เมื่อหงสาชำระเมืองแบบหักดิบ
หงสาระหว่างนี้คึกคัก แต่แฝงไปด้วยความตื่นตระหนก
หงสายามนี้ปลอดอบาย แต่เจือไปด้วยความอึมครึม
หงสากำลังจะมีการปูยางมะตอยถนนเส้นแรกในเมือง
หงสากำลังจะมีกองประชุมพรรคเมืองครั้งที่ ๖
หงสากำลังร่วมคำนับรับต้อนการแข่งขันกีฬาซีเกมส์
หงสาในฐานะเมืองแห่งบ้านวัฒนธรรม บ้านสามดีสี่บ่
กลางเดือนตุลาคม หลังบุญซ่วงเฮือในเทศกาลออกพรรษาผ่านพ้นไปไม่นาน
ลมหนาวโชยตามหลังฝูงนกเป็ดน้ำมาจากทางเหนือ
ปะทะลมฝนที่ยึดครองพื้นที่อยู่ก่อน ทำให้เกิดสายฝนที่เหน็บหนาว
เป็นสายฝนที่ กลั่นแกล้งชาวนาที่กำลังสาละวนเก็บเกี่ยวข้าวดอ
หงสาเริ่มชำระตัวเมืองระลอกแรกตั้งแต่ก่อนเทศกาลออกพรรษา
โดยการเปิดกิจการ “โรงเรียนดัดสร้าง” ผู้ที่ถูกเรียกตัวมาเข้าโรงเรียนรุ่นแรกๆได้แก่ สตรีทั้งหลายที่มีผู้รายงานว่า มีอาชีพพิเศษ มีกิ๊กเป็นคนต่างชาติ (คนไทย) เป็นกิ๊กกับสามีคนอื่น เป็นธุระจัดหาให้มีการซื้อขายบริการกัน
ส่วนผู้ที่มีความผิดกระทงอื่นๆ ก็ถูกตำรวจเรียกไปแจ้งข้อหา ลงนามรับทราบ เหมือนกับทำทัณฐ์บนไว้ ประดาความผิดเหล่านั้นได้แก่ เล่นไพ่ ลักขโมย ตบตีลูกเมีย ไปทำงานต่างประเทศ(ไทย) เป็นตัวแทนขายตรง(ออกไปประชุมเมืองไทยบ่อยๆ) อย่างนี้เป็นต้น
หลังออกพรรษาไม่กี่วัน ตำรวจเมืองก็เริ่มซื้อไม้ไผ่มาสร้างเรือนนอน
เพื่อขยายสาขาของโรงเรียนดัดสร้าง
แล้วก็ไปเชิญนักเรียนรุ่นสอง ที่มีหลักฐานมัดตัวมาเข้าโรงเรียนประจำ
(นักเรียนรุ่น ๑ บางคนได้รับการประกันตัวหากสอบไม่พบหลักฐาน)
นักเรียนรุ่นสองนี้มี คนค้ายาเสพติด คนที่ตีเมีย วัยรุ่นเสพยา หญิงบริการ
แม้แต่เป็นรัฐกร หากทำผิดก็ถูกจับเหมือนชาวบ้านทั่วไป
ตอนนี้มีนักเรียนดัดสร้าง ๗๐ คน
นักเรียนต้องนำข้าวสารมานึ่งกินเอง เดือนละ ๒๐ กิโลต่อคน
มีการเรียนทฤษฎีการเมือง เรียนจักสาน งานฝีมือ
ให้อยู่แต่ในบริเวณ กลางคืนปิดกุญแจเรือนนอนไม่ให้ออกนอกอาคาร
ผู้ชายถูกโกนผม หัวล้านหมด
ทำไมเขาถึงรู้ตัวคนผิด?
เพราะเมืองลาวมีประชากร ๖ ล้านคน มีตำรวจ ๖ ล้านคนเช่นกัน
ต่างคนต่างสอดส่องกันนั่นเอง
แอบถามว่าหากอยากทำบุญ เหมาเฝอไปเลี้ยงจะได้ไหม
ท่านบอกว่าเอาความคิดมาจากไหน เอาความคิดกลับคืนไปที่นั่น
เขาอยากให้คนรู้จักความลำบาก ยังจะเอาข้าวไปเลี้ยงเขาอีก
แอบถามว่าเมื่อไหร่จะจบหลักสูตร
ท่านว่ารอให้จบซีเกมส์
ถามว่าที่อื่นเปิดโรงเรียนอย่างนี้ไหม?
ท่านตอบว่ามีทุกที่ ที่เมืองปากลายเขายังเอาไปเก็บเมี้ยนแม้กระทั่งผู้ชายตุ้งติ้ง
ด้วยเหตุที่หงสาเป็นเมืองเล็ก มีพลเมืองสองหมื่นกว่าคน
แถมยังเป็นตำรวจกันทุกคนอย่างนี้
การชำระเมืองด้วยวิธีนี้ ก็เป็นวิธีที่น่าจะได้ผล
เราผู้ผ่านทางก็ได้แต่เฝ้ามอง
และเคารพในวิถีของเมืองเขา
แค่อยากนำมาเล่าสู่แบ่งปัน
ครับผม
« « Prev : บันทึกสำนึกผิด: ๑ คำสารภาพของเด็กชายมือไว
Next : คนชายป่าเชิงเขาเล่าเรื่องเมื่อวันวาน (๑) เห็ดแพรก เห็ดหอม เห็ดตะลอม ตอมหญ้า » »
3 ความคิดเห็น
บ้านเราหากใช้วิธีนี้..นึกภาพไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไร แต่ดีนะ การปกครองแบบนี้น่าจะเป็นองคืประกอบหนึ่งของความพอเพียงและเชิดชูทุนทางสังคมแบบเดิมๆ
บอกข่าวมาให้ทราบว่า น้าที่พี่ไปกินนอนอาศัยบ้านที่ฝั่งธนบุรี ทำงานอยู่กับบริษํทที่ขายเครื่องจักร์หนักทั้งหลายยี่ห้อ Catapilla เขาถูกส่งมาเป็นผู้จัดการ อาหลั่ยการซ่อมบำรุงเครื่องจักร์ ประจำที่เวียงจันทร์ มี staff 30 คน ดูแลการซ่อมบำรุงทั่วประเทศ อีกคนเป็นเพื่อน NGO มารับงานที่เวียงจันทร์ ตกงานมาสองปี เป็นคนภาคกลางมีเมียครั้งที่สามเป็นไทยใหญ่อยู่เชียงราย เขาสนิทกับพี่ เขาถามหาอยากรู้จักกับเปลี่ยน ชื่อ วิทวัช ชลายน
เห็นด้วยว่าน่ามาทำที่ไทย อิอิอิ ยกเว้นเรื่องของเพศที่สาม แปะอีกทีค่ะไปทำงานก่อนเรื่องนี้มัน หุหุหุ
เืมืองไทยน่าจะมีอย่างนี้บ้าง คงลดผู้ร้าย หรือ ป้องปราบคนที่จะทำชั่วได้อีกเยอะเลยครับ