โฉบไปเชียร์ครูบา ที่เชียงใหม่

โดย silt เมื่อ 10 สิงหาคม 2012 เวลา 1:58 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2979

พอได้อ่านบันทึกพ่อครูชวนไปเชียร์(หิ้วปีกเข้ามุม) ในการขึ้นเวทีสัมมนาที่เชียงใหม่ ตัดสินใจจัดการปรับแผนชีวิตให้ลงตัว แล้วก็หิ้วกระเป๋าข้ามชายแดนกลับมาเมืองน่าน เครื่องบินเจ้ากรรมงดบินก็ช่างปะไรมีรถเมล์เขียวให้นั่ง

สนใจงานนี้เพราะ ๑) ตั้งใจมาเป็นขะโยมหิ้วกระเป๋าติดตามพ่อครู ๒) อยากพบเจอพี่น้องประดาสานุศิษย์พ่อครูแซ่เฮฯสายเหนือ ๓) อยากมาฟังว่าบรรดาท่านจะมองชุมชนอาเซียนในอีกยี่สิบปีข้างหน้าอย่างไรบ้าง ๔) เจ้าของงานคือมหาวิทยาลัยราชมงคล ที่สมัยยังเป็นเทคโนฯตีนดอย เจ้าตัวเคยไปเป็นมือปืนรับจ้างสอนวิชาดินอยู่ เลยเหมาเอาว่าเป็นสถาบันที่ผูกพันกันมา และ ๕) มีธุระที่บ้านนิดหน่อย ตูบน้อยที่ไหว้วานพี่น้องมาปรับปรุงเผอิญสื่อสารกันผิดตรงที่ครัวไฟหาย

กะว่าจะไปบ้านแบบนินจาไม่ให้ใครรู้ โทรเรียกแท็กซี่ตามเบอร์ที่ได้จากพรรคพวก พอเจอหน้ากลับกลายเป็นพี่น้องบ้านใกล้ ข่าวการปิ๊กบ้านเจียงใหม่ของบ่าอ้ายเลยแพร่กระจายไปในหมู่ญาติมหาสาขา แถมยังเผลอไปโพสต์ไว้ในเฟสอีก บรรดาเพื่อนฝูงน้องนุ่งลูกหลานอีกหลายสาขาก็พากันรู้ข่าวอีก…ปานดาราคิวทอง

วันแรกไปบ้าน ได้กินน้ำพริกเห็ดหล่มกับยำเห็ดโคน ได้ไปแฮกนาของตัวเองที่ไม่ได้ทำมายี่สิบกว่าปีแล้ว กลับมาพักในเมืองกินข้าวกับญาติกลุ่มที่หนึ่ง ไม่ได้กินโรตีรอคิวยาวเกิน (ซื้อโรคีกรอบมาชิมสามแผ่น) อุ้ยพาครูบาและคณะไปกินข้าวหนมเส้นลืมเรา ฮึ วันนี้ได้กำไรตรงที่ได้กินของโปรดกับได้ไปแฮกนา

วันที่สองครูใหญ่กับครูอารามมารับไปเจอพ่อครูที่คาบข้าวตอน ข้าวคลุกกะปิร้านภูเก็ตลายครามรสชาติสุดยอดเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปจากที่เคยกินสมัยอยู่คณะเกษตรฯ แล้วครูใหญ่ก็พานั่งรถแดงจากคณะเกษตรฯไปลงหน้าคณะพยาบาลฯ เฮ้อกึดเติงหาสมัยเมาสาวหน้อยคณะเดียวกัน ต้องกะเวลาขึ้นรถแดงสายนี้แหละไปลงสวนดอกยามแลง บ่ายวันนี้ธรรมะจัดสรรให้มีโอกาสเกาะขบวนพ่อครูไปเยี่ยมคณะพยาบาลฯ ไปแบบเป็นทางการครั้งแรกในรอบกี่สิบปีก็ไม่รู้ หลังจากเรียนจบรับใบประกาศฯปี ๒๓ แล้วก็จำได้ว่าปี ๒๙ไปคุยกับอาจารย์ลออเรื่องย้ายคณะครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ไม่ได้ไปอีก ยกเว้นตอนปี ๓๐-๓๑ไปดูโต้วาทีเกษตร-พยาบาลอีกสองครั้ง มื้อเย็นหมอเมืองปายพ่อน้องสบายสกาวมาร่วม วันนี้กำไรหลายต่อ ตั้งแต่ได้ไปเยี่ยมคณะฯได้กินร้านภูเก็ตลายคราม ได้นั่งรถแดงระทึกระทวยถึงความหลัง กำไรสุดยอดก็คือได้อภินันทนาการน้ำเมี้ยงหนึ่งกระบอกจากครูอาราม

วันที่สาม มะหลุกขลุกขลิกกับญาติโกเล็กน้อย พาตัวเองมาถึงที่สัมมนาสายๆ เดินกรำฝนเข้าอาคาร ผ่านด่านลงทะเบียนเข้าห้องไปตอนที่พ่อครูร่ายกลอนแนะนำตัวเอง ว่ามาจากเมืองน้ำดำตำน้ำกิน ที่ประชุมหัวเราะกันเกรียวกับกลอนอ้อนหาคนอกหัก โอ๊ย อย่างนี้ไม่ต้องหาคนหิ้วปีกเข้ามุมแล้ว หาคนจัดคิวแฟนๆดีกว่า อิ อิ ป้าดโท๊ะ ครูภูมิปัญญาท่านอื่น ท่านมาแสดงผลงานในบูธ แต่ครูภูมิปัญญารุ่นหนึ่งท่านนี้ไม่ธรรมดา เพราะท่านเป็นครูบา ท่านนั่งเป็นคีย์โน้ตคู่กับคุณชายดิศนัดดา กับหมอซินเธีย กับอาจารย์ฝาหรั่ง นับเป็นเกียรติต่อวงค์ตระกูลแซ่เฮ ไอ้กระผมอยู่ข้างล่างได้ทีแอบอ้างกับเพื่อนฝูงครูบาอาจารย์ใหญ่เลย พ่อผมๆ กำลังเว้าเปิดๆอยู่เทิงเวทีพู้น

แล้วพ่อครูก็กระตุกปัญญาด้วยเรื่อง การเรียนรู้โดยใช้ไอที การระดมมันสมองจากเครือข่ายออนไลน์ การจัดการความรู้ แถมโฆษณาหมู่บ้านโลกนิดหน่อย รอบสองพ่อครูพูดถึงที่ไปที่มาของการเลี้ยงวัวด้วยใบไม้สับเพื่ออุปมามัยให้นักศึกษากระโดดออกจากกรอบ ลุกออกจากเก้าอี้ไปหาความรู้ “รู้ได้อย่างไรว่าวัวจะกินใบไม้ …ก็หักกิ่งไม้มาลองยื่นให้วัวสิถ้ามันกินก็แสดงว่าวัวกิน…อิ อิ”

หมอซินเธีย เล่าถึงการทำงานด้านสุขภาพของท่านกับชาวกระเหรี่ยงที่ชายแดนพม่า-ไทย ปัญหาสุขภาพแม่และเด็ก กลยุทธในการป้องกันและควบคุมโรค และการสร้างโครงข่ายความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ

ดอกเตอร์ฝรั่ง อีกท่าน พูดเรื่องอะไรก็ฟังไม่ทัน มัวแต่ไปสวัสดีท่าน ผอ.เก่า ถึงตั้งใจฟังก็ไม่น่าจะจับประเด็นได้ หูเรื้อภาษาไปนานปี งานนี้มีแจกเครื่องแปลให้คณะอาจารย์กับเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งแต่ส่วนมากจะไม่มีให้ จับคำสำคัญได้ว่า มีพูดถึง Triple bottom line     รอบสองท่านพูดภาษาไทยชัดแจ๋ว คงสงสารนักศึกษาที่ทำตาลอยไปในอากาศ รอบนี้พูดว่าเกี่ยวกับการทำงานเป็นทีมของคนไทยที่ไม่ค่อยเก่ง

คุณชายดิศนัดดา ท่านแปล Triple bottom line ว่า “เจ็บ จน ไม่รู้” รู้สึกว่าท่านจะกัดเจ้าสัว และนายทุนที่ทำให้ภูเขาหัวโล้นเพราะ เอาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มาส่งเสริมให้ชาวบ้านเสพติด รอบสองท่านให้แนวทางรอดด้วย 3S Survival = การอยู่ให้รอด Sufficient= อยู่อย่างพอเพียง  Sustainable= อยู่อย่างสมดุลและยืนยง

เหตุการณ์ต่อไปเป็นอย่างไรไม่ทราบ ก่อนที่ผมจะแวปออกจากห้องเห็นคุณชายเดินมาโอบกระซิบอะไรกับพ่อครู ต้องถามเจ้าตัวเองว่ากระซิบกระซาบอะไรกัน

ผมแวะไปให้ครูบุญศรีรัตนังต่อเพลงขลุ่ยปราสาทไหว อุดหนุนหนังสือค่าวซอกับขลุ่ยมาหนึ่งเลา แวะไปไหว้สาพ่อครูขลุ่ยอีกท่านต่อเพลงโศกพม่า อุดหนุนขลุ่ยอีกหนึ่งเลา เดินไปดูลายผ้าทอของแม่ครูอีกสองสามท่าน พอดีกับญาติกาอีกสายหนึ่งโทรมาตามไปแวะกินข้าว(แกล้งแวะกินร้านเจซะให้เข็ด) แวะไปให้สาวพยาบาลฉีดวัคซีน แล้วบึ่งมาท่ารถ มาถึงน่านสี่ทุ่มครับ

จบข่าว

« « Prev : ครอบครัวตัวแบบ “พอเพียง”

Next : ชุดบันทึกตามเก็บรอยเท้า: ดอยเต่า » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

1 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.5195369720459 sec
Sidebar: 0.023673057556152 sec