ความขัดแย้ง(ในใจ)วันปลูกป่า

โดย silt เมื่อ 3 มิถุนายน 2010 เวลา 10:27 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1449

หนึ่งปลูกเพื่อปากท้อง    ลูกหลาน
หนึ่งปลูกเพื่อต้องการ    รักษ์โลก
สองผ่ายมาพบพาน       ร่วมถิ่น ดินเดียว
ต่างฝ่ายต่างกล่าวอ้าง    ที่แท้ใครควร

วันเวลา ๑มิถุนา วันปลูกป่าของเมืองหงสา

สถานที่ ป่ายอดห้วย ของขุนห้วยคุย ครอบครัวพี่น้องชาวม้งจับจองแผ้วถางเตรียมทำไร่ เมืองมาจับจองไว้ปลูกป่า

ผู้ร่วมแสดง พนักงานเมือง พนักงานโครงการ(ใส่ชุดป้องกัน ชุดเซพตี้สีสันสดใส) กับอีกฝ่ายเป็นครอบครัวชาวม้งหญิงชายผู้ใหญ่คนสูงอายุและ เด็ก

กิจกรรม ฝ่ายเจ้าหน้าที่อ่านประกาศแล้วช่วยกันปลูกป่า มีรถรับส่ง มีการขุดหลุมปักหลักไว้รอ มีเลี้ยงน้ำ ขนมปังปี๊บ มีถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ ฝ่ายพี่น้องม้งเดินมาจากบ้านดอนใหม่เก้ากิโล มาถึงก็ลงมือปลูกเข้าไร่โดยไม่ต้องมีพิธีรีตอง ผู้ใหญ่ถือไม้ไผ่สักหลุม เด็กน้อยช่วยกันหยอกเมล็ดข้าว

ผลลัพธ์ เจ้าหน้าที่ได้ทำกิจกรรม ได้รายงานขั้นเทิง มีรูปมีวิดีโอประกอบ พี่น้องชาวม้งได้ปลูกข้าวไร่

แต่ได้เห็นน้ำตาของแม่เฒ่าชาวม้งคนหนึ่ง ที่ร่ำร้องพร่ำบ่น เกรงว่าทางเมืองจะมายึดที่คืน กลัวจะไม่มีข้าวเลี้ยงครอบครัว แม่เฒ่าเดินถือมีดบ่นปนสะอื้นไปมา อย่างน่าเวทนา แล้วก็เดินจากไปอย่างหมดกำลังแรงอย่างจำนน

ถามว่า ทางเมืองทำถูกไหม ทำถูกที่มาฟื้นฟูป้องกันป่าต้นน้ำ

ถามว่าแม่เฒ่า มีสิทธิ์ไหม มีสิทธิ์ในการสนองความต้องการพื้นฐาน อาหารเลี้ยงปากท้อง

ถามว่าถ้าจะให้งามควรทำอย่างไร

ควรบอกกล่าวให้แม่เฒ่าเข้าใจ ยินยอมพร้อมใจ ไม่ใช่ไปแจ้งแต่กับหัวหน้าครอบครัวแล้วปล่อยให้แม่เฒ่าที่ไม่เข้าใจภาษาของคนพื้นล่าง ตื่นตกใจที่เห็นคนมากมายมาบุกรุกที่ดินของตน หากจะห้ามแม่เฒ่าไม่ให้ทำกินตรงนี้ ก็ต้องไปหาที่ดินที่อื่นมาให้พี่น้องได้มีทางออก

โลกเรานี้เหมือนกันอยู่อย่าง ชอบคิดอะไรง่ายๆ ทำอะไรลวกๆ

เห็นไหมพอลุงบ่นก็หาว่าลุงจู้จี้

« « Prev : ขนมจีน น้ำใจ แกงไก่ น้ำเงี้ยว

Next : เมืองคอบคือเมืองในซอกเขา » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

6 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 มิถุนายน 2010 เวลา 7:44 (เช้า)

    ควรขุดหลุมในใจคน เริ่มต้นที่ความเข้าใจ แล้วจึงปลูกต้นไม้ไว้ในสำนึกรักป่าไม้
    ถ้าข้ามขั้นตอนนี้ก็อาจจะวืดได้ในภายหลัง
    เท่าที่ดูภาพเหมือนกับการรื้อป่า เว้นวรรคไว้ ต้นไม้ก็จะเกิดเองได้
    เว้นแต่ประสงค์จะเปลี่ยนพรรณไม้ 
    อาจจะจบลงที่–การจัดสรรพื้นที่ให้เป็นระบบ จุดไหนทำกิน จุดไหนสงวนไว้
    ทะลึ่ง แนะนำสังฆราช อย่างนี้ละครับ
    ประเด็นมันอยู่ ที่ฝ่ายรัฐความรู้ไม่พอเพียง ชาวบ้านก็ยังไม่รู้อนาคตและความเปลี่ยนแปลง

  • #2 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 มิถุนายน 2010 เวลา 9:20 (เช้า)

    เหมือนๆคุ้นๆ อิอิ

  • #3 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 มิถุนายน 2010 เวลา 9:49 (เช้า)

    ยืนยันตามพี่สร้อยว่าสถานการณ์แบบนี้คุ้นจริงๆ ;)

  • #4 สุวรรณา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 มิถุนายน 2010 เวลา 11:29 (เช้า)

    ค่อยๆๆไปนะคะ สักวันหนึ่งค่ะ ลุงบ่นดีแล้วค่ะ

  • #5 silt ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 มิถุนายน 2010 เวลา 1:16 (เย็น)

    เหนื่อยครับ
    เมื่อคิดต่อไปว่า ในเร็ววันนี้เมืองจะต้องหาที่ให้โครงการเป็นพันเฮกตาร์ เพื่อใช้จัดสรรที่ทำกินให้กับพี่น้องที่จะมาใหม่ ไม่รู้ว่าจะไปกระทบเจ้าของที่เดิมเขามากน้อยเพียงไหน ทางเราจะไปออกหน้าจ่ายค่าชดเชยก็ไม่ได้ เพราะที่ดินดังกล่าวถูกบุกรุกครอบครอง หากไปจ่ายค่าชดเชย เมืองเขาเกรงว่าจะเป็นการไปยอมรับสิทธิ์ของพี่น้องที่บุกรุก
    อาจานเปลี่ยน จะหาวิธีใดก่ได้ ที่จะให้ชาวบ้านยินยอมพร้อมใจ ที่จะไม่ทำให้เกิดปัญหาระหว่างผู้มาใหม่กับเจ้าของเดิม ไม่ไปบุกรุกป่าสงวน ไม่ให้ชาวม้งที่ถูกไล่ที่ไปบุกรุกป่าเพิ่ม ไม่ไปซ้อนทับกับพื้นที่ปลูกป่าตามแผนฟื้นฟูอ่างโต่งน้ำ ไม่ ไม่ ไม่
    ก็ท้าทายดีครับ แต่บางคืนก็นอนสดุ้งตื่นกลางดึก เพราะฝันร้ายบ่อยๆ
    สู้ สู้

  • #6 freemind ให้ความคิดเห็นเมื่อ 29 กรกฏาคม 2010 เวลา 8:05 (เช้า)

    คำว่า “การพัฒนา” มักทับซ้อนกับ “การทำลาย”…หากไม่ระวังให้ดี

    และยิ้ม(อย่างเศร้า ๆ ) เลยค่ะ…
    โลกเรานี้เหมือนกันอยู่อย่าง ชอบคิดอะไรง่ายๆ ทำอะไรลวกๆ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.079219102859497 sec
Sidebar: 0.014849901199341 sec