เล่าเรื่องเมืองหงสา: ศิลป์ของการทำไร่
ภูสูงชันแหงนคอตั้งบ่า หุบห้วยขวางกั้นซ้ำมาสุดลึก
กอหญ้ากลับแทงลำต้นเขียวระบัดเพียงชั่วข้ามคืน
บดบังต้นอ่อนของข้าวและงาให้จมอยู่ติดหน้าดิน
ผืนไร่ของชาวหงสา
สองมือที่เปลืองเรี่ยวแรงก่นถางมาตั้งแต่เดือนสิบ
ทนร้อน สำลักควันไฟจากการจูดเผาเมื่อกลางเดือนหนึ่ง เผาแล้วเก็บเศษไม้มากองทำเป็นรั้ว
ฝ่ากลางแดดจ้ากลางเดือนสี่ สักหลุมหยอดเมล็ดไว้รอฝนแรก
สองเท้าหาที่ยั้งตัวไม่ให้ไถลลื่น
สองมือค่อยบรรจงถอนหญ้า…ไม่ให้กระเทือนต้นอ่อนของข้าวแลงา
ถอนแล้วมัดหญ้าไว้เป็นกำๆ
ดูเถิดท่าน….ดูแม่สาวบ้านน้ำแก่น
ช่างมีอารมณ์ศิลป์งดงามแช่มช้อยกระไรเยี่ยงนี้
ช่างไม่รู้สึกเหนื่อย เมื่อทอดตามองเห็นผืนไร่ที่กว้างขวางอีกหลายภูที่ต้องถอดหญ้า
ช่างไม่รู้สึกล้า ที่กว่าจะได้เก็บเกี่ยวจะต้องถอนหญ้าอีกหนึ่งครั้ง
ช่างไม่รู้สึกเสียดาย ที่รู้ว่าดอกผลส่วนหนึ่งจะต้องถูกนกและหมูป่ามาแบ่งไปกิน
ช่างไม่รู้สึกท้อ กับแรงงานที่จะต้องใช้ในการเก็บเกี่ยวจะแบกขนขึ้นภูที่สูงชัน
เป็นกำลังใจให้เธอแม่สาวบ้านน้ำแก่น
เป็นกำลังใจให้ผู้ที่รู้สึกท้อ…ทุกท่าน
Next : อำนวย เขาเป็นเพชรแท้ที่ผมค้นพบ » »
5 ความคิดเห็น
เป็นเรื่องน่าแปลก (อันทำกันเป็นประจำ) ที่ถางพื้นที่ลาดชันจนเตียน อย่างกับจะเอาเครื่องมือกลเข้าไปเก็บเกี่ยวได้อย่างนั้นล่ะครับ
ที่ลาดชัน เก็บน้ำไม่ได้ ฝนมา ก็ไหลหายไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหน้าดิน
มีคำแนะนำของกรมพัฒนาที่ดินตรงนี้ครับ ตรงมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำ น่าอ่านมาก เผื่อจะเกิดไอเดียอะไร
ชอบการขมวดหญ้าของเขาจังค่ะ สนใจว่าทำไมปลูกข้าวไร่กับงา เขากินงา? หรือปลูกขาย?
ชอบมากๆ ขออีกๆๆ
#1 ขอบคุณมากครับ การถอนหญ้าให้โล่งเป็นความจำเป็นขึ้นต้นเพื่อให้ข้าวและงาได้รับแสงและไม่ถูกแย่งอาหารและน้ำครับ ตอนนี้ผมกำลังพยายามขายความคิดเรื่องการปลูกต้นมะแฮะเป็นแนวกั้นไม่ให้หน้าดินถูกชะล้างไหลลงก้นหว้ย เลียนแบบงานของท่านสว.เตือนใจครับ
#2 ข้าวไร่เขาปลูกไว้กินครับ ส่วนงาอ้ายเปลี่ยนเอาไปเผยแพร่ เพื่อสกัดกั้นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของนายทุนใหญ่จากประเทศไทย เพราะข้าวโพดมาสารเคมีตามมายาฆ่าหญ้าตามมา แถมยังต้องพึ่งพิงตลาดที่ถูกกำหนดราคาจากผู้อื่น ในขณะที่สวนงาอ้ายสามารถผลิตแบบปลอดสารเคมีได้แล้ว ผลิตขายในท้องถิ่นหรือส่งขายหลวงพระบางก็พอได้ครับ ปีที่แล้วไปทำแปลงสาธิตไว้ ปีนี้มีคนปลูกตามห้าสิบกว่าคน
# 3 ขอบพระคุณครับ จัดให้อีกทันทีตามคำขอครับ
คนลาวก็ขยันเหมือนกันเนอะ