การพึ่งพิงป่าของพี่น้องหงสา

โดย silt เมื่อ 28 กันยายน 2011 เวลา 12:21 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1597

enter-post-title-here

นั่งปั่นรายงานเรื่องนี้อยู่ครับ พาสาลาวเสียด้วยแต่เอาขึ้นโชว์ไม่เป็น

กลุ่มบ้านที่1

กลุ่มที่2

กลุ่มที่ 3

ประเภทการใช้สอย % ประเภทการใช้สอย % ประเภทการใช้สอย %
1. อาหารจากพืชป่า 87 1. อาหารจากพืชป่า  72 1. ฟืน  99
2. ไม้ไผ่ 83 2. ฟืน 71 2. ไม้ไผ่ 94
3. ฟืน 75 3. ไม้ไผ่ 68 3. อาหารจากพืชป่า 94
4. หาของป่ามาขาย 47 4. อาหารจากสัตว์ป่า 17 4. หาของป่ามาขาย 60
5. ไม้สำหรับก่อสร้าง 42 5. สมุนไพร 15 5. อาหารจากสัตว์ป่า 23

เปอร์เซนต์ หมายถึง ร้อยละของครอบครัวทั้งหมดที่ได้เข้าไปใช้ประโยชน์จากป่า

ประเด็นที่อยากอวดก็คือว่า พี่น้องชาวหงสามีการพึ่งพิงป่าสูงมากๆ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ไม้ใช้สอย ฟืน หาเก็บของป่ามาขาย หรือแม้กระทั่งสมุนไพร นึกไม่ออกจริงๆว่าหากขาดป่าแล้วพี่น้องจะอยู่กันได้อย่างไร

หากจะต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ที่อยู่ที่กินของพี่น้องบรรดาท่านเหล่านี้แล้ว ไม่เพียงแต่จัดสรรที่ทำกิน หาพืชมาให้ปลูก หางานให้ทำเพียงเท่านั้น

ต้องหาป่ามาคืนให้พี่น้องด้วย ดีที่คิดเรื่องนี้ไว้เมือสองปีก่อน ทำให้พอขอตังค์เขาเอาไว้ได้บ้าง ตอนนั้นมีแต่คนหัวร่อว่า จานย์ผีบ้านี้เอาหยังใส่ในดำรัสให้รุ่มร่ามทำไม

อย่าลืมเด้อ จานเปลี่ยน

« « Prev : บุรีรัมย์โมเดล ทางออกของภาวะ ข้าวขาดแลง แกงขาดหม้อ

Next : จะเป็นเพียงคนแปลกหน้าผู้ผ่านทาง หรือกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของสังคม หรือจะเป็นสิ่งเร้าภายนอกที่มากระทบสังคม » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 กันยายน 2011 เวลา 6:07 (เย็น)

    เค้าเอาไม้ไผ่ไปเฮ็ดหยังอ้าย น่าสนใจว่าเค้ายังใช้ฟืนกันอยู่เลยเนาะ และมีกลุ่มหนึ่งที่ใช้สมุนไพร อืมน่าคิดแฮะ

    ชอบใจที่อ้ายคิดรอบคอบอ่ะค่ะ เป็นแนวทางที่เริ่ดมั่ก ว่าแต่อ้ายจะหาป่ามาอยู่ในบริเวณที่ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเขาได้จั๋งได

  • #2 silt ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 กันยายน 2011 เวลา 7:18 (เย็น)

    ตอนที่ร่วมกันยกร่างมติข้อตกลงให้พณ ท่านลงนาม พอถึงมาตราที่แปด “สิทธิของประชาชนในการได้รับการฟื้นฟูแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ”นั้น มีแต่คนยิ้มๆแล้วก็ปล่อยผ่าน พอมีคนสงสัยท่านก็โบ้ยมาว่าจานเปลี่ยนใส่ไว้ ก็เลยผ่านในที่สุด
    วิธีการที่คิดไว้และเริ่มทำแล้ว ถอดบทเรียนมาจากงานที่ดงหลวงครับ
    ๑ ยกป่ามาไว้สวน หรือทำวนเกษตร ตอนนี้ชวนชาวบ้านปลูกผักหวานป่า กับหวายตัดหน่อได้หลายราย
    ๒ กันพื้นที่ป่าไว้แล้วปล่อยให้ฟื้นตัว พร้อมปลูกพืชอาหาร
    ๓ สงวนวังปลา ปล่อยลูกปลาเพิ่ม
    ๔ สร้างฝายชะลอน้ำยอดห้วย รักษาความชื้นพร้อมเป็นแหล่งขยายพันธุ์อึ่งอ่าง เขียดภูเขา
    ๕ ป้องกันไฟป่า
    ๖ จัดโซนทำเลเลี้ยงวัวควาย
    ๗ ผลักดันให้มีป่าพิธีกรรม ตอนนี้มีป่าช้าที่กว้างมากต้องรักษาไว้ เพื่อเป็นแหล่งเมล็ดพันธุ์ พร้อมทั้งแหล่งขยายพันธุ์ของสัตว์ป่า
    ๘ อื่นๆ เช่นสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในการปกป้องป่า
    ๙ อันนี้เพิ่งนึกออก แต่ต้องขัดกับทางเมืองแน่ อันนั้นก็คือ การห้ามบริษัทยักษ์ใหญ่ที่รับซื้อข้าวโพด กับมันสำปะหลังผ่านด่านเข้าหงสา ไม่งั้น “มัน(ฯ)มา…ป่าหมด” ครับผม
    โชคดีที่หงสา ยังพอมีป่าไม้เหลือไว้ให้รักษ์ครับ

  • #3 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 กันยายน 2011 เวลา 8:50 (เย็น)

    ๒ กันพื้นที่ป่าไว้แล้วปล่อยให้ฟื้นตัว พร้อมปลูกพืชอาหาร

    ที่ออสเตรเลีย ส่วนที่เป็นทะเลทราย เขาศึกษาที่ชายขอบหนึ่ง ว่าเดิมมีป่าไม้ การขยายตัวของทะเลทรายและการทำลายต้นไม้โดยคนและสัตว์ป่า เขาจึงเอาลวดหนามมากั้นหนาแน่นเลย ห้ามใครเข้าออก ปล่อนเป็นธรรมชาติ 3 ปี ป่าค่อยๆฟื้นตัว….คืนสู่สภาพเดิมๆ

    การศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพของป่าโดยการ ทำสี่เหลี่ยมไปครอบพื้นที่ป่าแล้วนับชนิดต้นไม้ ทุกชนิด สัตว์ทั้งหมด ถ่ายรูป ทำหมายไว้ แล้วเอาข้อมูลนั้นๆมาวิเคราะห์ จำแนก บันทึก ฯลฯ นั่นคือความหลากหลายทางชีวภาพในปัจจุบัน

    เอาผู้เฒ่าผู้แก่มาล่าให้ฟังถึงรายละเอียดที่เราบันทึกไว้ว่าปัจจุบันเป็นเช่่นี้ แต่ก่อนเป็นแบบไหน บันทึก แล้วปรึกษาว่าเราต้องการอะไรให้คงอยู่ อะไรบ้างที่เราควรฟื้นฟู อะไรบ้างที่เราจะเอาเข้ามาใหม่ ตั้งกฏกติกา แล้วตั้งคณะกรรมการดูแล และประเมินทุกๆระยะ ดูการเปลี่ยนแปลง บันทึกทุกๆเดือน เอานักวิชาการมาร่วมเพื่อวิเคราะห์และเสนอแนะการฟื้นฟูป่า…

    เห็นด้วยว่า เราไม่สามารถดำรงป่าไว้ให้สมบูรณ์ดังเดิม และควสรจะยกป่ามาไว้ในสวน อันนี้ทำให้มากๆ เพราะมันจะกลายเป็นป่าส่วนตัว ป่าครอบครัวที่การดูแลมีมากกว่าเพราะมีกรรมสิทธิ์ เอาตัวอย่างพ่อแสนนั่นแหละ หากยังต้องการพึ่งพิงป่า นั้น รักษาป่าธรรมชาติ และสร้างป่าครอบครัวไปพร้อมๆกันด้วย

    เห็นด้วยกับข้อ 9

    ตัวทำลายป่าคือไฟอีกอย่างหนึ่งนะ
    พิธีกรรมช่วยได้มาก

  • #4 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 กันยายน 2011 เวลา 8:56 (เย็น)

    อีกอย่างที่น่าจะเพิ่มจากข้อมูลที่เปลี่ยนระบุนั้นคือ mapping ของทรัพยากรเหล่านั้นกับช่วงเวลาที่เขาไปเอา ไปกันกี่คน อายุกลุ่มไหนที่ไป สตรีไปไหม การเข้าป่ามีพิธีกรรมอะไรบ้าง
    เท่าที่สังเกตุที่ดงหลวงนั้นมีคนที่ยึดเป็นอาชีพ พราน และทั่วไป

    การเข้าป่าเป็นวิถี เหมือนหนุ่มๆดงหลวงหรือเปล่า ไม่มีอะไรก็เข้าป่า ไปนอนค้างคืนสองคืน แม้ไม่ได้อะไรก็ไป
    วัฒนธรรมการบริโภค อันนี้ชัดเจนนะว่า นิยมกินของป่า..

    พาผู้นำมานอนคุยกับพ่อแสนและสมาชิกเครือข่ายไทบรูซะ..


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.099282026290894 sec
Sidebar: 0.018295049667358 sec