บันทึกสำนึกผิด: ๑ คำสารภาพของเด็กชายมือไว

โดย silt เมื่อ 17 ตุลาคม 2009 เวลา 11:05 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1241

เด็กชายตัวน้อยๆวัยก่อนประถม ไม่ได้อดอยากปากแห้งแต่อย่างใด ขนมข้าวต้มมีให้กินไม่ขาดปากด้วยเป็นลูกคนเดียว แม้ว่าแม่จะไม่สอนให้ฟุ่มเฟีอยแต่ก็มีขนมเตรียมไว้ให้กินไม่เว้นแต่ละวัน เวลากินข้าวก็จะมีชิ้นหมูชิ้นปลาปิ้งย่างวางในขันโตกให้เป็นอาหารเฉพาะที่ทุกคนไม่แตะต้องเพราะเป็น “อันนี้ของกิ๋นอ้าย” เงินทองก็ไม่เคยขาดมือออกจากบ้านไปเจอญาติผู้ใหญ่คนไหนท่านก็ให้มาคนละบาทสองบาทเพราะเขาเป็น “คนพิเศษ” ชนิดที่ใครๆก็ยกให้เขาเป็น “อ้าย” แต่เขาก็ไม่วายซุกซน

มีครอบครัวพ่ออุ้ยติ๊บแม่อุ้ยมอย มาปลูกกระต็อบทำไร่ใกล้ๆบ้านป่าของเด็กชาย ท่านก็เหมือนคนทั้งหมู่บ้านที่รักไอ้เจ้าเด็กน้อยนี้เหลือเกิน ตอนที่ไอ่หน้อยยังเล็กๆท่านก็ให้ “ปี้เพ็ญ”ลูกสาวมาช่วยเลี้ยงดูมัน แต่วีรกรรมของเด็กวัยซนก็ไปเบียดบังพ่ออุ้ยแม่อุ้ยให้เวียนหัวให้ชวนหัวอยู่เรื่อยๆ วันดีคืนดีเจ้าเด็กหน้อยก็ไปขโมยแตงไทยลูกโตที่ยังไม่แก่ (กินยังไม่ได้) มาจากไร่พ่ออุ้ย ๆ ท่านเห็นแล้วขำกลิ้งในความพยายามของมันที่ใช้มือน้อยๆปลิดแตงทุลักทุเลก่อนจะกลิ้งผลแตงเข้าเขตไร่ของตัวเอง แต่แม่อุ้ยไม่ขำด้วยท่านกลัวมันไปกินแตงไทยดิบแล้วปากจะพอง เลยวิ่งไปดักรอที่บ้านพร้อมกับไปเล่าให้แม่ฟังอย่างไม่ถือความ แต่แม่กลับไม่ยอมความ เจ้าเด็กหน้อยโดนแม่ทำโทษโดยให้นั่งนิ่งๆฟังการอบรมซะหนึ่งบทยาวๆ  แถมโดนเอานิ้วหนีบหนังแขนบิดให้เจ็บหลายทีเล่นเอาน้ำตาไหล แต่คนที่เสียน้ำตามากกว่ากลับเป็นแม่อุ้ย ท่านนั่งสงสารเช็ดน้ำตาป้อยๆ บ่นว่ารู้อย่างนี้ไปห้ามมันตอนที่กลิ้งแตงมาก็ดี หลานจะได้ไม่โดนแม่ดุ

ด้วยวัยซน เจ้าเด็กน้อยก็ยังซนตามวัย วีรกรรมต่อไปคือการไปขโมย “บ่าแต๋งเจื้อ” (คือแตงร้านลูกแก่ที่ท่านเก็บเอาไว้ทั้งผลเพื่อจะผ่าเอาเมล็ดไว้ปลูกปีต่อไป คนเมืองเจียงใหม่สมัยก่อนนิยมเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ทั้งผลอย่างนี้ ท่านว่าหากผ่าเอาแต่เมล็ดไว้เดี๋ยวหนูคาบไปจะหาพันธุ์มาปลูกไม่ได้) ไม่ใช่ของใครอื่นก็ของแม่อุ้ยพ่ออุ้ยคู่เดิมนั่นแหละ ท่านอุตส่าห์กลัวหนูมาคาบเลยเก็บแตงไว้เป็นลูก ที่ไหนได้ยังมีไอ่หน้อยมือบอนมาหอบแตงหนีอีก ก็เห็นเปลือกนอกมันสีน้ำตาลแดงสวยๆ ก็นึกว่าแตงมันสุกน่าจะหวานกินอร่อย เลยจัดการฉวยไปทั้งสองลูกใหญ่กะจะเอาไปให้พรรคพวกช่วยกันผ่าช่วยกันชิม คราวนี้อุ้ยใช้พี่เพ็ญวิ่งไปดักที่บ้าน เพราะเห็นว่าการผ่าแตงแก่ๆเปลือกแข็งๆนี่ต้องใช้มีด ซึ่งของมีคมทั้งหลายกับไอ่หน้อยคนนี้ชาวบ้านท่านรู้ดีว่าอย่าให้มันได้อยู่ใกล้กันเป็นการดีเพราะหากมันเจ็บทีได้วุ่นวายกันทั้งดอน อุ้ยเลยให้พี่เพ็ญไปรอผ่าแตงให้(มันซะ) คราวนี้แม่ไม่ดุแม่ไม่หยิกด้วย แต่แม่ให้พี่เพ็ญผ่าแตงควักเมล็ดออกไปล้างน้ำผึ่งแดดให้แห้ง วันรุ่งขึ้นแม่เอาเมล็ดแตงใส่กล่องขนมที่เป็นเหล็กกันหนูกันมดแทะแล้วให้ไอ่หน้อยถือกล่องเมล็ดแตงร้านไปส่งแม่อุ้ย กล่องรูปการ์ตูนอาบุสสาก้าที่มันหวงที่สุดที่ได้รับกำนัลมาจากญาติในเมืองนั่นเอง อ้อ เล่าข้ามขั้นตอนไป หลังจากผ่าเอาเมล็ดแตงออกแล้ว ส่วนที่เป็นเนื้อแตงแก่ๆที่นึกเอาไว้ว่าจะหวานแต่ที่จริงแล้วจืดสุดๆเนื้อหยาบแข็งสุดๆนั้น แม่ให้เจ้าตัวที่อยากกินนักค่อยๆนั่งกินเข้าไปให้หมด (ดีที่ยังฐานกรุณาปลอกเปลือกให้)

วีรกรรมต่อไปของไอ่หน้อย มันแปลงร่างเป็นสัตว์ฟันแทะเป็นหนู มันอยากกินอ้อย ทั้งๆที่รู้ว่าหากไปขอเขาดีๆพ่ออุ้ยก็ตัดมาปลอกให้กิน แถมหากมีงานปอยก็แม่นั่นแหละที่สอนพี่เพ็ญทำ “อ้อยส้อม” ไปขาย (อ้อยควั่นเป็นแว่นๆปักบนไม้ไผ่ที่ทำเป็นช่อๆ แต่ของแม่จะทำอ้อยเป็นลูกกลมๆ) แต่นั่นแหละกินของงามๆง่ายๆคงไม่ถึงใจ ว่าแล้วก็จัดการนอนแทะลำอ้อยที่ยืนต้นอยู่คากอนั่นแหละ แทะอยู่ค่อนวันสำเร็จอ้อยลำโตขาดจากโคนได้ จากนั้นก็แปลงร่างเป็นชาวป่าใช้ฟันปลอกเปลือกแทะกินลำอ้อยอยู่ตรงนั้นได้อีกหน่อยก็เบื่อ จากดงอ้อยไปอย่างลอยนวลนึกว่าใครไม่เห็น แต่ตอนเย็นพ่ออุ้ยก็ใช้ให้พี่เพ็ญก็ถือช่ออ้อยควั่นมาส่งพร้อมกับเล่าที่มาของอ้อยช่อนี้ จำไม่ได้ว่าโดนทำโทษอะไรบ้าง แต่รู้สึกว่ามื้อเย็นนั้นแม่จะแกล้งลืมทำชิ้นปิ้งปลาปิ้งซึ่งเป็นอาหารจืดเป็น “ของกิ๋นอ้าย”  ปากที่ได้แผลจากการแปลงร่างเป็นหนูจึงยิ่งแสบถึงใจเมื่อต้องกินน้ำแกงเผ็ดๆ

นี่เป็นความมือไวด้วยความไร้เดียงสาของเด็กชายบ้านป่า
แต่ก็คิดว่าส่งผลมาถึงกิจปฏิบัติที่เขาต้องพบเจอทุกวันนี้
เขาต้องควักกระเป๋าตัวเองไปครั้งแล้วคราวเล่า (อย่างเต็มใจ) ในการซื้อเมล็ดพันธุ์พืชต่างๆแจกคนเขาไปทั่ว ไม่ได้ตั้งใจว่าต้องให้ แต่มันมีเหตุที่จะต้องให้ บางทีไม่ให้ก็เหมือนกับให้เพราะซื้อมาทดลองปลูกเพื่อที่จะนำความรู้ไปถ่ายทอด นี่ยังไม่นับการให้อย่างอื่นนอกเหนือจากพันธุ์พืช เช่นอุปกรณ์ทำไร่ทำสวนต่างๆ ถังพ่นสารไล่แมลง เป็นต้น เมื่อปีกลายทีมงานของเขาพลาดในเรื่องการสั่งซื้อลูกปลาดุกมาให้ชาวบ้านกลุ่มใหญ่เลี้ยง ปี๊บก็ตีไปแล้วตอนมอบทำพิธีใหญ่โต ดังนั้นปลาจะตายไม่ได้ ว่าแล้วเขาก็แอบใช้เงินส่วนตัวจำนวนมากโข ออกไปเลือกซื้อลูกปลามาใส่บ่อให้ชาวบ้านแทนที่ตายไป โดยไม่กล้าบอกใคร เกรงลูกน้องจะถูกตำหนิ ผ่านมานี่เขาก็จัดการให้มีกล้าหวายหลายหมื่นต้นเพื่อแจกจ่ายให้คนไปปลูกกันทั้งแขวง ปีก่อนก็ลงทุนให้ลูกน้องปลูกทุ่งทานตะวันผืนใหญ่ ซื้อลูกหมูมาให้ชาวบ้านพิสูจน์การเลี้ยงในหลุม ไม่มีงบประมาณ ก็ช่างประไร เขาถือว่าคงรวมอยู่ในค่าจ้างแพงๆที่เขาได้รับแล้วกระมัง
อีกอย่างหนึ่งก็คือ แค่เขาคิดถึงเรื่องราวของไอ้หน้อยมือไวเมื่อสี่สิบปีก่อน กับสิ่งที่ต้องทำในวันนี้
ก็ไม่ต้องไปเสียดายอะไรอีก

« « Prev : พินัยกรรมฉบับวิตกจริต

Next : เมื่อหงสาชำระเมืองแบบหักดิบ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.17833995819092 sec
Sidebar: 0.084849119186401 sec