายที่ผมรัก และศรัทธายิ่งอีกคนหนึ่ง

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.1729040145874 sec
Sidebar: 0.095563173294067 sec