อธิการปาแอ่ว ม.พะเยา

16187 ความคิดเห็น โดย ถัง เมื่อ 30 ตุลาคม 2010 เวลา 1:49 ในหมวดหมู่ ทั่วไป #
อ่าน: 158160

วันที่ 27 ตุลาคม 53  ตั้งแต่เช้า ”อธิการ ปาแอ่ว ม.พะเยา” นะเจ๊า

กำชับไว้ล่วงหน้าเสร็จสับว่า  นุ่งกางเกง-ใส่รองเท้าผ้าใบด้วยนะท่าน สว. ทั้งหลาย

 บรรยากาศยามเช้ามองจากหน้าห้องพักเรือนเอื้องคำเป็นวิวที่ตรงกับจุดตั้งต้นของทัวร์วันนี้พอดีเลยค่ะ นั่นก็คือ ศาลสมเด็จฯ

แต่จุดรวมพล คือ โถงตึกอธิการบดีค่ะ

  ต้องไปกราบสมเด็จฯ กันก่อน  เพื่อเป็นสิริมงคล

ไกด์กิตติมศักดิ์…..ท่านรองฯสำราญ นั่นเอง 

คณะศิลปศาสตร์กับ Motto สไตล์ทำนุบำรุงศาสนาดีจริงๆ….”ร่วมกันทำบุญด้วยการแต่งกายถูกระเบียบ”

คณะวิทยาการจัดการและสารสนเทศ เก๋ไก๋ สะดุดตาด้วยบอร์ดแบบเรียกร้องความสนใจได้ชะงัดดีนัก

ห้องศาลจำลองของคณะนิติศาสตร์….แขกเข้าชมต่างแย่งกันไปประจำตำแหน่งให้ปากคำของจำเลย  : )  : )

ผนังห้องของคณะสถาปัตฯ แบบ ‘ติส แบบ artist แต้ๆ เจ๊าาา

นวัตกรรม เขียงพับได้ ของ ถาปัตฯ พะเยา สงวนสิทธิ์นะ…ห้ามลอกเลียนแบบ

สถานีรถเมล์ม่วงจ่ะ….ขึ้น ล่อง ภายในหุบเขาแห่ง UP เท่านั้น  ฟรีตลอดสาย

ศูนย์การแพทย์ของคณะแพทย์  สว. แวะ พักสูดยาดมเท่านั้น….ยังไม่ต้องหาม

UP Dorm ที่เตรียมเนรมิตรเพิ่มอีกหลายหลัง รองรับการตลาดที่พุ่งพรวดๆ ของท่านอธิการ

เห็นคอนโดเรียงกันเป็นตับเนี่ย  ยังมีอีกนะ….สำหรับนิสิตเท่านั้น

งามแต้ๆ เจ๊า…อาคารเวียงพะเยา  อยู่ตรงข้าม Dorm สำหรับประชุมเชียร์  รับน้อง  ไหว้ครู ฯลฯ

นี่แหละภายในของอาคาร “ศูนย์ไต”….ไม่ใช่ห้องผ่าตัดเปลี่ยนไตนะเจ๊า….เขาเตรียมเป็นสถานที่รับปริญญา หรือการประชุมแบบอลังการ เช่น งานเปิดตัว UP  วันที่ 17 ธ.ค. ที่จะถึงนี้นะเจ๊าา

ห้องสมุดกลาง โอ่โถง น่านั่งอ่าหนังสือทั้งวัน  มีตั้ง 3 ชั้น ให้จุหนังสือ  ตำรา ได้อีกเพี๊ยบ

อีกซีกหนึ่งของห้องสมุด สำหรับการศึกษาค้นคว้าในยุคดิจิตอลลล

มองมุมสูงของอาคารเรียนรวมจ่ะ ใหญ่โตดีเน๊อะ 

แต่ละอาคารของอาคารเรียนรวม เชื่อมติดกันหมด คงต้องทำป้ายชี้ทางดีๆ กลัวหลงแฮะ

ยังมีที่ประทับของพระเทพฯ ด้วยนะเจ๊า (ยังไม่เรียกว่าพระตำหนัก) ตั้งอยู่บนเขาแวดล้อมด้วยสวนดอกไม้ เวลาท่านเสด็จมาพระราชทานปริญญาบัตร จะได้ทรงพักผ่อนไปในตัว ในภาพเป็นห้องบรรทมเจ๊า  

และนี่ก็เป็นโถงที่ประทับที่มีเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นไม้ ดูยังไม่ทั่วเลย หัวหน้าทัวร์ เร่งให้ไปทานข้าวกลางวันกันได้แล้ว…..

ที่จริง….ยังพาเที่ยวไม่ทั่วเลยนะคะ….เพราะเวลามีจำกัด….ช่วงบ่ายยังมีประชุมอีก 3 นัด รัวเป็นชุด  บ๊าย   บาย


ทำงานวันแรกที่ UP

8706 ความคิดเห็น โดย ถัง เมื่อ 4 ตุลาคม 2010 เวลา 22:45 ในหมวดหมู่ การบริหาร #
อ่าน: 33817

ไม่นึกไม่ฝันว่า ชีวิตนี้จะต้องเปลี่ยนงานเป็นครั้งที่ 3

ครั้งแรก ความที่อยากเป็นครูบาอาจารย์เหมือน พ่อ แม่ หลังจากทำงานเป็นนักรังสีเทคนิคที่คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช ได้ 1 ปีเต็ม ก็ขอกราบลาไปเป็นอาจารย์ที่ ภาควิชารังสีเทคนิค  คณะเทคนิคการแพทย์ ม. มหิดล จำได้ว่าตอนนั้นมีเจตนารมณ์แน่วแน่  และโชคดีที่ไม่มีใครแย่งไม่มีใครอยากเป็นอาจารย์กันเลยตอนนั้น

ครั้งที่สอง  หลังจากทำงานสอนจริงๆ มานาน 19 ปีเต็ม และเพิ่งขอตำแหน่งรองศาสตราจารย์ได้หมาดๆ  ก็จำใจจำจาก ม.มหิดล แดนเกิด มาสมัครเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยอยู่คณะสหเวชศาสตร์ ม.นเรศวร พิษณุโลก ด้วยอารมณ์ที่อยากลอง อยากดวลสักตั้ง  ประสาคนกรุงที่ไม่เคยลิ้มลองชีวิต ตจว. เลย ตั้งแต่เกิด

ครั้งที่สาม คือครั้งนี้  หลังจากรับใช้ ม.น. มาครบ 10 ปี พอดิบพอดี ก็เกิดอกหักเพราะรักคุด ผลุนผลันตีจาก ม.น. มาซบอก ม.พะเยา เฉยเลยเรา….ชีวิตมาหวือหวาเอาตอนแก่นี่เอง

ดีที่ ม.พ. หรือ ตัวย่อภาษาอังกฤษคือ UP (มาจาก University of Phayao) มีคณะสหเวชศาสตร์ให้ร่อนลงจอดได้  ดิฉันจึงไม่ต้องแจวไปไหน  แถมมีพรรคพวกคอเดียวกันมาอยู่ด้วยกันเป็นตับ 

ไม่นับหัวแถวคือท่านอธิการมณฑล (ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. มณฑล  สงวนเสริมศรี) แล้วละก็ ดิฉันไล่เรียงให้ได้ ดังนี้  ดร.สำราญ  ทองแพง  /  รศ.ดร.สุภกร พงศบางโพธิ์ (รศ.ดร.สุภัค  พ่วงบางโพธิ์)  / ผศ.ดร.วิบูลย์  วัฒนาธร  / ผศ.สุระพล  ภานุไพศาล  /  ผศ.ชาลี  ทองเรือง  /  รศ.พูนพงษ์  งามเกษม  /  รศ. ปรียานันท์  แสนโภชน์  / รศ.ดร.นุวัตร  วิศวรุ่งโรจน์  และ  รศ. ดร. วัฒนพงศ์  รักษ์วิเชียร  ……และไม่แน่….  ไม่แน่… อีกต่อๆ ไป 

ม.พ. ประกาศเอกราชเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2553

ท่านอธิการ ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2553 (รู้จริงๆ เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 53)

สีประจำมหาวิทยาลัย คือ สีม่วง-ทอง  สีม่วง สื่อความหมายถึงวันประสูติของพระเทพฯ และสีทองสื่อถึงความรุ่งเรืองของมหาวิทยาลัย

ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย คือฟ้ามุ่ย  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Vanda coerulea Griff. ex Lindle. อยู่ในวงศ์กล้วยไม้ คือ Orchidaceae เป็นกล้วยไม้ประเภทแวนด้า  ออกดอกระหว่างเดือนกรกฎาคม - ธันวาคม  ความงดงามโดดเด่นของฟ้ามุ่ย ทำให้ถูกยกย่องว่าเป็นกล้วยไม้ป่าที่สวยงามที่สุดชนิดหนึ่งของโลก มีผู้รู้บางท่านอธิบายว่า ชื่อฟ้ามุ่ยมีความหมายว่า ฟ้าหม่นหมอง เนื่องจากความงามจากกลีบดอกสีฟ้าของฟ้ามุ่ย ทำให้สีของท้องฟ้าแลดูหม่นหมองไปเลยนั่นเอง

  

ม.พ.  ประเดิมวางตำแหน่งของตนเองอยู่ในกลุ่มมหาวิทยาลัย ค2  คือเป็นสถาบันเฉพาะทางที่เน้นการผลิตบัณฑิตระดับปริญญาตรี ท่านอธิการย้ำว่าให้เน้น community base ให่ลงพื้นที่ให้มากที่สุด  เปิดโอกาสให้นักเรียนในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 7 จังหวัด คือ พะเยา เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน  ลำปาง  น่าน และแพร่ ได้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาให้ได้มากที่สุด  อยากให้รับเข้าได้ถึงปีละ 5 พันคน  (งานคงหนักมากๆ ทีเดียวเจียว)

ในระยะแรก หน้าที่หลักของคณบดี คือให้ดูแลคุณภาพของนิสิต  ผู้สอน และหลักสูตร เป็นสำคัญ  (ขอบอกไว้ก่อนว่า…ด้วยงบประมาณที่จำกัด) ต้องทำหลักสูตรให้ได้มาตรฐาน TQF ภายใน พ.ย. 54  เพื่อใช้ให้ทัน 55

แต่ที่พนักงานมหาวิทยาลัยของ ม. น่าจะยินดีปรีดา คือเรื่องสวัสดิการรักษาพยาบาล  ซึ่งนโยบายของท่านอธิการ คือจะให้ได้เหมือนข้าราชการทุกประการ

สำหรับการ servey คณะสหเวชฯ ม.พ. วันนี้  ทราบว่า  มีหลักสูตรอยู่ 2 หลักสูตร คือ เทคนิคการแพทย์และกายภาพบำบัด  ซึ่งเปิดรับนิสิตรุ่นแรกตั้งแต่ปีการศึกษา 2550  ดังนั้น ณ ขณะนี้ จะมีนิสิตครบทั้ง 4 ชั้นปี 

หลักสูตรสาขาเทคนิคฯ ได้รับการรับรองจากสภาวิชาชีพแล้ว
ส่วนหลักสูตรกายภาพบำบัด กำลังจะรับการตรวจเยี่ยมสถาบันโดยผู้ประเมินจากสภาวิชาชีพ ราวเดือน พ.ย. - ธ.ค. ปีนี้

อาจารย์สาขาเทคนิคการแพทย์  มีอยู่ 18 คน  ลาศึกษาต่อ 2 คน  เป็น ป.เอก 3 คน  สาขาที่ขาดแคลนคือจุลชีวะ
อาจารย์สาขากายภาพบำบัด มี 9 คน  เป็น ป. โท ทั้งหมด  และยังไม่มีผู้ใดลาศึกษาต่อ เพราะจำนวนอาจารย์ไม่พอสอน

นิสิต MT ปี 4 + 3 + 2 + 1 = 80+155+160+60 = 455 คน
นิสิต PT  ปี 4 + 3 + 2 + 1 = 69+127+156+60 = 412 คน
รวม = 867 คน  มากกว่าที่ มน.

วันนี้น้องๆ พาเยี่ยมชมอาคารใหม่ 

   

โอ….ห้องเยอะแยะเลย  รอครุภัณฑ์มาเติมอีกนิ๊ด  ก็ perfect

แต่ที่แน่ๆ เพียงปร๊าดเดียวก็สรุปได้ว่า คุณภาพของคณาจารย์รุ่นใหม่ทุกคนที่นี่ ช่าง perfect เสียจริงๆ โล่งอกไปที………



Main: 0.15810108184814 sec
Sidebar: 2.9571259021759 sec