กระบี่ครั้งที่สาม มาตามฟ้าลิขิต

โดย silt เมื่อ 13 ตุลาคม 2012 เวลา 4:29 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2965

มากระบี่ครั้งที่สาม สารภาพตามตรงว่าพอดีประจวบเหมาะกับที่ปิดงานหงสา มีเวลาเหลวไหลให้กำไรรางวัลตัวเองบ้าง

ประจวบเหมาะกับ มีชาวคณะญาติสายเหนือคิดการมาร่วมกิจกรรม นำทีมโดยพ่อครูสุดจ๊าบส์ของผองชาวเฮ.

ที่สำคัญไปกว่านั้น เจ้าแม่หมอผู้ฝ่ายเหย้าได้ตกปากรับคำว่า “จะไม่ยุ่งไม่เกี่ยวกับความหวานของผม” อิอิ

บินไปวันที่ ๔ ตุลา เวลาค่ำ แล้วก็ดวลปูนึ่ง

วันที่ ๕ เคลื่อนไหวอยู่ในโรงพยาบาลกระบี่ มีสาวๆพยาบาลมาร่วมรายการให้ระทึกระทวยใจกับความหลังฝังรากลึก

(โอ้วววว…เขียนหวานสำนวนหยดย้อยไปหน่อยมั๊ง ปกติอาว์เปลี่ยนเขียนวิชาก๊านวิชาการนะ นี่แค่ไปอยู่กับเจ้าสำนักสวนป่ามาสองสามคืน ถ่ายทอดวิชาได้ถึงเพียงนี้ทีเดียวเชียวหรือ) ถือโอกาส ลิ้งค์ ให้ตามไปอ่านบันทึกของพ่อครูก็แล้วกัน note เรื่องไปเติมความรักที่กระบี่ พ่อท่านได้บรรยายแบบละเอียดครบถ้วนทั้งภายในภายนอกไว้หมดแล้ว คนอะไรไม่รู้เห็นเงียบๆเรื่อยๆแต่เก็บประเด็นไว้ได้หมดแม้กระทั่งน้าอึ่งกินปูกี่ตัว

หลังจากส่งพระเอกขึ้นเครื่องกลับไปแล้วน่ะสิ การเคลื่อนไหวหลังจากนั้นใคร่ขอรายงานโดยสังเขปให้ท่านครูบาฯ (ที่ครูใหญ่กับอุ้ยสร้อยว่า วาสนาอักเสบ) ได้ทราบว่าพวกเราที่ค้างอยู่กระบี่ อรยนท คิดถึงท่านเพียงไหนนะขอรับ

วันเวลาที่เหลือ หมอเจ๊ผู้ช่ำชองในการทัวร์สุขภาพประจำถิ่น บอกว่าจะพาไปคลองท่อม แล้วลงเรือไปนอนเกาะ เอาละสิ อันตัวข้าพเจ้าก็เป็ดดอนนั่งลุ้นข่าวพายุกูมีกูไม่มา กรมพยากรณ์ท่านว่าอันดามันจะมีคลื่นสองเมตรห้ามออกเรือ สงสัยแสดงออกทางสีหน้าชัดเจนไปหน่อย ชาวเฮฯที่ดูหน้าก็รู้ใจจึงตกลงงดโปรแกรมไปเกาะ แต่รายการทัวร์เสียเหงื่อตามแบบฉบับหมอเจ๊ก็ยังมิได้คลายความสนุก

เริ่มที่การบอกกล่าวไว้ว่า ไปคลองท่อมเดินประมาณเจ็ดกิโล เอาเข้าแล้วสิ ลูกทัวร์ชั้นดีต้องตื่นแต่เช้ามาฟาดข้าวขาหมูตุนเอาแรง แล้วเจ้าถิ่นคือหมอเจ๊กับพี่อี๊ด ก็พาเราไปสระมรกตที่คลองท่อม เดินลัดเลาะชมป่าชมไม้ไปก็บ่นถึงคนวาสนาอักเสบไปว่า หากท่านมาเห็นคงชื่นชอบ และคงช่วยเล่าบรรยายให้เราได้เพิ่มรอยหยักในสมอง เดินจากสระมรกตไปยังสระฤาษี อุ้ยตั้งชื่อลานบุษราคัม ไว้ด้วย เดินต่อไปชมผักกูดเจ็ดสี จนถึงสระกินรี หรือสระผุดที่สวยงาม มีพรายน้ำพร่างผุดตามเสียงปรบมือ หรือเสียงผิวปาก เดินกลับออกมาครูใหญ่กินไอติมแท่งที่สอง อุ้ยกินข้าวโพด

ที่ต่อไปคือ น้ำตกร้อนครับ สายน้ำตกทั้งสายร้อนพอแช่สบาย มีฝรั่งแขกจีนหญิงชายลงนอนแช่เล่นตามแอ่งโตรก หลังจากพาน้ากับครูอารามดูคนนุ่งน้อยชิ้นแช่น้ำตกแล้ว พวกเราก็มานั่งแช่เท้าในน้ำอุ่น

ย้อนกลับมาทางออกได้แวะชมบ่อน้ำพุเค็มในป่าโกงกาง สถานที่เขาสร้างเป็นบ่อให้แช่น้ำเรียงรายกันเจ็ดแปดบ่อ มีบ่อแม่ที่พบคุณป้าพาลูกหลานมาอธิษฐานอาบรักษาโรคเจ็บไข้ อยากมีเวลานานๆได้นอนแช่บ้าง…ฝากไว้ก่อน..เอาไว้กระบี่เที่ยวที่สี่จะแอบไปไม่บอกใคร

เวลาสามโมงบ่าย ถึงเวลาที่เจ้าถิ่นพาแวะร้านไก่กอแระเจ้าอร่อย

แล้วก็พากันไปแวะดูสวนพี่หมอ ทีนี้เราก็รู้พิกัดเซฟเฮ้าส์หมอแล้วว่าอยู่ตรงไหน ช่วยกันไปยืนวาดฝันเติมฝันแบ่งปันความรู้ โดยมีครูอารามเดินท่อมๆไปดูต้นนั้นตันนี้ที่ปลูกไว้ แล้วก็ผันผายเข้าเมือง

ชี้ชวนกันดูเจดีย์สิบสองชั้นแบบจีนที่ศาลเจ้า มัคคุเทศก์สั่งเลี้ยวขวับพาแวะทันที ที่ไหนได้อาโกของหมอท่านเป็นที่ปรึกษาขอศาลเจ้าแห่งนี้นี่เอง บัตรเบ่งไม่เคยหายไปจากชาวเฮฯจริงๆ

แล้วเราชาวดอยก็ได้สัมผัสทะเลเอาตอนโพล้เพล้แสงสวยราวสรวงสวรรค์

นึกๆแล้วก็เสียดายมัวแต่กลัวเจ้ากูมิกูมี แต่กูดันไม่มาเลยไม่ได้นอนเกาะ

เช้าวันถัดมา จะไปสนามบินภูเก็ต อาว์เปลี่ยนสังหรณ์ว่าเจ้าของทัวร์สุขภาพจะต้องพาเดินถ้ำแถวพังงาแน่ๆ แอบเตือนเพื่อนร่วมก๊วนว่าตุนข้าวไว้บ้างก็ดี อิ อิ

แต่ไม่ใช่หรอก หมอเจ๊ไม่ได้พาแวะถ้ำ กลับพาไปไหว้พระที่วัดบางเหรียงแทน แม้จะไม่ใช่ถ้ำ แต่ระยะทางเดินขึ้นบันไดไปไหว้พระธาตุ แล้วก็ไต่ลงไปยังยอดเจ้าแม่กวนอิม จากนั้นก็วกผ่านยอดพระนาคปรกกลับมาขึ้นรถ ก็ทำเอาชาวคณะโดยเฉพาะผู้เขียนต้องทำทีเป็นแวะถ่ายรูปไปหลายจุด เออ้อออ… ผู้อาวุโสท่านใดไปปล่อยไก่จนต้องไถ่โทษตัวเองน้อ…ครูใหญ่น่าจะเฉลย (แอบกระซิบให้พ่อครูฟังหน่อยเด้อ) ฮ่า ฮ่า

แล้วเราก็แวะกินข้าวกลางวันที่บางพัฒน์ โฮมสเตย์ที่มีธนาคารปูม้า ที่นักศึกษาเทคนิคพังงามาพาออกรายการคนพันธุ์อาร์ ได้เห็นวิถีชีวิตคนท้องถิ่น ได้กินอาหารทะเลสดๆ(โปรดสังเกตว่าไม่มีใครสั่งปู) ได้คุยกับปราชญ์ชาวบ้านผู้ก่อตั้งธนาคารปู(แหมมมมมมๆๆๆ อยากให้สองปราชญ์ได้มาเจ๊อะกันจริงๆ ท่านนี้ก็ปลูกป่าชายเลน ตั้งธนาคารปู น่าจะผูกเสี่ยวให้คนของแผ่นดินที่หากยากมากๆ) แม้ท่านจะแวะมาคุยได้ไม่นานแต่ผมถือว่าการเจอท่านครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งคุณค่าของชีวิต นอกเหนือจากการได้มาเห็นอ่าวพังงาตามฝัน ที่ในวัยเด็กแอบอ่านนิยายของน้าสาวเรื่องตะวันขึ้นที่อ่าวพังงา ของเพ็ญแข วงค์สง่า (แม่นบ่น้อ???)

เดินทางต่อมารอท่านอัยการกับคุณแอ๊ด ที่หาดในยางรำลึกถึงงานเฮฯภูเก็ต มะรุมมะตุ้มกอดกันคุยกัน แล้วก็เคลื่อนขบวน พร้อมของฝากคนละถุงเบ้อเร้อเห้อจากครอบครัวทองตัน ของลุงเปลี่ยนไม่มีขนมเลยแม้แต่ชิ้นเดียว จริงจริ๊งครับพี่หมอ มารอแม่หนูทอฝันที่สนามบิน คุณพ่อเนติกำลังพาห้อมาจากสุราษฎร์ โผล่มาให้คุณย่าๆๆๆกอดสมใจอย่างฉิวเฉียด แล้วก็แยกย้ายกลับอย่างอิ่มใจ

จบรายงานทริปกระบี่

เรียนมาเพื่อโปรดทราบ ในโอกาสที่พ่อครูวาสนาอักเสบผู้เยาว์เห็นสมควรให้ท่านซ่อมทริปนี้ให้เต็ม มีตั๋วภูเก็ตกรุงเทพฯอยู่แล้วนี่ขอรับ ไฉนเลยหลังเสร็จภารกิจที่น่าน บินเชียงใหม่ภูเก็ตพร้อมทั่นอัยการก็ได้นะครับ ไปหอมแม่สาวทอฝันแล้วค่อยบินอ้อมกลับกรุงเทพฯครับ

« « Prev : 9-11 เมื่อสิบเอ็ดปีก่อน

Next : ภูเก็ต วีไอพี ขอบคุณไมตรีจาก Hillton Puket Arcadia และทอฝัน » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

1 ความคิดเห็น

  • #1 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 ตุลาคม 2012 เวลา 12:24 (เย็น)

    ก๊าก….อ่านแล้ว ขำๆ ว่าเราคิดถึงท่านผู้วาสนาอักเสบกันขนาดไหน
    ส่วนใคร ไปทำอะไรกับเจ้าแม่กวนอิมจนต้องทำบุญซ่อม….จ้างให้ก็ไม่บอก…ฮ่าๆ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.59338903427124 sec
Sidebar: 0.16268396377563 sec