หูหนักกินฟาน คือพวกหน้ามึน
อ่าน: 2081
ดำเนินตามท้องเรื่อง ยังมีเมืองหนึ่งอันไกลโพ้นในหุบเขา มีบ้านเรือน มีแม่น้ำ มีท้องทุ่ง มีขุนเขา และมีชาวประชา อันว่าชาวประชาของพาราแห่งนี้ก็เหมือนกันกับชาวเมืองอื่นๆ ที่มีทั้งคนดี และคนเกือบดี มีทั้งคนขยัน และเกือบขยัน มีคนที่ทำเพื่อส่วนรวมและคนที่ทำเพื่อปากท้อง(ของตนเอง) ก็คนนี่ครับ มีดีมีเกือบดีปะปน”คน”คละกันไป
ชาวเมืองแห่งนี้หาอยู่หากินกันอย่างสบายปาก อิ่มอุ่นด้วยทรัพย์ในดินสินในน้ำ ด้วยที่ว่าพวกเขาไม่ได้ทำลายป่าไม้ ไม่ได้บุกรุกแม่น้ำลำธาร ไม่ได้ทำร้ายแม่ธรณี พวกชาวประชาท่านกินแต่พออิ่ม ท่านอยู่กันอย่างพอเพียง หน้าฝนก็ทำไร่ไถนา หน้าแล้งก็ซ่อมแซมบ้านช่อง เข้าป่าลงท่าหาเก็บผักหักหน่อไม้ หาปูหาปลามาเพียงแต่พอหม้อแกง ได้มาหลายก็แบ่งปันญาติมิตรบ้านใกล้เรือนเคียง การรวมกลุ่มชักชวนกันเข้าป่าไปไล่ราวเอาตัวเก้งตัวฟานมากินก็เป็นกิจกรรมหนึ่งที่บรรดาชายหนุ่มมักจะชวนกันไป ถือเป็นการพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศหลังผ่านฤดูเวียกงานหนักในไร่นา พวกเขาไม่ได้เอาปืนผาหน้าไม้ไปไล่ล่า พวกเขาพากันไปเป็นหมู่เป็นพวก กางตาหน่างกั้นทางด่านไว้แล้วก็เดินอ้อมโห่ไล่เอาตัวฟาน ที่เจ้าป่าท่านปันแบ่งให้มากินพอแซบพอม่วนเพียงตัวสองตัวเท่านั้น
แต่มีกะทาชายนายหนึ่ง สมมุตินามกรว่า บักสี ชาวบ้านคุ้มหลังวัด บักสีผู้นี้เป็นคนร่างงามหน้าใสด้วยเหตุที่ไม่ชอบออกแรงงานในไร่ในนาสักเท่าไหร่ ทั้งๆที่ตีนมือก็ครบถ้วนเหมือนคนอื่นๆ บักสีขี้โม้ เที่ยวแวะบ้านโน้นออกบ้านนี้เจ๊าะแจ๊ะขายฝัน หยอกผู้เฒ่า จีบผู้สาว โวข่มเด็กน้อยไปวันๆ
เช้ามืดวันนี้ มื้อจั๋นวันดีมื้อป่าเปิด หนุ่มๆชวนกันไปไล่ราวอีกครั้ง อ้ายแก้ว อ้ายคำ นำขบวน ไอ่หน้อย ไอ่สิน ไอ่มา ไอ่มีกับหมู่พวกอีกเกือบซาวคนพร้อมหน้าพร้อมตาตามนัดหมาย เหมือนเช่นเคยที่ไม่เห็นหัวไอ่สีขี้โม้
ตะวันบ่ายคล้อยพวกนายพรานกลับจากราวป่า หามฟานหนุ่มมาตัวหนึ่ง กับหมูป่าขนาดสิบสองกำอีกตัวหนึ่ง พวกเขาตกลงยกหมูป่าให้ไอ่มี มันจะกินดองกับอี่นางจันอ่อนมื้ออื่น ส่วนตัวฟานก็จัดการชำแหละแบ่งปันไปเรือนไผเรือนมัน บ้างก็เอาไปปันพ่อแม่ลุงตา พวกเขาแบ่งเนื้อขาหลังไว้ข้างหนึ่งเป็นของหน้าหมู่ เอามาลาบกินคาบแลงนำกัน เสียงฟักลาบ เสียงซุมแซว ม่วนงันยามแลงนี้อุนอัวหัวม่วน
แล้วก็ยกสำรับกับข้าวมานั่งกินกัน ลาบฟานขม ต้มเครื่องในใส่ผักแปม ผักกับลาบเพี้ยฟาน หูเสือ หอมด่วน ผักไผ่ ใบมะกอก ยอดมะตูม ฯลฯ ในวงข้าวแลงนอกจากเหล่านายพรานสมัครเล่นที่ไปออกแรงออกเหงื่อช่วยกันแล้ว มีไอ่สีหน้าหล่อมานั่งวงในใกล้ถ้วยลาบกว่าหมู่ กินหลายกว่าหมู่ พุ้ยข้าวเหนียวกับลาบฟานคำใหญ่กว่าเพื่อน ซดต่อนเครื่องในต้มถี่กว่าหมู่ วันนี้ไม่ได้ยินเสียงปากไอ่สีขี้โม้เหมือนวันอื่นๆ มันเก็บปากเก็บคำ มันใช้ปากในการกินอย่างเดียว คนในวงข้าวคุยกันเรื่องราวการไปไล่เหล่าเมื่อกลางวัน เรื่องเสียงเสือ เรื่องรอยเท้าช้าง รอยเล็บหมีที่ต้นมะแก๋วน เรื่องเสียงผีก็องก็อยย่ำน้ำขึ้นห้วยจ๋อมๆ แต่ไอ่สีขี้คุยก็ยังสงบปากสงบเสียงนั่งเคี้ยวลาบฟานตุ้ยๆ
เขาคุยกันเรื่องบทบาทหน้าที่เวียกงานของแต่ละคนในการไปล่าฟานวันนี้ (นั่นแนะ มีการถอดบทเรียนกันด้วย) อ้ายมีเฝ้าด่านใต้ อ้ายมาเฝ่าตาหน่าง ไอ่แก้วไปโห่จากห้วยก้างปลา ไอ่คำกับไอ่มีไปตีเกราะเคาะไม้จากไฮ่เหล่าดอนไม้แดง ฯลฯ ไล่เลียงกันเกือบรอบวงขันโตกข้าว จนมาถึงไอ่สีจอมโว
ไอ่สีจอมโว บ่ปาก บ่เล่า บ่เว้า บ่ว่า ไอ่สีนั่งทำทองไม่รู้ร้อน ไอ่สีนั่งทำหูหนัก(หูหนวก)ไม่ได้ยินคำถาม ไอ่สีนั่งกินลาบฟาน กิน กิน กิน ไม่สนใจใครจะว่าจะด่าจะเสียดสียังไงก็ตาม มันยังนั่งกินลาบกินต้ม มันยังนั่งทำเป็น “หูหนักกินฟาน”
“หูหนักกินฟาน” เป็นคำพังเพยของพี่น้องคนลาวครับ
ภาวะภิบัติภัยจากน้ำเช่นนี้ หลายท่านหลายภาคส่วน นักการเมือง ราชการ เอกชน มูลนิธิ ต่างช่วยกันคนละไม้ละมือ ขอยกย่องชื่นชม นับถือ นับถือ
แต่ก็ยังมีอีกหลายคน ที่ยังทำเป็นไอ่สี หูหนักกินฟาน ยามกินตรูกินด้วยแต่ยามต้องช่วยกลับหายหัว พวกที่เคยยกมือไหว้เป็นฝักถั่วขอคะแนนจากชาวประชา พวกที่”ข้าของพระราชา”ที่อาสามาทำ”การ”แต่ทำงานแบบหัวกลวงหัวสี่เหลี่ยม เฮ้อไม่อยากจ่ม ขออภัยหากไม่สุภาพ
เพียงแต่ผมอยากให้ทุกคนออกมาช่วยๆกัน ในภาวะเช่นนี้ นี่ยังแค่น้ำจิ้มนะครับ ไม่รู้สิผมเอนตามคำพยากรณ์ ในหนังสือนิตยสารรายสัปดาห์หน้าปกรูปสาวสวยๆที่ท้ายๆปีมักมีบททำนายทายทักไว้ ตรวจสอบย้อนหลังพบว่าพยากรณ์ใกล้เคียงหลายเรื่องทีเดียวเชียวครับ
ขอเถิดครับอย่าเป็นคน หูหนักกินฟาน