ไล่พระออกจากป่า คุณพระคุณเจ้า

โดย silt เมื่อ 28 สิงหาคม 2009 เวลา 10:05 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1224

 

ปีกบางรุ่งริ่งโรยลา
อ่อนล้าเรี่ยวแรงเสื่อมถอย
วันวารผันผ่านเคลื่อนคล้อย
ล่องลอยไปตามวิถีกรรม

รูปผีเสื้อชรากับบทจ่มข้างต้นอาจจะไม่เข้ากับเรื่องที่จะบันทึกในต่อไปนี้ แต่ผมว่าอารมณ์ไปด้วยกันได้นะครับ อารมณ์ห่อเหี่ยวเศร้าซึมกับข่าวที่ ทางการเขาจะจัดระเบียบพระป่า
เขาว่าพระทำลายป่า พระเป็นตัวการบุกรุกป่า
อ้ายพวกไม่รู้จัก อรัญวาสี คามวาสี เอ้ย โธ่ถัง กาละมังแตก (กาละมังเป็นคำที่ยืมมาจากภาษาโปตุเกต… เขียนเพื่อยืนยันว่าขณะบันทึกยังมีสติดีอยู่)
ผมเคยผ่านพบ พระวัดป่าที่อำเภอวานรนิวาส ท่านสร้างรั้วรอบป่าผักหวานพื้นที่กว่าแปดร้อยไร่ เป็นป่าของวัด ใหชาวบ้านจัดตั้งกลุ่มป่าชุมชน จัดสรรกันหมุนเวียนกันมาเก็บเห็ดเก็บผักหวาน พอได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง

ที่ป่าชุมชนหนองหมู มีวัดอยู่บนนั้น พระท่านเอาเงินที่ญาติโยมถวายในกิจนิมนตร์ต่างๆ เอาเงินก้อนนั้นไปให้ชาวบ้านใช้จ่ายเป็นค่าอาหารยามเดินตระเวนป้องกันป่า

ที่วัดป่าเชิงดอย พระท่านเป็นแกนนำชักชวนให้ชาวบ้านสร้างฝายชะลอความชื้น ได้ใช้น้ำสำหรับดับไฟป่า มีกบเขียดอึ่งอ่างมาแพร่พันธุ์มากมาย

ผมเคยมีวาสนาได้รับใช้วัดป่าในเขตอุทยานแห่งหนึ่ง ในการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทำแผนลดผลกระทบจากการก่อสร้างอุโบสถหลังเล็กๆ เราทำตามขั้นตอนของสผ.ทุกอย่างโดยไม่ขอลัดขั้นตอน แก้รายงานเกือบสิบครั้ง ไม่อยากคุยว่าวัดป่าดังกล่าวประมุขสงฆ์แห่งราชอาณาจักรเสด็จมาประทับด้วย ถือเป็นมงคลสูงสุดที่ได้รับใช้

นี่เป็นตัวอย่างเพียงเล็กน้อย ที่แสดงว่าพระอยู่กับป่าได้ พระช่วยรักษาป่าได้

จริงอยู่ ที่สำนักสงฆ์บางแห่งอาจก่อสร้างถาวรวัตถุที่ใหญ่โต ล่วงล้ำบุกรุกป่า อันนั้นก็ต้องมีมาตรการควบคุม ไม่ต้องควบคุมพระดอก ควบคุมญาติโยมเจ้าศรัทธาที่ชอบมาถวายปัจจัยนั่นแหละ และต้องควบคุมในขั้นตอนการขออนุมัติแบบ รวมถึงการควบคุมให้ผู้รับเหมาก่อสร้างปฏิบัติตามมาตรการลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นด้วย

 หวังว่าพวกเขาเหล่านั้น ที่กำลังจะจัดระเบียบพระป่า ได้มีสติในการทำงาน…

ระวังเขาจะเผลอไปจัดระเบียบ พาครูบาฯ แซ่เฮของหมู่เฮาออกจากสวนป่าเด้อ

« « Prev : บ้านวัฒนธรรม อีกกลไกที่ใช้กระตุ้นชุมชน

Next : คุณอยู่ข้างไหน? ผมเลือกข้างได้(แม้ถูกกำหนดฝ่าย) » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

7 ความคิดเห็น

  • #1 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 สิงหาคม 2009 เวลา 10:29 (เย็น)

    มันกุลียุคโดยแท้ มีดวงตาที่ไม่ลูกนัยตา กรรมของเมืองไทยในกุลียุค แล้วทำไมมันไม่ไปจัดการกับผู้มีให้กินที่บุกรุกป่าออกกรรมสิทธิ์ที่ดินแบบ………เสียดายชาติที่เกิดจริงๆ …..คิดได้แค่นี้หรือคนพวกนี้……..

  • #2 aram ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 สิงหาคม 2009 เวลา 11:22 (เย็น)

    วันก่อนรักษาการเจ้าเหมือง วันนี้รักษาการเจ้าอาวาสน่ออ้าย เปิ้นเก๋าบ่ถูกตี้คันกั๋นเนาะ…

  • #3 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 29 สิงหาคม 2009 เวลา 12:23 (เช้า)

    รัฐมนตรีคนนี้ หน้าตาดี เรียนจบจาก เคนตั๊กกี้ แต่พฤติกรรมเขา ชาวบ้านรู้เช่นเห็นชาติแล้วจนไม่ได้รับเลือกเป็น สส.ที่ผ่านมา แต่ยังได้เป็นรัฐมนตรี แล้วมาอาละวาดเรื่องจะเอาพระออกจากป่าอีกโดยไม่แยกแแยะ

    เคยได้ยินบางคนด่าสาดเสียเลย..

  • #4 จันทรรัตน์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 29 สิงหาคม 2009 เวลา 9:09 (เช้า)

    บางวัดก็บุกรุกจริงๆ แล้วสร้างสิ่งสักการะไว้มากมายด้วยอิฐและปูน
    บางวัดก็อนุรักษ์ป่าจนคนต้องวิ่งเข้าไปแสวงหาธรรมชาติ

    ความพอดีอยู่ที่การจัดการด้วยความรู้รอบและรู้รากเหง้าของแต่ละวัดนะคะ

    สมัยนี้อยากเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนได้ด้วยน้ำลายและปลายปากกาเน๊อะ

    ยกเว้นคนชื่อเปลี่ยน..ไม่ยักก๊ะเปลี่ยนใจให้เบิร์ดแห่แหนโห่ฮิ้วนำขบวนขันหมากซะที…อิอิ

  • #5 สุวรรณา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 29 สิงหาคม 2009 เวลา 9:51 (เช้า)

    สวัสดีค่ะ ลุงเปลี่ยนเบื่อผู้ชอบใช้อำนาจจัง ชีวิตเค้าคงขาดตรงนี้เนาะ จึงแสวงหาอย่างไม่มีสิ้นสุด เราจะหลุดจากวงจรคนบ้าอำนาจเมื่อไรนะ

  • #6 chakunglaoboy ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 กันยายน 2009 เวลา 9:04 (เช้า)

    นั่นคือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุและไม่ถูกจุดเลยสักนิดเดียวครับ

  • #7 ตาหยู ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 กันยายน 2009 เวลา 9:48 (เช้า)

    ลุงเปลี่ยน ขอรับ
    เกา ตรงที่คัน จริงๆขอรับ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.20510792732239 sec
Sidebar: 0.067190170288086 sec