ทำงานวันแรกที่ UP

8706 ความคิดเห็น โดย ถัง เมื่อ 4 ตุลาคม 2010 เวลา 22:45 ในหมวดหมู่ การบริหาร #
อ่าน: 33817

ไม่นึกไม่ฝันว่า ชีวิตนี้จะต้องเปลี่ยนงานเป็นครั้งที่ 3

ครั้งแรก ความที่อยากเป็นครูบาอาจารย์เหมือน พ่อ แม่ หลังจากทำงานเป็นนักรังสีเทคนิคที่คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช ได้ 1 ปีเต็ม ก็ขอกราบลาไปเป็นอาจารย์ที่ ภาควิชารังสีเทคนิค  คณะเทคนิคการแพทย์ ม. มหิดล จำได้ว่าตอนนั้นมีเจตนารมณ์แน่วแน่  และโชคดีที่ไม่มีใครแย่งไม่มีใครอยากเป็นอาจารย์กันเลยตอนนั้น

ครั้งที่สอง  หลังจากทำงานสอนจริงๆ มานาน 19 ปีเต็ม และเพิ่งขอตำแหน่งรองศาสตราจารย์ได้หมาดๆ  ก็จำใจจำจาก ม.มหิดล แดนเกิด มาสมัครเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยอยู่คณะสหเวชศาสตร์ ม.นเรศวร พิษณุโลก ด้วยอารมณ์ที่อยากลอง อยากดวลสักตั้ง  ประสาคนกรุงที่ไม่เคยลิ้มลองชีวิต ตจว. เลย ตั้งแต่เกิด

ครั้งที่สาม คือครั้งนี้  หลังจากรับใช้ ม.น. มาครบ 10 ปี พอดิบพอดี ก็เกิดอกหักเพราะรักคุด ผลุนผลันตีจาก ม.น. มาซบอก ม.พะเยา เฉยเลยเรา….ชีวิตมาหวือหวาเอาตอนแก่นี่เอง

ดีที่ ม.พ. หรือ ตัวย่อภาษาอังกฤษคือ UP (มาจาก University of Phayao) มีคณะสหเวชศาสตร์ให้ร่อนลงจอดได้  ดิฉันจึงไม่ต้องแจวไปไหน  แถมมีพรรคพวกคอเดียวกันมาอยู่ด้วยกันเป็นตับ 

ไม่นับหัวแถวคือท่านอธิการมณฑล (ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. มณฑล  สงวนเสริมศรี) แล้วละก็ ดิฉันไล่เรียงให้ได้ ดังนี้  ดร.สำราญ  ทองแพง  /  รศ.ดร.สุภกร พงศบางโพธิ์ (รศ.ดร.สุภัค  พ่วงบางโพธิ์)  / ผศ.ดร.วิบูลย์  วัฒนาธร  / ผศ.สุระพล  ภานุไพศาล  /  ผศ.ชาลี  ทองเรือง  /  รศ.พูนพงษ์  งามเกษม  /  รศ. ปรียานันท์  แสนโภชน์  / รศ.ดร.นุวัตร  วิศวรุ่งโรจน์  และ  รศ. ดร. วัฒนพงศ์  รักษ์วิเชียร  ……และไม่แน่….  ไม่แน่… อีกต่อๆ ไป 

ม.พ. ประกาศเอกราชเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2553

ท่านอธิการ ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2553 (รู้จริงๆ เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 53)

สีประจำมหาวิทยาลัย คือ สีม่วง-ทอง  สีม่วง สื่อความหมายถึงวันประสูติของพระเทพฯ และสีทองสื่อถึงความรุ่งเรืองของมหาวิทยาลัย

ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย คือฟ้ามุ่ย  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Vanda coerulea Griff. ex Lindle. อยู่ในวงศ์กล้วยไม้ คือ Orchidaceae เป็นกล้วยไม้ประเภทแวนด้า  ออกดอกระหว่างเดือนกรกฎาคม - ธันวาคม  ความงดงามโดดเด่นของฟ้ามุ่ย ทำให้ถูกยกย่องว่าเป็นกล้วยไม้ป่าที่สวยงามที่สุดชนิดหนึ่งของโลก มีผู้รู้บางท่านอธิบายว่า ชื่อฟ้ามุ่ยมีความหมายว่า ฟ้าหม่นหมอง เนื่องจากความงามจากกลีบดอกสีฟ้าของฟ้ามุ่ย ทำให้สีของท้องฟ้าแลดูหม่นหมองไปเลยนั่นเอง

  

ม.พ.  ประเดิมวางตำแหน่งของตนเองอยู่ในกลุ่มมหาวิทยาลัย ค2  คือเป็นสถาบันเฉพาะทางที่เน้นการผลิตบัณฑิตระดับปริญญาตรี ท่านอธิการย้ำว่าให้เน้น community base ให่ลงพื้นที่ให้มากที่สุด  เปิดโอกาสให้นักเรียนในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 7 จังหวัด คือ พะเยา เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน  ลำปาง  น่าน และแพร่ ได้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาให้ได้มากที่สุด  อยากให้รับเข้าได้ถึงปีละ 5 พันคน  (งานคงหนักมากๆ ทีเดียวเจียว)

ในระยะแรก หน้าที่หลักของคณบดี คือให้ดูแลคุณภาพของนิสิต  ผู้สอน และหลักสูตร เป็นสำคัญ  (ขอบอกไว้ก่อนว่า…ด้วยงบประมาณที่จำกัด) ต้องทำหลักสูตรให้ได้มาตรฐาน TQF ภายใน พ.ย. 54  เพื่อใช้ให้ทัน 55

แต่ที่พนักงานมหาวิทยาลัยของ ม. น่าจะยินดีปรีดา คือเรื่องสวัสดิการรักษาพยาบาล  ซึ่งนโยบายของท่านอธิการ คือจะให้ได้เหมือนข้าราชการทุกประการ

สำหรับการ servey คณะสหเวชฯ ม.พ. วันนี้  ทราบว่า  มีหลักสูตรอยู่ 2 หลักสูตร คือ เทคนิคการแพทย์และกายภาพบำบัด  ซึ่งเปิดรับนิสิตรุ่นแรกตั้งแต่ปีการศึกษา 2550  ดังนั้น ณ ขณะนี้ จะมีนิสิตครบทั้ง 4 ชั้นปี 

หลักสูตรสาขาเทคนิคฯ ได้รับการรับรองจากสภาวิชาชีพแล้ว
ส่วนหลักสูตรกายภาพบำบัด กำลังจะรับการตรวจเยี่ยมสถาบันโดยผู้ประเมินจากสภาวิชาชีพ ราวเดือน พ.ย. - ธ.ค. ปีนี้

อาจารย์สาขาเทคนิคการแพทย์  มีอยู่ 18 คน  ลาศึกษาต่อ 2 คน  เป็น ป.เอก 3 คน  สาขาที่ขาดแคลนคือจุลชีวะ
อาจารย์สาขากายภาพบำบัด มี 9 คน  เป็น ป. โท ทั้งหมด  และยังไม่มีผู้ใดลาศึกษาต่อ เพราะจำนวนอาจารย์ไม่พอสอน

นิสิต MT ปี 4 + 3 + 2 + 1 = 80+155+160+60 = 455 คน
นิสิต PT  ปี 4 + 3 + 2 + 1 = 69+127+156+60 = 412 คน
รวม = 867 คน  มากกว่าที่ มน.

วันนี้น้องๆ พาเยี่ยมชมอาคารใหม่ 

   

โอ….ห้องเยอะแยะเลย  รอครุภัณฑ์มาเติมอีกนิ๊ด  ก็ perfect

แต่ที่แน่ๆ เพียงปร๊าดเดียวก็สรุปได้ว่า คุณภาพของคณาจารย์รุ่นใหม่ทุกคนที่นี่ ช่าง perfect เสียจริงๆ โล่งอกไปที………



Main: 0.028589010238647 sec
Sidebar: 0.97996091842651 sec