วาทะพี่Taxi “คุณนี่ท่าจะบ้า”
ตีสี่ ปั่นต้นฉบับเสร็จส่งเมล์แล้ว รีบเข้านอนเอาแรง เจ้านายมาเยี่ยมทั้งนายใหญ่นายรอง
๘ โมงเช้า มีหน้าอยู่เรือนพักสุพาพอน พาเจ้านายไปดู ดู ดู ดูงาน
๑๒ โมง พาเจ้านายแวะกินข้าวที่แคมป์ บอกลาเจ้าถิ่นก่อนกลับ
๒ โมงบ่าย ถึงเมืองเงิน ยังพอมีเวลาเหลือ พาเจ้านายไปเบิ่งน้ำของที่ท่าข้ามบักปากห้วยแคน บ่อนที่เพิ่นจะสร้างขัวข้ามแม่น้ำ
๓ โมงบ่าย กลับมาถึงด่านชายแดน ข้ามด่านกลับบ้านเรา ฉลองกาแฟเย็นหวานๆให้ฉ่ำใจ แล้วนั่งรถตู้มาน่านแวะกินหอยทอดแป้ง
๑ ทุ่ม ถึงสนามบินน่าน
๓ ทุ่ม ถึงสนามบินดอนเมือง เดินวนหลงทางก่อนเจอช่องเล็กๆพาไปโผล่ริมถนน
โบกแท็กซี่คันแรก “ไปนครชัยแอร์ครับ”….“หา…” “ไปนครชัยแอร์ไหมครับพี่” ...”ไปครับ”
………”ลงเครื่องแล้วไปต่อรถเหรอครับ” ….”ครับพี่ผมมาจากลาวขึ้นเครื่องที่น่าน แล้วจะต่อไปขอนแก่นครับ”
………”คุณจะบ้าเหรอ???????”
“พ่อเจ้าประคุณ….นี่ผมใครเขาจะเชื่อเนี่ย ว่ารับคนจากสนามบินไปส่งท่ารถทัวร์” “เอ่อ….พอดีผมเอ่อ…”
“นี่ผมเพิ่งตีรถมาจากวังน้อยนะนี่ คนเมื่อกี้ก็แปลกประหลาดไม่แพ้คุณหรอก มาไม่ทันรถจ้างผมพันหนึ่งให้ขึ้นทางด่วนไปดักรอรถทัวร์จะไปยโสธร ทั้งๆที่ถ้าทิ้งตั๋วใบนั้นแล้วซื้อตั๋วเที่ยวต่อไปหมดเงินแค่ห้าร้อยกว่าบาท”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า หากขาดการจัดการที่ดีประชาชีอาจหัวร่อในความเขลา แต่ผมก็มีเหตุผลนะ สามทุ่มแล้วจะหาเครื่องที่ไหนต่อไปขอนแก่น รึว่าเราคิดชั้นเดียว ทำไมไม่นอนพักกรุงเทพฯแล้วรุ่งขึ้นจับเครื่องเที่ยวเช้าไปขอนแก่น ที่นัดหมอไว้ทันเหลือแหล่ ไม่เป็นไรพลาดไปแล้วหลับมาในรถหกชั่วโมงก็ถือว่าได้พัก แต่มันมาเป็นเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี่สิ
ลงรถที่ขอนแก่นใกล้ๆตีห้า นั่งงงง่วงอยู่พักใหญ่ด้วยความที่ไม่ได้จัดการเรื่องที่พักไว้ ญาติโยมที่เคยมารับเคยจัดการให้ท่านก็หมดโครงการกลับบ้านกันหมดแล้ว (นี่แหละหนา คุณชายเคยสบายจนเคยตัว) ไปแทมมารีนก็ไม่มีเบอร์ ไปพิมานรึ ไปบุษราคัมดีไหม ไม่เอาดีกว่าไปแถวโฆษะหรือเจิญธานีท่าจะดี เผื่อกลางวันจะได้เดินไปสอยเจ้ากระดานชนวนไฟฟ้ามาสักแผ่น ว่าแล้วก็แบกเป้สองใบเดินลัดเลาะสุ่มมืดไป (แล้วทำไมไม่เรียกรถ (ว่ะ…ขออภัย) เดินทำไม ไม่รู้สิคงไม่รู้จะบอกว่าไปไหนแน่นอนมั้งเดินไปดูไปดีกว่า)
อากาศเช้าๆที่ขอนแก่นเย็นดีเดินได้สบาย แต่พอใกล้จะถึงที่หมาย ตรงเยื้องๆร้านป้าหวานเท่านั้นแหละ เจ้าถิ่นสี่ตัวเห่าดังลั่น ตกใจ มัวแต่ระวังพวกที่ส่งเสียงข้างหน้าสาม เจ้าตัวที่สี่ดอดมาข้างหลังงับน่องแบบถากเฉี่ยวๆ แต่หนังก็เหวอะไปหลายอยู่ เสียงเจ้าของเขาตวาดมาให้เจ้าถิ่นเข้าบ้าน เลยรอดตัวไปแต่ตกใจขวัญหาย
เขยกไปสองโรงแรมที่หมาย ต้องหงายเก๋งกลับ เขาบอกว่าเต็มครับ (สงสัยเป็นเดือนถลุงเงินตามที่พี่บางทรายบอก) ม่ายไหวล่ะครับเดินไม่ไหวแล้ว ปลุกอ้ายสามล้อให้ไปตระเวนหาที่พักดีกว่า ตกลงได้ที่พิมานให้นอนปวดแผล ไปหาหมอเลยได้แถมฉีดยาแก้หมากัดอีกหนึ่งชุด อิอิ
นิทานเรื่องที่สองสอนคนขาดการวางแผนว่า ระวังหากไม่เตรียมการไว้น่องอาจเป็นแผล
กลับมากรุงเทพฯแล้วครับ แต่แผลยังตึงๆ อาบน้ำแบบสองขันตามวิธีของท่านจอหงวนม่วนคักๆ
« « Prev : หนึ่ง(คืน)วัน ธรรมสวนะ ที่บ้านเวียงแก้ว
7 ความคิดเห็น
แผลเป็นยังไงบ้างคะ ปวดแผลอยู่มั้ยอ้าย นี่ถ้าเป็นอาม่าของเบิร์ด ได้ให้ถอดรองเท้าตบแผลกันมั่งแน่ๆเลย ซึ่งเบิร์ดล่ะอยากจะตบหมาตัวที่กัดมากกว่า แหะแหะ
เอ้า..ผมแต่งกลอนให้เมื่อตีสาม
กดเอ็นเตอร์แล้วไปนอน นึกว่าเรียบร้อย
แต่มันไม่ขึ้น …ไม่เป็นไรไม่ว่ากัน
ให้รู้ไว้เท่านั้นว่า
สงสัย อินตะเน็ตมันงอน
ยังไงก็ขอให้ขาแหว่งยุบวัยวัยเด๊อ
ขอบคุณขะรับ
ป่านนี้เจ้าตูบคงนึกเสียใจที่หลงไปแง๊บน่องตนนี้
คนเป็นบ้า แต่หมาติดเชื้อสิบสองโรค ฮ่า ฮ่า
อ้อห้อย..เอ็นดูแต๊ๆ หายเวยๆ เน้อเจ้า
หายเร็วๆ นะครับ อาว์เปลี่ยน
หมามันผิดกลิ่น อิอิ อิอิ
สวัสดีครับอ้ายเปลี่ยน
หายไวๆ นะครับ
นึกว่าข่ามหมาขบบ่เข้า…อิอิ