To Do Tag
ได้รับ tag จากพี่บางทราย เลยจัด to do ชนิดที่ผู้ tag ต้องถูกใจมอบให้เป็นการบูชาครู เพราะพี่เขาเป็น “ครู” ด้านการศึกษา พัฒนาสังคมของผมนั่นเอง งานเขียนด้านสังคมจึงเป็นสิ่งที่อยากนำมาถ่ายทอด สิ่งที่จะทำคือการเขียน
“ไพรัชนิยายวัฒนาการทางสังคมของเมืองหาน”
“ชื่อเรื่อง เมืองหาน….ธาตุม่าน…ผ่านกาลเวลา”
เกริ่นนำ
บ่าย ๓ โมงของวันหนึ่งในฤดูเก็บเกี่ยว ที่วัดธาตุบ้านเมืองหาน ผมนั่งประชุมปรึกษาหารือท่ามกลางหมู่พี่น้อง ระหว่างช่องว่างของการสนทนาเสียงกระดิ่งกังวานใสจากยอดพระธาตุสอดแทรกเข้ามากระทบโสต ทำให้นึกถึงครั้งที่ได้มาศึกษาข้อมูลชุมชนอย่างมีส่วนร่วม (PRA) เมื่อปีก่อน ครั้งนั้นได้ซักถามถึงประวัติการก่อตั้งชุมชนบ้านหาน ได้ทราบว่าบ้านหานก่อตั้งขึ้นเป็นบ้านเป็นเมืองจากการที่ชาวบ้านมาหาเครื่องป่าของดง แล้วมาได้ยินเสียงกังสดาลจากยอดพระธาตุร้างแห่งนี้ จึงชักชวนกันมาตั้งบ้านเรือนอยู่รอบพระธาตุ
เสียงส่ายใบของใบโพธิ์บนต้นขนาดแปดคนโอบยามลมพัดต้อง ดังราวกับเสียงงึมงำของผู้เฒ่าบอกเล่าความหลังกับเหตุการณ์ที่ต้นโพธิ์โบราณได้ผ่านพบ สอดประสานกับเสียงกังสดาลกังวานใสเหมือนกับจะเป็นลูกคู่คอยขานรับคำบอกเล่า น่าเสียดายที่รหัสลับจากเสียงใบโพธิ์ยากยิ่งที่มนุษย์จะเข้าใจ น่าเสียดายหากเรื่องราวจะลางเลือนไปกับสายลมที่พัดผ่าน สายลมที่ผ่านไปอย่างไร้ร่องรอย
อย่ากระนั้นเลย ทุกสิ่งย่อมมีเหตุ ทุกสิ่งต้องมีความผูกพัน อาจเป็นได้ที่ตัวเรามีสัญญาผูกพันกับที่แห่งนี้มาแต่หนใดภพหนึ่ง อาจบางทีตัวเราอาจมีภารกิจที่ “ต้อง”มาถ่ายทอด (หรืออาจเป็นเพียงความเพ้อฝัน บ้าจินตนาการหลุดโลกของตัวเรา) กระไหนเลย ข้าพเจ้าจะขอหาญอาสา เจ้าของเรื่องราวของบ้านหาน ลองร่ายอักษรสักหลายบท เพื่อถ่ายทอดสิ่งที่ท่านอยากบอกเล่าสู่ลูกหลาน โดยจะอาศัยภูมิปัญญาที่ผ่านการสั่งสมมาค่อนชีวิตหลายสาขาวิชาที่ได้เพียรเขียนอ่าน บวกกับการทำงานของสมองซีกจินตนาการ
หากเรื่องราวที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดมีความถูกต้องแม่นยำแม้เพียงเท่าหนึ่งเมล็ดงาในกระชุใหญ่ ขออุทิศคุณความดีให้ครูบาอาจารย์ ตำรับตำราที่ได้ประสิทธิ์ความรู้ให้ตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่หากจินตภาพของข้าพเจ้าผิดเพี้ยนแต่ยังอวดดีนำมาถ่ายทอดแบบผิดๆ กราบขออภัยเจ้าของเรื่องราวในอดีตอย่างเป็นที่สุด ขอให้ถือเสียว่าข้าพเจ้าได้แต่งไพรัชนิยายขึ้นเรื่องหนึ่งโดยอาศัยฉากท้องเรื่องของบ้านหาน
ขอกำลัง ปัญญา และเวลา จงมีแก่ข้าพเจ้าเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวที่คิดฝันได้อย่างสมบูรณ์
พล๊อตเรื่องจึงเริ่มปรากฏลางๆในความคิด โดยจะอาศัยข้อมูลจากพงศาวดารล้านช้าง พงศาวดารล้านนาเท่าที่จำได้ลางๆในสมอง(หนังสือไม่ได้อยู่ใกล้ตัวแล้ว) ร่วมกับข้อมูลประวัติศาสตร์ปากเปล่าจากกลุ่มผู้อาวุโสที่กรุณาบอกเล่าให้ฟังในคราวที่ทำ PRA (ครั้งนั้นท่านพี่บางทรายได้มาช่วยสอนอ้ายน้องลาวทำ พีอาร์เอด้วย) ตั้งใจจะเริ่มจินตนาการตั้งแต่ยุคสมัยที่เผ่า “ไท-ลาว”เริ่มสร้างอาณาจักร ผลของศึกสงครามระหว่างนครรัฐ การล่มสลายของเมือง การฟื้นตัวของบ้านหาน บ้านหานกับเรื่องที่พบผ่านในรศ. ๑๑๐ บ้านหานในยุคที่ขึ้นกับจังหวัดล้านช้างของ “สหรัฐไทย” บ้านหานเมื่อผ่านการต่อสู้กับจักรวรรดิ การต่อสู้ระหว่างระบบราชอาณาจักรกับระบอบใหม่ บ้าน หานยุคสังคมนิยมประชาธิปไตย และการเปลี่ยนแปลงตามกระแสตะวันตกในยุคปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การเกษตร หรือด้านสังคม รวมถึงแนวโน้มที่บ้านเมืองหานจะเป็นไปจะเผิชญในอนาคต
ตั้งใจจะสอดแทรกความจริง ข้อเท็จจริงในเรื่องเล่า แต่ไม่ต้องการให้นำไปอ้างอิงหรือใช้เป็นเอกสารอ้างอิง จึงแต่งเป็นนิยาย เรื่องราวที่จะเขียนมีประมาณนี้
๐ ปฐมบท หุบเขาแห่งควันไฟ ภูไฟไหม้ เจ้าฟ้าเงี้ยว เจ้าหูด เมืองเลือก
๑ เมืองเลือกกับเจ้าฟ้างุ้มมหาราช การล่มสลายจากศึกม่าน
๒ ชาวบ้านน้ำแหล้มาหาหวายเจอธาตุเก่า ย้ายมาตั้งบ้าน ชาวไทย้อจากทางเหนืออพยพลงมาสมทบ
๓ บ้านหานช่วงเจ้าเมืองเงินมีสองคน บ้านหานช่วงไทยปกครอง
๔ บ้านหานระบอบเก่า บ้านหานยุคต่อสู้จักรวรรดิตะวันตก
๕ การต่อสู้ระหว่างฝ่ายราชอาณาจักรกับฝ่ายระบอบใหม่ และเรื่องราวของไทเหมา(เซตุง)
๖ บ้านหานระบอบใหม่
๖.๑ การยกเลิกประเพณีเก่า ผีเจ้านาย ม้าทรง
๖.๒ การพัฒนาการทางสังคม
๖.๓ การพัฒนาการทางเศรษฐกิจ
๖.๔ พูไฟ
๗ การล่มสลายของสังคมเกษตรกรรมบ้านหาน
๘ บ้านหานโฉมใหม่ในจินตนาการ
หมายเหตุ “ไพรัชนิยาย” ไม่ทราบความหมายว่าเป็นนิยายประเภทไหน แต่เคยอ่านเรื่องราวของคน “ไท” จากนิยายหลายๆเรื่องของนักเขียนท่านหนึ่ง “ลพบุรี” ท่านอาจารย์ชุ่ม ณ บางช้าง ที่เคยติดนิยายอิงพงศาวดารของท่านอย่างงอมแงม จำชื่อนิยายที่ท่านแต่งได้ลางๆ เช่น ทหารดาบเชียงรุ้ง เศวตฉัตรน่านเจ้า หมื่นด้งนคร เป็นต้น เลยกราบขออนุญาตนำแนวทางเขียนมาลอกเลียน (โดยไม่คิดเทียบรุ่นหรือคิดจะทำได้ดีเท่าท่านแม้แต่นิดเดียว)
กำหนดแล้วเสร็จ ไม่อาจกำหนดเวลาได้ แต่จะพยายามให้เสร็จโดยเร็ว (เพราะชีวิตคนมันสั้นนัก) แต่สัญญาว่าจะเขียนให้จบ ไม่มั่นใจว่าจะเขียนออกมาเป็นนิยายได้หรือไม่ อาจออกมาเป็นบทความหรืองานวิจัยทางสังคมก็ได้ แต่อย่างไรก็จะเขียนให้จบครบกระบวนความหัวข้อที่ประมาณไว้ข้างบน
Tag
ใครดีเอ่ย
Tag คนใกล้เคียง (ในหนังสือ จปฝ๒) คือองค์ที่๑๒ “นักการหนิง” ขอรับ โปรดรับไป
Tag ที่สอง ตอนนี้คิดถึงใครดีเอ่ย คิดถึงพี่สาวทั้งสามคนในลานปัญญา ที่ได้อ่าน “เป้าหลอมตัวตนฯ” ฉบับ “ไม่เผยแพร่” ในนั้นมีเรื่องราวของ “เธอ”คนนั้นตั้งแต่เริ่มสบตากัน อิ อิ พี่สาวคนหนึ่งก็คอยดูแลห่วงใยร่างกายที่เจ็บป่วย พี่สาวอีกคนก็คอยเชียร์เรื่อง “หัวใจ” แต่สองรายนี้จะไม่ Tag
Tag ที่ ๒ มอบให้พี่สาวเจ้าของลาน “มณีแดง” เห็นบล็อกร้างมานาน ป้าแดงครับโปรดรับ Tag
« « Prev : ปล่อยกายใจ เอื่อยไหลล่อง ลำน้ำโขง
Next : อยากเล่นกับตัวเลขกันนักใช่ไหมครับท่าน » »
6 ความคิดเห็น
สุดยอด
คักอีหลี อีหลอ หลายเด้อ
โอ๊ย…รออ่าน…(พร้อมๆกับโล่งตับ…อิอิ)
อะฮ้า อยากอ่าน ๆ ๆ แต่ขำพี่สร้อยค่ะ จะโล่งได้จริง ๆ เร้อ อิอิอิ
รออ่านค่ะ ^_^
ลุงเปลี่ยนโยนมาอย่างนี้ ไม่รับไม่ได้แล้ว ว
หมู่นี้คิดถึงลุงเปลี่ยนบ่อย ๆ คือว่าจะไปเที่ยวเมืองน่านกับเพื่อนๆ ก็ไปอ่านโปรแกรมที่ลุงเปลี่ยนทำไว้ อิอิ อิ
อีกอย่างหนึ่งก็พาแม่ไปตรวจตาแล้ว หมอบอกว่าเป็นจุดรับภาพเสื่อมค่ะ ก็เลยพาตัวเองไปให้หมอตรวจ ผลคือสายตาสั้นและยาว มีต้อลม ต้องเปลี่ยนแว่นใหม่ด้วย เลยคิดถึงลุงเปลี่ยนที่ไปรักษาตา แล้วก็มาเล่าในลานเจ๊าะแจ๊ะ ทำให้นักการหนิง ต้องพาแม่ไปตรวจ เพราะเริ่มหกล้มค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ ที่ทำให้ฉุกใจคิดเรื่องตาของแม่