เจ๋วผักแว่น ใบหม่อนแกล้มเบียร์
เจ๋วผักแว่น ใบหม่อนทอดกรอบ เมนูหงสาเย็นนี้
ผักแว่นเป็นวัชพืชในนาข้าวที่เบียดบังแย่งอาหารต้นข้าวตัวฉกาจชนิดหนึ่ง นาม่องใดมีผักแว่นขึ้นเยอะๆ เป็นว่าข้าวมักจะแคระแกล็นเหลืองซีด
ผักแว่นเป็นอาหารให้กับชุมชนที่กินข้าวเหนียวทั้งในล้านนา ทั้งในถิ่นอีสาน รวมถึงในลาวก็ด้วยเช่นกัน ยอดผักแว่นเอามากินสดๆกับป่นปลาแซบหลาย ที่หงสาพี่น้องเอามานึ่งแล้วยำโรยหน้าด้วยงาขาวก็อร่อย ใบผักแว่นเอามาต้มมาแกงซดน้ำก็พาข้าวลงได้ดี การเก็บใบผักแว่นมีวิธีที่น่าสนุก คือเอาฝ่ามือหงายขึ้นแล้วมุดฝ่ามือลงไปในดงผักแว่นยกขึ้นมาก็จะมีใบผักแว่นติดมาตามซอกนิ้ว ได้เฉพาะใบไม่ต้องเด็ดก้านให้เมื่อย
ส่วนตัวผมเองมีเรื่องเกี่ยวกับผักแว่นให้ลุงป้าตายายที่บ้านล้อมาจนโต แม้ทุกวันนี้กลับไปไหว้ผู้เฒ่าผู้แก่ที่บ้าน หลายท่านก็ยังเอามาล้อผมเล่นอยู่เสมอ เรื่องราวเกิดเมื่อสี่สิบกว่าปีมาแล้วมั้ง ที่ไอ่หน้อยลูกโทนคนหนึ่งชอบไปร้องไห้ชักดิ้นชักงอแย่งกิน “เจ๋วใบผักแว่น”กับลูกลุงข้างบ้านทั้งๆที่ที่ขันโตกข้าวที่บ้านมีหมูทอด ไข่ต้ม ปลาปิ้งไม่ขัดสน ตอนนั้นรู้สึกว่ามัน “ลำแต้ๆ” ถึงขนาดต่อรองเขาว่า “อ้ายขอกิ๋นแต่น้ำบ่กิ่นใบก่ได้”
“เจ๋ว” คือต้มของคนเมือง เจ๋วผักแว่นคือ ต้มใบผักแว่นปรุงรสด้ายเกลือ กะปิ หอมแดง และที่ขาดไม่ได้คือถั่วเน่าแค็ป เจ๋วต่างกับแกงตรงที่ไม่ใส่พริก มักเป็นอาหารเมนูสำหรับเด็กๆ วันนี้แม่ครัวได้ใบผักแว่นมาจากตลาดตั้งแต่เช้า ผมเลยได้ซดเจ๋วผักแว่นร้อนๆชามโตเป็นมื้อเย็น แกล้มด้วยเรื่องขำๆของตัวเองยามเด็ก แต่วันนี้ปรุงสูตรพิเศษ เพิ่มยอดหม่อนอ่อนๆลงไปสามสี่ใบรู้สึกว่ากลมกล่อมดีครับ
เพื่อนฝูงมาปรึกษาว่า จะเอาอะไรไปเป็นกิจกรรม “ตัวล่อ”ในวันติดตามการบันทึกบัญชีครัวเรือนของกลุ่มแม่บ้านดี แหนมเห็ดก็ทำแล้ว น้ำยาล้างจานก็ทำแล้ว หน่อไม้ใส่ขวดก็สอนแล้ว เขาเสนออยากทำใบหม่อนทอดกรอบเหมือนที่เราเคยไปกินกันที่สวนอ้ายสีวังเวียง ในฐานะที่ปรึกษาต้องรอบรู้ เลยจัดการลองวิชาค้นคว้าสูตรทอดใบหม่อนด้วยประการฉะนี้
ใบหม่อนใช้ใบอ่อน (เพสะลาด) นำเข้าตู้เย็นเพื่อให้กรอบนาน
แป้งชุปผักทอดโกกิ ผสมให้บางๆไม่ข้น ปรุงรสด้วยเกลือกับพริกไท
ชุปใบหม่อนลงในแป้งพอบางๆ
จุ่มน้ำมันร้อนๆรีบนำขึ้น
ทำน้ำจิ้มรสหวานอมเปรี้ยว (ของอ้ายสีใช้น้ำผึ้ง มะนาว พริกขี้หนู)
คุณเอ้ย หากจัดโต๊ะงามๆ ใบหม่อนทอดกรอบ เสริฟพร้อมชาใบหม่อนสีเขียวในถ้วยกระเบื้องขาว และน้ำผลหม่อนปั่นใส่น้ำผึ้งสีม่วงแดง เหมือนที่เคยได้กินที่สวนอ้ายสี รับรองทั้งความอร่อยทั้งสุนทรีย์
แต่เย็นนี้มีแต่ใบหม่อนทอดกับน้ำจิ้มบ๊วย แบ่งไปให้โต๊ะข้างๆที่มากินเบียร์พนันบอลโลกกัน ให้ไปเท่าไหร่ก็ร้อง เอาอีก ขออีก
พอแล้ว(โว้ย) หากอยากกินให้เมียเจ้ามาหัดบันทึกบัญชีครัวเรือนกับข้อย จะสอนให้ทอดใบหม่อนแกล้มเบียร์แถมด้วย
รูปหลังนี้ถ่ายจากสวนอ้ายสี ที่วังเวียงครับ
« « Prev : เพื่อนสนิท ชวนให้คิด
Next : ข้าวแคบ » »
7 ความคิดเห็น
เอาฝ่ามือหงายขึ้นแล้วมุดฝ่ามือลงไปในดงผักแว่นยกขึ้นมาก็จะมีใบผักแว่นติด มาตามซอกนิ้ว ได้เฉพาะใบไม่ต้องเด็ดก้านให้เมื่อย
โห ภูมิปัญญาชั้นหนึ่งเลยนะนี่
สวัสดีค่ะ
ยังไม่เคยทำเจ๋วผักแว่น คนกทม.คงเรียกแกงป่า… น่าอร่อย
ส่วนใบหม่อนทอดกรอบเคยได้ทานแล้ว อร่อยพอ ๆ กับใช้ใบโกศลทอดกรอบเช่นกัน
คุณลุงเปลี่ยนน่าจะโชว์ภาพผักแว่นสด ๆ ด้วยนะคะ อยากเห็นค่ะ
เห็นเมนู “เจ๋วผักแว่น” แล้วน่ากินจังค่ะ จัดเป็นอาหารเพื่อสุขภาพชั้น 1 เลยนะคะ
นอกจากที่ป้าจุ๋มแนะนำ วิธีจัดการให้ oxalate น้อยลงก่อนใส่เข้าปากคือ ทำให้สุกค่ะ
เพิ่งรู้ว่า “ใบโกศล” กินได้นะนี่ แปลกใจมากเลย
เดี่ยวนี้หาทานยากพอสมควรครับ เพราะนาข้าวส่วนใหญ่เขาใช้ยาคุมหญ้า เคมีกันเยอะมาก เคยคิดจะปลูกไว้ใส่ในอ่างเลี้ยงปลาไว้เหมือนกันครับ
เพราะผมก็ชอบทานทั้งยอดและใบด้วย ยอดกินกับน้ำพริกปลา อาหย่อยมาก
สนับสนุุนน้องอาราม…เรื่องปลูกผักแว่นค่ะ ลงในคูข้างโรงเรียนเลยค่ะ หากินยากแล้วจริงๆค่ะ…
#1 ขอบคุณครับพ่อครู วิธีเก็บใบผักแว่นเป็นภูมิปัญญาที่พัฒนาสั่งสอนกันมาในหมู่แม่ยิงจาวเหนือครับ น่าสนใจที่บรรดาแม่ยิงแม่เฒ่าเพิ่นก็มีทักษะความรู้ความสามารถหลากหลายที่น่าค้นหา น่าติดตามครับ
#2 เจ๋วผักแว่น อร่อยจริงๆครับ หากไปทางใต้ก็ยกให้ใบเหลียงต้มกะปิ อร่อยพอกันครับ
#3 ขอบคุณครับป้าจุ๋ม คราวหน้าต้องกินน้ำเยอะๆ ครับ
#4 พี่ตาครับ ใบโกศลนอกจากทอดกรอบแล้ว ทางเหนือยังเอามาใส่แกงโฮะ คู่กับใบเล็บครุฑครับ
# 5#6 สนับสนุนให้ปลูกครับอาราม ทำแอ่งตื้นๆปลูกได้ทั้งผักแว่น ผักกูด ผักหนาม บัวกวัก(ก้านผัดไฟแดงสุดยอดดด) ที่ดงหลวงเลี้ยงผำได้ตวยเน้อ ผักกูดผักหนามปลูกในร่องน้ำข้างที่ปลูกต้นเอกมหาชัยก่อได้ครับ